เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 84-85
ตอนที่ 84 ตกหลุมพราง
ตามหลักแล้ว ข้าวสารที่ได้มาโดยง่าย มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหามาก
หลังจากเขาลงมือตรวจสอบด้วยตัวเอง ก็ไม่พบพิษอยู่จริงๆ
ราชาต้ามั่วมองเซียวชินที่สีหน้าระแวงสงสัย เอ่ยปากอย่างลังเลว่า “ทำไมกัน ข้าวสารมีปัญหาหรือ”
“ไม่มี” เซียวชินตอบหน้านิ่ง
ราชาต้ามั่วเห็น เซียวชินสีหน้าหนักใจ ก็รู้สึกไม่เข้าใจ “ในเมื่อไม่มีปัญหา ไฉนจั่วอี้อ๋องถึงต้องหนักใจ”
เซียวชินเอ่ย “นั่นก็เพราะว่าไม่พบปัญหา กระหม่อมถึงยิ่งกังวลใจ”
ลู่หวานหว่านที่อยู่ด้านข้าง ใบหน้ายิ้มแย้มลำพอง เอ่ยขึ้นว่า “ข้าคิดว่า จั่วอี้อ๋องประเมินสตรีนางนั้นสูงเกินไป ลองคิดดู หากนางมีความสามารถจริงๆ ไฉนถึงสูญเสียเสบียงมากมายเท่านี้ แล้วยังจับข้ากลับไปไม่ได้”
“นั่นก็จริง ” จุดนี้กลับได้รับความเห็นด้วยจากเซียวชิน
เกรงว่าต่อให้เปลี่ยนเป็นเป่ยเฉินเสียง เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะชิงตัวลู่หวานหว่านจากมือฝ่ายตรงข้ามกลับมาได้ อีกทั้งยังไม่เกิดความสูญเสียเลยสักน้อย
ยามนี้ราชาต้ามั่วก็รับคำ “ตัวข้าก็คิดเช่นนี้ จั่วอี้อ๋องไม่จำเป็นต้องเห็นเป็นเรื่องใหญ่อีกแล้ว ในเมื่อไม่มีปัญหาใดๆ ก็วางใจเถอะ คนของราชสำนักเป่ยเฉิน บางทีอาจโจมตีกลับในไม่ช้า จั่วอี้อ๋องสมควรเตรียมรับศึกถึงจะถูก”
สิ้นเสียงราชาต้ามั่ว ไม่ช้าก็มีนายทหารผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา
หลังจากนายทหารเข้ามา คุกเข่ารายงาน “ท่านข่าน จั่วอี้อ๋อง พวกเราได้รับข่าวมาว่า สตรีที่เรียกว่าเยี่ยเม่ยผู้นั้น หลังจากพ่ายแพ้พวกเราแล้ว ถูกทหารเป่ยเฉินไล่สังหาร”
“เอ๋?” เซียวชินหันหน้ามองเขา
นายทหารผู้นั้นเสริมขึ้นอีกว่า “เรื่องนี้เป็นความจริงแน่นอน ระหว่างทางยังมีศพทหารหลายนาย ข่าวนี้มาจากคนที่ติดตามเยี่ยเม่ยก่อนหน้านี้ปล่อยออกมา เห็นว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ไม่สำเร็จ คนที่ไม่พอใจเยี่ยเม่ยอยู่แต่เดิมก็ยิ่งไม่พอใจใหญ่ เป่ยเฉินเสียงยิ่งอดรนทนไม่ไหว ส่งทหารไปไล่สังหารนาง”
นายทหารเอ่ยจบ สีหน้าลู่หวานหว่านฉายความยินดี เอ่ยปากว่า “อย่างนั้นนางตายหรือไม่”
“ไม่” นายทหารตอบ “คนเหล่านั้นคล้ายสู้นางไม่ได้ สุดท้ายก็ร่นถอยกลับไปแล้ว”
เซียวชินมองนายทหารผู้นั้นอย่าสงสัย ฉงนถามเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่า ศพบนพื้นดินนั้นเป็นคนของเป่ยเฉินเสียงจริงๆ?”
