เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 98
ถัดมา จิ่วหุนปรากฎกายอยู่หน้าประตู
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย ซ้ำยังเป็นสีและแบบเดิม เขาคงชอบการผสมผสานระหว่างสีขาวกับสีแดง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดูน่ามองจริงๆ
ส่วนสีหน้าของเขากลับไม่น่ามองเท่าไหร่
จิ่วหุนเดินเข้าใกล้บริเวณห้องเยี่ยเม่ย ก็เห็นอวี้เหว่ยอยู่นอกหน้าต่าง ไม่ต้องคิดเขาก็รู้ว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมาห้องเยี่ยเม่ยอีกแล้ว
ดวงตาราวกับสายน้ำนิ่งของเขามองเข้ามาในห้อง
จ้องเป่ยเฉินเสียเยี่ยน มองสาบเสื้อเปิดออกมาครึ่งหนึ่งของเขา เผยกล้ามเนื้อหน้าอก จนกระทั่งสังเกตเห็นจุดที่อีกฝ่ายอยู่ เป็นเตียงของเยี่ยเม่ยพอดี
สายตาเขาแผ่ไอสังหาร ลุ่มลึกทั้งหนักแน่นเอ่ย “เจ้าจิ้งจอกจอมล่อลวงเป่ยเฉิน ออกมาให้ข้าสับซะดีๆ”
เยี่ยเม่ย “…?”
เสี่ยวจิ่วเด็กคนนี้
เจ้าจิ้งจอกจอมล่อลวง?
จิ่วหุนไม่ชอบพูดจา ถึงกระทั่งมีนิสัยเก็บตัว ถึงกับเอ่ยวาจาเช่นนี้ เสี้ยวเวลานี้นางรู้สึกว่าโลกทั้งใบเหมือนฝันไป
นางคงไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่
เยี่ยเม่ยหันหน้ามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน กระแอมไอ ถามว่า “เมื่อครู่เสี่ยวจิ่วเรียกท่านว่าอะไรนะ”
เมื่อนางถามเช่นนี้ ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ขรึมลงไปกว่าครึ่ง
เดิมคิดว่าถูกเจ้าเด็กนี่ด่าเป็นจิ้งจอกจอมล่อลวง สำหรับบุรุษผู้หนึ่งแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องมีหน้ามีตา ยามนี้เยี่ยเม่ยยังย้ำกับเขาอีกรอบหนึ่ง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเยี่ยเม่ย เห็นนางเต็มไปด้วยความแปลกใจจริงๆ มีความไม่อยากเชื่อและประหลาดใจ แต่ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าเด็กนี่จะเอ่ยคำพูดเช่นนี้ จึงคิดอยากยืนยันก็เท่านั้นเอง
จิตใจของเขาสงบลง เมื่อเห็นว่านางไม่ได้อยู่ฝ่ายเจ้าเด็กนั่น
เขาเงียบไปสักพัก สายตาชั่วร้ายกวาดมองจิ่วหุน มุมปากเผยรอยยิ้มงดงามเบาสบาย เขาปรายตามองเยี่ยเม่ย เอ่ยปากเป็นจริงเป็นจัง “เขาเรียกเยี่ยนว่าเป็นคนที่น่าเคารพที่สุดในใต้หล้า”
เยี่ยเม่ย “…?” เมื่อครู่ที่จิ่วหุนเรียกออกมา มีคำมากมายแบบนี้จริงหรือ
สำหรับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนผู้ไร้ยางอาย วิธีการจัดการของจิ่วหุนก็คือ แทงมีดสั้นในมือใส่ใบหน้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนซะ
ในสนามรบวันนี้ ทหารศัตรูห้อมล้อมมากมาย ไม่อาจทำลายโฉมหน้างดงามของเซียวชินที่เยี่ยเม่ยเอ่ยชม ช่างน่าเสียดายนัก เวลานี้ใบหน้ายียวนของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน มาช่วยชดเชยความรู้สึกเสียดายของเขาพอดี
