เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 93
บรรยากาศเย้ายวนคน ในอากาศก่อเกิดกระแสไฟแปลกประหลาดกระแสหนึ่ง
มือของเยี่ยเม่ยแนบหน้าอกเขาอยู่หลายวินาที นางพลันหัวเราะออกมา เยี่ยเม่ยใช้สายตาเย็นชาอย่างที่คุ้นเคย ชั่วอึดใจที่หัวเราะออกมา กลับมีความงดงามราวดอกเกล็ดหิมะเบ่งบาน เยือกเย็นน่าหวาดกลัว
ถัดมา…
ยี่ยเม่ยชักมืออกจากอกเขา สายตาคมกริบมองบุรุษหน้าตาหล่อเหลาเบื้องหน้า มุมปากยกยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้ม “ข้าสมควรขอบคุณท่านที่เตือนข้าว่า ท่านไม่ใช่คนดี ทั้งยังชอบการทรมานใจคน”
อวี้เหว่ยที่แอบฟังอยู่ริมหน้าต่างในยามนี้ หัวใจเต้นตึกตัก
ความจริงแล้ว…
พูดตามจริงแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เตี้ยนเซี่ยทำเพื่อแม่นางเยี่ยเม่ยทั้งหมด เขาเองก็มองไม่ออก ไม่เข้าใจเลย ไม่รู้ว่าเตี้ยนเซี่ยชอบแม่นางเยี่ยเม่ยจริงๆ หรืออาจบอกว่าเขาหาเหตุผลที่เตี้ยนเซี่ยจะชอบใครคนหนึ่งได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ไม่เจอ
ยามนี้เมื่อได้ยินเยี่ยเม่ยเอ่ย อืม…
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว สีหน้าค่อยๆ หนักอึ้ง ความอ่อนโยนเจือรอยยิ้มเปลี่ยนเป็นแข็งขืนเย็นชาภายในเสี้ยววินาที คล้ายกับภูเขาน้ำแข็งในช่วงกลางปีที่ยังไม่ละลาย เผยไอเย็นเยียบ รอเยี่ยเม่ยเอ่ยประโยคต่อไป
เยี่ยเม่ยลุกขึ้นนั่ง ผลักเขาออก
คราวนี้เขากลับไม่ฝืนตัว ถูกผลักออกไปอย่างเชื่อฟัง
แววตาเย็นชาของนางมองหน้าเขา จากนั้นมองสิ่งร่วงลงมาพร้อมกับลังกระจายเต็มพื้น ล้วนเป็นข้าวของที่เขาเอามากำนัลเอาใจ เอ่ยปากว่า “ให้ข้าทายดูว่าท่านกำลังคิดอะไร ท่านอยากได้หัวใจของข้า จากนั้นค่อยเหยียบย่ำมัน เพื่อบรรลุผลการเคี่ยวกรำจิตใจคนของท่าน ท่านทำแบบนี้เพื่ออะไร”
เยี่ยเม่ยไม่รอให้เขาเอ่ยปาก ก็พยักหน้า เอ่ยเองว่า “หากบอกว่าท่านไม่พอใจข้า ก็เป็นไปไม่ได้ คนที่ทำอะไรโดยไม่มีที่มาที่ไปอย่างท่าน สมควรทำทุกอย่างเพื่อความยินดีของตนเท่านั้น ข้าขอเดาว่าจิตใจของท่านไม่แค้นไม่เคืองใคร ใช่หรือไม่”
เขานิ่งเฉย กลับไม่พูดจา
สุดท้ายเยี่ยเม่ยก็สรุปคำพูดตน “ดังนั้น สาเหตุที่ท่านทำเช่นนี้ก็เพราะอยากเห็นข้าเสียใจ ทำให้ท่านสนุกสนานจากการทรมานใจคนอีกครั้ง ใช่หรือไม่”
เมื่อคำพูดเอ่ยมาถึงตรงนี้ อวี้เหว่ยที่อยู่ริมหน้าต่าง อดใจไม่ไหวหันหน้ามองใบหน้าของเตี้ยนเซี่ยที่เย็นชาราวน้ำแข็ง
หากเตี้ยนเซี่ยจริงใจล่ะก็ คำพูดนี้ของแม่นางเยี่ยเม่ย…
