(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล - ตอนที่ 65-66
ตอนที่ 65 ตำนานรักพันปีตอนอวิ๋นซู
คนผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้องหลานเซียว
“ชิวจือเว่ยไปแล้วหรือ?”
“อืม ไปแล้ว”
“อยากพูดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เถิด” หลานเซียวมองหลานเจ๋อที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก
“ท่านประมุขและชิวจือเว่ยใกล้ชิดเกินไปหรือไม่ขอรับ ตระกูลหลานและตระกูลเยี่ยไม่อาจแต่งงานข้ามตระกูลได้กฎนี้ไม่เคยมีใครแหกคอกมาก่อน หากท่านประมุขจริงใจข้าน้อยก็ต้องขอให้ท่านประมุขปล่อยวางลงโดยเร็ว ทั้งสองตระกูลแต่งงานกันจะต้องเป็นเคราะห์ร้ายของแผ่นดินนี้เป็นแน่
“ทั้งสองตระกูลมีสัมพันธ์ที่ดี นั่นไม่ใช่ว่าใต้หล้าจะสงบสุขอย่างนั้นหรือ ไม่มีการศึกอีกต่อไป”
“แต่ก็การกินอิ่มนอนหลับจะทำให้เกิดความลุ่มหลง ก่อให้เกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง”
“ที่พูดก็ไม่ผิด แต่เจ้าคิดว่าที่ข้าปฏิบัติต่อเขาเหมือนมาจากใจจริงอย่างนั้นหรือ?” หลายเซียวยิ้มอย่างไม่ยี่หระ
“คนอย่างเขาถือเป็นหมากที่ดีตัวหนึ่ง เป็นหมากที่ควบคุมได้ดี อีกทั้งพูดถึงข้ากับเขาไม่มีผลลัพธ์ แล้วเจ้ากับชังหลานก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ คนหนึ่งเป็นสิ่งอมนุษย์ อายุยืนยาวถึงพันปี หมื่นปี แต่เจ้ามีอายุเพียงแค่ร้อยปีเท่านั้น”
“เรื่องของพวกเราคงไม่ต้องให้ท่านประมุขเป็นกังวล ไม่ว่าพวกเราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันนานขนาดไหนก็มากพอแล้ว”
“จากนั้นก็เหลือเพียงเขาไว้คนเดียวบนโลกนี้ทนรับความทุกข์จากความคิดถึงนับพันปีหมื่นปีอย่างนั้นหรือ?”
หลานเจ๋อไม่ได้พูดอะไร
ความนิ่งเงียบอันยาวนานระยะหนึ่งถูกหลานเซียวทำลายลงก่อน
“นี่คือของวิเศษที่ข้าหามาได้ด้วยความบังเอิญ มุกหลิววั่ง ตอนที่อายุขัยของเจ้าได้หยุดลงให้นำเอาวิญญาณดึงออกมาใส่หนึ่งในมุกหลิววั่ง ทำให้เจ้าอยู่บนโลกนี้ได้ตลอดกาล ด้วยความสามารถของชังหลานน่าจะสามารถทำให้เจ้ามีกายหยาบได้ แต่หากวิญญาณถูกทำลายนั่นก็ทำได้เพียงถูกผนึกอยู่ในนั้น จะต้องมีสักวันที่วิญญาณได้รับการฟื้นฟู”
มุกหลิววั่งลอยอยู่บนมือหลานเซียว หลานเจ๋อนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ คุกเข่าข้างเดียวลงบนพื้น
“ขอบพระคุณท่านประมุข หลานเจ๋อจงรักภักดีต่อท่านประมุขทุกชาติภพไป”
“ลุกขึ้นมาเถิด เจ็ดวันหลังจากนี้ชิวจือเว่ยจะบุกโจมตีเมืองหลวง ข้าจะต้องไปดูด้วย สำหรับเขาเทียนปี้ ขอแค่ข้าไม่พูดเขาก็ไม่กล้าไปยุ่ง”
