ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 536 การประชุมว่าด้วยการยกย่องชมเชย
“แน่นอนค่ะ หนูไม่ได้ล้อมามี้เล่น” ดวงตาถังซีมีประกายเจ้าเล่ห์ เธอเดินเข้าไปหาหยางจิ้งเสียน จับมือมารดาแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “พี่เหยามีแฟนมาสามเดือนกว่าแล้วค่ะ มามี้ไม่ทราบเรื่องนี้จริงๆ เหรอคะ”
เธอไม่รู้สึกผิดเลยที่ขายเซียวเหยากับเฮ่อหว่านอี เพราะประการแรก เธอรู้ว่าเฮ่อหว่านอีจะไม่โกรธเธอ และอาจชื่นชมเธอด้วยซ้ำเพราะเธอทำให้ครอบครัวเซียวเหยารับรู้ถึงการมีตัวตนของเฮ่อหว่านอี และประการที่สองพี่เหยาเอ็นดูเธอมากเสมอ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่โกรธเธอด้วยเช่นกัน
เธอจึงไม่ลังเลที่จะขายคนทั้งคู่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจมารดาทั้งสอง
“โอ จริงเหรอจ๊ะ” ถังหยาเองก็ยินดีเช่นกันที่ได้ยินอย่างนั้น ถึงแม้เซียวเจี่ยนจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่เขาก็มีแฟนแล้ว ส่วนเซียวเหยาไม่เคยมีแฟนเลย นี่คือปัญหาใหญ่ของตระกูลเซียว ซึ่งใหญ่ยิ่งกว่าเรื่องชีวิตรักของโหรวโหรวเสียอีก
ทุกคนรู้ดีว่าถังซีพยายามทำให้พวกเธอไขว้เขว แต่นี่ก็เป็นข่าวด่วนสำหรับทุกคน และพวกเธอไม่อาจเพิกเฉยต่อข่าวนี้ได้ แม้ว่าใจจริงจะไม่อยากปล่อยโหรวโหรวไปง่ายๆ
ถังซีพยักหน้าอย่างจริงจัง “แน่นอนคะ หนูไม่เคยโกหก”
“บอกเรามาเดี๋ยวนี้ว่าเธอเป็นใคร หนูรู้ได้ยังไงว่าเหยามีความสัมพันธ์กับเธอ เธอเป็นนักแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วยเหรอ” หยางจิ้งเสียนหยุดถามไม่ได้
ถังซียิ้มอย่างมีลับลมคมใน “ให้หนูโทรหาเธอนะคะ ขอให้เธอมาที่นี่ ทุกคนจะได้รู้ว่าเธอเป็นใคร”
หยางจิ้งเสียนส่ายศีรษะพร้อมกับหัวเราะ “นี่ อย่ามัวแต่ให้เราเดาสิ บอกแม่มาเดี๋ยวนี้!”
ถังซีหัวเราะเบาๆ “ตกลงค่ะ ตกลง อย่าใจร้อนสิคะ มามี้” จากนั้นเธอก็หยุดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อไป “สิ่งที่หนูบอกได้ตอนนี้ก็คือ ผู้หญิงคนนี้รักพี่เหยามาหลายปีแล้ว และเมื่อหลายเดือนก่อนพี่เหยาก็รับรักเธอค่ะ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็คบหากัน”
“จริงเหรอ” หยางจิ้งเสียนขมวดคิ้ว “เหยาเป็นคนเก็บตัวมากเกินไป เขามักจะเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเอง ไม่มีใครเปลี่ยนใจเขาได้ ตอนเป็นเด็กเขาตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะไปเรียนที่เมืองหลวงโดยไม่บอกเราเลย จากนั้นก็ตัดสินใจเข้ารับราชการในกองทัพ… ถ้าคราวที่แล้วเขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉันก็ไม่มีทางรู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นถึงผู้พันแล้ว และคราวนี้เขาก็…”
หยางจิ้งเสียนถอนหายใจ “ถ้าหนูไม่บอกแม่เรื่องนี้ แม่อาจไม่รู้เลยว่าแฟนเขาคือใคร จนกว่าจะถึงวันแต่งงานของเขา”
ถังซีหัวเราะเบาๆ และออกไปโทรศัพท์
เฉียวอวี่ซินและถังหยาพยักหน้า ทุกคนมีความรู้สึกแบบเดียวกันกับลูกชายของตน
เฉียวอวี่ซินกล่าวว่า “เหมือนกันเลย เราส่งอาเหลียงไปต่างประเทศตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาจึงแทบไม่ได้อยู่ใกล้ชิดเรา ถึงแม้แต่ตอนที่กลับมาแล้วเขาก็ไม่ค่อยอยากพูดกับเรา จากนั้น… พ่อเขาก็ทรยศพวกเรา เขาต้องกลับมาต่อสู้กับพ่อ และดูแลฉัน แม่ที่พิการและไร้ประโยชน์ โอ ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นหนี้ลูกชายมากเหลือเกิน”
