(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล - ตอนที่ 101-102
ตอนที่ 101 ไม่ยอมเปิดปาก
“ปล่อยข้า!” หลานเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ทำให้ชิวอวี้ที่แต่เดิมดีอกดีใจอยู่นั้นต้องตกใจไป
“พี่เย่ว์ ทำไมท่านถึงพูดกับอวี้เอ๋อร์เช่นนี้ พี่เย่ว์ ท่านเป็นอะไรไป” หลานเฟิงหันหน้าไปอีกทาง น้ำตาของชิวอวี้ไหลลงมา
“พี่เย่ว์ ท่านอย่าเป็นเช่นนี้เลย อวี้เอ๋อร์ทำอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ?” ชิวอวี้ร้องไห้ไม่หยุด
“หลานเยี่ยอยู่ที่ไหน”
“ทำไมพี่เย่ว์ถึงถามถึงหลานเยี่ยอยู่ตลอด หลานเยี่ยมีอะไรดีกันแน่ พี่เย่ว์ตอนนี้อวี้เอ๋อร์เป็นเด็กท่านเอ็นดูอวี้เอ๋อร์ถึงเพียงนั้น ทำไมพอโตขึ้นมาถึงไม่ชอบอวี้เอ๋อร์แล้ว”
“พี่เย่ว์ ท่านอย่านิ่งเงียบ ท่านเคยบอกข้าไม่ใช่หรือว่าทุกคนล้วนมีคุณค่าในตนเอง ข้าฟังคำของท่าน ข้าถึงใช้ชีวิตอย่างดี พี่เย่ว์ ท่านมองข้า อวี้เอ๋อร์เชื่อฟังคำของท่านจริงๆ ใช้ชีวิตอย่างดีจริงๆ พี่เย่ว์อย่าได้คิดถึงหลานเยี่ยอยู่ตลอด พี่เย่ว์ก็คิดถึงอวี้เอ๋อร์บ้างดีหรือไม่ คนที่เชื่อฟังท่านจริงๆ คืออวี้เอ๋อร์อย่างไรเล่า”
หลานเฟิงไม่ได้หันหน้ากลับไป เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองรู้สึกเช่นไร หลานเยี่ยอยู่ที่ไหนกันแน่? ชิวอวี้กลายเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
ไม่นานก็มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามา มองเห็นชิวอวี้ร้องไห้อยู่ข้างเตียง จึงเดินเข้ามาปลอบ
“อวี้เอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไร? เห็นพี่เยี่ยก็ควรจะดีใจไม่ใช่หรือ?”
“ฉีเย่ว์ พี่เย่ว์ไม่ชอบข้าแล้ว พี่เย่ว์ไม่ชอบข้าแล้ว ทำอย่างไรดี?”
ฉีเย่ว์เหลือบมองหลานเฟิง ตอนนี้หลานเฟิงหลับตาลงทั้งสองข้าง ไม่ยินยอมเห็นหน้าพวกเขาสองคน
“อวี้เอ๋อร์ไม่ต้องเสียใจไป พี่เย่ว์ไม่ได้ไม่ชอบเจ้าเสียหน่อย พี่เย่ว์เพียงแค่เหนื่อยเท่านั้น เจ้าดูซิพี่เย่ว์ของเจ้าไม่ใช่ว่าหลับอยู่อย่างนั้นหรือ”
“จริงหรือ” ชิวอวี้สะอึกสะอื้นถามออกมา
“เป็นเรื่องจริง พวกเราออกไปก่อนดีกว่า อย่ารบกวนเวลาพักผ่อนของพี่เย่ว์เลยดีหรือไม่ รอพี่เย่ว์ตื่นขึ้นมาเมื่อไม่เหนื่อยแล้ว ก็จะชอบอวี้เอ๋อร์มากกว่าเดิม ดังนั้นพวกเราออกไปก่อนเถิด”
“อืม!” ชิวอวี้ตอบรับด้วยความยินดี เหมือนกับเด็กน้อย
ฉีเย่ว์พาชิวอวี้ออกไป ผ่านไปไม่นานฉีเย่ว์ก็กลับเข้ามาอีกครั้ง ตอนนี้เดินผ่านประตูก็ดึงประตูให้ปิดลง หลานเฟิงที่นอนอยู่บนเตียงก็ยังคงนอนอยู่เช่นเดิม ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ พูดให้ถูกก็คือไม่สามารถขยับไปไหนได้
“ไม่มีอะไรจะพูดอย่างนั้นหรือ”
“สิ่งที่ข้าอยากถามเมื่อองค์ชายรัชทายาทอยากบอกย่อมต้องพูดออกมาเอง ทำไมถึงต้องถามเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าไร้ประโยชน์หรือ”
“เจ้าช่างเย็นชาเสียจริง เจ้ารู้หรือไม่หลายปีมานี้เพื่อที่จะได้เจ้ามาชิวอวี้ทำสิ่งต่างๆ มากมายเพียงใด เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขายังเป็นเด็กก็ต้องสู้สุดชีวิต และเพื่ออะไรเจ้ารู้หรือไม่”
หลานเฟิงหันไปมองฉีเย่ว์
“องค์รัชทายาทช่างสบายเสียจริง ในราชสำนักไม่มีธุระอะไรเลยอย่างงนั้นหรือ กลับวิ่งมาตระกูลเยี่ยมาอยู่กับเด็กที่อารมณ์ไม่มั่นคง”
“อยู่ที่นี่ข้าไม่ใช่องค์ชายรัชทายาท ข้าเป็นเพียงหมอยาเท่านั้น ถือเป็นหมอยาของชิวอวี้เท่านั้น ชิวอวี้นั้นอารมณ์ไม่คงที่จริง มีบางครั้งที่ดื้อรั้นเหมือนเด็ก มีบางครั้งที่นิ่งสงบเหมือนคนชราที่ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน ดังนั้นข้าจึงทำทุกความสามารถของตัวข้าที่จะรักษาเขาให้หายดี เป็นอย่างไร? เจ้าไม่คิดว่าเขาน่ารักมาอย่างนั้นหรือ?”
