(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล - ตอนที่ 167 ให้เจ้าสูญพันธุ์ / ตอนที่ 168 อย่าได้สงสัย
ตอนที่ 167 ให้เจ้าสูญพันธุ์
หลานเยี่ยนั่งอยู่ภายในห้องลับชั้นใต้ดินวังอวี้หลิง ดูคนที่ถูกคลุมหัวปิดตาเบื้องหน้าที่ก่นด่าสาปแช่งไม่หยุด
“เป็นใครกันแน่ที่ลักพาตัวข้ามา รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นคุณชายข้าจะทำให้เจ้าแต่งงานออกไปไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว ตบแต่งเมียไม่ได้ ให้เจ้าสูญพันธุ์”
“ไม่พูดใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ข้าเป็นใคร ข้าเป็นประมุขหอต้วนอวิ๋น หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าพ่อสื่อที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง หากเจ้ายังไม่ปล่อยข้า รอข้าออกไปได้ ข้าจะให้ทุกคนรู้ชื่อเสียงเรียงนามเจ้า ให้เจ้าอยู่เหงาไปคนเดียวหงอยไปจนตาย”
“อยู่เหงาไปคนเดียวหงอยไปจนตายได้ยินหรือไม่ รีบปล่อยข้าโดยเร็ว”
คนที่อยู่เบื้องหน้าก็คืออวี่มั่ว หลานเยี่ยให้หลานเฟิงไปจับตัวเขามา เพื่อที่จะให้เขารับปากเรื่องสืบทอดบัลลังก์ แต่เดิมคิดจะให้เขามาแบบปกติ แต่ผลที่ออกมาไม่รู้ว่าทำไมหลานเฟิงถึงได้มัดจับตัวเขามา
อวี่มั่วก่นด่าคนที่จับตัวเขามาไม่หยุด น่าจะครึ่งชั่วยามแล้วกระมัง แต่เดิมหอต้วนอวิ๋นมีคนคอยลอบปกป้องอยู่ แต่เพราะเห็นว่าหลานเฟิงเป็นคนมาลักพาตัวไป ได้รับคำสั่ง จึงไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยว
ในที่สุดหลานเยี่ยก็ทนไม่ไหว หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ท่านประมุขหอ ข้าแต่งงานไม่ออกแล้วจริงๆ ตบแต่งสู่ขอภรรยาไม่ได้ แล้วยังสูญพันธุ์ไร้ผู้สืบทอดด้วย” หลานเยี่ยกลั้นไม่ไหว พิงร่างหลานเฟิงหัวเราะไม่หยุด หลานเฟิงก็ลูบศีรษะหลานเยี่ยไม่หยุด
ฟังออกว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเป็นใคร อวี่มั่วก็ยิ่งด่ารุนแรงมากขึ้น
“ดีจริง หลานเยี่ย เป็นเจ้านี่เอง รีบปล่อยข้าโดยไว เจ้ายังไม่ได้กินยากระมัง ไม่มีอะไรทำแล้วมาจับตัวข้าสนุกอย่างนั้นหรือ รีบปล่อยข้า เสี่ยวซีร้อนใจแย่แล้ว” อวี่มั่วด่าเสียงดังประหนึ่งกินดินปืนเข้าไป
หลานเยี่ยปล่อยเขาออก หลังจากอวี่มั่วได้รับอิสระ ก็ก้าวขึ้นไปสู้กับหลานเยี่ยยกหนึ่ง แต่หลานเยี่ยเขาสู้ไม่ได้ หลานเฟิงก็ยิ่งสู้ไม่ได้ ทะเลาะกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็ทำได้เพียงถูกหลานเยี่ยกดไว้บนพื้น
“เจ้าปล่อยข้า เสี่ยวซีร้อนใจแย่แล้ว เจ้าพาข้ามาราชสำนักด้วยเหตุใด”
“ทางด้านเทียนซีเจ้าไม่ต้องร้อนใจไป ข้าให้คนพาเขาไปยังที่ปลอดภัยแล้ว สำหรับเจ้า นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง วันนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่นิ่งๆ เงียบๆ เถิด”
