(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล - ตอนที่ 117 ลุ่มหลง / ตอนที่ 118 ภาพมายา
ตอนที่ 117 ลุ่มหลง
ตอนเช้าวันหนึ่ง หลานเฟิงตื่นขึ้นมาก่อน พบว่าชิวอวี้อยู่บนเตียงของตน ปกติแล้วชิวอวี้จะตื่นเช้ากว่า ดังนั้นจะคอยหลานเฟิงตื่นอยู่ข้างเตียง พอหลานเฟิงตื่นขึ้นมาก็จะเห็นเขา
หลานเฟิงลุกจากเตียง คิดจะไปหยิบแก้วชา ความรู้สึกเมาค้างนั้นแม้จะคุ้นชินแล้ว แต่เมื่อวานเหมือนจะดื่มหนักมาก ชิวอวี้ได้ยินเสียงขยับตัวก็ตื่นขึ้นมา เห็นหลานเฟิงอยู่ข้างเตียงก็รีบวิ่งเท้าเปล่าไปกอดเอวเขาจากด้านหลัง
“อรุณสวัสดิ์ พี่เย่ว์ เมื่อคืนนี้อวี้เอ๋อร์ฝันเห็นท่านด้วย พี่เย่ว์ เมื่อวานนี้ฉีเย่ว์ได้ปรึกษากับอวี้เอ๋อร์แล้ว เห็นด้วยที่จะให้อวี้เอ๋อร์ออกไปกับพี่เย่ว์ พี่เย่ว์ พวกเราออกไปดีหรือไม่”
“อืม”
หลานเฟิงหยุดชะงัก ส่งเสียงตอบรับออกมา
ชิวอวี้วิ่งออกไปหาฉีเย่ว์ด้วยท่าทีดีอกดีใจ
กิจการการค้าภายในตระกูลเยี่ยไม่ได้รุ่งเรืองเท่าไรนัก ส่วนใหญ่แล้วการไหลเวียนของสินค้าล้วนมาจากเมืองหลวง
ชิวอวี้นั่งอยู่บนหลังม้า เพื่อให้หลานเฟิงนั่งข้างหลัง หลานเฟิงเหลือบมองทีหนึ่งแล้วถึงขึ้นไป หลานเฟิงนั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับชิวอวี้ ห่างออกไปไกลนั้นมีฉีเย่ว์ตามมา ไม่ได้พาองครักษ์มาด้วย
อย่างแรกเพราะเมืองหลวงอยู่ใต้การควบคุมของตระกูลเยี่ย อย่างที่สองสายลับของตระหูลเยี่ยมีอยู่ทั่วทุกที่ ไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์
เมื่อมาถึงเมืองหลวงชิวอวี้ก็คล้องแขนของหลานเฟิงวิ่งไปวิ่งมาทุกที่ด้วยความดีใจ ร้านรวงและหอสุราต่างๆ นานาภายในเมืองหลวงนั้นมีมากมาย หากจะเดินเล่นทั่วทุกพื้นที่ทั้งทิศเหนือใต้ออกตกนั้นต้องใช้เวลาประมาณสองวัย
พวกเขาค่อยๆ เดินเล่นทีละร้านๆ ไม่รีบร้อน
วันแรกหลานเฟิงก็ถูกชิวอวี้ลากเข้าไปในร้านค้าต่างๆ ฉีเย่ว์ทำหน้าที่คนแบกของอยู่ข้างหลัง หลังจากนั้นเพราะมีของเยอะเกินไป ฉีเย่ว์จึงไปจัดการเอารถม้ามาคันหนึ่ง เพื่อที่จะใส่ของที่ชิวอวี้ซื้อ
“พี่เย่ว์ ท่านดูตุ๊กตาดินเผานั่นซิน่านักหรือไม่”
“ไปดู”
“จริงหรือ ฉีเย่ว์ๆ เจ้ารีบมาเร็วเข้า ข้าจะซื้อตุ๊กตาดินเผาคู่นั้น” ได้ยินชิวอวี้ตะโกนเรียก ฉีเย่ว์จึงเดินไปหาด้วยความจนปัญญา นี่ยังไม่ทันพ้นข้ามวัน ชิวอวี้ก็ตะโกนเรียกเขาจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว รถม้าก็ใกล้จะใส่ของไม่หมดแล้ว
หลังจากซื้อตุ๊กตาดินเผาคู่นั้นแล้ว ฉีเย่ว์เดินเข้าไปพูดกล่อมชิวอวี้
“อวี้เอ๋อร์ นี่ก็กลางวันแล้ว พวกเรากลับไปพักก่อนดีกว่า ตอนบ่ายพวกเราค่อยมาเดินต่อดีหรือไม่”
“พี่เย่ว์ ท่านว่าอย่างไร”
“กลับเถิด”
“ได้ ฟังพี่เย่ว์”
