เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 82
ตอนที่ 82 เงื่อนไขคำสาบาน
เป่ยเจี้ยนเกอพลันชะงักไป เงยหน้ามองเยี่ยเม่ยทีหนึ่ง
เขาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ “เรื่องในเมืองหลายวันนี้ ข้าได้ฟังมาบ้าง แต่คิดไม่ถึง…”
พูดถึงตรงนี้เขาก็ไม่เอ่ยต่อไปอีก
ส่วนคนที่สมควรเข้าใจคำพูดของเขา ในเวลานี้ก็เข้าใจแล้ว อวี้เหว่ยยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าว่างเปล่ารับคำต่อว่า “ข้าเองก็คิดไม่ถึง”
ถูกแล้ว พวกเขาต่างก็คิดไม่ถึง องค์ชายสี่ไม่ได้คิดเล่นกับเยี่ยเม่ยอย่างที่พวกเขาคิดในคราแรก หรือแม้กระทั่งทรมานอีกฝ่าย ยามนี้ดูไปแล้วองค์ชายสี่จริงจังมาก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว กลับหัวเราะออกช้าๆ แต่ไม่ตอบ
เยี่ยเม่ยย่อมไม่เข้าใจว่าคนกลุ่มนี้กำลังเล่นทายปริศนาอะไรอยู่ เห็นเป่ยเจี้ยนเกอเอ่ยวาจา สายตาคาดถามมองมาที่นาง เห็นได้ชัดกว่ากำลังรอคำตอบของนางว่าจะปล่อยเป่ยเฉินเสียงหรือไม่
เยี่ยเม่ยเบือนหน้ามองเป่ยเฉินเสียง เอ่ยเสียงเย็น “ปล่อยเขาก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ ข้าเพิ่งบอกไปแล้ว ขอเพียงเขาสาบาน เอ่ยคำสาบานตามที่ข้าบอก เจ้าก็พาเขาไปได้”
เป่ยเจี้ยนเกอย่อมไม่รู้ชัดว่า เมื่อครู่เยี่ยเม่ยเอ่ยอะไรกับเป่ยเฉินเสียง เพราะเขาเพิ่งจะมาถึง
ทว่าในยามนี้ เขากลับมองเป่ยเฉินเสียงอย่างแน่วแน่ เอ่ยปากว่า “องค์ชายใหญ่ เพื่อสถานการณ์ใหญ่ ไม่ว่าแม่นางผู้นี้ให้ท่านสาบานอะไร ข้าน้อยแนะนำให้ท่านรับปากเถอะ”
“ข้า…” เป่ยเฉินเสียงสีหน้าเจ็ดปวด หยัดกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลขึ้น มองเป่ยเจี้ยนเกอ
เขากัดฟันเอ่ยว่า “เจ้าไม่ได้ยินว่านางให้ข้าสาบานว่าอะไร”
คราวนี้ เป่ยเจี้ยนเกอหันหน้ามองเยี่ยเม่ย ใช้สายตารุกถาม
เยี่ยเม่ยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ มองเป่ยเฉินเสียง เอ่ยว่า “หากท่านเตรียมตัวตายแล้ว ท่านไม่พูดก็ไม่เป็นไร”
นางเอ่ยออกไป เป็นการข่มขู่อีกฝ่าย
เป่ยเฉินเสียงเกิดความเดือดดาล มองเยี่ยเม่ย กัดฟันเอ่ยว่า “ข้าไม่เชื่อว่าเจ้ากล้าฆ่าข้าจริงๆ”
อย่างไรเขาก็เป็นองค์ชายใหญ่ที่เกิดจากฮองเฮาของราชวงศ์เป่ยเฉิน หากสตรีนางนี้สังหารเขา นางต้องตายโดยมิต้องสงสัย
เยี่ยเม่ยถอนใจ มองเป่ยเฉินเสียงที่ระเบิดอารมณ์ออกมา ถามว่า “ท่านคิดให้ดีก่อนค่อยพูดจะดีกว่า จะรักษาชีวิตของตัวเอง หรือว่าลองดีกับข้า?”