“รักษาให้หาย? เจ้าเพียงแค่เอาเขาเป็นหนูทดลองเท่านั้นเอง ข้อบกพร่องที่มีมาตั้งแต่เกิดอีกทั้งไม่อาจรักษาให้หายได้ของเขา แล้วมีบิดาที่เป็นเช่นนั้น จะให้อารมณ์มั่นคงได้อย่างไร”
“แล้วแต่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไร อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าก็ทำอะไรไม่ได้ ข้าวางยาเจ้ารู้สึกไม่ดีใช่ไหมเล่า ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงไม่สามารถทำอะไรได้ ข้ากล่อมเจ้าให้ปฏิบัติต่อชิวอวี้ให้ดีเสียหน่อย เช่นนี้เขาอาจจะบอกเจ้าเรื่องหลานเยี่ย” ฉีเย่ว์พูดจบก็เดินจากไป เหลือเพียงหลานเฟิงนั่งนิ่งมองการตกแต่งบนเพดานเพียงลำพัง
ตอนที่ 102 กินข้าว
วันรุ่งขึ้นเมื่อตื่นขึ้นมาหลานเฟิงก็เห็นชิวอวี้นั่งอยู่ข้างเตียง ในมือนั้นถือผ้าขนหนูชุบน้ำอยู่ในมือ บ่าวรับใช้คนหนึ่งถืออ่างน้ำอยู่ข้างๆ ฉีเย่ว์ยืนดูอยู่ตรงนั้น
“พี่เย่ว์ ท่านตื่นแล้ว ข้าเช็ดหน้าให้” พูดจบก็หันมาเช็ดหน้าให้หลานเฟิง หลานเฟิงคิดจะหันหน้าหนี แต่ก็คิดถึงคำพูดของฉีเย่ว์เมื่อวานนี้ หากอยากรู้ว่าหลานเยี่ยอยู่ที่ใดก็จะต้องปฏิบัติต่อชิวอวี้ให้ดีเล็กน้อย
หลานเฟิงไม่ขยับไปไหน ปล่อยให้ชิวอวี้ช่วยเขาเช็ดตามใจชอบ
“พี่เย่ว์ หลับตาเสียหน่อย ทำเช่นนี้จะได้ไม่โดนตาท่าน” หลานเฟิงทำตาม ชิวอวี้เห็นชัดว่าดีใจ
ชิวอวี้หมุนตัวไป บ่าวรับใช้คนนั้นเหมือนจะเหม่อลอยเล็กน้อย จนทำให้น้ำกระฉอกออกมา อีกทั้งยังเปียกมาถึงบนเตียงอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ขออภัยเจ้าค่ะ ขออภัย นายน้อย บ่าวสมควรตาย ให้อภัยบ่าวเถิดเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้คนนั้นรีบคุกเข่าขออภัยในทันที
“ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงทำน้ำหกลงบนเตียงพี่เย่ว์ จะมีเจ้าไปทำไม พี่เย่ว์ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่”
“ฉีเย่ว์ จัดการนางออกไป อย่าให้ข้าเห็นหน้านางอีกตลอดกาล เป็นเพราะนางทั้งนั้นพี่เย่ว์จะไม่สบายแล้ว”
“ขอรับ” พูดจบฉีเย่ว์ก็ลากบ่าวรับใช้คนนั้นออกไป บ่าวคนนั้นโดนลากออกไปพลางร้องไห้ร้องขอชีวิตไปพลาง คิดว่าการออกไปครั้งนี้คงจะมีเพียงความตายรออยู่เท่านั้น
“ข้าไม่เป็นอะไร” หลานเฟิงเอ่ยปากพูด พบว่าคอของตนเองแหบแห้งเป็นอย่างมาก เมื่อวานนี้ไม่มีอาหารตกถึงท้องเลยทั้งวัน และไม่ได้ดื่มน้ำ แค่เพียงวันเดียวเท่านั้น ไม่มีกระแสพลังช่างน่าวุ่นวายเสียจริง
“ไม่เป็นอะไรจริงหรือ พี่เย่ว์ข้ายกน้ำให้ท่านดื่ม” ชิวอวี้ถือน้ำมาแก้วหนึ่งวางไว้หัวเตียง จากนั้นก็ค่อยๆ ประคองหลานเฟิงขึ้นมา ชิวอวี้ใช้ช้อนเล็กๆ ค่อยๆ ป้อนให้หลานเฟิงดื่มทีละช้อน หลานเฟิงก็ดื่มจนหมด
