ยอดหญิงสกุลเสิ่น - ตอนที่ 241-1 คืนนี้ คืนนี้ทำไมหรือ
เมื่ออู๋ซื่อส่งเสิ่นเวยกับหมอหลิวไปแล้ว ซือหนงกับซืออวี่ก็เพิ่งจะนำหมอหลวงเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ซื่อจื่อฮูหยิน” เขาปาดเหงื่อบนหน้าทำความเคารพ
หมอหลวงแซ่หันผู้นี้ หมอหลวงหันเดิมเป็นหมอหลวงที่ฝ่าบาทเห็นใจสวีโย่วส่งมาที่จวนจิ้นอ๋อง อยู่มาสิบกว่าปีเช่นนี้ จึงกลายเป็นหมอหลวงประจำจวนจิ้นอ๋องไปแล้ว แม้ว่าภายหลังสุขภาพของสวีโย่วจะดีขึ้นแล้ว แต่ฝ่าบาทก็ยังคงลืมตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่งไม่ได้เรียกหมอหลวงหันกลับไป ไม่ว่าอย่างไรท่านจิ้นอ๋องก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของเขา
คราวนี้ฮูหยินสามหูซื่อตั้งครรภ์ สภาพครรภ์ไม่ดีมากเป็นพิเศษ สามวันห้าวันก็แพ้ท้อง จิ้นอ๋องไม่เพียงแต่ขอหมอหลวงหวังที่เชี่ยวชาญด้านนรีเวชจากในวังมาหนึ่งคน พระชายาจิ้นอ๋องก็ยังคงไม่วางใจ จึงส่งหมอหลวงหันผู้นี้เข้าไปด้วย
สายตาของอู๋ซื่อเย็นเยียบลงในชั่วพริบตา “หมอหลวงหันมาเสียที” เมื่อเห็นรอยแดงบนหน้าผากของสาวใช้ใหญ่สองคน สายตาของนางก็ยิ่งเย็นยะเยือก หูซื่อสมควรตาย ไม่ใช่อาศัยการตั้งครรภ์หรอกหรือ ไม่เห็นซื่อจื่อฮูหยินเช่นนางอยู่ในสายตาแบบนี้ น่ารังเกียจ น่ารังเกียจ! ไฟโกรธหนึ่งกลุ่มของนางแทบจะพุ่งออกมาแล้ว
หมอหลวงหันร้องทุกข์ในใจเงียบๆ “เป็นความผิดของบ่าวเองขอรับ”
วันนี้ฮูหยินสามแพ้ครรภ์จริง ตอนที่สาวใช้ข้างกายซื่อจื่อฮูหยินไปเชิญเขาก็อยากมา แต่จนใจฮูหยินสามยืนกรานไม่ยอมปล่อยคน ซ้ำยังอ้างพระชายาขึ้นมา แม้จะบอกว่าเขาเป็นหมอหลวงของสำนักหมอหลวง แต่ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงแค่บ่าว คำสั่งของนายไม่ฟังไม่ได้!
ลากไปลากมาเช่นนี้ กระทั่งสถานการณ์ของฮูหยินสามสงบลงเขาจึงสามารถปลีกตัวเข้ามาได้ เผชิญหน้ากับไฟโกรธของซื่อจื่อฮูหยินเขาเองก็ทำได้เพียงพยายามทนรับ
โชคดีที่อูซื่อยังไม่เสียสติ รู้ว่าตนกำลังจะพาลโมโห จึงสูดหายใจเข้าแล้วกล่าว “ก่อนหน้านี้เชิญหมอหลวงข้างกายพี่สะใภ้ใหญ่มาตรวจแล้ว หมอหลวงหันมาแล้วก็ตรวจอีกรอบเถิด”
หมอหลวงหันได้ยินดังนั้นก็ราวกับถูกยกภูเขาออกจากอก กล่าว “ฝีมือการรักษาของหมอหลิวไม่ด้อยกว่าผู้น้อย มีเขาออกมือจักต้องรักษาได้ทันท่วงทีแน่นอน” ในใจก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หากคุณหนูใหญ่เป็นอะไรไปจริงๆ แม้จะไม่เกี่ยวกับตน เกรงว่าตนเองก็คงจะหนีไม่พ้นโทษนี้ หมอหลิวช่วยชีวิตเขาไว้