“ลูกชายเธอเป็นชายหนุ่มที่เก่งมาก การถูกพ่อทรยศต้องเป็นเรื่องเลวร้ายสาหัสสำหรับเขา แต่เขาก็เก็บความรู้สึกไว้ ช่วยกอบกู้เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปที่กำลังจะล้มละลายด้วยความแข็งแกร่งของเขาเอง และนำพาบริษัทมาสู่จุดสูงสุดได้ เขายอดเยี่ยมจริงๆ” ถังหยาเอ่ยชื่นชม ในความคิดของเธอ เฉียวเหลียงเป็นตำนานในแวดวงธุรกิจอย่างแท้จริง
หยางจิ้งเสียนก็พยักหน้าเช่นกัน “ใช่ นั่นคงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเขา แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยรู้เรื่องของเฉียวเหลียงมากนัก แต่ฉันก็จำได้ เซียวจิ่งเคยบอกว่าตอนนั้นเขาป่วย เมื่อเขากลับมาเธอก็พิการจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ พ่อเขาฮุบบริษัทของครอบครัวเธอไป และไม่มีบริษัทไหนเต็มใจร่วมลงทุนในเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปเลย เขาหาเงินลงทุนจากต่างประเทศ และทำให้บริษัทกลับฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง”
เมื่อถังซีกลับมา เธอก็ได้พบกับการประชุมว่าด้วยการยกย่องชมเชยเฉียวเหลียง
ขณะได้ฟังคำพูดของคุณแม่ทั้งหลาย เธอก็ยิ้ม แล้วนั่งลงท่ามกลางคุณแม่ทั้งสาม พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ เฉียวเหลียงเก่งมาก หนูจะไม่รักเขาได้ยังไงล่ะคะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างนี้ได้หรอกค่ะ”
“เด็กผู้หญิงอะไรนี่ ไร้ยางอายจริงเชียว” ถังหยาตบศีรษะเธอเบาๆ ถังซียักไหล่โดยไม่มีท่าทีขวยเขิน “หนูอายุยี่สิบสี่แล้วนะคะ หนูโตพอที่จะแต่งงานได้แล้ว ก็อย่างที่คุณแม่บอก ทำสิ่งที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้หนูก็เลยเลือกที่จะแต่งงานตอนอายุเท่านี้”
“โอ โหรวโหรวน้อยของเราอยากแต่งงานแล้ว” ถังหยาหัวเราะ แล้วเธอก็คิดอะไรบางอย่างและถอนหายใจ “ถ้าเพียงแต่พี่เจี่ยนของหนูจะคิดแบบเดียวกับหนูบ้างก็คงจะดี! เขาอยู่แต่ในบริษัทตลอดทั้งวัน ไม่เคยมีเวลาให้แฟนเขาเลย ถ้าแม่เป็นแฟนเขา แม่คงเลิกกับเขาไปแล้ว เขาควรเรียนรู้จากคุณพ่อของหนู คุณพ่อน่ะพยายามใช้เวลาทุกนาทีอยู่กับแม่ ตอนที่เขาตามจีบแม่ ทุกครั้งที่แม่พูดกับผู้ชายคนอื่นเขาจะโผล่มาทันที และไล่ผู้ชายคนนั้นไป ครั้งหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งให้ดอกไม้แม่ เขาโยนดอกไม้ทั้งช่อทิ้งออกไปทางหน้าต่าง ดอกไม้หล่นกระจายโดนคนที่เดินไปมาบนถนนด้วย”
หยางจิ้งเสียนเลิกคิ้ว “ฮ่า ฮ่า ฉันไม่เคยรู้เลยว่าพี่ใหญ่โรแมนติกขนาดนี้”
เฉียวอวี่ซินมองถังหยาอย่างชื่นชม “สามีเธอดีกับเธอมากเลย” แล้วนางก็ถอนหายใจ “ฉันคิดเสมอว่าอยากเลือกแต่งงานกับผู้ชายที่ไว้ใจได้ และเป็นคนธรรมดาๆ ฉันถึงได้เลือกพ่อเฉียวเหลียง แต่กลับกลายเป็นว่าจริงๆ แล้วคนแบบเขานี่แหละที่ร้ายกาจ ถ้าฉันรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง ฉันจะเลือกผู้ชายที่ฉันรักจริงๆ และใช้ชีวิตอยู่กับเขาตลอดไป”
ถังซีตบหลังมือนางเบาๆ เพื่อปลอบโยน เฉียวอวี่ซินส่ายศีรษะให้ถังซีด้วยรอยยิ้ม บอกว่านางไม่เป็นอะไร
ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก และน้ำเสียงสดใสร่าเริงของเฮ่อหว่านอีก็ดังขึ้น “คุณแม่เฉียวเหลียงเอาอาหารอร่อยๆ อะไรมาให้เธอน๊า นี่เธอโทรเรียกพี่มา จะแบ่งให้พี่ทานด้วยใช่… เอ้อ…” เฮ่อหว่านอีชะงัก มองคุณแม่ทั้งสามที่นั่งอยู่ในห้องรับรอง แล้วรีบทักทายพวกท่าน “สวัสดีค่ะ คุณป้าถัง สวัสดีค่ะ คุณป้าหยาง สวัสดีค่ะ คุณป้าเฉียว”
ในนาทีที่หยางจิ้งเสียนเห็นเฮ่อหว่านอี เธอก็ลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็หันไปมองถังซีด้วยสายตามีคำถาม