เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 86
“ขอรับ” นายทหารรับคำสั่งด้วยสีหน้าเบิกบาน ขนข้าวสารออกไป
……
ครั้นเห็นเป่ยเฉินเสียงจากไปแล้ว
หลูเซียงฮั่วเดินมาถึงเบื้องหน้าเยี่ยเม่ย คารวะก่อนเอ่ยปากรายงาน “แม่นางเยี่ยเม่ย เรื่องที่ท่านสั่งการจัดการเรียบร้อยแล้ว คาดว่าเมื่อคนของต้ามั่วได้ยินว่าหลังจากท่านทำแผนการล้มเหลว ถูกองค์ชายใหญ่ไล่สังหาร ต้องยินดีบนคราวเคราะห์ของท่านแน่ ภายใต้ความเบิกบานก็ขาดความป้องกัน ไม่แน่ว่าคืนนี้พวกเขาอาจจะนำข้าวสารออกมากินแล้ว”
เยี่ยเม่ยพยักหน้า เอ่ยเสียงเย็นชา “ลู่หวานหว่านถูกช่วยกลับไป ก็ทำให้นางดีใจมากพอ เอ่ยวาจาที่เป็นประโยชน์ต่อแผนการพวกเรา จากนั้นทำให้พวกเขาเข้าใจเรื่องที่เป่ยเฉินเสียงไล่สังหารข้า เป็นเพราะความสามารถนำทัพของข้าไม่ดีพอ ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาคลายความระวัง”
“แม่นางช่างล้ำเลิศนัก” หลูเซียงฮั่วเอ่ยออกมาทันที แสดงความเลื่อมใสของตน
ยามนี้ จิ่วหุนค่อยเข้าใจ เพราะอะไรเยี่ยเม่ยถึงไม่ยอมให้ตนสังหารลู่หวานหว่าน
จากนั้น เขาพลันเอ่ยสอดขึ้นว่า “ชีวิตของนาง อยู่ที่ปลายกระบี่ข้า”
เยี่ยเม่ยนิ่งไป เมื่อหันหน้ามอง กลับเห็นเด็กหนุ่มก้มหน้าหลังจากเอ่ยจบ ท่าทางดูงดงามยิ่งนัก แต่ท่าทีของเขากลับยืนกรานหนักแน่น
นางยื่นมือออกไปตบบ่าเขาเบาๆ เอ่ยว่า “ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า ทั้งไม่ขัดขวางเจ้าด้วย แต่ลู่หวานหว่านเคียดแค้นข้าก็ถือเป็นเรื่องปกติ ข้าควบคุมอารมณ์ได้”
นางไม่ขัดขวางการลงมือของจิ่วหุน แต่ก็อยากให้จิ่วหุนรู้ด้วยว่า นางคร้านจะใส่อารมณ์กับเรื่องของลู่หวานหว่าน
หางตาจิ่วหุนทอประกายวาบ เหลือบมองมือของนางบนบ่า สายตาเลิ่กลั่กมองซ้ายทีขวาที หน้าแดงเรื่อขึ้นมา
เขาก้มหน้าลง ตอบนางด้วยเสียงกลัดกลุ้ม “ข้าไม่อาจระงับอารมณ์ได้” ด้วยเหตุนี้เจ้าไม่โกรธลู่หวานหว่าน เจ้าคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับนาง แต่ว่าข้าคิด
คำพูดหลังจากนั้น เขาไม่ได้เอ่ยออกไป แต่เชื่อว่านางเข้าใจ
เยี่ยเม่ยกระตุกมุมปาก
ส่วนองค์ชายสี่มองมือที่วางบนบ่าจิ่วหุนของนาง เขาสีหน้าเรียบเฉยเดินเข้าไป เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยื่นมือออกอย่างสง่างาม ดึงมือเยี่ยเม่ยบนบ่าจิ่วหุนออก เอามือนางมากุมไว้อย่างลึกซึ้ง
จากนั้น เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองจิ่วหุนด้วยความหวังดี ค่อยๆ กวาดตามองเยี่ยเม่ย น้ำเสียงจริงใจและอ่อนโยน “เขายังเด็ก อยู่ในช่วงกำลังโต เจ้าไม่ควรเอามือไปวางบนบ่าเขา จะกระเทือนต่อการเติบโตของเขาได้”
เยี่ยเม่ย “…?”
