ยอดหญิงสกุลเสิ่น - ตอนที่ 255-1 ตอบโต้กลับไป
วันนี้สาวใช้สี่คนที่เสิ่นเวยพามาคือเถาฮวา เหอฮวา เถาจือและเย่ว์กุ้ย ตัวเถาฮวากับเย่ว์กุ้ยเองก็เป็นยุทธ์ แม้แต่เถาจือกับเหอฮวาก็ฝึกยุทธ์มาพอประมาณ ร่างกายปราดเปรียวกว่าสาวใช้ทั่วไป
แม้ว่าพระชายาจิ้นอ๋องจะตะโกนให้ขวางเสิ่นเวยไว้ แต่สาวใช้หนึ่งกลุ่มที่ล้อมเข้ามาก็ขวางไว้ไม่ได้ เถาฮวาลากซ่งอี๋จยาวิ่งนำหน้าไปแล้ว เพียงแค่มือข้างเดียวก็ผลักสาวใช้หญิงชราที่ขวางอยู่ข้างหน้าออกไปข้างๆ ได้ เย่ว์กุ้ย เถาฮวา เถาจือปกป้องอยู่ข้างกายเสิ่นเวย เดินวางก้ามออกจากเรือนพระชายาจิ้นอ๋อง ออกไปนอกเรือนแล้ว
พระชายาจิ้นอ๋องร้อนรนอยู่ข้างหลัง โมโหจนกระทืบเท้า ถลึงตามองอู๋ซื่อ “ยังไม่รีบตามไปอีก รออะไรอยู่” ภายใต้การพยุงของหวาเยียนหวาอวิ๋นตนก็ไล่ตามไปด้วยความร้อนอกร้อนใจ เสิ่นซื่อผู้นี้สามารถฉีกหน้าได้ จะยังมีเรื่องอะไรที่นางทำไมได้อีก หากนางยัดเยียดอี๋จยาให้ท่านอ๋องจริงๆ หลานสาวเป็นอนุภรรยาของอาเขยเช่นนี้ นางจะยังมีหน้าใช้ชีวิตอยู่อีกหรือ
ฝีเท้าของกลุ่มเสิ่นเวยเร็วอย่างยิ่ง บ่าวข้างทางยังคงมึนงงอยู่พวกนางก็เดินผ่านไปราวกับสายลมหนึ่งหอบแล้ว หลังจากนั้นก็เห็นพระชายากับฮูหยินซื่อจื่อไล่ตามอยู่ข้างหลังด้วยสีหน้ารีบร้อน คนทั้งหมดมองหน้ากัน นี่มันเรื่องอะไร!
ตลอดทางซ่งอี๋จยาดิ้นพล่านอย่างถึงที่สุด ปากก็ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือสาปแช่ง นางอยากเข้าจวนจิ้นอ๋องเป็นอนุภรรยา แต่ไม่อยากเป็นอนุภรรยาของจิ้นอ๋อง หนึ่งคือจิ้นอ๋องอายุมากแล้ว อายุมากกว่าพ่อนางสองปีด้วยซ้ำ สองคือท่านอาของนางสามารถฉีกนางเป็นๆ ได้ อีกทั้งใต้หล้านี้นอกจากคนที่กำเริบเสิบสานจะมีหลานสาวตระกูลใดที่เป็นอนุภรรยาของอาเขยบ้าง พ่อนางกับแม่นางยอมให้นางตายดีกว่าจะต้องให้นางนำความอับอายมาสู่ตระกูล
“หนวกหู อุดปากเสีย” เสิ่นเวยออกคำสั่ง เย่ว์กุ้ยก็ยัดผ้าเช็ดหน้าเข้าไปในปากซ่งอี๋จยาอย่างแม่นยำทันที ชั่วขณะโลกก็กลับคืนสู่ความสงบ เสิ่นเวยจึงถอนหายใจอย่างสบายอารมณ์
การเคลื่อนไหวที่ดังเช่นนี้ย่อมรบกวนจิ้นอ๋องในห้องหนังสือแล้ว เขาวางแก้วชาในมือลงอย่างอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย “เสี่ยวเฉวียนออกไปดูหน่อย เกิดอะไรขึ้น” ใครกันที่บังอาจเพียงนี้กล้ามารบกวนถึงเรือนนอก กล้าเกินไปแล้วจริงๆ
