ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 302 ได้พบคุณปู่อีกครั้ง
ถังซียิ้ม มองฉู่หลิงที่กำลังเดือดดาล และเดินออกจากห้องทำงานเขา ตอนนี้ความรู้สึกกระวนกระวายไร้ความสุขที่วนเวียนอยู่ในใจเธอระเหยหายไปหมดแล้ว หลังจากได้ใช้เวลาพูดคุยกับฉู่หลิงในบริษัท ถังซีส่ายศีรษะแล้วบอกกับตัวเองว่า “ถังซี ดูเหมือนเธอจะต้องเรียนรู้เรื่องการออกแบบให้มากขึ้นกว่าเดิมจริงๆ”
ถังซีเดินออกจากอาคารบริษัทก็เห็นรถที่คุ้นตาจอดอยู่ เธอยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา เฉียวเหลียงเปิดประตูลงจากรถคันนั้น เขาเข้ามาจูงมือถังซีตามความเคยชิน ถังซีถามเขาด้วยรอยยิ้ม “ทำไมคุณถึงมาที่นี่ ฉันบอกอาหกไม่ให้บอกคุณนี่นา”
เฉียวเหลียงยิ้ม “ผมไม่อยากให้คุณอยู่กับฉู่หลิงตามลำพัง ก็เลยมารับคุณ พรุ่งนี้คุณต้องไปเรียนหนังสือ ผมจะพาคุณไปส่งที่บ้าน กลับถึงบ้านแล้วอย่ามัวแต่ใช้ความคิดให้มากเกินไป รีบเข้านอนซะ”
ถังซีมองเฉียวเหลียงด้วยความประหลาดใจ เฉียวเหลียงบอกให้เธอขึ้นรถ เมื่อเฉียวเหลียงขึ้นรถเธอก็ถามว่า “คุณรู้เหรอ”
เฉียวเหลียงมองเธอ “คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอ”
ถังซียิ้มแล้วกล่าวในเชิงขอโทษ “อันที่จริงคุณไม่ต้องคอยปกป้องฉันมากขนาดนี้ก็ได้ ฉันไม่ใช่ตุ๊กตากระเบื้องจะได้แตกได้ง่ายๆ คุณกำลังปกป้องฉันมากเกินไปด้วยการติดตามฉันไปทุกหนทุกแห่ง”
“ผมไม่อยากให้เรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นกับคุณอีก” เฉียวเหลียงเอื้อมมือไปจับมือถังซี ยกขึ้นแตะริมฝีปาก ขณะจ้องมองเธอ “คุณก็รู้ว่าผมทนไม่ได้อีกต่อไปแล้วเมื่อคิดถึงเรื่องพวกนั้น”
ถังซีตกอยู่ในความเงียบ ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ ทั้งสองจะเงียบลงในที่สุด ถูกต้อง… ตอนนี้เธอเปราะบางเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง เธอไม่ควรตำหนิเฉียวเหลียงที่เขาใส่ใจเธอมาก ถังซีพยักหน้า “ไม่ต้องห่วงนะคะ แต่ฉันก็มีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากคุณเหมือนกัน คุณช่วยฉันตามหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของแม่ฉันได้ไหม ได้โปรดช่วยฉันสืบหาเรื่องนี้ด้วย”
เฉียวเหลียงจ้องมองถังซีอย่างพินิจพิจารณา เธอเม้มริมฝีปากมองเฉียวเหลียงอย่างสิ้นหวังแล้วถอนหายใจ “คุณก็รู้ว่าฉันทำเพิกเฉยต่อเธอไม่ได้ เธอเป็นแม่ฉัน และตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เป็นหน้าที่ฉันที่จะช่วยเธอตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ จริงไหม”
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา “ทีแรกคุณปฏิเสธไม่ยอมรับพวกเขา แต่ยอมรับเซียวจิ่งกับครอบครัวเป็นครอบครัวของคุณ แล้วตอนนี้คุณกำลังพยายามช่วยหลินหรูตามหาพ่อแม่ของเธองั้นเหรอ”
ถังซีเม้มริมฝีปากก่อนจะกล่าวว่า “นั่นเป็นเพราะก่อนหน้านั้นมีเซียวจิ้นหนิงมาขวางกั้นระหว่างเรา และก่อนหน้านั้นพวกเขาเข้าใจเซียวโหรวผิด ฉันถึงไม่ยอมรับพวกเขา แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าพวกเขาผิด และขอโทษฉัน ฉันไม่ใช่คนเลือดเย็นนี่ จะได้ทำเมินเฉยต่อพวกเขา” เมื่อถึงตรงนี้ถังซีก็หยุด และยิ้มออกมา “ยังไงก็ตาม คุณยังจะรักฉันไหมล่ะ ถ้าฉันเป็นคนแบบนั้นจริงๆ”
เฉียวเหลียงจ้องมองถังซี เธอหัวเราะและเอนตัวไปหาเฉียวเหลียง กล่าวอย่างน่ารักว่า “น่า นะคะ! ช่วยฉันหน่อย!”