ไม่ว่าหมอหลวงจะตรวจอาการเช่นไร อย่างไรเสียเขาก็ชื่นชมหมอหลิวยกใหญ่ ไฟโกรธในใจอู๋ซื่อก็ลดลงไปมากกว่าครึ่ง
ส่วนฮูหยินสามหูซื่อฝั่งนี้ นางพิงหัวเตียง สีหน้าขาวซีด ลูบท้องของตนเป็นพักๆ สาวใช้เฝ่ยชุ่ยยกแกงไก่หนึ่งชามเข้ามา “ฮูหยิน ท่านทานเสียหน่อยเจ้าค่ะ”
แววตาหูซื่อปรากฏความสะอิดสะเอียน หน้านิ่ว “ยกออกไป ข้าไม่อยากอาหาร” ได้กลิ่นก็อยากอาเจียน จะทานลงได้อย่างไร
เฝ่ยชุ่ยจนใจอย่างยิ่ง โน้มน้าว “ฮูหยิน ท่านอดทนทานหน่อยเถิดเจ้าค่ะ คิดเสียว่าทำเพื่อคุณชายน้อยในท้อง”
อิงเกอเองก็เกลี้ยกล่อม “ใช่แล้วเจ้าค่ะฮูยิน ในแกงไก่ชามนี้มีสมุนไพรล้ำค่าหลายชนิด หมอหลวงหวังบอกแล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อท่านและคุณชายน้อย ท่านดื่มสักหน่อยเถิด บ่าวเตรียมผลไม้เชื่อมไว้ให้ท่านแล้ว”
โน้มน้าวอยู่นาน หูซื่อจึงบีบจมูกทานไปได้ไม่ถึงครึ่งก็ไม่ยอมทานต่อแล้ว ในปากนางอมผลไม้เชื่อมปิดตานอนพิงอยู่ตรงนั้น ในกระเพาะอาหารปั่นป่วนอย่างยิ่งราวกับคลื่นโหมกระหน่ำ ทำให้คิ้วของนางขมวดมุ่นยิ่งขึ้น
เฝ่ยชุ่ยกับอิงเกอสบตากันปราดหนึ่ง ไม่กล้าโน้มน้าวอีก หากทำให้ฮูหยินโมโห คนที่ซวยก็จะเป็นพวกนาง เฝ่ยชุ่ยส่งชามให้สาวใช้ชั้นสองข้างๆ บอกเป็นนัยให้นางยกออกไป ในห้องไม่มีกลิ่นที่ทำให้คนอยากอาเจียนแล้ว คิ้วที่ขมวดมุ่นของหูซื่อจึงคลายลงเล็กน้อย
“ต้องทรมานเช่นนี้ไปถึงเมื่อไร!” หูซื่อลืมตามองท้องที่ยังไม่ป่องกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง คนอื่นตั้งครรภ์ล้วนแต่ปลอดภัยราบรื่น มีเพียงนาง ระวังแล้วระวังอีก ก็ยังตกเลือดแพ้ท้องอยู่บ่อยครั้ง ตนลำบากยังไม่เท่าไร นางกังวลจริงๆ ว่าจะทนได้ไม่ถึงสิบเดือนนี้
เฝ่ยชุ่ยกับอิงเกอสบตากันปราดหนึ่ง ฮูหยินกังวล พวกนางที่เป็นบ่าวก็ยิ่งกังวลไปด้วย ตั้งแต่ฮูหยินตั้งครรภ์ นางสองคนก็ระมัดระวังตลอดเวลา กลัวว่าจะประมาทจุดใดไป
“ฮูหยินวางใจ ท่านไม่ได้ยินหมอหลวงหวังบอกหรือ มีสตรีไม่น้อยตั้งครรภ์เช่นนี้ สามเดือนแรกมักจะทรมานเล็กน้อย ผ่านสามเดือนแรกไปก็จะค่อยๆ ดีขึ้น”เฝ่ยชุ่ยปลอบขวัญเสียงเบา
อิงเกอเองก็กล่าว “พี่เฝ่ยชุ่ยพูดถูก อย่างแม่ของบ่าวเอง ตอนที่ตั้งท้องน้องชายคนเล็กผู้นั้นของบ่าวสามเดือนแรกก็ทรมานต่างๆ นานาเช่นกัน กินอะไรก็อาเจียนออกมาเป็นสิ่งนั้น แม้แต่ดื่มน้ำยังอาเจียนออกมาได้ แต่สามเดือนผ่านไป ก็เปลี่ยนเป็นคนละคน กินได้ทุกอย่าง ซ้ำความอยากอาหารยังดีอย่างยิ่ง หนึ่งวันกินห้าหกมื้อ น้องชายคนเล็กผู้นั้นของบ่าวคลอดออกมาแล้วตัวข้าวอ้วนพี ทำให้คนรักและเอ็นดูยิ่งนัก”