เรียกได้ว่าทำร้ายจิตใจแล้ว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังถึงตรงนี้ สีหน้าเย็นชาพลันหายไปสิ้น กลับสู่ท่าทางสง่างามสบายๆ ไม่ยี่หระต่อเรื่องราวใดๆ เขาก้าวเข้าไปใกล้เยี่ยเม่ย ค่อยๆ ถามว่า “ในเมื่อแม่นางเห็นเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็บอกเยี่ยนเสียหน่อยว่า เจ้าคิดว่าคำพูดใด การกระทำใดของเยี่ยนเป็นเรื่องจริง อันใดเรื่องโกหก”
“โกหกทั้งหมด” เยี่ยเม่ยตอบกลับไปสี่คำอย่างรวดเร็ว แววตาเย็นชากวาดมองเขาอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาไม่มีความรู้สึกใด “เพราะข้าดูไม่ออกเลยว่า ท่านมีเหตุผลอันใด ถึงยินยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อข้า ต่อให้ข้าเพียบพร้อมก็จริง แต่ความจริงแล้วท่านก็ไม่ด้อยเลย”
คำพูดนี้เท่ากับเยี่ยเม่ยยอมรับในตัวของบุรุษเบื้องหน้าว่า เขาไม่แย่เลยจริงๆ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหัวเราะเบาๆ ค่อยๆลุกขึ้น รักษาท่วงท่าสง่างามเอาไว้ ดวงตาชั่วร้ายกวาดมองเยี่ยเม่ย ค่อยๆ กล่าวว่า “เจ้าฉลาดมาก เอาอย่างนี้แล้วกัน เยี่ยนกลับไปก่อน ขอให้ภารกิจในคืนนี้ของเจ้าสำเร็จลุล่วง”
สิ้นเสียง เขาก้าวเท้ายาวจากไป
อวี้เหว่ยคุกเข่าที่หน้าต่าง แสดงออกว่าไม่เข้าใจเลยสักน้อย แต่เมื่อเห็นเตี้ยนเซี่ยเดินออกมา เขาก็ไม่พูดอีก ติดตามไป
ในเสี้ยวขณะนั้น เยี่ยเม่ยเอ่ยไม่ถูกว่าตนรู้สึกอย่างไรกันแน่
เขายอมรับการคาดเดาทั้งหมด นางกลับไม่ดีใจเลย ทั้งยังรู้สึกงุ่นง่านไปทั้งใจ ทำให้นางแยกแยะอารมณ์ไม่ถูก จากกระแสหวานละมุน เปลี่ยนเป็นขมขื่น ทำให้นางปวดหนึบนัก
เยี่ยเม่ยเดินไปที่ประตูโดยไม่รู้ตัว มองส่งเงาหลังของคนจากไป
ในคืนที่เพิ่งล่วงเลยเข้าฤดูหนาวนี้ หิมะตกแล้ว นับตั้งแต่ยามที่เขาเดินออกจากห้องไป เกล็ดหิมะโปรยปรายลงจากท้องฟ้า เยี่ยเม่ยมองอยู่ห่างๆ ค่อยรู้สึกว่าทุกอย่างเลือนราง ส่วนนางหลงคิดว่าตัวเองเข้มแข็งเย็นชา หัวใจที่ไร้ความรู้สึกในเวลานี้หดเกร็งเจ็บปวด
ถึงกระทั่งรู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองติดขัด
ในที่สุดเยี่ยเม่ยก็ค่อยๆ ปิดตาลง เมื่อเปิดตาอีกครั้งทุกอย่างก็ชัดเจน กลับสู่ความเย็นชาดังเดิม
ในห้องมีร่องรอยของเขา ในเวลานี้นางพลันรู้สึกดีใจ เคราะห์ดีที่ตนเองฉลาดมากพอ หลายวันที่ผ่านมานี้ บังเอิญหลงใหลกับความอ่อนโยนของเขา แต่ยังไม่ได้ถลำลึกลงไปในกับดัก
……
เยี่ยเม่ยไม่รู้ว่า
ห่างออกไปสองร้อยกว่าเมตร อวี้เหว่ยติดตามอยู่เบื้องหลังเป่ยเฉินเสียเยี่ยน มองใบหน้าด้านข้างของเตี้ยนเซี่ยอย่างระมัดระวัง หลายปีที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอารมณ์เช่นนี้บนใบหน้าของเตี้ยนเซี่ย เย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง ขาดความชั่วร้ายและสง่างามนั้นไป
เกล็ดหิมะตกใส่ร่างเขา ร่วงใส่บ่าเขา ดูคล้ายไร้น้ำหนัก แต่กลับกดทับอยู่ในหัวใจ