“ข้า…” เป่ยเฉินเสียงมองสายตาเยี่ยเม่ย ลังเลไปชั่วขณะ
ครั้นคิดถึงหลายวันที่ผ่านมา สตรีนางนี้ไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน การกระทำไม่ไว้หน้าเขาของนางแต่ละอย่าง ในใจเขาสูญเสียความความมั่นใจในตัวเองไปแล้ว
ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยกมุมปาก เอ่ยขึ้นเนิบๆ “เสด็จพี่ใหญ่วางใจได้ หากแม่นางเยี่ยเม่ยดึงดันจะสังหารท่าน เสด็จพ่อเอาผิดลงมา เรื่องทั้งหมด เยี่ยนจะแบกรับไว้เอง”
ยามเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยออกคำพูด ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายเจือด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ท่าทางสบายๆ ในยามนี้ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่กลัวผลลัพธ์ของเรื่องนี้สักน้อย
เป่ยเจี้ยนเกอย่อมรู้จักนิสัยเป่ยเฉินเสียเยี่ยนดี เขามองเป่ยเฉินเสียงทันที เกลี้ยกล่อมอีกครั้ง “องค์ชายใหญ่ หากท่านยังไม่ยอมก้มหน้า ผิดต่อน้ำใจของจวินซ่าง อย่างนั้นข้าน้อยได้แต่กลับไปรายที่เมืองหลวงแล้ว”
ในขณะที่เอ่ย หลูเซียงฮั่วก็ทำเรื่องที่เยี่ยเม่ยสั่งการไว้ก่อนหน้าเสร็จสิ้น พาคนกลุ่มหนึ่งปรากฎตัวขึ้น
หลังจาก หลูเซียงฮั่วเห็นบรรยากาศในที่นี้ ก็ไม่กล้าส่งเสียงไปชั่วขณะ
เป่ยเฉินเสียงเต็มไปด้วยโทสะ หันมองเยี่ยเม่ยสายตาคล้ายสังหารคนได้ สาบานก็สาบาน “เจ้าอย่าเสียใจก็แล้วกัน”
เยี่ยเม่ยหน้านิ่ง ตอบเย็นชาว่า “ข้าย่อมไม่มีทางเสียใจ สาบานเถอะ ขอเพียงท่านยอมสาบานต่อฟ้าว่า หากท่านยังหาเรื่องข้าอีก ท่านจะไม่แข็งไปหมื่นปี ตกบ่อกินอาจม นอนกับบุรุษจนร้องไห้ เท่านี้ท่านก็ไปได้แล้ว”
ตอนที่ 83 ซาบซึ้งอยู่ในใจก็พอ ไม่ต้องโขกหัวขอบคุณ
“เจ้า…”
คราวนี้ ไม่ต้องพูดถึงเป่ยเฉินเสียงที่มองเยี่ยเม่ยอย่าไม่เชื่อสายตา บุรุษทั้งหลายในที่แห่งนี้ต่างก็มองเยี่ยเม่ยด้วยสายตาแปลกประหลาด
นี่…
ต้องโหดเ**้ยมถึงขั้นนี้เชียวหรือ
ไม่แข็งพันปี สำหรับบุรุษแล้วก็นับเป็นการทดสอบอันยิ่งใหญ่เกินจะเปรียบ ยังมีตกบ่อกินอาจมส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือนอนกับผู้ชายจนร้องไห้ องค์ชายใหญ่คือบุรุษนะ
นี่นางกำลังให้องค์ชายใหญ่สาบานให้ตัวเองกลายเป็นชายบำเรออย่างนั้นหรือ
ที่สำคัญคือ เงื่อนไขคำสาบานเช่นนี้ เป็นคำที่สตรีนางหนึ่งเสนอออกมาในยามปกติหรืออย่างไร? เอ๋?