เม้มปากแล้วจึงกล่าวต่อ “มิหนำซ้ำบ่าวยังได้ยินคนแก่คนเฒ่าบอกว่า ยิ่งเป็นเด็กที่ทรมานอยู่ในท้องแม่คลอดออกมาก็จะยิ่งฉลาด ยิ่งมีอนาคต ในภายหน้าคุณชายน้อยของพวกเราจะต้องมีความสามารถแน่นอน” นางประจบหูซื่อเล็กน้อย
ถูกสาวใช้สองคนยกยอปอปั้นเช่นนี้ สีหน้าของหูซื่อก็ดียิ่งขึ้น ลูบท้องกล่าว “ข้าน่ะ ไม่หวังให้เขามีความสามารถล้นฟ้า ใช้ชีวิตสงบสุขได้ก็พอแล้ว” ทว่าในใจกับภูมิใจอย่างถึงที่สุด
“หมอหลวงหวังกับหมอหลวงหันเล่า สองคนนี้พวกเจ้าต้องรับใช้ให้ดี ครรภ์นี้ของข้ายังต้องพึ่งพวกเขา” จู่ๆ หูซื่อก็กล่าว
เฝ่ยชุ่ยกับอิงเกอพยักหน้าไม่หยุด “ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ หลักการแค่นี้บ่าวจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไร” เฝ่ยชุ่ยคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ คิ้วขมวดมุ่น กล่าวอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย “ฮูหยิน ซื่อจื่อฮูหยินจะติโทษหรือไม่”
ใบหน้าของหูซื่อดำดิ่งลงในชั่วขณะ แค่นเสียงหนึ่งครากล่าว “ติโทษหรือ นางติโทษใครได้ ไม่ใช่ว่าข้าอยากแพ้ท้องเสียหน่อย นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกหรือ หมอหลวงหวังกับหมอหลวงหันก็เป็นคนที่พระชายาส่งมาให้ช่วยข้าบำรุงครรภ์เอง ไม่ว่านางจะติโทษใครก็ไม่อาจลากมาถึงข้าได้”
“อย่างไรเสียคุณหนูใหญ่ก็ป่วย ซื่อจื่อฮูหยินยากจะเลี่ยงไม่ให้ร้อนใจ บ่าวกลัวซื่อจื่อฮูหยินจะพาลโมโหมาถึงพวกเรา” เฝ่ยชุ่ยยังคงกังวลอย่างยิ่ง ตอนที่ซือหนงเข้ามาเชิญนางก็คิดว่ามีหมอหลวงหวังคนเดียวก็พอแล้ว ให้หมอหลวงหันไปดูเสียหน่อย แต่ฮูหยินไม่อนุญาต ยืนกรานจะให้หมอหลวงสองคนรับใช้เบื้องหน้าให้ได้ นางผู้เป็นบ่าวจะทำอะไรได้
“บ่าวเองก็เป็นห่วงว่าซือหนงกับซืออวี่จะกลับไปพูดใส่สีตีความ ซื่อจื่อฮูหยินโมโหพวกเราแล้ว หากท่านซื่อจื่อกับนายท่านของพวกเราเกิดความบาดหมางขึ้นมาอีกจะไม่ดีนัก” เฝ่ยชุ่ยพูดความกังวลใจของนางออกมา ซือหนงกับซืออวี่นั้นเป็นสาวใช้ใหญ่ที่มีหน้ามีตาที่สุดข้างกายซื่อจื่อฮูหยิน ทั้งสองคนคุกเข่าโขกศีรษะลงตรงหน้าฮูหยิน ฮูหยินยังไม่อนุญาตให้หมอหลวงหันไป นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าซื่อจื่อฮูหยินหรือ