คล้ายทำให้คนเข้าใจความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลในโลกใบนี้ รักก็ดี แค้นก็ดี ทุกสิ่งอย่างล้วนไม่มีน้ำหนัก
อวี้เหว่ยเอ่ยเสียงเบา “เตี้ยนเซี่ย คำพูดของเยี่ยเม่ย…”
เขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยกมือขึ้น ตัดบทอวี้เหว่ย น้ำเสียงน่าฟังค่อยกล่าวว่า “เมื่อครู่เยี่ยนยอมรับไปแล้วว่าที่นางพูดมาล้วนเป็นจริง ”
สิ้นเสียง ฝีเท้าของเขารวดเร็วขึ้น
อวี้เหว่ยกลับโพล่งออกว่า “ข้าน้อยไม่เชื่อ บอกว่าเดิมทีท่านคิดเคี่ยวกรำนาง เรื่องนี้ข้าน้อยเชื่อ แต่หลังจากนั้น…ข้าน้อยไม่เชื่อแล้ว เพราะว่าต่อให้ท่านคิดทรมานสตรีนางหนึ่ง ท่านย่อมไม่มีทางสัมผัสกายอีกฝ่าย”
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจูบ
อีกทั้งไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
เขาเอ่ยออกไปเช่นนั้น ฝีเท้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนพลันชะงักลง หิมะตกหนักขึ้นมาเล็กน้อย นัยน์ตาชั่วร้ายทอดยาวออกไป ในแววตาล้วนเป็นสีขาวโพลนไร้ขอบเขต
ไม่ช้า เสียงไพเราะของเขาค่อยๆ ดังขึ้น เจือไปด้วยความเย้ยหยันตัวเอง “นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบสตรีที่ห้าวหาญ มั่นใจในตัวเองเกินเหตุเช่นนี้ เยี่ยนก็เป็นอย่างที่นางว่า ต้องการทรมานนาง การทรมานหัวใจของสตรีนิสัยเย็นชาที่ดีที่สุดคืออะไร นั่นก็คือการทำให้นางที่คุ้นเคยกับความเย็นชา ตกหลุมรักคนผู้หนึ่งอย่างเร่าร้อนดังกองไฟ จากนั้นค่อยสลัดนางทิ้ง ให้นางเข้าใจว่าทุกอย่างคือการหลอกลวง แต่…”
พูดถึงตรงนี้ อวี้เหว่ยก็ก้มหน้าลง รู้ว่าการคาเดาของตัวเองอาจจะถูกต้อง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา อธิบายว่า “แต่สุดท้าย ข้าหวั่นไหวจริงๆ แล้ว นางชมชอบทรมานคนเหมือนข้า แต่กลับไม่เหมือนข้า ข้าเห็นนางทวงความยุติธรรมให้เด็ก เห็นนางวางแผนการใช้ทหาร มองตลอดเส้นทางที่นางเดินมา ทั้งยังเห็นนางที่แสดงออกอย่างเย็นชา ทว่าในใจกลับมีคุณธรรมเร่าร้อน เห็นนางฉลาดเฉลียว ทั้งยังกล้าทำกล้ารับ ทุกการกระทำของนางค่อยๆ ดึงดูดสายตาของข้า หากให้บอกว่าชอบนางตรงไหน ข้าก็พูดไม่ถูก ความจริงเยี่ยนก็ไม่มั่นใจว่าเป็นความรักชอบจริงหรือไม่”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มออกมาอีก “แต่หากบอกว่าก่อนหน้ายังไม่แน่ใจ แต่ตอนหัวใจเจ็บปวด ความเจ็บรัดเกร็งนี้ กลับหลอกลวงคนไม่ได้ เจ้ารู้ไหม นางไม่เชื่อ นางไม่เชื่อเลยสักน้อย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้ารู้สึกจนปัญญา ถึงกระทั่งเสียใจที่เมื่อก่อนชอบทรมานคน ถึงได้มีภาพลักษณ์เช่นนี้ในใจนาง”