“เพราะหนึ่งในนั้นเป็นองครักษ์ประจำกายของเป่ยเฉินเสียง” นายทหารตอบกลับทันที
ราชาต้ามั่วเอ่ยปาก “คาดว่าต่อให้แสดงละคร เป่ยเฉินเสียงก็ไม่ถึงขั้นให้องครักษ์ประจำกายกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้ง อย่างไรคนเราก็มีหัวใจ ไม่น่าทิ้งกันง่ายๆ ส่วนเยี่ยเม่ยเป็นคนของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เป่ยเฉินเสียงไม่สมควรช่วยเหลือนางถึงจะถูก”
“ท่านพูดมีเหตุผล” เซียวชินพยักหน้า มองราชาต้ามั่วเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย
จุดนี้เป็นสิ่งที่แน่นอน ไม่มีใครยินยอมทิ้งคนสนิทข้างกาย เพื่อเป็นประโยชน์ให้แผนการของผู้อื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอีกฝ่ายคือศัตรูด้วยแล้ว
ลู่หวานหว่านเอ่ยกับราชาต้ามั่ว “ท่านข่าน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยคิดว่า ไม่เช่นนั้นยามนี้ก็แบ่งข้าวสารออกไป ให้เหล่าทหารกิน ทุกคนจะได้สนุกสนานขึ้นมาบ้าง รู้ว่าชาวจงหยวนที่หลงคิดว่าตนฉลาด ล้วนเป็นตัวโง่งม ”
นางเอ่ยประโยคนี้ ยิ่งยากจะปกปิดสีหน้าลำพองของตนเอง เห็นแผนการของเยี่ยเม่ยล้มเหลว นางเบิกบานใจเกินจะบรรยายได้
ราชาต้ามั่วรีบพยักหน้า “อย่างนั้นก็ทำตามเจ้าว่า”
เซียวชินประสานมือ เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กระหม่อมขอตัวไปเตรียมการก่อน”
“ได้” ราชาต้ามั่วโบกมือ
เซียวชินลุกขึ้นเดินมุ่งออกไปทางประตู ในเวลานี้ราชาต้ามั่วพลันเปิดปากว่า “ขุนนางรัก ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า”
ตอนที่ 85 ขุมสมบัติ
เซียวชินชะงักฝีเท้า หันหน้ามองราชาต้ามั่วคราหนึ่ง ค้อมเอวก้มหน้า “เชิญท่านข่านเอ่ยได้”
“มีคำล่ำลือว่า…” ราชาต้ามั่วชะงักไปเล็กน้อย ทว่ายังเอ่ยถามต่อ “คำเล่าลือว่าปีนั้นเจ้าวางยาพิษในน้ำ สังหารคนมากมายเพื่อจงเจิ้งซี นางเป็นคนในดวงใจเจ้าอย่างนั้นหรือ”
เซียวชินฟังถึงตอนนี้ แววตาเปลี่ยนไป สีหน้าที่มองราชาต้ามั่วเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขึ้น
ราชาต้ามั่วตระหนักอย่างว่องไวว่าอีกฝ่ายไม่สบอารมณ์แล้ว “ขุนนางรักอย่าได้โมโห ข้าเอ่ยเรื่องพวกนี้ หาใช่ต้องการสืบความลับของเจ้า เพียงแต่ข้ามีความคิดให้องค์หญิงที่ข้าโปรดปรานที่สุดแต่งงานกับขุนนางรัก จึงอยากทำความเข้าใจสักหน่อย”
ราชาต้ามั่วเอ่ยเช่นนี้ ลู่หวานหว่านเป็นคนที่มองราชาต้ามั่วอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่ว่าอย่างไร เซียวชินก็เป็นคนจงหยวน ราชาต้ามั่ววางใจได้จริงอย่างนั้นหรือ
เช่นเดียวกับลู่หวานหว่านที่เป็นชาวจงหยวน ถึงแต่งให้กับแม่ทัพผู้หนึ่งของต้ามั่ว ก็เป็นได้แค่อนุภรรยาแม้ได้รับความโปรดปรานเท่าใดก็ตาม
เซียวชินได้ฟังดังนี้ สีหน้าเย็นเยียบ….
หลังจากเขาเงียบไปชั่วครู่ ค่อยประสานมือเอ่ยปากว่า “ท่านข่าน คำเล่าลืออย่างไรก็คำเล่าลือ”
เขาเอ่ยเช่นนี้ ใบหน้าราชาต้ามั่วแสดงความแปลกใจ เอ่ยปากถามว่า “ความหมายของเจ้าคือ เจ้าทำเช่นนี้ไม่เกี่ยวข้องกับองค์หญิงผู้นั้น?”