ตอนนี้ฮูหยินตั้งครรภ์ พระชายาก็ให้ความสำคัญแก่ฮูหยินสามส่วน แต่จวนอ๋องแห่งนี้อย่างไรเสียก็เป็นของท่านซื่อจื่อกับซื่อจื่อฮูหยิน! ตอนนี้ซื่อจื่อฮูหยินกล้ำกลืนความโกรธนี้ แต่หลังจากนี้เล่า เฝ่ยชุ่ยไม่กล้าคิดต่อแล้ว แม้แต่อิงเกอเองก็มีสีหน้าไม่สบายใจทั้งใบหน้า สามารถอยู่ในตำแหน่งสาวใช้ใหญ่ข้างกายนายท่านได้ เรื่องเช่นการรอโอกาสล้างแค้นจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไร
มีเพียงหูซื่อที่ไม่สนใจ “ตัวข้าฮูหยินให้พวกนางคุกเข่าหรือ ไม่ใช่พวกนางคุกเข่าเองหรือ คิดจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้างั้นหรือ เหอะ ฝันไปเถอะ! เม่าเอ๋อร์เด็กตัวเล็กๆ ข้างกายก็มีบ่าวเจ็ดแปดคนรับใช้ จะเป็นโรคร้ายแรงอะไรได้ ไหนเลยจะรอหน่อยไม่ได้ ก็แค่เด็กผู้หญิง มีค่าอะไร รอข้าคลอดทารกในท้องออกมาก่อนเถอะ หึ!”
ซื่อจื่อฮูหยินแล้วอย่างไร ยังไม่มีบุตรอนุภรรยาเอกเลยมิใช่หรือ พี่สะใภ้รองตัวดีผู้นั้นของนางก็มีนิสัยโหดร้าย แม้จะไม่มีอี๋เหนียงเลยสักคนเดียว แต่สาวใช้อนุภรรยากลับมีสี่คน ก็ยังไม่มีบุตรเลยสักคนมิใช่หรือ คงจะไม่มีดวงมีบุตร ขอเพียงแค่นางคลอดบุตรได้สำเร็จ ภายหลังจวนจิ้นอ๋องแห่งนี้ก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร
เฝ่ยชุ่ยกับอิงเกอสบตากันปราดหนึ่ง ความกังวลในแววตาก็ยิ่งมาก ฮูหยินเดินเข้าไปในทางตันออกมาไม่ได้แล้ว ต่อให้ท่านซื่อจื่อจะไม่มีบุตร ก็ไม่ใช่ว่ายังรับลูกบุญธรรมได้หรือ ในจวนก็ยังมีคุณชายห้า พี่น้องมารดาเดียวกันกับท่านซื่อจื่อนอกจากคุณชายสามของพวกนางแล้ว ก็ยังมีคุณชายสี่อยู่ มิหนำซ้ำคนที่พระชายารักที่สุดก็คือคุณชายสี่!
แต่เห็นสีหน้าของฮูหยิน เฝ่ยชุ่ยกับอิงเกอก็ไม่กล้าโน้มน้าวต่อ
หูซื่อพอใจแล้ว อู๋ซื่อโกรธจนแทบจะกัดฟันแตกแล้ว ตีหมาก็ต้องดูเจ้าของด้วย ซือหนงซืออวี่สาวใช้ใหญ่ข้างกายนาง ต่อให้อยู่ต่อหน้าพระชายาก็ยังต้องไว้หน้านางสามส่วน ทว่าหูซื่อกลับเหยียดหยามพวกนางเช่นนี้ นี่ไหนเลยจะเหยียดหยามสาวใช้ ชัดเจนว่าไม่เห็นพี่สะใภ้ผู้นี้อยู่ในสายตาต่างหาก ยังไม่ทันไรก็ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้แล้ว หากปล่อยให้นางคลอดหลานชายภรรยาเอกคนโตในจวนจริงๆ เช่นนั้นจะยังมีที่ให้นางยืนอีกหรือ
ดวงตาของอู๋ซื่อมีปประกายโหดเ**้ยมแวบผ่าน กำชับสาวใช้ “ไปดูสิว่าแม่นมอู๋กลับมาแล้วหรือยัง” นางต้องปรึกษาหารือกับแม่นมอู๋ให้ดีจึงจะถูก
