(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล - ตอนที่ 99-100
ตอนที่ 99 ตัดไม่ขาด
“ตัดขาดแล้วทำไม ตัดไม่ขาดแล้วทำไม ตอนนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว” มู่หลีดื่มเหล้าอีกแก้ว ชิวลั่วกลับไม่ได้แตะแก้วเหล้าอีก
“จะไม่มีประโยชน์ได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นพี่ชายลองบอกดูว่ามีประโยชน์อะไร?”
“เจ้าตัดได้ก็หมายความว่าข้ายังมีโอกาส” มู่หลีชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนหัวเราะออกมาอย่างไม่มีเหตุผล
“นี่ท่านกำลังหยอกให้ข้าดีใจหรืออย่างไร?”
“เจ้าก็รู้ว่าไม่ใช่”
“เจ้ารู้ว่าได้อย่างไรว่าข้ารู้”
“สิ่งที่ข้าคิดกับเจ้าไม่ใช่มิตรภาพดั่งเพื่อน เจ้าก็น่าจะรู้”
“ข้าแค่เพียง…”
“เพียงอะไร?” ชิวลั่วขัดคำพูดมู่หลีขึ้นมา ทำให้มู่หลีตะลึงตกใจ
“เห็นข้าเป็นเพียงสหายอย่างนั้นหรือ? ก็เหมือนกับที่เจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายอย่างนั้นหรือ?”
มู่หลีไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่นั่งฟังชิวลั่วพูดนิ่งๆ
“หรือว่าเหมือนกับที่หลานเฟิงพูดกับนายน้อย ข้าเพียงแค่เห็นเจ้าเป็นน้องชาย หรือเหมือนที่หลานเยี่ยพูดกับอวิ๋นหรู ข้าเพียงเห็นเจ้าเป็นญาติผู้น้อง หรือจะบอกว่าเหมือนกับที่เจ้าพูดกับข้า ข้าเห็นเจ้าเป็นเพียงสหาย?”
มู่หลีไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร ในเสี้ยววินาทีนั้นสิ่งที่เขาคิดอยากพูดกับชิวลั่วคือ ข้าเห็นเจ้าเป็นเพียงสหายจริงๆ
ทั้งๆ ที่ระยะห่างของทั้งสองคนมีเพียงโต๊ะกั้นเท่านั้น แต่กลับเหมือนมีกำแพงมาขวางไว้ ชิวลั่วอยากจะปีนผ่านกำแพงออกมา มู่หลีกลับเพิ่มความหนาให้กำแพงนั้นไม่หยุด ทั้งสองคนต่างหยุดไม่ได้
“ข้าไม่อยากทำกับเจ้าเหมือนที่นายน้อยทำกับหลานเฟิง ข้าคิดว่าทำเช่นนั้นจะได้ผลลัพธ์ตรงข้ามกับที่คาดหวังไว้ ในเมื่อพวกเจ้าทำเพื่อคนเดียวกัน ข้าไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไร ทั้งๆ ที่เจ้ารู้อยู่แล้วว่าหลานเยี่ยไม่อาจอยู่กับเจ้า แล้วทำไมถึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้”
“แล้วทั้งๆ ที่เจ้าเองก็รู้ว่าข้าตัดเขาไม่ลง ทั้งๆ ที่รู้ว่าข้าไม่อาจอยู่กับเจ้า แล้วทำไมถึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้? พอพูดออกมาแล้วบางทีแม้แต่สหายก็ไม่อาจเป็นได้อีก”
“ข้าไม่คิดว่าข้าไม่มีโอกาส เจ้าอยากได้อะไรจากหลานเยี่ยข้าให้เจ้าได้ทั้งหมด”
“พี่ชายคิดผิดแล้ว กับหลานเยี่ยข้าไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น บางทีข้าเองเพียงแค่ยึดติดกับความบริสุทธิ์ก็เท่านั้น ความบริสุทธิ์ที่ไม่โดนแปดเปื้อน ไม่อนุญาตให้ย่ำยี นั่นคือสิ่งที่ข้าผู้ที่เคยชินกับแผนการแก่งแย่งชิงในอำนาจมานานหลายปีไม่มี
ฉะนั้นพี่ชายไม่ต้องพูดอีกว่าได้อะไรไม่ได้อะไร บางทีอาจจะมีสักวันที่ข้าตัดใจจากเขาได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้”