สตรีนางหนึ่ง ทันทีที่เอ่ยปากก็พูดว่า ท่านนอนกับบุรุษจนร้องไห้…
แม้กระทั่งเป่ยเฉินเสียเยี่ยนหรือจิ่วหุน ในยามนี้หางตาของพวกเขายังกระตุก เป่ยเจี้ยนเกอกับอวี้เหว่ยต่างรู้สึกว่าแม่นางผู้นี้ เอิ่ม…ออกจะกล้าหาญเกินไป
เป่ยเฉินเสียงสะกดโทสะจ้องเยี่ยเม่ย เพราะกลั้นความโมโหเอาไว้ ทำให้ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ
เขาสูดลมหายใจลึก เอ่ยปาก “ไม่แข็งพันปีก็ได้ ตกบ่อกินอาจมก็ไม่มีปัญหา แต่นอนกับผู้ชายจนร้องไห้ ตัวข้า…”
เขายังไม่ทันเอ่ยจบ เยี่ยเม่ยเข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อแล้ว นางสีหน้าเย็นเฉียบ ตัดบทเขา “ข้อเสนอของข้า ไม่ใช่ให้ท่านต่อรอง”
สีหน้าเป่ยเฉินเสียงยิ่งไม่น่ามองขึ้นไปใหญ่
ส่วนเยี่ยเม่ยเห็นสีหน้าของเขา ยังเอ่ยต่อไป “ตอนนี้ท่านก็แค่สาบานเท่านั้น ขอเพียงภายหน้าท่านไม่หาเรื่องข้า เนื้อหาในคำสาบานก็ไม่มีทางเกิดขึ้น ดังนั้นท่านจะปฏิเสธไปทำไม หรือว่า…วันนี้ปล่อยท่านไปแล้ว ภายหน้าท่านยังคิดเป็นศัตรูกับข้า?”
เยี่ยเม่ยเอ่ยคำพูดนี้ น้ำเสียงของนางค่อยๆ เย็นเยียบลง
ใบหน้าเย็นชาพลันปรากฎไอสังหาร
เป่ยเจี้ยนเกอรีบมองเป่ยเฉินเสียง เอ่ยปาก “องค์ชายใหญ่ ท่านเป็นถึงองค์ชาย ข้าน้อยคิดว่า ภายหน้าท่านไม่มีความจำเป็นต้องเป็นศัตรูกับสตรีนางหนึ่ง ”
สายตาเยี่ยเม่ยปรายมองเป่ยเจี้ยนเกอ เตือนว่า “ระวังการใช้คำพูดของเจ้าไว้”
การใช้คำพูด?
เป่ยเจี้ยนเกอนิ่งไปชั่วครู่ การใช้คำพูดของเขามีปัญหาอย่างนั้นหรือ
เวลานี้อวี้เหว่ยส่งสายตาบุ้ยใบ้ให้เป่ยเจี้ยนเกอ ทำปากเป็นคำว่า “ประจบ” สองคำบอกเขา
เป่ยเจี้ยนเกอพลันเข้าใจได้ เหงื่อเย็นเยียบผุดพรายเพราะอับจนคำพูด กระตุกมุมปาก ฝืนเอ่ยปากว่า “องค์ชายใหญ่ แม่นางที่งดงามโดดเด่นท่านนี้ ภายหน้าท่านยึดถือนางเป็นศัตรูเป็นการกระทำที่เบาปัญญานัก ดังนั้นข้าน้อยคิดว่าการสาบานไม่ใช่ไม่เหมาะสม”
เป่ยเจี้ยนเกอเกิดความฉงนขึ้นใจ
เขาเดินทางมาครั้งนี้ นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาทำงานมา เพื่อทำภารกิจสำเร็จยังต้องประจบคน เขาหวังว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่เจอเหตุการณ์เช่นนี้อีก
เยี่ยเม่ยพยักหน้าอย่างพอใจ ส่งสายตาเย็นชาไปหา เป่ยเจี้ยนเกอ สั่งสอนว่า “เจ้าไม่เข้าใจความโดดเด่นของข้า ใช้คำผิดก็ไม่แปลก วันนี้ข้าให้เจ้าเปลี่ยนการใช้คำพูด ก็เพื่อช่วยยกระดับสติปัญญาของเจ้า เจ้าซาบซึ้งอยู่ภายในก็พอ ไม่จำเป็นต้องโขกหัวขอบคุณแล้ว”
เป่ยเจี้ยนเกอ “…?”