“จยาฮุ่ยจวิ้นจู่” ฝีเท้าของพ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนเพิ่งจะก้าวออกจากธรณีประตู เสิ่นเวยก็พาคนเข้ามาด้วยความเหิมเกริมแล้ว พ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนตกใจหน้าถอดสี “จวิ้นจู่ เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“เสด็จพ่อเล่า ตามเสด็จพ่อมาตัดสิน” เสิ่นเวยเดินผ่านพ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนเข้าไปข้างใน แรกเริ่มพ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนยังไม่ได้สติกลับมา เมื่อเห็นคุณหนูอี๋จยาหลานสาวของพระชายาถูกสาวใช้ของจยาฮุ่ยจวิ้นจู่จับไว้ในมือ ชั่วขณะก็รู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่ดีแล้ว รีบตามเข้าไป “จวิ้นจู่ จวิ้นจู่ท่านมีอะไรก็พูดดีๆ เถิดขอรับ!” ลูกสะใภ้บุกเข้ามาในห้องหนังสือพ่อสามี นี่หมายความว่าอย่างไร
จิ้นอ๋องเองก็ถูกสถานการณ์นี้ทำให้สะดุ้งตกใจ “เสิ่นซื่อ เจ้าทำอะไร” หน้าของเขาดำราวกับก้นหม้อ ไหนเลยจะมีอย่างที่คนเป็นลูกสะใภ้ไม่สนสิ่งใดบุกเข้ามาในห้องหนังสือของพ่อสามี นี่ยังมีกฎระเบียบอยู่หรือไม่
เสิ่นเวยถือโอกาสยืนนิ่ง “เสด็จพ่อโปรดอภัย เหตุการณ์คับขันต้องปรับตามสถานการณ์ ลูกเองก็ถูกบีบบังคับจนหมดหนทาง ต้องมาให้ท่านตัดสินด้วยความยุติธรรมแทน”
จิ้นอ๋องได้ยินดังนั้นสีหน้าก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่คิ้วก็ยังคงขมวดมุ่น “เรื่องอันใด” ต่อให้จะมีเรื่องที่ใหญ่เท่าฟ้าก็ไม่อาจบุกเข้ามาเช่นนี้ได้เหมือนกัน!
“เสด็จพ่อท่านเคยสั่งไว้แล้วว่า เรื่องของลูกกับองค์ชายใหญ่พระชายาไม่อาจสอดมือเข้ามา พ่อบ้านเสี่ยวเฉวียนเองก็ได้ยินเองกับหู นี่เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วัน พระชายาก็วุ่นอยู่กับเรื่องจะแต่งอนุภรรยาให้ท่านพี่ ไม่คิดถึงร่างกายนั่นของท่านพี่บ้าง นี่ไม่ใช่เป็นการทำร้ายท่านพี่หรอกหรือ หรือว่าไม่ใช่ลูกที่คลานออกมาจากท้องนางนางจึงไม่สงสาร นางไม่สงสารแต่ลูกสงสาร ตั้งแต่ที่ลูกแต่งเข้ามา หมอดียาดียาบำรุงราคาแพงก็เป็นตัวดูแลร่างกายเขา กว่าสีหน้าจะดูดีขึ้นได้ พระชายาก็จะยัดเยียดอนุภรรยาไว้ข้างกายท่านพี่อีกแล้ว มีเจตนาใดกันแน่” ฝีปากของเสิ่นเวยคล่องแคล่วยิ่งนัก
“คราวก่อนก็เป็นญาติผู้น้องอี๋ฮุ่ยผู้นั้น คราวนี้ก็เปลี่ยนเป็นญาติผู้น้องอี๋จยา ทั้งยังบอกว่าหน้าตาของญาติผู้น้องอี๋จยาดีกว่า หรือว่าในสายตาของพระชายาท่านพี่เป็นคนตื้นเขินมักมากในกาม นิสัยคนตระกูลซ่งนี้เป็นอะไรไป เหตุใดหนึ่งคนสองคนล้วนแต่จะรีบให้แต่งเป็นอนุภรรยาคนอื่น เป็นฮูหยินอันดับหนึ่งไม่ดีกว่าหรือ ในเมื่อพระชายาหวังจะส่งหลานสาวออกไปเป็นอนุภรรยาเช่นนี้ ลูกก็คิดแล้วว่า แต่งอนุภรรยาให้ท่านพี่ ไม่สู้แต่งอนุภรรยาให้เสด็จพ่อ อย่างไรเสียเสด็จพ่อท่านก็มีอำนาจมากกว่า ก็ยิ่งเติมเต็มจิตใจที่ฟุ้งเฟ้อของเด็กผู้หญิงได้ มิหนำซ้ำยังทำให้พระชายาดูแลหลานสาวได้สะดวกมิใช่หรือ เถาฮวา ส่งคนไปให้เสด็จพ่อ”
“เจ้าค่ะ!” เถาฮวาแสยะปากยิ้ม ผลักซ่งอี๋จยาในมือไปให้จิ้นอ๋อง
