เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 97-1
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด บุรุษก็เริ่มลงมือดึงเสื้อผ้าของนาง
ในใจเยี่ยเม่ยยามนี้หลงเหลือความรู้สึกเพียงอย่างเดียว นั่นก็คืออยากจะบ้าตาย
นางไม่พูดพร่ำ ยื่นมืออกไปข้างหนึ่ง ผลักเขาออก ปรายตามองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ มุมปากไม่มีรอยยิ้มเลยสักน้อย น้ำเสียงยังแสดงถึงความรังเกียจอย่างชัดเจน “ไม่คิด ไสหัวไป”
เจ้าอยากได้ร่างกายของข้าหรือไม่
ไม่อยาก เชิญไสหัวไป
ความคิดที่จะทอดกายถวายตัวให้แสดงออกอย่างหนักแน่นและชัดเจน ถูกปฏิเสธโดยไม่มีความลังเลเลยสักน้อย
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้วกลับไม่กลัดกลุ้ม กดนางไว้ ไม่ให้เยี่ยเม่ยผลักออก มุมปากเขาอมยิ้มร้าย ค่อยๆ กล่าวว่า “พูดเช่นนี้ อย่างนั้นก็มีเพียงข้าอยากได้ร่างกายเจ้าแล้ว”
ในขณะเอ่ย เขาซุกลงที่ซอกคอนาง
ลมหายใจของบุรุษอยู่ข้างหู เยี่ยเม่ยสั่นเทิ้มโดยไม่รู้ตัว ทั้งร่างแข็งทื่อ จากนั้นอ่อนยวบลงในไม่ช้า จ้องบุรุษเบื้องหน้า
นางยื่นมืออกไป ผลักไหล่เขา แรงที่ใช้ออกไม่ใช่น้อย หากเป็นคนไม่มีวรยุทธ์ ก็เพียงพอให้นางผลักจนกระดูกแตกไปแล้ว
“โอ๊ย เจ็บๆๆๆ…” องค์ชายสี่ไม่แกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ท่าทางได้รับความทรมานแสนสาหัส เงยหน้ามองเยี่ยเม่ยอย่างน่าสงสาร รู้ว่านางชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง เขาได้แต่ทำตัวน่ารัก
เห็นว่าในที่สุดเขาก็นิ่งแล้ว ไม่ซุกไซ้ซอกคอนางอีก
ความแปลกประหลาดในร่างกายของเยี่ยเม่ยค่อยสงบกลับสู่ปกติ สายตาเย็นชามองเขา จ้องมองดวงตาคู่ร้ายของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ถามว่า “ท่านคิดจะมาไม้ไหนกันแน่”
เมื่อคืนนางถามเป้าหมายของเขา ความจริงเขาก็นับว่ายอมรับไปแล้ว
ในเมื่อยอมรับไปแล้ว วันนี้ยังจะเล่นอะไรอีกกันแน่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว กลับหัวเราะเบาๆ ก้มหน้าใกล้ริมฝีปากนาง ทำเสียง “ชู่ว์” เบาๆ บ่งบอกว่าให้นางเงียบ
เยี่ยเม่ยไม่รู้ว่าเขาคิดทำอะไร แต่ก็ไม่ขยับ เห็นเขาขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ คล้ายจะจูบนาง
ทำให้เรียวคิ้วของนางค่อยๆ เลิกขึ้นสูง
ดีที่เขาสุดท้ายเขายังรู้จักขอบเขต ในขณะที่กำลังจะสัมผัมริมฝีปากนาง ก็หยุดลง เยี่ยเม่ยมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
ผ่านไปสักพัก
เขายกมุมปากเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มที่น่ามองและชั่วร้าย ล่อลวงใจคนเป็นที่สุด ไม่ช้าเขาก็พ่นคำพูดอกมาประโยคหนึ่ง “ยังดีที่ไม่ถูกพิษ เล่าลือกันว่าจั่วอี้อ๋องแห่งต้ามั่วมีฐานะลึกลับ แต่วิชาการใช้พิษของเขาเป็นเอก เจ้าประมือกับเขา ไม่ถูกพิษ ดูท่าเขาก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ใช่จัดการได้ง่ายๆ ”
เยี่ยเม่ยตะลึงงัน
เมื่อเขาพูดคำนี้จบก็ลุกขึ้นทันที ไม่กดนางไว้อีก
เยี่ยเม่ยมองเขาด้วยความฉงน ถามเสียงเย็นชาว่า “ท่านตั้งใจมาก็เพื่อดูว่าข้าถูกพิษหรือไม่อย่างนั้นหรือ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้วกลับคลี่ยิ้มออกมา หันหน้ามองนาง เอ่ยอย่างอ่อนโยนและไม่จริงจังว่า “ไม่ ข้ามาก็เพื่อมอบกาย หวังว่าเจ้าจะเอาเปรียบเยี่ยนอย่างหนักหน่วง เติมเต็มความคาดหวังในใจเยี่ยนที่มีต่อเจ้า”