“ข้าน้อยเข้าใจข้าน้อยขอตัว”
หลานเจ๋อกำลังจะถอยออกไป สตรีนางหนึ่งก็พุ่งเข้ามาร้องไห้ก้มตัวอยู่แนบเท้าหลานเซียว
“ท่านพี่ ท่านจะต้องช่วยข้า”
“ซูเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไร รีบลุกขึ้นมา”
“ท่านพี่ ตอนนี้มีท่านคนเดียวที่ช่วยข้าได้ ข้าไม่มีหนทางแล้วจริงๆ” หลานเซียวประคองอวิ๋นซูให้ขึ้นมานั่ง หลานเจ๋อถอยออกจากห้องไปเงียบๆ พลางปิดประตูห้องให้
หลานเซียวถึงได้เห็นอย่างชัดเจนว่าอวิ๋นซูแต่งกายในชุดสาวรับใช้ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าตาสกปรกมอมแมม ดูท่าว่าหนีออกมาจากเขาเทียนปี้
“นี่เกิดอะไรขึ้น พูดมาเถิด”
“ตระกูลเยี่ยบุกโจมตีซีเชวีย ท่านพ่อเป็นกังวลอย่างมาก คิดว่าหลังจากตระกูลเยี่ยตีตระกูลหลายได้แล้วเขาเทียนปี้ย่อมไม่อาจรักษาได้อีกต่อไป ฉะนั้นเลยคิดจะส่งข้าไปยังตระกูลเยี่ย แต่งงานกับชิวจือเว่ย แต่ข้าไม่ยินยอมเขาเลยจับข้าขังเอาไว้ บ่าวรับใช้ข้างกายข้าสู้จนตัวตายเพื่อส่งข้าออกมา “
หลานเซียวฟังไปฟังมาจนเกือบหลุดหัวเราะออกมา
“ซูเอ๋อร์ของพวกเรารูปงามดั่งดอกไม้เช่นนี้จะไปเสียเปรียบให้กับเจ้าชิวจือเว่ยได้อย่างไร วางใจ ปล่อยให้พี่จัดการ พี่จะแก้ปัญหาให้เจ้า”
“อืม” อวิ๋นซูร้องไห้พลางพยักหน้า
“อีกอย่างซูเอ๋อร์เจ้าควรจะบอกสักหน่อยหรือไม่ว่าแท้จริงแล้วเจ้าชอบใครกันแน่”
“ท่านพี่” อวิ๋นซูพาลโกรธเอาดื้อๆ
”เจ้าไม่พูดข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้นะ ช่วยไม่ได้นะ” หลานเซียวขำขัน
“เป็นฉีฮวนเจ้าค่ะพี่” อวิ๋นซูก้มหน้าพูด
“องค์ชายเก้าแห่งราชสำนักอย่างนั้นหรือ” อวิ๋นซูพยักหน้า
“ไม่ง่ายเลย เขามีท่าทีเช่นไร?” หลานเซียวคิดถึงเรื่องที่หลังจากนี้เจ็ดวันชิวจือเว่ยจะบุกโจมตีเมืองหลวง
“เขาเองก็ยอมเจ้าค่ะ” เสียงของอวิ๋นซูเหมือนยุงบิน
“เช่นนี้แล้วกัน เจ้าอยู่ที่ตระกูลหลานไปก่อน เรื่องท่านลุงและเรื่องฉีฮวน พี่จะช่วยจัดการให้เจ้า ภายในเจ็ดวันรับประกันว่าเจ้าจะต้องแต่งงานออกไปอย่างสมฐานะหน้าตา”
“ไม่ต้องสมฐานะหน้าตา เขาบอกว่าขอแค่ได้อยู่กับข้า เขาไม่ต้องเป็นองค์ชาย และไม่ต้องการเกียรติยศศักดิ์ศรี เขายินยอมที่จะหลบอาศัยในป่าเขากับข้า ใช้ชีวิตธรรมดาสามัญ”
“เขาพูดเช่นนี้เพราะคิดเช่นนี้จริงหรือ? คำพูดของบุรุษไม่อาจเชื่อได้ทั้งหมด เจ้าอยู่ดีกินดี บ่าวรับใช้เป็นกลุ่มมาตั้งแต่เด็ก วันๆ เอาแต่สบาย คอยแต่รับผลประโยชน์ เจ้าจะใช้ชีวิตลำบากกับเขาได้หรือ?”