จิ้นอ๋องไม่ทันระวัง ซ่งอี๋จยาถูกผลักเข้าไปในอ้อมอกเขาทันที ฉากๆ นี้ตกอยู่ในสายตาของจิ้นพระชายาที่รีบตามเข้ามาพอดี นางแทบจะอกสั่นขวัญหาย “ท่านอ๋อง!” เสียงแหลมเปรียวพุ่งขึ้นชั้นเมฆ ทำเอานกที่พักอยู่บนต้นไม้ในลานบ้านต่างก็กระพือปีกบินขึ้นมา
จิ้นอ๋องเพิ่งจะเห็นว่าคนที่อยู่ในอ้อมอกคือหลานสาวของพระชายา สีหน้าแดงจัด ชั่วขณะก็ผลักออกไปประหนึ่งถูกไฟเผา “เหลวไหล เสิ่นซื่อเจ้าไม่รู้กาลเทศะเกินไปแล้ว” เหตุใดถึงมีสตรีหน้าไม่อายเช่นนี้ จิ้นอ๋องโมโหจนแทบจะหมดสติ
ซ่งอี๋จยาถูกลากมาตลอดทาง ซ้ำยังถูกผลักไปผลักมา ขาคู่นั้นก็ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไปแล้ว ล้มลงบนพื้นทันที แม้แต่ลุกยังลุกไม่ขึ้น โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีคนสนใจนางแล้ว
พระชายาจิ้นอ๋องถูกหวาเยียนหวาอวิ๋นพยุงเดินเข้ามา “เสิ่นซื่อ เจ้ากำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว เจ้าจะเอาเช่นไรกันแน่”
แววตาเสิ่นเวยมีความเหยียดหยาม “ควรเป็นข้าที่ถามพระชายาว่าจะเอาอย่างไรมากกว่าหรือไม่ เรื่องในวันนี้ไม่ใช่ท่านยืนกรานจะยัดเยียดหลานสาวบ้านฝั่งมารดาของท่านมาให้จวนจวิ้นอ๋องของพวกข้าหรอกหรือ พูดถึงกำเริบเสิบสาน พระชายาน่าจะเป็นคนนั้นมากกว่ากระมัง วันทั้งวันแม่เลี้ยงเช่นท่านเอาแต่คิดว่าสามีของข้าทำอะไร ลูกแท้ๆ สามคนของท่านยังทุกข์ใจไม่พอหรือไร”
พระชายาจิ้นอ๋องคิดไม่ถึงว่าต่อหน้าท่านอ๋องเสิ่นซื่อผู้นี้จะไม่สำรวมเลยแม้แต่น้อย บนใบหน้าเดี๋ยวดำเดี๋ยวม่วง “เสิ่นซื่อเจ้ากำลังอิจฉา ทำผิดกฎเจ็ดขับ ข้างกายนายท่านตระกูลใดบ้างไม่มีอนุภรรยาหลายคน ข้าเป็นแม่เลี้ยงของคุณชายใหญ่ หาคนมาปรนนิบัติข้างกายเขาแล้วอย่างไร ท่านอ๋อง ท่านว่าข้าทำผิดหรือไม่”
บนใบหน้าจิ้นอ๋องเองก็ไม่เห็นด้วย ก็แค่อนุภรรยามิใช่หรือ ความหึงหวงของเสิ่นซื่อผู้นี้มากเกินไปแล้ว “เสิ่นซื่อ เจ้าทำผิดแล้ว พระชายาเองก็หวังดีต่อเจ้า มีคนปรนนิบัติโย่วเอ๋อร์เพิ่มอีกคนไม่ใช่เป็นการแบ่งเบาภาระเจ้าหรือ”
ความคิดแปลกประหลาดนี้ทำให้เสิ่นเวยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ถูกต้อง ข้าอิจฉา หากผู้ใดยัดเยียดคนไม่ดีเหล่านี้ไว้ข้างกายสามีของข้าผู้นั้นก็คือศัตรูของข้า! พระชายาบอกว่าข้าผิดกฎเจ็ดขับ เช่นนั้นพวกท่านก็ขับข้าสิ!” เสิ่นเวยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ฝ่าบาทพระราชทานสมรส แม้แต่หย่ายังหย่าไม่ได้ ยังคิดจะโยนโทษเจ็ดขับอะไรนั่นให้นาง น่าขันจริงๆ
เป็นดังคาด จิ้นอ๋องกับพระชายาจิ้นอ๋องต่างก็นึกถึงเรื่องนี้ได้ สีหน้าดำทะมึนพร้อมกัน