เขาเป็นคนสนิทอันดับหนึ่งของจวินซ่าง ยามปกติท่านอ๋ององค์ชายได้พบเขายังเกรงใจ ยกเว้นแต่องค์ชายสี่เท่านั้น มาวันนี้กลับต้องประจบประแจง ซ้ำยังถูกสตรีนางหนึ่งช่วยยกระดับสติปัญญาด้วย?
จริงสิ นางพูดว่าอะไรนะ
ซาบซึ้งอยู่ภายใน ไม่ต้องโขกหัวขอบคุณ?
อวี้เหว่ยแอบหันหน้ามองแสงอาทิต์ร้อนแรง พลันรู้สึกว่าเยี่ยเม่ยก็เหมือนกับแสงอาทิตย์ แสบตาเกินไป ทำให้ดวงตาคนบอดลงได้
ถึงเป่ยเจี้ยนเกออับจนคำพูด เพราะเห็นแก่ภาพรวม สุดท้ายก็ไม่ส่งเสียงค้าน
เป่ยเฉินเสียงเห็นเป่ยเจี้ยนเกอถูกทำให้ชะงักไป เวลานี้ก็รู้ว่าอีกฝ่ายทำอย่างสุดกำลังแล้ว เพราะเยี่ยเม่ยหาได้ไว้หน้าเสิ่นเช่อเทียนไม่
เขาหน้าคล้ำเขียว ร่างกายถูกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทำร้ายจนบาดเจ็บ ยามนี้ยิ่งทวีความเจ็บปวดมากขึ้น เขารู้ว่าหากอาการบาดเจ็บของตนยังฝืนทนต่อไป ผลลัพธ์สุดท้ายจะยิ่งร้ายแรง
สุดท้าย เขาลังเลสักครู่ จ้องเยี่ยเม่ย กัดฟันเอ่ยว่า “ได้ ข้าจะสาบาน”
“อืม” เยี่ยเม่ยพยักหน้า มองเขาอย่างเย็นชา
พวกหลูเซียงฮั่วในที่นี้ล้วนก้มหน้า สายตาไม่กล้ามองเป่ยเฉินเสียง องค์ชายใหญ่เป็นบุรุษผู้หนึ่ง เป็นถึงองค์ชายแห่งราชวงศ์ หากวันนี้สาบานตามความหมายของแม่นางเยี่ยเม่ย…
อะไรก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว เรื่องนี้จะกลายเป็นจุดด่างพร้อยขององค์ชายใหญ่ พวกเขาเห็นใจอย่างแท้จริง ทั้งตื่นเต้นด้วย
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเป่ยเฉินเสียง รอคำพูดต่อไปของอีกฝ่าย
เป่ยเฉินเสียงจ้องมองเยี่ยเม่ยอย่างดุร้าย ชูนิ้วสามนิ้วออก เอ่ยทีละคำว่า “ข้าเป่ยเฉินเสียงขอสาบาน ชั่วชีวิตนี้จะไม่เป็นศัตรูกับแม่นางเยี่ยเม่ย หากผิดสัญญา ขอให้ข้าไม่แข็งหมื่นปี ตกบ่อกินอาจม นอนกับบุรุษจนร้องไห้”
บุรุษจำนวนไม่น้อยก้มหน้าก้มตา บ่าสั่นไหว กลั้นหัวเราะ
มารดามันเถอะ อย่าโทษที่พวกเขาไม่ได้เรื่องเลย เพียงแต่เห็นองค์ชายใหญ่ชายชาตรี เอ่ยคำสาบานเหล่านี้ออกไปอย่างจริงจัง พวกเขาอยากหัวเราะเสียจริง
เยี่ยเม่ยพยักหน้าพอใจ ”ดูท่าท่านจะเข้าใจความหมายของข้าชัดเจนแล้ว”
เยี่ยเม่ยเอ่ยจบ กวาดตามองเป่ยเจี้ยนเกอ เอ่ยว่า “ข้าตัดสินใจปล่อยเขาอย่างใจกว้าง เจ้าพาเขาไปเถอะ”
คนทั้งหมด “…?”