เยี่ยเม่ย “…คำพูดประเภทนี้ จะถูกข่มเหงเอาได้จริงๆ ท่านรู้หรือไม่”
นางเอ่ยออกไปเช่นนี้ มุมปากของนางกระตุก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอึ้งไปเล็กน้อย ดวงตาชั่วร้ายทอประกายวาววาบ แววตามีรอยยิ้มปรากฏ ในไม่ช้ารอยยิ้มแย้มนั้นก็ชัดเจนมากขึ้น
ถัดมา องค์ชายสี่ขยับไปนอนด้านข้างโดยไม่ลังเล
วันนี้เขาสวมชุดต่วนยาวสีแดง สาบเสื้อเปิดออกเพราะท่านอนของเขา กล้ามเนื้ออกทรงพลังปรากฎสู่สายตาเยี่ยเม่ย
สายตาที่เขามองเยี่ยเม่ยอัดแน่นไปด้วยความยั่วยวน
นิ้วเรียวยาวยื่นมองออกมาจับเส้นผมดำขลับบริเวณอกของตน ทุกท่วงท่าไม่มีท่าไหนไม่ล่อลวงใจ น้ำเสียงไพเราะค่อยๆ กล่าวว่า “มาเถอะ มานอนกับข้า ข้าเต็มใจ”
เยี่ยเม่ย “…”
……
ในต้ามั่ว
กระโจมของหวันเหยียนหง เสียงร้องโหยหวนดังออกมาเป็นระยะ
“บอกมา เซียวเซ่อหยางอยู่ที่ไหน” กระบี่ยาวของโอวหยางเทา พาดอยู่บนลำคอหวันเยี่ยนหง ส่วนบ่าของโย่วอี้อ๋องล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดสดไหลทะลักราวกับสายน้ำ เลือดที่ไหลออกมานั้นคือบาดแผลที่ถูกโอวหยางเทาแทงเมื่อครู่
ใบหน้าของหวันเหยียนหงแสดงความเจ็บปวดราวกับไม่อยากมีชีวิตอยู่ ยิ่งเกลียดแค้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและเยี่ยเม่ยจนเข้ากระดูก
นอกกระโจมเต็มไปด้วยศพของทหารต้ามั่ว พวกเขาคุ้มกันโย่วอี้อ๋องที่บาดเจ็บสาหัสกลับราชวังตามบัญชาของราชาต้ามั่ว ใครก็คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางกลับถูกดักโจมตี
หวันเหยียนหงเจ็บปวดจนหายใจติดขัด นัยน์ตายิ่งมีเส้นเลือดสีแดงก่ำ ถลึงตาใส่โอวหยางเทา “ข้า…ข้าไม่รู้”
“เจ้ายังไม่ยอมบอกอีก” โอวหยางเทาใช้กระบี่แทงบ่าของหวันเหยียนหงอีกครั้ง
บาดแผลเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง แต่ละแห่งคล้ายบ่อเลือดทะลัก ดูไปแล้วชวนให้คนตกใจยิ่ง
“อ๊าก…” หวันเหยียนหงร้องด้วยความเจ็บปวดเจียนตาย
ซือหม่าหรุ่ยด้านข้าง หยิบเข็มเงินออกจากชายเสื้อ แววตาเย็นเยือกมองหวันเหยียนหง “เจ้าเป็นคนพิการผู้หนึ่งแล้ว ทางที่ดีจงบอกร่องรอยของพี่บุญธรรมข้ามา ไม่เช่นนั้นพวกเราไม่เสียใจที่จะทำให้เจ้ากลายเป็นคนตาย”
ต่อให้เป็นหมอเทวดา ทว่าเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่คนสำคัญเกิดเรื่อง ความคิดที่จะลงมือฆ่าคน ก็ไม่ลังเลชักช้าเลยสักน้อย
หวันเหยียนหงมองเข็มเงินของซือหม่าหรุ่ย เวลานี้ตัวสั่นเทิ้ม
ซินเยว่เยี่ยนด้านข้าง ดึงผ้าต่วนที่ใช้เป็นอาวุธไปมาอย่างเบื่อหน่าย เอ่ยปากสบายอารมณ์ว่า “พูดจาไร้สาระกับเขาไปทำไม มิสู้ตัดเจ้านั่นของเขาก่อน เรื่องอื่นพวกเราค่อยพูดกันก็ยังไม่สาย”
“เจ้า…” หวันเหยียนหงจ้องซินเยว่เยี่ยนด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
วินาทีถัดมาเขาก็เข้าใจแล้วว่า อะไรคือจิตใจของสตรีโหดเ**้ยมเป็นที่สุด
ในเวลานี้เอง ประตูกระโจมเปิดออก สตรีสวมชุดขาวนางหนึ่งสาวเท้าเข้ามาด้านใน น้ำเสียงเย็นชาราวหิมะ “ได้ยินว่าพวกเจ้ามาก่อนนานแล้ว จัดการปัญหาได้หรือยัง”