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยกมือของตนอย่างว่องไว แววตาทอประกายสีแดง กำลังภายในพุ่งออกจากฝ่ามือ เปลี่ยนทิศทางมีดสั้นเล่มนั้นหมุนกลับไปหาจิ่วหุน
สายตาจิ่วหุนเย็นเยือก ลงมือว่องไว มือขวาคว้ามีดสั้นกลับเข้ามือในครั้งเดียว
เวลาชั่วครู่นี้ ทั้งสองประมือกับสำเร็จ
“พวกเจ้าสองคน…” เยี่ยเม่ยตกตะลึง เหมือนกับว่าหากนางไม่อยู่ที่นี่ พวกเขาสองคนจะต่อยตีกันเป็นปกติเหมือนกินข้าว
ไม่ ต่อให้นางอยู่
คนทั้งสองมีแต่จะลงมือต่อยตีกันรวดเร็วขึ้นไปอีก
มุมปากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเผยยิ้ม นั่นคือรอยยิ้มเบาสบาย ไม่เห็นเรื่องอะไรอยู่ในสายตา เขาค่อยๆ ลงจากเตียง จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ ท่วงท่าทั้งหมดงดงามต่อเนื่องราวสายน้ำไหล
ไม่ช้า ดวงตาชั่วร้ายก็หันไปมองเยี่ยเม่ย “เจ้าพักผ่อนไปก่อน”
ระหว่างที่เอ่ย ไอสังหารในกายเขาค่อยๆ แผ่พุ่งออกมา
เห็นได้ชัดว่า จิ่วหุนสะกิดโทสะของเขาขึ้นมาแล้ว
อวี้เหว่ยที่หน้าต่าง เขาเอามือปิดตาตัวเองอีกครั้ง เผยสีหน้าไม่กล้ามอง เขารู้สึกว่าเพื่อขวางการต่อยตีของทั้งสองคน ไม่แน่ว่าแม่นางเยี่ยเม่ยจะดึงคอเสื้อเตี้ยนเซี่ย หรือไม่ก็จิ่วหุนอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้เยี่ยเม่ยกลับไม่ทำ
นางมองยอดฝีมือตรงหน้าทั้งสองคน ขบคิดอยู่ในใจครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อพวกท่านสองคนจะตีกันให้ได้ พยายามไปตีกันไกลๆ หน่อย อย่าได้รบกวนการพักผ่อนของข้า”
“เจ้าไม่ห้าม?” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองนางทีหนึ่ง ดวงตาชั่วร้ายนั้นเผยรอยยิ้ม กลับดูไม่ใส่ใจเรื่องที่นางให้เขาไปตีกันไกลๆ แต่ดีใจที่ในที่สุดครั้งนี้นางก็ตัดสินใจไม่ยุ่งอีก เขาจะได้สั่งสอนเจ้าหนุ่มที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำผู้นั้นดีๆ สักครั้ง
ใบหน้าจิ่วหุนไม่แสดงอารมณ์ใด แต่ก็รับรู้ได้ถึงความยินดี เขาอยากสับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ใช่เรื่องวันสองวันนี้
เยี่ยเม่ยมองพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง เอ่ยจากใจจริงว่า “ข้ามองออกแล้วระหว่างพวกท่าน ไม่ต่อยตีคงจะไม่ได้ ข้าห้ามพวกท่านสองครั้ง ห้ามไม่ได้ชั่วชีวิต หวังว่าหลังจากต่อยตีกันแล้ว ปัญหาของพวกท่านคงคลี่คลายได้ ”
ความจริงเยี่ยเม่ยไม่เข้าใจว่าระหว่างเขาสองคนมีความแค้นล้ำลึกอะไรกันหนักหนา
อวี้เหว่ยแอบกุมหน้าผาก ยังจะคลี่คลายปัญหาอะไรอีก แค่มองก็รู้ว่าหากไม่ทำให้ดีมีแต่จะตีกันจนไม่ตายไม่เลิกรา ตีกันแล้วมีแต่จะทวีความแค้นต่ออีกฝ่ายเถิด คำพูดจำพวกคลี่คลายปัญหาเช่นนี้ ไปเอามาจากที่ไหนกัน