“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะรอคอยการมาถึงของวันนั้น หวังว่าถึงตอนนั้นอาหลีจะให้โอกาสค่า” มู่หลีไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ชิวลั่วส่งกระดาษให้มู่หลีแผ่นหนึ่ง มู่หลีไม่ได้หยิบขึ้นมา ปล่อยให้กระดาษแผ่นนั้นนอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ
“คราวนี้เป็นอะไรอีก? แผนผังที่มีรูปแบบไม่เหมือนกันอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ นี่คือสถานที่ที่หลานเยี่ยอยู่ตอนนี้ ตอนนี้เขาคนที่เขาต้องการน่าจะเป็นเจ้า”
มู่หลีมองชิวลั่วอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยยื่นมือไปวางไว้ข้างๆ กระดาษแผ่นนั้น
“แต่ข้ามีข้อแม้ข้อหนึ่ง” ตอนนี้มู่หลียังไม่ทันหยิบกระดาษขึ้นมา จู่ๆ ชิวลั่วก็เอ่ยปากขึ้น
“หากมีวันใดที่คิดจะตัดใจแล้วจริง ข้าหวังว่าสุดท้ายแล้วเจ้าจะกลับมาหาข้าที่นี่” มู่หลีได้ยินชิวลั่วพูดจบ แล้วจึงหยิบกระดาษขึ้นมา
“ขอบคุณมาก”
หลังจากมู่หลีจากไป ชิวลั่วไปพบชิวอวี้
“นายน้อย เขาจากไปแล้ว”
“เจ้าเกลียดข้าแล้วเลือกเขาหรือไม่?”
ชิวลั่วนิ่งเงียบไม่พูดจา ชิวอวี้กลับเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง
“จะต้องมีสักวันที่เขารู้ว่าคนคนนั้นผิดพลาดจนเกินไป และคนที่ถูกต้องคือใครกันแน่”
“ทำไมนายน้อยถึงไม่ทำกับหลานเยี่ยเหมือนที่ปฏิบัติกับหลานเฟิง?”
“หากข้าทำเช่นนั้น ท่านพี่เย่ว์ก็จะไม่ใช่ท่านพี่เย่ว์คนเดิม ที่ข้าต้องการก็คือเขาปฏิบัติกับข้าดีจริงๆ ไม่ใช่เห็นข้าเป็นตัวแทน”
“ตัวแทน…” ชิวลั่วยังคงคิดถึงมู่หลี
ตอนที่ 100 กักขัง
ตอนที่หลานเฟิงฟื้นขึ้นมาอีกครั้งรูปสลักที่ทั้งแปลกตาและคุ้นเคยบริเวณเหนือหัวนั้นเรียกความทรงจำของเขาทีละฉากๆ มีทั้งดี ทั้งไม่ดี มีทั้งหอมหวาน มีทั้งอบอุ่น และมีทั้งเจ็บปวด
นี่วันที่สามแล้ว เป็นวันที่สามนับตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมาบนเตียง ตอนแรกเขาถูกแจ้งว่าหากไม่ตามจิ้งจอกราตรีกลุ่มนั้นมาหลานเยี่ยจะมีอันตรายแก่ชีวิต เพื่อหลานเยี่ยเขาเองต้องโยนกระบี่ถึงอย่างจนปัญญา ถูกจิ้งจอกราตรีกลุ่มนั้นสะกดพลัง แม้กระทั่งทำให้เขาสลบไป
คิดไปถึงภาพเหตุการณ์วันแรกที่เขาฟื้นขึ้นมา หลานเฟิงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง จนถึงตอนนี้สถานการณ์ก็ไม่ได้มีวี่แววว่าจะดีขึ้น
ในวันที่เขาตื่นขึ้นมาหลังถูกจับนั้นเขาพบว่าตนเองนอนอยู่ในสถานที่แปลกถิ่นแต่ไร้ซึ่งความรู้สึกแปลกแยก เขานอนอยู่บนเตียงกวาดตามองไปรอบห้องครั้งหนึ่งก็ต้องพบว่าที่นี่คือตระกูลเยี่ย อีกทั้งยังเป็นห้องที่เขาเคยพักอาศัยมาก่อน
ที่นี่แต่เดิมน่าจะถูกรื้อถอนออกไปหลังจากที่ชิวหลีฆ่าพ่อแม่ของเขาแล้วจับเขาไป เป็นใครที่สร้างมันขึ้นมาใหม่? อีกทั้งการประดับตกแต่งภายในห้องก็เหมือนกับแต่ก่อนทุกกระเบียดนิ้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
หลานเฟิงไม่เข้าใจคิดจะลุกขึ้นมาสำรวจดูนั้นกลับพบว่าเมื่อออกแรงที่ไหล่แล้วนั้นก็อ่อนแรงลง ล้มลงบนพื้นอย่างแรง เขาพยายามออกแรงลุกขึ้นมาเองแต่ก็ต้องพบว่าทั้งร่างไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายก็ทำได้แค่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