อู๋ซื่อโมโหหูซื่อหนึ่งรอบ อดเคียดแค้นแม่สามีขึ้นมาด้วยไม่ได้ นางแต่งเข้ามาก็หลายปีแล้ว แม้ว่าแม่สามีจะบอกว่ามอบอำนาจดูแลบ้านส่วนหนึ่งให้นาง เริ่มแรกนางยังซาบซึ้งอย่างยิ่ง ใครจะรู้เมื่อเริ่มดูแลจึงได้รู้ จวนจิ้นอ๋องแห่งนี้ถูกแม่สามีควบคุมประหนึ่งถังเหล็กมานานแล้ว ทั่วทุกแห่งล้วนเป็นคนของนาง ตนจะทำอะไรก็ทำไมได้อย่างสิ้นเชิง ได้ชื่อว่าดูแลบ้านเพียงแค่ในนาม
นางไม่เชื่อว่าการเคลื่อนไหวที่ใหญ่เพียงนี้แม่สามีจะไม่รู้ ในเมื่อรู้แล้วแต่กลับเพิกเฉย นี่ก็หมายความว่าไม่ได้สนใจเม่าเอ๋อร์หลานสาวคนนี้เลย เมื่อคิดถึงตรงนี้นางก็เกลียดแค้นทั้งจิตทั้งใจ รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมแทนลูกสาว ไม่ได้รับความเป็นธรรมแทนตนเอง
เหมือนอย่างที่อู๋ซื่อคิด พระชายาจิ้นอ๋องรู้จริงๆ ว่าเรือนสะใภ้ทั้งสองเกิดเรื่องนี้ขึ้น แม้กระทั่งอู๋ซื่อไปเชิญหมอจากเรือนเสิ่นซื่อมาก็รู้ สีหน้าของนางก็ยิ่งดูไม่ดี
อู๋ซื่อผู้นี้ เมื่อก่อนเห็นนางประพฤติตนหนักแน่นอย่างยิ่ง เหตุใดถึงใจร้อนเช่นนี้เล่า” พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวอย่างไม่พอใจ
แม่นมซือรีบเกลี้ยกล่อม “ซื่อจื่อฮูหยินเองก็เป็นห่วงคุณหนูใหญ่ ชั่วขณะสะเพร่าไปก็เป็นธรรมดา”
ทว่าพระชายาจิ้นอ๋องยังคงปั้นหน้านิ่ง “รู้อยู่แก่ใจว่าน้องสะใภ้แพ้ท้องนางไม่เอ่ยปากช่วยเหลือสักแรง แต่กลับยังเพิ่มปัญหา เม่าเอ๋อร์จะเป็นอะไรไปได้ ไม่ว่าอย่างไรก็รอสักหน่อยมิได้หรือ เรื่องแค่นี้ก็ลนลาน จะให้ข้าวางใจมอบจวนอ๋องไว้ในมือนางได้อย่างไร”
ไม่เคยคิดเลยว่านางที่เป็นแม่สามียังไม่ไปช่วย แล้วเหตุใดจะต้องให้อู๋ซื่อที่เป็นพี่สะใภ้ไปช่วย ยิ่งไปกว่านั้นบุตรสาวนางยังป่วย นี่ไม่ใช่แบบอย่างของการเคร่งครัดต่อผู้อื่น โอบอ้อมอารีต่อตนเองหรือ
แม่นมซือรู้ว่าพระชายาพะว้าพะวงใจที่ซื่อจื่อฮูหยินไม่มีบุตรชายภรรยาเอกให้นางมาโดยตลอด แม้แต่หลานสาวสองคนก็ไม่ชอบ ปกติแล้วก็พบหน้าพวกนางน้อยอย่างถึงที่สุด ต่อให้พบก็เย็นชาใส่
แม้นางจะคิดว่าพระชายาเย็นชาต่อซื่อจื่อฮูหยินเช่นนี้ไม่ดีนัก แต่ก็ทำได้เพียงโน้มน้าวอย่างนิ่มนวล อย่างไรเสียต่อให้นางมีหน้ามีตาก็เป็นเพียงคนใช้ พระชายาต้องมีสักวันที่ไม่อยู่ ท้ายที่สุดจวนจิ้นอ๋องก็ยังต้องตกเป็นของซื่อจื่อฮูหยิน นางทำตัวดีไว้ก่อน ภายหลังซื่อจื่อฮูหยินเห็นแก่การวางตัวของนางจะได้ปฏิบัติต่อนางอย่างดี!