“ข้าทำได้ ขอแค่ได้อยู่กับเขา”
“ก็ดี ถึงเวลาหากเขารังแกเจ้า ข้าจะซัดเขา”
“เจ้าค่ะ”
“เอาเถิด ไปล้างหน้าล้างตา แล้วไปนอนซะ หน้าตามอมแมมแล้ว”
“อืม เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านพี่”
อวิ๋นซูมาตระกูลหลานอยู่บ่อยๆ จึงคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ กระโดดโลดเต้นออกไปด้วยอารมณ์ผ่องใสเบิกบาน
มองดูแผ่นหลังอวิ๋นซูที่จากไป หลานเซียวยิ้มน้อยๆ
“หลานเจ๋อ ไปสืบองค์ชายคนนั้น ฉีฮวน”
ตอนที่ 66 ตำนานรักพันปีตอนชุนอวี้หว่าน
เหมือนกับต้นซากุระที่ขึ้นอยู่เต็มตระกูลหลานและเขาเทียนปี้ ตระกูลเยี่ยเองก็มีต้นเฟิงอยู่เต็มไปหมด ใบไม้สีแดงสดปกคลุมไปทั่วพื้นดิน เมื่อคนที่เดินไปมาเหยียบย่ำก็จะส่งเสียงเสียดสีขึ้นมา
หลานเซียวรู้สึกอารมณ์เบิกบาน แล้วยังเพลิดเพลินไปกับความงาม อดไม่ได้ที่มือทั้งสองข้างถือขลุ่ย เต้นไปมาตามใจชอบ ชุดขาวใบไม้แดง สวยงามมากเพียงใด กระแสพลังสีฟ้าอ่อนสะท้อนออกมาตามใจชอบ ทำให้คนถอนสายตาไม่ได้
บทเพลงยังไม่ทันจบ จู่ๆ คนชุดดำกลุ่มหนึ่งก็บุกออกมา ล้อมรอบหลานเซียวเอาไว้อย่างมิดชิด
“เป็นใครกัน กล้าดีมาบุกตระกูลเยี่ยของข้า” ยังพูดไม่ทันจบ คนเหล่านั้นก็ถูกกระแสพลังที่บ้าคลั่งกลุ่มหนึ่งซัดลอยออกไป
“พวกเจ้าอยากมีเรื่องใช่หรือไม่ ข้ากำลังดูอย่างเพลิดเพลินเชียวกลับถูกพวกเจ้าขัดจังหวะ”
“ท่าน ท่านประมุข ข้าน้อยสมควรตาย ขัดจังหวะความสุขของท่าน แต่มีคนบุกรุกจวนของท่าน ข้าน้อยไม่อาจปล่อยไปไม่สนใจได้ขอรับ”
“บุกรุกหรือ? ดูให้ดี นี่คือฮูหยินประมุขตระกูลในอนาคตของพวกเจ้า กลับบ้านตัวเองไม่ใช่การบุกรุก ไปๆ รีบไปซะ ดูแล้วขัดสายตานัก”
คนเหล่านั้นรีบถอยออกไปเหมือนหนีเอาชีวิตรอด
“ภรรยา เต้นอีกหน่อยเถิด เมื่อครู่นี้ยังดูไม่พอเลย” สีหน้าของชิวจือเว่ยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็กลายเป็นใบหน้าประจบยิ้มแย้มเอาใจ
“ไม่สนุกแล้ว ใครใช้ให้เจ้าไม่จัดการพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่จะออกมาเล่า” พูดจบก็ก้าวฝีเท้ายาวไปยังชุยอวี้หว่าน
“ภรรยา สามีผิดไปแล้ว เจ้าให้อภัยสามีเถิด เฮ้อ ภรรยาเจ้าเดินช้าหน่อย”
ชิวจือเว่ยร่ำไห้อย่างน่าเวทนาอยู่ข้างหลัง
หลานเซียวเงยหน้าขึ้นมองป้ายหน้าประตูที่เขียนว่าชุนอวี้หว่านสามคำใหญ่ๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา
”ชื่อนี้เจ้าตั้งเองหรือ?”