คนทั้งหมดหันไปมองนาง
ใบหน้าซือหม่าหรุ่ยแสดงดวามยินดี “ปิงปิง”
จงรั่วปิงจอมยุทธ์หญิงอันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่ไรมาก็มีนิสัยเย็นชาราวน้ำแข็ง แต่ล้วนเป็นภาพลักษณ์ที่คนไม่รู้จักนางเข้าใจ
จงรั่วปิงพยักหน้า ชักกระบี่ประจำกายออก เชิดหน้างดงามน่ามอง ทว่าท่าทางกลับเหมือนนายพรานล่าสัตว์ เตรียมตัวเดิมเข้าไปสังหารหวันเหยียนหงราวกับฆ่าหมู “ดูท่าพวกเจ้ายังจัดการไม่เสร็จสินะ เขาไม่พูดก็ช่างเถอะ ข้าว่าที่เขาไม่พูดแปดส่วนคือไม่มีเบาะแสเลยสักน้อย อย่าได้เสียเวลากับเขาอีกเลย รอข้าหั่นเขาเป็นชิ้นๆ เถอะ”
โอวหยางเทายืนมองสตรีทั้งสามอยู่ด้านข้าง เหงื่อเย็นวาบไหลโทรมออกมา
ไม่รู้ว่าโลกนี้เป็นอะไรกันแล้ว แค่ก…
สตรียังดุร้ายกว่าบุรุษอีก
หวันเหยียนหงเวลานี้ถูกการกระทำของสตรีทั้งสามทำให้ตกใจ เดิมทีโอวหยางเทาแทงกระบี่ใส่เขาอยู่นานแล้ว ก็แทบทนรับไม่ไหวอีกต่อไป คราวนี้ยังเอ่ยเช่นนี้อีก เสี้ยวขณะนี้เขาไม่คิดปิดบังต่อไปแล้ว
เขาเอ่ยปากอย่างสั่นเทิ้ม “ข้าพูด ข้าพูด แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
“ยังกล้าเสนอเงื่อนไขอีก” ซินเยว่เยี่ยนแผดเสียงสูง
หวันเหยียนหงเชิดหน้าคอตรง เอ่ยเสียงดังว่า “ข้าย่อมมีข้อเสนอแน่ ข้อเสนอของข้าคือ พวกเจ้าห้ามฆ่าข้าหาก…หากพวกเจ้าเห็นด้วย ข้าจะบอกเบาะแสทั้งหมดให้ แต่หากไม่ล่ะก็ พวกเจ้าก็เลิกคิดจะได้รับข่าวสักน้อยไปจากข้าเลย”
หวันเหยียนหงเองก็ยอมเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว
สุดท้ายก็ชีวิตเดียว หากอีกฝ่ายไม่ยอมไว้ชีวิตเขา ไฉนเขาต้องบอกเบาะแสที่รู้ทั้งหมดกับอีกฝ่ายด้วยเล่า
เบาะแส?
เขากล่าวคำพูดนี้ไป
พวกโอวหยางเทามองหน้ากัน ต่างคนต่างส่งสายตาแลกเปลี่ยนกัน
ในที่สุดโอวหยางเทาก็พยักหน้า มองหวันเหยียนหง “ได้ พวกเรารับปากเจ้า อย่างไรเสียเส้นเอ็นที่สามารถขาดได้ทั่วร่างเจ้าก็ขาดจนหมดสิ้นแล้ว มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย แต่ทางที่ดีเจ้าอย่าได้เล่นลูกไม้อะไรกับพวกข้า มิเช่นนั้นเจ้าจะยิ่งตายอย่างอนาถ”
หวันเหยียนหงรีบเอ่ยปาก “ข้าบอก ที่เขาหลิงปัว…ข้าชิง…ชิงเคล็ดวิชาของเขา แล้วยังวางยาพิษเขาด้วย เขาหนีไปถึงเขาหลิงปัวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ไม่รู้ชัด”
เขาตอบมาเช่นนี้ โอวหยางเทาไม่พูดพร่ำ มองทุกคน “ข้าไปหาเอง”
เขาหลิงปัวห่างจากที่นี่ไม่มาก เซียวเซ่อหยางท่องยุทธภพมาหลายปี มีความสามารถอยู่ไม่น้อย วางค่ายกลหลอกล่อเพื่อหลบคนพวกนี้ ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้
ที่คนทั้งหมดไม่เข้าใจก็คือ ไฉนเซียวเซ่อหยางถึงหายสาบสูญไปนานถึงสี่ปี
ซินเยว่เยี่ยนพยักหน้า “อย่างนั้นท่านก็ไปเถอะ พวกเราอยู่ที่เมืองชายแดนของเป่ยเฉิน รอฟังข่าวจากท่าน หากต้องการความช่วยเหลือ ก็ส่งสารมาหาพวกเรา”
“ดี” โอวหยางเทาหมุนกาย เตรียมออกไป
เวลานี้ซือหม่าหรุ่ยมองที่แผ่นหลังเขา “โอวหยางเทา ท่านรอก่อน”
โอวหยางเทาหันกลับมามองซือหม่าหรุ่ยด้วยความแปลกใจ “มีเรื่องอะไร”
ซือหม่าหรุ่ยเอ่ยต่อไป “เดินไปคุยไป”
โอวหยางเทามองคนอื่นๆ พยักหน้า หมุนตัวเดินออกไป ซือหม่าหรุ่ยรีบติดตามออกไป