เสิ่นเวยกล่าวต่อ “ในเมื่อพระชายาใจกว้างเมตตาเพียงนี้ ก็น่าจะไม่ห้ามให้เสด็จพ่อแต่งอนุภรรยา เมื่อครู่พระชายาเองก็เห็นแล้ว เสด็จพ่อแตะเนื้อต้องตัวญาติผู้น้องอี๋จยาแล้ว พระชายาใจกว้างนักก็ทำให้พวกเขาสมหวังสิ! พระชายาพูดเองไม่ใช่หรือว่าญาติผู้น้องอี๋จยาเป็นคนที่เหมาะสมอย่างยิ่ง จะต้องแบ่งเบาภาระท่านดูแลเสด็จพ่อได้เป็นอย่างดีแน่นอน”
หยุดครู่หนึ่ง คิดแล้วคิดอีกก็กล่าว “อนุภรรยาหนึ่งคนก็น้อยไปหน่อย ข้างกายท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีบุปผารู้ใจแปดคนสิบคนหากพูดออกไปแล้วคงอายคนแย่ แม้จะบอกว่าเรือนหลังยังมีอี๋เหนียงอีกสองคน แต่สองคนนั้นก็อายุมากแล้ว เสด็จพ่อคงจะเห็นจนเบื่อแล้ว ลูกกับท่านพี่เป็นลูกกตัญญู จะต้องตั้งใจหามาให้เสด็จพ่ออีกหลายๆ คน อืม ท่านพี่ไม่เพียงแต่เป็นลูกกตัญญู แต่ยังเป็นพี่ชายที่รักน้องชายอีกด้วย องค์ชายรองยังไม่มีลูก น้องสะใภ้สามก็ตั้งครรภ์อยู่ น้องสะใภ้รองกับน้องสะใภ้สามไม่ต้องการคนมาแบ่งเบาภาระให้มากหน่อยหรือ ส่วนคุณชายสี่ ช่างเถอะ รอคุณชายสี่แต่งงานก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า ส่งอนุภรรยาก่อนแต่งงานมีแต่คนไม่มีมารยาทเท่านั้นที่จะทำได้” เสิ่นเวยแฉอดีตอันน่ารังเกียจของพระชายาจิ้นอ๋องอย่างไม่มีเยื่อใยเลยแม้แต่น้อย
“บังอาจ” จิ้นอ๋องกับพระชายาจิ้นอ๋องตะโกนด้วยความโกรธพร้อมกัน
ทว่าเสิ่นเวยกลับไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง “พระชายาคิดจะให้ญาติผู้น้องอี๋จยาเข้าจวนเมื่อใด กำหนดวันแล้วก็แจ้งมา เสด็จพ่อแต่งอนุภรรยา เป็นชนรุ่นหลังย่อมต้องมาดื่มสุรามงคลด้วย วุ่นวายมากว่าครึ่งเช้า พระชายาควรไปดูว่าที่ลูกสะใภ้สี่หรือไม่ว่าแต่งตัวเสร็จหรือยัง พระชายาท่านว่าท่านเป็นคนฉลาดเพียงนี้เหตุใดถึงเลือกวันนี้เล่า พวกเราเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ปิดประตูแล้วจะวุ่นวายอย่างไรย่อมได้ แต่อย่างไรเสียคุณหนูเจ็ดแซ่ฉินก็ยังไม่เข้าเรือน ถูกคนอื่นเห็นเป็นเรื่องตลกจะไม่ดีเอาได้! เอาล่ะ เสด็จพ่อกับพระชายาไม่ต้องไปส่งแล้ว ลูกขอลากลับจวนตรงนี้ อากาศร้อนยิ่งนัก พักอยู่ในจวนตัวเองสบายกว่าเยอะ!”
ไม่ได้สนใจว่าจิ้นอ๋องสองสามีภรรยาจะมีสีหน้าย่ำแย่เพียงใด เสิ่นเวยก็พาสาวใช้ทั้งสี่ของนางเดินกรีดกรายออกไปแล้ว
เมื่อออกจากประตูใหญ่จวนจิ้นอ๋อง เสิ่นเวยก็สั่งเย่ว์กุ้ย “ไป ไปเรียกท่านจวิ้นอ๋องของพวกเจ้ากลับจวน”
สวีโย่วกำลังดูบุตรหลานลูกคุณชายกลุ่มนั้นฝึกซ้อมอยู่ในสนามฝึกกองปัญจทิศรักษานคร ได้ยินเจียงไป๋รายงานว่าเสิ่นเวยเรียกเขากลับจวน ก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอกทันที
เขารู้ว่าวันนี้เสิ่นเวยกลับจวนอ๋อง พระชายาเล่นลูกไม้ยั่วโมโหเวยเวยของเขาอีกแล้วหรือ สวีโย่วกังวลยิ่งนัก!