ให้องค์ชายทั้งคนเอ่ยคำสาบานอย่างอำมหิตต่อหน้าคนทั้งหลาย นางยังรู้สึกว่าตัวเองใจกว้างอีก?
เวลานี้เป่ยเจี้ยนเกอไม่คิดพูดอะไรอีก เขาปาดเหงื่อบนหน้าผาก ลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก ค่อยๆ ก้าวไปพยุงเป่ยเฉินเสียงขึ้นมา จากนั้นไม่พูดก็พาอีกฝ่ายจากไปอย่างรวดเร็ว
สายตาของเป่ยเฉินเสียงแสดงคำสองคำออกมาอย่างชัดเจน ‘อดสู’
ดูจากสีหน้าเขา ในเวลานี้ต่อให้ต้องดื่มเลือดเยี่ยเม่ย เขาก็สามารถดื่มลงไปได้แล้ว
เป่ยเฉินเสียงถูกเป่ยเจี้ยนเกอพยุง เดินออกไป
พลันได้ยินกระแสเสียงของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เสด็จพี่ ได้ยินมาว่าคนที่ควบคุมสายตาตัวเองไม่ได้ ชมชอบถลึงตาใส่ผู้อื่นไปเรื่อย จะเสียลูกตาไปได้ง่ายๆ”
เป่ยเฉินเสียงหน้าเสีย หันกลับไปมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน “คำพูดนี้ของเจ้าหมายว่าอย่างไร เจ้ากำลังข่มขู่ข้าหรือ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหัวเราะช้าๆ เอ่ยสบายๆ ว่า “ท่านเป็นถึงเสด็จพี่ที่เยี่ยนรักที่สุด เยี่ยนจะกล้าข่มขู่ท่านได้อย่างไร เยี่ยนกำลังตักเตือนด้วยเจตนาดี เสด็จพี่ใหญ่ถลึงตาใส่แม่นางเยี่ยเม่ยต่อไปก็ได้ ไม่ช้าเสด็จพี่ใหญ่ก็จะเข้าใจว่า ที่เยี่ยนเตือนในยามนี้ มีความเมตตาเพียงไหน”
คำพูดนี้เป็นการเตือนท่านแล้ว อย่าถลึงตาอีก ข้ามีเมตตากับท่านมากแล้ว หากยังถลึงตาต่อไปอีกข้าจะควักลูกตาท่านออกมาซะ
เป่ยเฉินเสียงหน้าเขียวแล้วกลับมาซีดเผือด เขาพลันรู้สึกเสียใจที่ตัวเองวิ่งมาหาเรื่องให้ตนถูกลบหลู่ถึงที่นี่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนผู้เดียวก็เป็นปีศาจร้ายแล้ว เมื่อรวมกับเยี่ยเม่ยอีกคนหนึ่ง เหมือนสวรรค์กำลังกลั่นแกล้งเขา หรือสวรรค์เตรียมตัวจะกลั่นแกล้งคนทั่วใต้หล้า
เป่ยเฉินเสียงแค่นเสียงเย็น “หึ”
เขาไม่เอ่ยอะไร ทั้งไม่ถลึงตาอีก จากไปภายใต้การพยุงของเป่ยเจี้ยนเกอ
……
ส่วนในยามนี้ กระโจมของราชาต้ามั่ว
ราชาต้ามั่วนั่งตำแหน่งประธาน เซียวชินนั่งประจำตำแหน่งของตน สายตาจ้องที่ข้าวสารเผยความตื่นตระหนกทั้งไม่อยากเชื่อ