เขาคิดจะขับเคลื่อนกระแสพลังมาสำรวจสถานการณ์ร่างกายตนเอง แต่ก็ต้องยอมรับอย่างจนปัญญาว่าภายในร่างกายนั้นไม่มีพลังเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ทดลองหลายครั้งแล้วไม่เกิดผลหลานเฟิงจึงถอดใจ ดูท่าทางตนเองถูกบังคับให้กินยาบางอย่างลงไป จึงไม่อาจควบคุมตนเองได้
หลานเฟิงคิดจะออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก คิดอยากออกไปหาหลานเยี่ย แต่มือทั้งสองข้างของเขาไม่อาจรับน้ำหนักตัวได้ ทำได้เพียงแค่คลานออกไปข้างนอกทีละน้อย ทั้งร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อยเขาคลานออกไปอย่างยากลำบากและเชื่องช้า
นิ้วทั้งสิบบนสองมือนั้นไม่มีเรี่ยวแรง แม้แต่จะขยับไปข้างหน้าก็ยังทำไม่ได้ เขาเหงื่อท่วมตัว หอบหายใจไม่หยุด คลานไปเล็กหน่อยก็ต้องหยุดพักผ่อนครู่หนึ่ง จากนั้นถึงลุกขึ้นมาคลานต่อไป
การกระทำซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ เวลาครึ่งชั่วยามผ่านไปเขาก็ยังขยับออกไปได้ไม่เกินระยะหนึ่งก้าวเดิน ต่อให้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังคงมุ่งมั่น
ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา ชิวอวี้เข้ามาในห้องเห็นหลานเฟิงที่คลานอยู่บนพื้นก็รีบวิ่งเข้าไป รีบอุ้มเขามาไว้บนเตียง
“ท่านพี่เย่ว์ ท่านฟื้นแล้ว มีตรงไหนที่ไม่สบายอีกหรือไม่ ข้าจะให้ฉีเย่ว์มาดูท่าน”
“อวี้เอ๋อร์ ทำไมถึงเป็นเจ้า?” ตอนแรกเริ่มเพิ่งจะพูดไปประโยคหนึ่ง หลานเฟิงก็นิ่งอึ้งไป เรียกสรรพนามนี้ออกมาด้วยความเคยชิน
“ท่านพี่เย่ว์ ดีมากจริงๆ ท่านยังเรียกอวี้เอ๋อร์เช่นนี้ ท่านพี่เย่ว์ ท่านไม่ได้รังเกียจอวี้เอ๋อร์”
“ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ห้องห้องนี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทั้งร่างของข้าถึงไม่มีแรง” ชิวอวี้หรืออะไรก็ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญก็คือทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ที่สำคัญก็คือหลานเยี่ยอยู่ที่ไหน
“ท่านพี่เย่ว์ เป็นข้าที่ให้คนพาท่านมาที่นี่ นับตั้งแต่ที่ได้พบหน้ากันที่เมืองหลวง ข้าก็ไม่ได้พบท่านพี่เย่ว์อีกเลย อวี้เอ๋อร์คิดถึงท่านอย่างมาก”
“ทำไมข้าถึงเป็นเช่นนี้ หลานเยี่ยอยู่ที่ไหน? คนที่จับหลานเยี่ยไปเป็นเจ้าใช่หรือไม่?”
“ข้ากลัวว่าท่านพี่เย่ว์จะห่างอวี้เอ๋อร์ออกไปไกลอีก ดังนั้นจึงให้ท่านพี่เย่ว์กินยาไปเล็กน้อย พี่เย่ว์วางใจเถิด ไม่เป็นอะไร พี่เย่ว์เพียงแค่ร่างกายไม่มีแรง ไม่สามารถขับเคลื่อนกระแสพลังได้เท่านั้นเอง หลังจากนี้ไปจะเป็นเช่นนี้อวี้เอ๋อร์จะมาดูแลพี่เย่ว์ พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่แยกจากกันไปไหนตลอดกาล” ชิวอวี้กอดหลานเฟิงเอาไว้ ดีใจเหมือนเด็กน้อย
‘อ่า ก็เป็นเด็กน้อยจริงๆ อายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น’