เซียวชินนิ่งไปครู่หนึ่ง เก็บงำความรู้สึกลึกๆของตน ตอบคำถามออกไป “ท่านข่าน เรื่องนี้ผ่านไปสี่ปีแล้ว ไม่ใช่คำพูดสองสามคำจะเอ่ยได้ชัดเจน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนางไม่ผิด แต่ความจริงแล้ว ในปีนั้นแม้แต่นางหน้าตาเป็นอย่างไร กระหม่อมยังไม่รู้เลย”
ราชาต้ามั่วได้ฟังประโยคนี้ ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องราวยิ่งซับซ้อนแล้ว
ส่วนเซียวชินก็เอ่ยต่ออย่างว่องไวว่า “สำหรับองค์หญิงคนโปรดของท่านข่าน กระหม่อมเกรงว่าจะผิดต่อความหวังของพระองค์ กระหม่อมมีคนในดวงใจแล้ว ชาตินี้คิดแต่งงานกับนางเท่านั้น ส่วนต้ามั่วนี้ยังมีบุรุษต้ามั่วที่เหมาะสมจะเป็นราชบุตรเขยของพระองค์ ไม่ว่าอย่างไรกระหม่อมก็เป็นชาวจงหยวน ขอบพระทัยความหวังดีของพระองค์”
เขาเอ่ยเช่นนี้ ราชาต้ามั่วหาได้มีสีหน้ากลัดกลุ้ม เพียงแต่จ้องเซียวชิน “ในเมื่อขุนนางรักยืนยันเช่นนี้ เรื่องนี้ก็แล้วไปเถอะ ส่วนเรื่องในปีนั้น…”
“ท่านข่านมิต้องสืบถามอีกแล้ว เรื่องราวในปีนั้นคือเรื่องส่วนตัวของกระหม่อม กระหม่อมไม่อยากเอ่ยถึง ทั้งขอให้พระองค์อย่าได้บีบบังคับ” เซียวชินตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ราชาต้ามั่วนิ่งไปสักพัก ในที่สุดก็โบกมือ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ขุนนางรักก็ไปเถอะ”
“รับบัญชา” เซียวชินไม่เอ่ยมากความ สาวเท้ากว้างออกไป
หลังจากเขาออกไป ในหน้าราชาต้ามั่วทวีความลุ่มลึกขึ้นหลายส่วน
ลู่หวานหว่านมองราชาต้ามั่วด้วยความระวัง ถามว่า “ท่านข่านทำเช่นนี้ เพราะท่านไม่เชื่อจั่วอี้อ๋องหรือ”
ราชาต้ามั่วปรายตามองลู่หวานหว่าน ส่งสายตาเป็นแววตักเตือน แค่นเสียงเย็น “อย่าได้พูดจาเหลวไหล ข้าไม่มีทางระแวงความภักดีของจั่วอี้อ๋อง เพียงแต่ตามคำล่ำลือ ราชวงศ์จงเจิ้งมีขุมสมบัติล้ำค่าถูกซ่อนเอาไว้ ว่ากันว่ามีไว้สำหรับกอบกู้ราชวงศ์ คนของราชวงศ์เป่ยเฉินล้วนตามหาสมบัตินั้นไม่พบ ดังนั้นข้า…”
“ท่านข่านอยากรู้ว่าจั่วอี้อ๋อง รู้อะไรหรือไม่ อย่างไรเสียเขาเคยมีข่าวลือร่วมกับจงเจิ้งซี” ลู่หวานหว่านรับได้ทันที
ราชาต้ามั่วพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ ดูจากน้ำเสียงของเซียวชินแล้ว ข่าวลือในยามนั้น สมควรมีความนัยอื่นอีก หากแม้กระทั่งใบหน้าขององค์หญิงผู้นั้นยังไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นนั้นโอกาสที่เขารู้ที่ตั้งของสมบัติก็ไม่มาก”
“หากปีนั้นเขาเพียงแค่ชื่นชมในตัวองค์หญิงผู้นั้น ไม่เคยพบหน้าก็ชื่นชมแล้วเล่า?” ลู่หวานหว่านคาดเดา
แต่เมื่อเอ่ยออกไป นางเองยังรู้สึกเป็นไปไม่ได้
ราชาต้ามั่วโบกมือ “ช่างเถอะ เรื่องนี้ไม่ต้องเอ่ยอีกแล้ว ใครก็ได้ เอาข้าวที่จั่วอี้อ๋องนำมาไปแบ่งเป็นรางวัลให้ทุกคน”