“เจ้าอาศัยสิทธิ์อะไรให้ข้าอยู่ที่นี่ ที่นี่คือที่ไหนกันเจ้าจะให้ข้ามาอยู่ หากว่าเจ้าขายข้าออกไปอีกครั้งจะทำเช่นไร” อวี่มั่วดิ้นรนไม่หยุด แต่เพราะหลานเยี่ยส่งเขาให้หลานเฟิง เขายิ่งอับจนหนทางไปกันใหญ่
“บังเอิญเสียจริง ข้ากำลังจะขายเจ้า องค์ชายสอง” ได้ยินสรรพนามของหลานเยี่ย อวี่มั่วหยุดการขัดขืนในทันใด
“เจ้ารู้ทั้งหมด”
“แน่นอน”
“เจ้าคิดจะทำอะไร”
“ข้าอยากให้เจ้าสืบทอดบัลลังก์ เป็นอย่างไร เจ้าจะรับปากหรือไม่”
“สืบทอดบ้านเจ้าซิ ข้าไม่สืบทอดบัลลังก์ ข้าจะใช้ชีวิตอย่างอิสระไปกับเสี่ยวซี ปล่อยข้าโดยเร็ว”
“นี่ไม่ขึ้นอยู่กับเจ้า เสด็จแม่ของเจ้ารับปากแล้ว”
“เสด็จแม่คือเสด็จแม่ ข้าคือข้า เสด็จแม่เป็นเส้นสายตระกูลหลานของเจ้า ข้าไม่ใช่ ใครก็เป็นตัวแทนข้าไม่ได้ทั้งสิ้น รีบปล่อยข้าไป”
“ใครสนเจ้า วันนี้มีละครฉากใหญ่ แสดงให้ดี ได้ยินหรือไม่ มิเช่นนั้นข้าจะให้คนไปรื้อหอต้วนอวิ๋นของเจ้า” หลานเยี่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้พูดข่มขู่อวี่มั่วอย่างสงบเยือกเย็น
“หลานเยี่ย มารดาเจ้าซิ เจ้าลองแตะต้องหอต้วนอวิ๋นของข้าดู”
“ข้าได้พูดกับคนตระกูลหลานเอาไว้ก่อนแล้ว หากก่อนคืนวันพรุ่งนี้ข้ายังกลับไปหอต้วนอวิ๋นไม่ได้ ก็ให้รื้อหอต้วนอวิ๋นซะ”
“ถือว่าโหด ได้ เจ้าพูดมา จะให้ข้าทำอะไร”
“ไม่ใช่บอกเจ้าไปแล้วหรือ จากนั้นก็สืบทอดบัลลังก์”
“…”
ดูท่าจะเข้าใจแล้ว หลานเยี่ยให้หลานเฟิงปล่อยเขา ต่อจากนั้นหลานเฟิงก็นั่งลงข้างหลานเยี่ย หลานเยี่ยนั่งพิงเอนกายบนร่างเขา
ตอนที่ 168 อย่าได้สงสัย
อวี่มั่วลุกขึ้น เห็นหลานเยี่ยและหลานเฟิงสนิทชิดใกล้ถึงเพียงนี้ เรื่องเมื่อครู่ก็ลืมไปกว่าครึ่ง
“ดูท่าพวกเจ้าสองคนจะทำตามที่เสี่ยวซีพูดแล้วกระมัง เป็นอย่างไร ความทรงจำกลับมาแล้วใช่หรือไม่” อวี่มั่วนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฝั่งหนึ่งมองพวกเขาสองคนอวด
“พลังกระแสวิญญาณฟื้นฟูแล้ว แต่ความทรงจำฟื้นกลับมาเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น”
“ไม่เป็นอะไร ทำให้หลายครั้งหน่อยก็จะดีเอง เจ้าบอกว่าจัดการกับเสี่ยวซีอย่างดีแล้ว เขาอยู่ที่ไหน”
“อยู่กับเสด็จแม่ของเจ้า”
“…” จู่ๆ อวี่มั่วก็หยุดพูดบ่น ท่าทางอยากพูดแต่ก็พูดไม่ออก
“ทำไมหรือ จะช้าหรือเร็วล้วนต้องพบหน้า จะกลัวอะไร” หลานเยี่ยมองเขาด้วยความดูถูกทีหนึ่ง ในใจคิดว่าพระชายาหลิ่วเห็นด้วยกับเรื่องของพวกเจ้าแล้วแท้ๆ ยังจะกลัวนกตัวนี้อีก
“เช่นนั้นขอถามอีกว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ใด”
“ด้านล่างวังอวี้หลิง ทำไมหรือ”
“…” อวี่มั่วสีหน้าไร้ซึ่งความสุข ทำให้หลานเยี่ยแสดงสีหน้าสับสนมึนงง
“เสี่ยวซีเจ้าไม่รักข้าแล้ว เจ้าไม่ลงมาดูมาข้าเลยด้วยซ้ำไป เมื่อคืนนี้เจ้ายังพูดว่ารักข้าอยู่เลย วันนี้กลับเปลี่ยนไปแล้ว” อวี่มั่วแสร้งทำท่าปาดน้ำตาอยู่อีกข้าง ทำให้น้ำชาอึกหนึ่งในปากของหลานเยี่ยเกือบโดนพ่นออกมา ดูท่าละครฉากนี้น่าจะเป็นงานฝีมือ มีเวลาจะต้องฝึกให้เก่งเสียแล้ว
