ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 482 สถานการณ์กลับตาลปัตร
ถังเจิ้นหวาคิดไม่ถึงว่าพ่อบ้านจะวิตกกังวลเรื่องหลานสาวท่านมากขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเกิดเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ขึ้นมา… ท่านขยับมุมปากแต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงเพิกเฉยเสียต่อความวิตกกังวลของพ่อบ้าน และเดินจากไป
เมื่อถูกเจ้านายเพิกเฉยพ่อบ้านถังก็มองตามหลังท่านด้วยความเป็นห่วง แต่ยังคงรีบตามไปให้ทัน หลังจากหยุดชะงักไปชั่วขณะ
ไม่ว่าคุณหนูจะมีแฟนมาแล้วกี่คนก็ไม่เป็นไร ตราบเท่าที่เธอไม่นอกใจแฟน แม้ว่าเธอจะทำเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ตราบเท่าที่เธอไม่ถูกจับได้ และแม้ว่าเธอจะถูกจับได้ก็ไม่เป็นไร ตราบเท่าที่สื่อไม่รู้เรื่องนี้…
เอาล่ะ พ่อบ้านถังคิดอย่างค่อนข้างไร้หลักการในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาต้องเข้าข้างคุณหนู
ถังซีไม่รู้ตัวเลยว่าพ่อบ้านถังวิตกกังวลด้วยความเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน ขณะเดินทางไปสำนักงานใหญ่ของเอ็มไพร์กรุป แน่นอนว่าสำนักงานใหญ่เต็มไปด้วยนักข่าวจำนวนมาก เมื่อใดก็ตามที่มีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับตระกูลที่มีชื่อเสียง นักข่าวจะมาเฝ้าที่บริษัทของบุคคลเหล่านั้นตลอดทั้งคืน จนกว่าพวกเขาจะได้รายละเอียดข้อมูลจากการสัมภาษณ์โดยตรง
ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงจับมือให้กำลังใจเธอ เมืองหลวงแตกต่างจากเมือง A และเอ็มไพร์กรุปก็แตกต่างจากเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป แทบเป็นไปไม่ได้ที่ถังซีจะหลบกล้องนักข่าวพ้น ยิ่งไปกว่านั้นเอ็มไพร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ซึ่งเป็นของเอ็มไพร์กรุปก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ถังซีในฐานะประธานบริหารเอ็มไพร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนเสมอ ขณะที่มีการเปิดเผยว่าฉินซินหยิ่งขโมยภาพสเก็ตช์งานออกแบบของถังซีไปนั้น ถังซีอยู่ที่ฝรั่งเศส สื่อจึงไม่สามารถติดต่อเธอได้ แล้วในที่สุดเธอก็กลับมาประเทศจีน…
สื่อมวลชนต่างรอคอยที่จะได้สัมภาษณ์เธอในเรื่องนี้ และตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็มีข้ออ้างที่จะมาที่เอ็มไพร์กรุปเพื่อสัมภาษณ์เธอ
ถังซียิ้ม ดวงตาเธอมีประกายเจ้าเล่ห์ เธอมองเฉียวเหลียง “ฉันอยากรู้จังว่าทำไมคนฉลาดๆ อย่างปู่ฉินถึงทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้ ถ้าฉันเป็นเขา ฉันจะทำให้ตัวเองเป็นที่สนใจ แทนที่จะทำให้คนหันมาสนใจฝ่ายตรงกันข้าม ทุกสิ่งที่เขาทำจะช่วยให้ฉันได้พิสูจน์ความสามารถของตัวฉันเอง”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเสียใจเล็กน้อยในน้ำเสียงเธอ เฉียวเหลียงก็เลิกคิ้วมองหน้าถังซีและถามว่า “อย่างนั้นเหรอ”
ถังซียิ้มมุมปาก “ศัตรูโง่มาก จนฉันไม่รู้สึกว่าฉันประสบความสำเร็จเลย” เธอกล่าว แล้วเปิดประตูลงจากรถ
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีอย่างอ่อนใจ ทำได้เพียงเปิดประตูฝั่งตัวเองรีบลงจากรถไปทำหน้าที่คุ้มครองเธอ อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาลงจากรถ ถังซีก็ถูกนักข่าวรุมล้อม โชคดีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเอ็มไพร์กรุปรออยู่ตรงนั้นแล้ว พวกเขาเข้าล้อมรอบตัวถังซีไว้ตรงกลาง เพื่อปกป้องเธอ เฉียวเหลียงเบียดเข้าไปในฝูงชนไม่ได้ แต่เขาก็โล่งอกที่เห็นว่าถังซีได้รับการปกป้องโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ถังซีสวมชุดสูทสีน้ำเงินของจิวองชี่ ทำให้เธอดูภาคภูมิและกระฉับกระเฉง ที่สำคัญที่สุดคือ ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนริมฝีปาก ทำให้เธอดูมั่นใจมาก
“คุณถังครับ คุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวคุณปู่ของคุณเมื่อเช้านี้อย่างไรบ้างครับ”
“คุณถัง ทำไมคุณถึงปิดบังเรื่องอาการป่วยของคุณปู่คุณ”
“คุณถังคะ ฉันขอถามว่าคุณปู่ของคุณอาการดีขึ้นหรือยังคะ”
“คุณถัง…”