“ชิวอวี้ เช่นนั้น…”
“พี่เย่ว์ท่านพูดอะไร” หลานเฟิงพูดๆ อยู่ก็ต้องหยุดลงในฉับพลัน ชิวอวี้ได้ยินไม่ชัด
ใช่แล้ว ตนเองคิดจะพูดอะไร? บ่าวรับใช้คนนั้นไม่มีความผิดจริงหรือ? ตนเองไม่เป็นอะไรดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องโทษนางอย่างนั้นหรือ? ตนเองคิดจะพูดอะไร? จนถึงตอนนี้ชีวิตตนเองยังรักษาไว้ได้ยาก สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือถามข่าวคราวของหลานเยี่ย ได้ยาถอนพิษ เรื่องอื่นไม่เกี่ยวอะไรกับตนเองทั้งนั้น
“พี่เย่ว์นอนลงอีกสักหน่อย ข้าจะไปยกอาหารมาให้ท่าน วันนี้จะต้องทานแล้วนะ อวี้เอ๋อร์ทำอาหารไม่เป็น แต่อวี้เอ๋อร์จะต้องเรียนจนเป็นให้ได้ ในอนาคตจะได้ทำให้พี่เย่ว์ทาน ฉีเย่ว์บอกว่าทำเช่นนี้พี่เย่ว์จะได้มีความสุขในทุกวัน”
หลานเฟิงไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไร มองดูชิวอวี้ที่วิ่งออกไปนอกห้องด้วยความร่าเริง ตนเองก็รู้สึกไม่มีความสามารถพอที่จะทำได้
ชิวอวี้ยกสำรับมาด้วยตนเอง ตามคำพูดของเขาก็คือตนไม่สามารถทำอาหารเองได้ แต่จะต้องเป็นคนป้อนพี่เย่ว์ด้วยตนเอง
ชิวอวี้เป่าอาหารให้หลานเฟิงอย่างเอาใจใส่ ตราบจนหายร้อนแล้วถึงได้ป้อนให้หลานเฟิงทาน
ชิวอวี้ปีนี้อายุสิบเจ็ดปี การคาดเดาของหมอยาในตอนนั้นคือเขามีชีวิตได้ไม่เกินสิบห้าปี ดูท่าทางว่ายาของฉีเย่ว์จะได้ผลจริง อีกทั้งผมขาวโพลนของชิวอวี้ในตอนแรกก็เริ่มมีวี่แววเปลี่ยนแปลงแล้วเล็กน้อย
ตอนที่กำลังทานอยู่นั่นเอง ฉีเย่ว์ก็เดินเข้ามา มองดูหลานเฟิงกินอาหารที่ชิวอวี้ป้อนอย่างเชื่อฟังริมฝีปากก็กระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เหมือนกำลังหัวเราะเยาะ
เขาไม่ได้รบกวนทั้งสองคน ด้านหลังฉีเย่ว์มีคนสองคนแบกรถเข็นเข้ามาวางไว้แล้วเขาก็ออกไป
“ทำไมฉีเย่ว์ถึงมาอยู่ที่นี่?”
หลานเฟิงถามชิวอวี้
“สามปีก่อนหน้าานี้ ตอนที่ข้าใกล้จะไม่ไหวแล้ว จู่ๆ ฉีเย่ว์ก็ปรากฏตัวขึ้นในตระกูลหลาน บอกว่าสามารถรักษาข้าได้ จากนั้นพ่อข้าจึงรั้งตัวเขาเอาไว้ หลังจากนั้นมาข้าเองก็ถามเขา เขาบอกว่าตอนเด็กๆ ที่ข้าไปราชสำนักในเมืองหลวงเขาเคยพบข้ามาก่อน แต่ข้าไม่มีความทรงจำนั้นแม้แต่น้อย หลังจากนั้นไม่ว่าจะถามอะไรเขาก็ไม่พูดอีก หลังจากนั้นเขาก็ตามข้ามาโดยตลอด”
“เขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรแปลกๆ อย่างนั้นหรือ”
“เรื่องแปลกกลับไม่มี แต่ยาที่เขาให้นั้นยากที่จะดื่มลงไปเหลือทน ทุกครั้งที่ดื่มล้วนขมจนแทบทนไม่ไหว แต่เขาก็ไม่อนุญาตให้ข้าทิ้ง”
หลานเฟิงไม่ได้พูดอะไร องค์ชายรัชทายาทแห่งราชสำนักแท้จริงแล้วมีเป้าหมายอะไรกันแน่?