พวกเขากลับไปยังบ้านพักในเมืองหลวง หอจันทร์แรม ป้ายชื่อในตอนแรกนั้นไม่ได้ถูกเปลี่ยน หลานเฟิงมองตัวหนังสือที่อยู่บนนั้นใจก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม
หลานเยี่ยหากเจ้ารู้ว่าข้ามองชิวอวี้เป็นเจ้า เจ้าจะเกลียดข้าหรือไม่
เมื่อถึงตอนบ่ายตอนที่กลุ่มคนออกไปอีกครั้ง ฉีเย่ว์ก็เตรียมรถม้าที่ใหญ่ขึ้นไว้ ป้องกันใส่ของที่ชิวอวี้ซื้อมาไม่หมด
เป็นไปตามที่คิดไว้ ของกองใหญ่อีกกองหนึ่ง
ช่วงนี้เป็นฤดูกาลเล่นว่าวพอดี บรรดาเด็กน้อยถือว่าวที่เพิ่งซื้อมาแข่งกันบนถนน ดูว่าใครจะลอยสูงได้กว่ากัน
“พี่เย่ว์ ท่านรีบมาดูเร็ว จะเอาสีฟ้ารูปผีเสื้อนี้ดี หรือว่าสีน้ำตาลรูปเหยี่ยวดี”
“สีฟ้าก็แล้วกัน สี…ฟ้า”
“เอาเถิด พวกเราไปที่บริเวณโล่งกว้างสักหน่อยเพื่อปล่อยว่าวดีกว่า”
ฉีเย่ว์พาพวกเขาไปยังพื้นที่ค่อนขว้างโล่งกว้าง พื้นที่เหลี่ยมกว้างสิบลี้ ไม่มีสิ่งอื่นใด มีเพียงดินเหลืองทั่วทุกที่ และต้นไม้สองต้นที่เงียบเหงา
ต้นไม้สองต้น คงจะไม่เหงากระมัง แม้ว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาจะค่อนข้างไกล แต่เมื่อทอดมองออกไปก็ยังดีกว่าต่างฝ่ายต่างอยู่คนละฟาก
ตอนที่ 118 ภาพมายา
ชิวอวี้ชักว่าวอยู่ห่างไกลออกไป วิ่งไปวิ่งมา ว่าวลอยสูงอยู่บนท้องฟ้า รอยยิ้มบนใบหน้าของชิวอวี้สดใสเป็นอย่างมาก
มองดูชิวอวี้ที่ชักว่าว หลานเฟิงเหมือนเห็นหลานเยี่ยที่กำลังร่ายรำกระบี่อยู่ต่อหน้าเขา หันกลับมาส่งยิ้มให้เขา เหมือนกำลังเชื้อเชิญ หลานเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาชิวอวี้ ฉีเย่ว์ที่อยู่อีกฝั่งมองดูเขาอยู่อย่างนั้น เหมือนกำลังสังเกตการณ์สินค้าทดลองชิ้นหนึ่ง
หลานเฟิงเดินไปครึ่งทาง จู่ๆ ก็ได้สติขึ้นมา หยุดยืนอยู่กับที่ เขาส่ายหัวเล็กน้อยทำให้ตนเองได้สติขึ้นมา ฉีเย่ว์เหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย เขาเพิ่มยาให้หลานเฟิง แต่ผลลัพธ์เหมือนจะไม่ชัดเจนเท่าไรนัก
รอจนชิวอวี้เล่นจนเหนื่อยแล้ว นอนพักผ่อนอยู่ในอ้อมกอดของหลานเฟิง หลานเฟิงเองก็ไม่ได้ใส่ใจ ผ่านไปสักครู่หนึ่งท้องของชิวอวี้จู่ๆ ก็ร้องออกมา
ชิวอวี้หันไปหัวเราะกับหลานเฟิงอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกับเด็กอายุสิบปี
“พี่เย่ว์ ข้าหิวแล้ว” สองวันมานี้จากเดิมที่เวลาชิวอวี้มีเรื่องอะไรก็เรียกชื่อฉีเย่ว์นั้นก็กลายเป็นมีเรื่องอะไรก็เรียกชื่อหลานเฟิง คำตอบของหลานเฟิงแม้จะมีเพียงไม่กี่คำ แต่ก็ตอบเขาทุกครั้ง
“ไปกินข้าว”
“ดี”
ฉีเย่ว์พาพวกเขาไปที่โรงสุราแห่งหนึ่ง โรงเซียนเมา เปิดห้องแยกหนึ่งห้อง หลานเฟิงนั่งลง ชิวอวี้หยิบแก้วชาบนโต๊ะมาเล่น ฉีเย่ว์ไปสั่งอาหาร
“คุณชายทั้งหลาย อาหารมาแล้ว” อาหารทั้งหมดค่อยๆ ถูกนำขึ้นมา รวดเร็วอย่างมาก มองดูอาหารที่มีเต็มโต๊ะ ชิวอวี้ก็กินอย่างมีความสุขขึ้นมา แล้วยังไม่ลืมที่จะคีบให้หลานเฟิง ฉีเย่ว์ออกห่างจากพวกเขา นั่งอยู่บนโต๊ะที่อยู่มุมอับ ค่อยๆ ลิ้มรสเหล้า