ถังซีฟังคำถามของนักข่าวขณะเดินต่อไปเรื่อยๆ เมื่อไปถึงประตูทางเข้าเอ็มไพร์กรุปเธอก็หันกลับมามองนักข่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ข้อแรก ที่คุณปู่ฉันล้มป่วยจนฉันต้องมารับตำแหน่งประธานบริหารเอ็มไพร์กรุปนั้นเป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ ข้อสอง ฉันไม่ได้ปิดบังความจริงเรื่องคุณปู่ของฉันป่วย พวกคุณไปตรวจดูหนังสือพิมพ์เมื่อห้าปีก่อนได้เลย ทุกคนรายงานข่าวว่าฉันตัดสินใจรับตำแหน่งประธานบริหารเอ็มไพร์กรุปเพราะคุณปู่ของฉันป่วย คุณปู่ฉันรักษาจนหายขาดแล้ว และฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์หลังจากรักษามาห้าปี เหตุผลที่ท่านไม่เข้ามาบริหารบริษัทอีกต่อไปก็คือ ตอนนี้ฉันสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเองแล้ว และฉันไม่อยากให้ท่านเหนื่อยจนเกินไป เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ ฉันมีปู่เพียงคนเดียว… และ…” ถังซีกวาดตามองนักข่าว มีรอยยิ้มเยือกเย็นบนใบหน้าเธอ “เท่าที่ฉันทราบ คนที่เผยแพร่ข่าวนี้คือทายาทฉินกรุป ฉินซินหยิ่ง พวกคุณลองบอกมาซิว่า ข้อมูลที่ฉันได้รับมานี้ถูกต้องไหม”
นักข่าวคิดไม่ถึงว่าถังซีจะถามคำถามนี้ ทุกสายตาหันไปหานักข่าวจากสำนักข่าวที่ประกาศข่าวเมื่อเช้านี้ นักข่าวคนนั้นทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้า เมื่อเห็นนักข่าวพยักหน้า ถังซีก็มีท่าทางผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
เธอยิ้มเศร้า “ฉันคิดว่า เพราะเธอเป็นเพื่อนฉัน ฉันจึงควรให้อภัยเธอ ไม่ว่าเธอจะทำความผิดอะไรก็ตาม…”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซีนักข่าวต่างก็พากันเห็นใจถังซี แล้วจู่ๆ นักข่าวคนหนึ่งก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และถามว่า “คุณถังครับ คุณหมายความว่าฉินซินหยิ่งเผยแพร่ข่าวนี้ เพราะเธอกำลังตอบโต้คุณใช่หรือเปล่า”
ถังซียกนิ้วให้นักข่าวคนนั้นในใจเมื่อได้ยินคำถามของเขา แต่ท่าทางเธอดูเศร้ามาก เธอเม้มริมฝีปากและส่ายศีรษะ “ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องการแก้แค้นฉัน จะเป็นเพราะฉันไม่ยื่นมือเข้าไปติดต่อกับตำรวจปารีสหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ว่าเธอก่ออาชญากรรม เธอไม่สมควรถูกขังอยู่ที่สถานีตำรวจสักสองสามวัน เพื่อให้ไตร่ตรองถึงความผิดของเธอหรอกเหรอ และฉันก็ได้ขอให้ตำรวจปล่อยตัวเธอแล้ว ก่อนที่ฉันจะกลับมาประเทศจีน… ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าแทนที่จะมาขอโทษฉัน เธอกลับทำอะไรแบบนี้แทนเพื่อตัดสายสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของเรา”
ถังซีหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เธอเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันมี”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ฝูงชนก็พากันส่งเสียงอื้ออึง นักข่าวต่างหันมาคุยกันว่าฉินซินหยิ่งนี่ช่างไร้ยางอาย… และหลายคนก็ยังปลอบใจถังซีอีกด้วย…
ถังซียิ้มกวาดตามองนักข่าวแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณนะคะ ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันคือถังซีแห่งเอ็มไพร์กรุป ตราบใดที่ฉันต้องการ ก็คงมีคนมากมายอยากเข้ามาเป็นเพื่อนกับฉัน”
เธอบอกเป็นนัยว่า ไม่ใช่ฉินซินหยิ่งเลือกเธอ แต่เธอเป็นคนเลือกฉินซินหยิ่ง… และเพื่อนคนเดียวที่เธอเลือกได้หักหลังเธอ
ทันทีที่มีรายงานข่าวเกี่ยวกับถังซี ราคาหุ้นเอ็มไพร์กรุปที่ตกลงไปกว่าสิบจุด ก็เริ่มทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว…
ตลาดหุ้นคาดการณ์หุ้นเอ็มไพร์กรุปไปในทางที่ดี ไม่ใช่เพราะถังเจิ้นหวา แต่เพราะความแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท ตลาดไม่ได้สนใจว่าประธานเอ็มไพร์กรุปจะป่วยหรือไม่ ตราบใดที่เอ็มไพร์กรุปยังสามารถสร้างผลประโยชน์ให้พวกเขาได้…
เมื่อห้าปีที่แล้วถังซีอายุยี่สิบสามปี สามารถบริหารเอ็มไพร์กรุปได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ห้าปีต่อมาถังซีในวัยยี่สิบแปด ผู้ผ่านความยากลำบากและความพ่ายแพ้มามากมายในแวดวงธุรกิจ ย่อมสามารถนำพาเอ็มไพร์กรุปก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นไปได้อย่างแน่นอน