ทุกคน “…”
สายตมคมกริบของจิ่วหุนตวัดมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทันที สายตาคล้ายกำลังมองคนตายผู้หนึ่ง ดูท่าแล้ว หากมิใช่เพราะเยี่ยเม่ยยังยืนอยู่ตรงนี้ เขาคงลงมือไปนานแล้ว
ฝ่ายเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองสายตาจิ่วหุนโดยไม่ใส่ใจสักน้อย กลับกวาดตามองเยี่ยเม่ย ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ลู่หวานหว่านทำอะไรให้แม่นางเยี่ยเม่ยไม่ยินดีอย่างนั้นหรือ เยี่ยนยินยอมลงแรงเพื่อแม่นาง แสดงความห่วงใยลู่หวานหว่านสักครั้ง ให้นางรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของชีวิต ให้นางปลดปล่อยตัวเองเสีย ”
คราวนี้ คนจำนวนไม่น้อยในที่นี้ตัวเทิ้ม
หลายปีที่ผ่านมา องค์ชายสี่ทำให้พวกเขานับไม่หมดแล้วว่า องค์ชายสี่บีบให้คนไม่รักชีวิตตน เลือกฆ่าตัวตายไปมากเพียงใด ฝีมือทรมานจิตใจคนเช่นนี้ ยังน่ากลัวกว่าสังหารคนเสียอีก
เยี่ยเม่ยดึงมือของตนออกจากมือเขาอย่างไร้อารมณ์ เอ่ยว่า “ไม่ต้องแล้ว”
จากนั้นนางมองจิ่วหุนอีกครั้ง กล่าวต่อไปว่า “ความจริงพวกท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้าอยากฆ่าใคร ข้าลงมือเองได้”
แต่ไรมานางไม่ต้องการให้ผู้อื่นออกหน้าให้ ในทางกลับกันนางคุ้นเคยกับการออกหน้าให้ผู้อื่น
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มอย่างน่าชม กล่าวว่า “ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่อยู่ที่เจ้า อยากช่วยเจ้าระบายอารมณ์หรือไม่ กลับอยู่ที่ตัวเยี่ยนเอง หากเยี่ยนไม่ลงมือเพื่อเจ้า อย่างนั้นแม่นางจะมองเห็นความจริงใจของเยี่ยนที่มีต่อแม่นางได้อย่างไร”
เมื่อเขาเอ่ยถึงตรงนี้ จิ่วหุนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
เขาชักกระบี่ออกอย่างดุดัน ชี้ไปที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยน “ความจริงใจของท่าน ท่านเก็บไว้ก็พอแล้ว หากยังพูดมากอีก ข้าจะฟันท่านซะ”
แววตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนฉายประกายแดงวาบ ตวัดสายมองเขา ขุมพลังก่อตัวขึ้น หมุนควงอยู่กลางฝ่ามือ ค่อยๆ เอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้าแสดงเจตนาร้ายออกมาอย่างตรงไปตรงมา อย่างนั้นไม่ขอปิดบังก็แล้วกัน เยี่ยนเห็นเจ้าขัดตามานานแล้ว”
ซินเยว่เยี่ยนเองก็ดูท่าทางตึงเครียดของทั้งสองออก ในใจพลันรู้สึกผิดหวัง ดูท่าหากให้เยี่ยเม่ยเป็นน้องสะใภ้ของตน ศัตรูหัวใจไม่ใช่น้อยเลย ”
นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่เยี่ยเม่ยเห็นพวกเขาสองคนเตรียมลงมือใส่กัน
เยี่ยเม่ยหันกลับไปมองซินเยว่เยี่ยนที่ดูหมดคำพูดเหมือนนาง รู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่บ้าง นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นว่า “ตั้งแต่โบราณมาบุรุษรูปงามชอบใช้กำลังหรือ”
“อ้อ…” ซินเยว่เยี่ยนรีบเอ่ยเพื่อน้องชายบุญธรรมของตัวเองทันที “ไม่ น้องชายข้าก็หนุ่มรูปงามเกินเปรียบ เขาไม่ชอบต่อสู้ เป็นคนสบายๆ ซ้ำยังไม่ลงมือง่ายๆ ไม่ชอบใช้กำลังเลยสักน้อย”
ซินเยว่เยี่ยนเล่าไป ทั้งยังพยักหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเอ่ยจบ บุรุษสองคนที่กำลังทำท่าจะต่อยตีกัน หันหน้ามามองซินเยว่เยี่ยนด้วยความแค้นเคือง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคลี่ยิ้มอ่อนโยน ทว่าดวงตาไม่มีรอยยิ้มเลยสักน้อย ถามว่า “น้องชายที่แม่นางเอ่ยถึงคือ กูเยว่อู๋เหิน?”