คิดไม่ถึงว่า สิ้นประโยคนี้ของนาง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า ยิ้มอย่างอ่อนโยน “แน่นอน ศึกนี้ ย่อมเป็นศึกที่เยี่ยนทำเพื่อปกป้องตนเอง ในเมื่อมีคนด่าว่าเยี่ยนเป็นจิ้งจอกจอมล่อลวง ทั้งยังจงใจทำลายใบหน้าของเยี่ยน เยี่ยนย่อมไม่กลัวศึกนี้ เพื่อรักษาคุณสมบัติการเป็นจิ้งจอกจอมล่อลวงของเยี่ยน”
เยี่ยเม่ย “…” อ้อ ที่แท้เขาก็ได้ยินจิ่วหุนด่าเขาเป็นจิ้งจอกจอมล่อลวง ไม่ใช่คนที่น่าเคารพที่สุดอะไรนั่น
จิ่วหุนปรายตามองเขา คนที่ไม่ชอบพูด ไม่ได้หมายความว่าโง่เขลา คำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนนอกจากบอกเยี่ยเม่ยว่า เขาทำไปเพราะปกป้องตัวเอง ซ้ำยังบอกว่าจิ่วหุนไม่มีเหตุผล จู่ๆ ก็คิดทำร้ายผู้อื่นโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ
เขาชะงักไป มองเยี่ยเม่ย เอ่ยเสียงเบา “ข้าจะหั่นเจ้าจิ้งจอกจอมล่อลวงตัวนี้ จนเขาไม่กล้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้าอีก”
สิ้นเสียง จิ่วหุนก็หมุนตัวออกจากห้องไป
เมื่อเดินไปถึงประตู น้ำเสียงไม่เป็นมิตรดังขึ้น “ออกมา”
อวี้เหว่ยมองอยู่ด้านข้าง อ่านความคิดของบุรุษทั้งสองคนออก ร้ายกาจนัก เตี้ยนเซี่ยของเขาแสดงออกมาในทันทีว่าทำไปเพราะเป็นผู้เคราะห์ร้ายปกป้องตนเอง อย่างนั้นต่อให้เจ้าหนุ่มนี่ถูกต่อยตีสักนิด ก็ถือว่าเขาเป็นคนหาเรื่องเอง
ส่วนเจ้าหนุ่มที่ดูอึมครึมนั่น เอ่ยคำพูดไม่ประนีประนอมเลยสักน้อย ความคิดแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาลงมือก็เพราะเตี้ยนเซี่ยรบกวนการพักผ่อนของแม่นางเยี่ยเม่ย เขาทำไปเพราะออกหน้าแทนแม่นางเยี่ยเม่ย
อวี้เหว่ยรู้สึกว่า หากเขาไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับเตี้ยนเซี่ย เขาต้องออกมาตบมือให้แน่ แสดงออกว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาสงครามความหึงหวงระหว่างบุรุษ การชิงชัยด้านความคิด เรื่องแบบนี้ยังสนุกมีสีสันมากกว่าการต่อสู้ระหว่างสตรีอีก
เป็นดังคาด
คำพูดของเจ้าเด็กจิ่วหุนคำเดียวก็ตรงใจเยี่ยเม่ย นางก็ว่าจิ่วหุนจะเข้ามาหาเรื่องต่อยตีกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนโดยไร้เหตุผลได้อย่างไร ที่ก็ไม่พอใจที่อีกฝ่ายมาก่อกวนการนอนหลับของนาง
ด้วยเหตุนี้เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน น้ำเสียงเบาลงเป็นเชิงตักเตือน “เขายังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น ลงมือต้องมีขอบเขต”
เสียงนี้เบามาก จิ่วหุนที่อยู่ด้านนอกย่อมไม่ได้ยิน
สีหน้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเปลี่ยนไป สุดท้ายก็ไม่เห็นแววไม่พอใจเลย กลับยิ้มออกมา รับปากว่า “วางใจเถอะ เยี่ยนรับรองว่าไม่ตีเขาตายแน่”
สิ้นเสียง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก้าวเท้ากว้างออกจากห้องไป
เยี่ยเม่ย “…” ไฉนนางกลับรู้สึกว่าคำพูดนี้ของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคล้ายเป็นคำที่มีความหมายตรงข้ามกันนะ