เฉียวเหลียงผลักเธอออกไปเบาๆ แต่เธอเอนตัวกลับมาพิงเขาอีก เฉียวเหลียงหัวเราะ “เอาละๆ ผมจะให้คนของผมสืบหาข้อมูล แต่ผมให้สัญญาแน่นอนไม่ได้นะว่าผมจะหาพวกเขาพบ เพราะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว คุณรู้ไหมตอนนั้นน่ะเป็นช่วงเวลาที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนาเลย ยากที่จะหาหลักฐานอะไรก็แล้วแต่”
ถังซีพยักหน้า “แค่ลองสืบหาดู ทำเท่าที่คุณจะทำได้”
เมื่อถังซีกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว คนอื่นๆ เข้านอนกันหมดแล้ว เธอย่องขึ้นไปที่ห้องนอน หลังจากอาบน้ำเธอก็เปิดคอมพิวเตอร์ดูวิดีโอการออกแบบก่อนหน้านี้ของเธอ และเข้านอนหลังจากดูไปหนึ่งชั่วโมง
…
ที่เมืองหลวง
ในห้องทำงานถังเจิ้นหวาที่อุทยานเอ็มไพร์ ถังเจิ้นหวากำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอ่านเอกสารในมือ หลังจากนั้นครู่หนึ่งท่านก็โยนแฟ้มลงบนพื้น หันไปมองพ่อบ้านถัง แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น “ฉันคิดมาตลอดว่าเฉียวเหลียงเป็นคนที่เห็นคุณค่าของความรู้สึก ไม่คิดเลยว่าเขาจะเอาข้าวของของซีซีไปให้ผู้หญิงอื่น!”
พ่อบ้านถังก็โกรธมากเช่นกัน เขากล่าวอย่างขุ่นเคือง “เขาขอร้องไม่ให้เราพยายามตามหาคุณหนูอีก ผมคิดไปว่าเขาไม่ต้องการรบกวนคุณหนูอีกต่อไป แต่ไม่คาดคิดว่า…” พ่อบ้านถังหรี่ตาแคบลง มองดูภาพถ่ายบนพื้น ขณะกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “ผมคิดไม่ถึงว่าเขาจะไปคบกับผู้หญิงอื่น! ผมทราบมาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นหลานสาวนายพลหยาง หลานบุญธรรมน่ะครับ นายท่าน ดูสิครับ…”
ถังเจิ้งหวากระแอมแล้วลุกขึ้น กล่าวอย่างเย็นชา “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้รู้ว่าคนที่เธอตกหลุมรักเป็นผู้ชายแบบไหน!”
“นายท่าน แผนของท่านเป็นยังไงหรือครับ”
ถังเจิ้นหวายืนขึ้น “เตรียมตั๋วเครื่องบิน เราจะไปเมือง A กัน ฉันอยากเห็นหน้าเฉียวเหลียงตอนเผชิญหน้ากับเด็กสาวคนนั้นต่อหน้าฉัน!”