ดาบในมือจิ่วหุนบิดไปเล็กน้อย
ท่าทางคุกคามนี้ทำให้ซินเยว่เยี่ยนแตกตื่นเสียแผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อ ถึงวรยุทธ์นางจะไม่ต้อยต่ำ ทว่าก็ไม่โง่งมเอาไข่ไปกะเทาะหิน ถึงขั้นหลงคิดว่าตัวเองขวางสองคนนี้ได้
นางรีบส่ายหน้า “ข้าก็พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการแนะนำน้องชายข้าให้แม่นางเยี่ยเม่ยเสียหน่อย”
ใครจะเชื่อ
..
เยี่ยเม่ยมองพวกเขาสองคน จวนจะเปิดศึกกันอย่างไร้เหตุผลก็ช่างเถอะ ถึงกับเอาผู้บริสุทธิ์อย่างซินเยว่เยี่ยนเข้ามาเกี่ยวด้วยก็ทนไม่ไหวอีก
เมื่อเดินมาข้างกายพวกเขา ก็ยื่นมือออกมา
จิ่วหุนจดจำครั้งก่อนที่นางดึงคอเสื้อตนเพื่อไม่ให้เขาลงมือกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ ถึงเตรียมตัวป้องกันไว้แต่แรก
จากนั้น ในครั้งนี้
มือของเยี่ยเม่ยถึงกับไปจับอยู่ที่คอเสื้อเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที สายตาคมกริบของอวี้เหว่ยมองไปที่ใบหน้าเตี้ยนเซี่ยของตนปรากฎความว่างเปล่าเพียงวูบเดียว
แน่นอนว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนย่อมหลบได้ แต่เขาไม่อยากทำให้นางไม่พอใจ ถึงไม่หลบ
ดังนั้นเขาถูกลากออกมาได้ครึ่งเมตร
เยี่ยเม่ยปรายตามองพวกเขาทีหนึ่ง เอ่ยว่า “ไม่มีเรื่องมีราว วันๆ ก็อย่าเอาแต่ต่อยตีกันโดยไร้เหตุผล ต่อให้พวกเจ้าต้องการอาบไอเซียนของข้า แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ”
คนทั้งหมด “…”
คนทั้งหมดล้วนคิดว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถูกดึงคอเสื้อเช่นนี้คงต้องโกรธแน่
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า องค์ชายสี่เป็นเหมือนปีศาจที่พวกเขาหวาดกลัวจนแข้งขาสั่นถึงกับยืดคอส่งหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าเยี่ยเม่ย ทำหน้าน่าสงสารเอ่ย “แม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนไม่สนแล้ว อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องชดเชยให้เยี่ยน ที่เจ้าดึงเมื่อครู่ ทำให้เยี่ยนกลายเป็นสามีที่กลัวภรรยา”
อวี้เหว่ยแอบกุมขมับ
เตี้ยนเซี่ย ต่อหน้าแม่นางเยี่ยเม่ย ท่านเคยได้รับความเคารพอย่างนั้นเหรอ?
เยี่ยเม่ยหันหน้ากลับมามองเขา สายตาเย็นเฉียบ “ท่านอยากให้ข้าชดเชยอย่างไร”
คำพูดนี้ดูไม่คล้ายจะชดเชยให้เลยสักน้อย กลับเหมือนกำลังจะต่อยตีคนมากกว่า
องค์ชายสี่ยังนับว่าสังเกตสีหน้าคนได้เก่งกาจ เขารีบถอยร่นไปด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายฉายแววน้อยเนื้อต่ำใจ “ก็ได้ ไม่ต้องชดเชยแล้ว ปล่อยเรื่องเคารพสามีไปเถอะ ภายหน้าระหว่างเรามีแต่ภรรยาเป็นใหญ่”