ผ่านไปไม่นานเด็กรับใช้ก็เข้ามาพร้อมกับเหล้ากาหนึ่ง ตรงไปวางไว้ที่โต๊ะของฉีเย่ว์ ฉีเย่ว์แอบหยิบเข็มเงินขึ้นมาเล่มหนึ่ง แตะลงไปในแก้วเหล้า จากนั้นก็ส่งไปให้หลานเฟิง
“ดื่มสักแก้วหนึ่งเถิด เจ้าชอบเหล้าไม่ใช่หรือ” ฉีเย่ว์มองเขาด้วยท่าทีเหมือนจะยิ้ม
หลานเฟิงรับเหล้ามาจากฉีเย่ว์ ดื่มลงไปทีละอึก มีบางครั้งที่คีบอาหารให้ชิวอวี้ ชิวอวี้กินอย่างมีความสุข มุมปากนั้นยังมีน้ำแกงเปรอะเปื้อน หลานเฟิงช่วยเช็ดให้เขา ชิวอวี้ส่งยิ้มให้หลานเฟิง
รอจนชิวอวี้กินจนอิ่มแล้ว เด็กรับใช้ก็ยกขนมสับปะรดมาจานหนึ่ง ชิวอวี้หยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งส่งให้หลานเฟิง
“พี่เย่ว์ ท่านดูซิ ขนมสับปะรด ให้ท่านกิน” สายตาของหลานเฟิงเหมือนจะเบลอเล็กน้อย
“หลานเฟิง ข้าอยากกินขนมสับปะรด”
“เสี่ยวเยี่ย” แก้วเหล้าในมือตกลงพื้นเสียงดังลั่น
หลานเฟิงจับหัวของตัวเองเอาไว้
“พี่เย่ว์ท่านเป็นอะไรไป” ชิวอวี้เรียกชื่อเขา หลานเฟิงหันไปมองทีหนึ่ง
“เสี่ยวเยี่ย” หลานเฟิงจับชิวอวี้กดไว้บนเบาะนั่ง จุมพิตลงไป ฉีเย่ว์ลุกขึ้น แล้วถอยออกไป ยืนรออยู่หน้าประตูเงียบๆ
“พี่เย่ว์?” หลานเฟิงปิดปากที่อยากพูดจาเอาไว้ เปิดริมฝีปากออกเหมือนกำลังเพลิดเพลินกับอาหารชั้นเลิศ
หลานเฟิงค่อยๆ จูบลงไปบนลำคอของชิวอวี้ช้าๆ ดูดไปพลาง กัดไปพลาง ไม่นานบริเวณไหปลาร้าก็เกิดรอยช้ำขึ้น
“พี่เย่ว์”
เสียงของชิวอวี้สะท้อนเสียงร่ำไห้เอาไว้
“เสี่ยวเยี่ยๆๆ”
หลานเฟิงพึมพำไม่หยุด
ฉีเย่ว์อยู่นอกประตู หลับตาลง ร่างกายค่อยๆ ไหลแนบไปกับประตู
จู่ๆ ด้านในห้องก็เกิดเสียงดังสนั่น ฉีเย่ว์รีบพุ่งเขาไปดู
เห็นเพียงชิวอวี้ที่เสื้อผ้าด้านบนไม่เรียบร้อย บนร่างนั้นมีรอยจูบทั้งเข้มและจางสลับกันไป หางตายังมีร่องรอยหยดน้ำตาเปรอะเปื้อน หลานเฟิงถอยไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง โต๊ะเพราะว่าโดนแรงกระแทกรุนแรงทำให้ลอยออกไป คาดว่าเสียงดังเมื่อครู่นี้คงจะเป็นเสียงโต๊ะที่ลอยออกไปกระมัง
“อวี้เอ๋อร์” ฉีเย่ว์ก้าวเข้าไปใส่เสื้อผ้าให้ชิวอวี้
“เจ้าไม่ใช่หลานเยี่ย เจ้าไม่ใช่” หลานเฟิงวิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไป แล้วยังพูดพึมพำไปพลาง หลานเยี่ย ขอโทษๆ หลานเยี่ยๆ เจ้าอยู่ที่ไหน
……
“เสี่ยวเยี่ย เป็นอะไรไป” มู่หลีมองหลานเยี่ยที่เหม่อมองไปที่ถนน ถามออกมา
“ไม่มีอะไร เหมือนว่าจะเห็นคนคนหนึ่ง คุ้นตานัก ไปเถิด เจ้าหิวไม่ใช่หรือ พวกเราไปกินข้าวกันเถิด โรงเซียนเมาที่เจ้าชอบที่สุด ถึงแล้ว”
“ดี เสี่ยวเอ้อร์ ห้องชุดหนึ่งห้อง”
“ขอรับ ห้องชุดสองท่าน”
คุ้นตาจริงๆ อีกทั้งในใจยังรู้สึกทรมาน