“ใช่แล้ว เป็นอย่างไรบ้างสามีมีพรสวรรค์ใช่หรือไม่”
“โชคดีที่ชายแก่พวกนั้นไม่ได้รื้อออก ชื่ออย่างกับหอนางโลม”
“เรื่องนี้ภรรยาไม่รู้เสียแล้ว นี่เป็นป้ายชื่อแผ่นที่สี่แล้ว ตอนแรกที่ข้าแขวนขึ้นก็ถูกชายแก่เหล่านั้นรื้อออกโดยทันที แต่ข้าชอบชื่อนี้ ชื่อนี้เพราะมากเพียงใด หลังจากนั้นมาชายแก่พวกนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรกับข้า ก็เลยปล่อยไป”
หลานเซียวกลอกตามองเขา จากนั้นเดินก็เข้าไป
“ทำไมวันนี้ภรรยาถึงจำได้ว่าต้องมาหาข้าเล่า?”
“มอบภารกิจให้เจ้า จะทำหรือไม่?”
“ทำๆๆ”
“ข้ายังไม่ทันพูดเจ้าเองก็ตอบรับเร็วเกินไปกระมัง ไม่กลัวว่าข้าจะเอาเปรียบเจ้าหรือ?”
“ต่อให้เอาเปรียบข้า ขอแค่เป็นเรื่องที่ภรรยากำชับมาสามีต้องจัดการให้อยู่แล้ว”
“เช่นนั้นหากข้าให้เจ้าไปตายเล่า?” หลานเซียวนั่งลงบนเก้าอี้ ใช้ท่าทีที่แปลกประหลาดเชิดปลายคางของชิวจือเว่ยที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ
“เช่นนั้นสามีก็ไปตาย ภรรยาถึงสำคัญที่สุด” ชิวจือเว่ยหัวเราะซื่อๆ
ใจของหลานเซียวสั่นสะท้านอย่างไร้เหตุผล
“ช่างโง่เง่าเสียจริง”
“ไฉนเลย สามีออกจะฉลาด เชื่อฟังคำของภรรยาใช่หรือไม่ หึหึ”
“ฉลาดหรือ? เช่นนั้นเจ้าแสดงออกมาบ้างดีหรือไม่”
“ภรรยาพูดเช่นนี้แล้ว สามีก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ” พูดจบก็อุ้มหลานเซียวขึ้นไปบนเตียง ปลดม่านลง ไม่นานภายในห้องก็อบอวลไปด้วยกลิ่นฤดูใบไม้ผลิ
……
“นี่คือภาพวาด ภายในเจ็ดวันให้สร้างอุโมงค์เล่นนี้ออกมา อย่าทำให้หลุดไปถึงคนเขาเทียนปี้และราชสำนัก รอจนอวิ๋นซูแต่งงานเข้าไป นางจะต้องซาบซึ้งต่อเจ้าไปทั้งชีวิต” หลานเซียวใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ส่งกระดาษม้วนหนึ่งให้ชิวจือเว่ย
“ภรรยาเจ้าพูดอะไร ญาติผู้น้องของเจ้าย่อมต้องเป็นญาติผู้น้องของข้า คิดจะแต่งเจ้าแล้วจะไม่ผูกสัมพันธ์อันดีกับญาติพี่น้องของเจ้าได้อย่างไร”
“หึๆ ท่านลุงที่เลอะเลือนของข้ายังคิดจะส่งอวิ๋นซูมาแต่งงานกับเจ้าอยู่เลย!”
“เช่นนั้นข้าไม่ต้องการ มีเจ้าก็พอแล้ว”
“ไม่อนุญาตให้เสียใจภายหลังนะ อวิ๋นซูเป็นคนงามที่หาได้ยากทั้งในอดีตและปัจจุบันนะ”
“เรื่องนี้ข้าย่อมรู้เป็นแน่ แต่ภรรยาเจ้าสวยกว่านางอีกนะ”
“พูดจากะล่อนปลิ้นปล้อน”
“นั่นก็เป็นกับเจ้าผู้เดียว”