“ได้ครับ ผมจะจัดการเตรียมตั๋วเครื่องบินเที่ยวบินแรกไปเมือง A พรุ่งนี้เช้า”
…
ถังซีตื่นขึ้นตามปกติ วันนี้เธอไม่ได้ทำโยคะ แต่ไปนวดให้หลินหรูก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ทานอาหารเช้า แล้วไปโรงเรียน หลินหรูขอให้เซียวหงอี้พาเธอไปส่งที่โรงเรียน แต่ถังซีปฏิเสธ “แม่กับพ่อไม่ได้คุยกันนานแล้ว เพราะแม่พูดไม่ได้ ตอนนี้ทั้งสองคนคุยกันได้แล้ว พ่ออยู่คุยกับแม่เถอะค่ะ หนูจะบอกให้คนขับรถไปส่งหนูไปโรงเรียนเอง”
เมื่อถังซีออกจากประตูบ้านอาหกรอเธออยู่แล้ว อาหกทักทายแล้วรีบเปิดประตูรถให้เธอ ถังซีกล่าวว่า “บ่ายนี้ไม่ต้องมารับฉันนะ ฉันโทรบอกคุณป้าเฉียวแล้ว ฉันต้องเข้าสอบนัดสำคัญบ่ายวันนี้ และกว่าจะสอบเสร็จก็สามทุ่มคืนนี้”
เนื่องจากโรงเรียนทำเรื่องยกเว้นให้เธอทำการสอบในครั้งนี้ จึงไม่เหมือนกับการสอบอื่นๆ เธอต้องสอบจนถึงกลางคืนกว่าจะเสร็จ เมื่อได้ยินเธอบอกเช่นนี้ อาหกไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้า ถังซีมองทิวทัศน์ระหว่างทางและยิ้มออกมา สองเดือนผ่านไป ในที่สุดเธอก็ได้ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้ว
ตอนนี้บริษัทของเธอเริ่มต้นแล้ว และอีกไม่นานเธอก็จะได้รับประกาศนียบัตรมัธยมปลาย…
เมื่อคิดถึงประกาศนียบัตรมัธยมปลาย ถังซีก็มีแรงกระตุ้นให้อยากชกหน้า 008 เขาคิดยังไงของเขา! ให้ประกาศนียบัตรมัธยมต้นแก่เธอได้อย่างไร ขอบคุณนะ 008 ที่ทำให้เธอต้องมาเรียนกับเด็กวัยรุ่นในโรงเรียนมัธยมปลาย…
เมื่อถึงโรงเรียนเธอก็เดินเชิดศีรษะเข้าไป “โอ้ ในที่สุด…” เธอเชิดคางแล้วยิ้ม แต่ทันใดนั้นเธอก็ตัวแข็ง เมื่อเห็นร่างร่างหนึ่ง เธอจ้องมองคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าวๆ และขยับตัวไม่ได้…
นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า ทำไมคุณปู่ถึงมาอยู่ที่นี่
ถังเจิ้นหวามองสาวน้อยแสนสวยคนนี้แล้วรู้สึกคุ้นเคยกับเธอมาก แต่ท่านไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนั้นกับเด็กผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ ทว่าไม่นานนักท่านก็ตระหนักได้ว่า เด็กสาวตรงหน้าท่านคือศัตรูหัวใจของหลานสาวท่าน ท่านจึงหน้าบึ้ง อาหกมองถังเจิ้นหวาและรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตของความเป็นศัตรูจากชายชราผู้นี้ เขารีบหลบไปทางหนึ่ง และหยิบโทรศัพท์ออกมา…
ถังซีขยับริมฝีปาก แต่ทว่าน้ำตาไหลรินออกจากดวงตาเธอเสียก่อน ถังเจิ้นหวากำลังจะพูดออกมาแต่กลับพบว่าเด็กสาวคนนี้ร้องไห้ ท่านขมวดคิ้วจ้องมองถังซี และถามอย่างเย็นชา “เธอร้องไห้ทำไม”