“พอได้แล้ว แค่เพียงไม่ได้พบหน้าหนึ่งชั่วยามเท่านั้นเอง ต้องทำเช่นนี้เลยหรือ” คราวนี้กลายเป็นหลานเยี่ยที่หมดคำพูด
“หลานเยี่ย เจ้าตามข้ามา”
จู่ๆ อวี่มั่วก็ลุกขึ้น ดึงหลานเยี่ยไปอีกฝั่ง แล้วยังหันไปมองดูหลานเฟิงว่าตามมาหรือไม่
“มีอะไรหรือ”
อวี่มั่วมั่นใจแล้วว่าหลานเฟิงไม่ได้ตามมา ถึงได้เอ่ยปากพูด
“หลานเยี่ย ข้าถามเจ้าคำถามหนึ่ง เจ้าต้องตอบข้าตามตรง” อวี่มั่วพูดกับหลานเยี่ยด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ ทำให้หลานเยี่ยยิ่งรู้สึกมึนงง
“คำถามอะไร”
“ก็ตอนที่เจ้าอยู่กับหลานเฟิงมีความรู้สึกเช่นไร มีความรู้สึกตื้นตันใจ สงบใจไว้ไม่อยู่หรือไม่ ตอนที่เห็นเขารู้สึกคิดถึงเขา ตอนนี้ไม่เห็นเขาก็ยิ่งคิดถึง” อวี่มั่วพูดไปพลางเหลือบมองข้างหลังไปพลาง
ได้ฟังคำพูดของอวี่มั่ว ใบหน้าของหลานเยี่ยก็ดำคล้ำจนแทบจะมีน้ำมันหยดออกมา
“เจ้ารู้สึกแปลกใจกับเรื่องส่วนตัวของครอบครัวคนอื่นเช่นนี้เชียวหรือ”
“เจ้าไม่ตอบข้าไม่เป็นไร ข้าไปถามหลานเฟิงได้”
“หวังว่าเขาจะไม่ตีเจ้าให้ตาย”
“เจ้าพูดซิ แท้จริงแล้วรู้สึกอย่างไรกันแน่”
“ข้าตีเจ้าจนตายได้ใช่หรือไม่”
“หลานเยี่ย เป็นเจ้าที่เข้าใจที่สุดแล้ว เจ้าบอกข้าเถิด เช่นนี้ข้าจะได้สามารถมั่นใจความรู้สึกของเสี่ยวซีเสียหน่อย ข้าจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขารักข้ามากเพียงใด”
“เจ้าไม่มั่นใจตัวเองเช่นนี้เชียวหรือ”
“อืมๆ ฉะนั้นเจ้าบอกข้าเถิด” อวี่มั่วหันกลับมามองหลานเฟิงทีหนึ่ง หลานเยี่ยแสดงออกว่าดูถูกเขา
“เอาเถิด เรื่องนี้แตกต่างไปตามบุคคล ระหว่างทางที่เจ้าและเทียนซีเดินมาด้วยกันข้าไม่รู้ว่าในตอนนั้นเจ้าประสบเรื่องอะไรมาบ้าง แต่ระหว่างทางของข้าและหลานเฟิงเจ้าเองก็ถือว่าเป็นพยาน ตอนนี้สิ่งที่ข้ารู้สึกได้มากที่สุดก็คือสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสงบเงียบ เท่านี้ก็พอแล้ว สำหรับเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพิจารณามากขนาดนั้น”
“เช่นนี้เอง แต่เสี่ยวซีเขามักจะไม่ยอมเอ่ยปากแสดงความรักที่เขามีต่อข้า ทำให้ข้าไม่มีความเชื่อมั่นเลยแม้แต่น้อย นี่จะทำเช่นไรดี”
“…” ใบหน้าของหลานเยี่ยไถจนดำ ไม่สนใจอวี่มั่ว หลานเยี่ยหนีไปที่อื่นพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง
เห็นหลานเยี่ยจากไป อวี่มั่วรีบเดินเข้ามาพูดคุยกับหลานเฟิง สีหน้าท่าทางลับๆ ล่อๆ
“เมื่อครู่นี้คำพูดของหลานเยี่ยเจ้าได้ยินหมดแล้วใช่หรือไม่ ฉะนั้นเจ้าต้องสู้เข้านะ ฉะนั้นเจ้าช่วยข้าถามเช่นนี้กับเสี่ยวซีให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”
หลานเฟิงดื่มชาอึกหนึ่ง เหลือบมองเขาทีหนึ่ง
“ข้ามีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก ไม่มั่นใจถึงได้ไปถามคนอื่น สุดท้ายแนะนำเจ้าประโยคหนึ่ง อย่าได้สงสัยความรักที่เทียนซีมีต่อเจ้า มิเช่นนั้นได้ไม่คุ้มเสีย”
“…”