ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 540 คุณถังผู้ตื่นเต้น
หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม ในที่สุดเหวินนิ่งก็ยอมรับลู่หลีแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้แล้ว ทุกวันเธอจะอดทนล้างหน้าและโกนหนวดให้ลู่หลี ป้อนอาหารให้เขาทานและป้อนน้ำให้ดื่ม เมื่อเจอเฉียวเหลียงเธอก็พูดคุยกับเขาได้ด้วยรอยยิ้ม และบางครั้งยังพูดติดตลกกับเขาได้ แต่ทุกครั้งเธอจะถามเขาด้วยคำถามเดิมๆ ว่า… ‘จะจับคนพวกนั้นได้เมื่อไร’
เมื่อเห็นว่าเหวินนิ่งยอมรับความจริงได้แล้ว เฉียวเหลียงก็ตัดสินใจกลับประเทศจีน เพราะเขาอยู่ต่างประเทศนานเกินไปแล้ว เขาจึงขอให้ลั่วเฟิงดูแลเหวินนิ่งและลู่หลี แล้วก็เตรียมตัวกลับเมือง A
ลั่วเฟิงไปส่งเขาที่สนามบินด้วยตัวเอง ขณะมองดูเขาก้าวขึ้นเครื่องบิน จู่ๆ ลั่วเฟิงก็ร้องเรียกเขา เฉียวเหลียงหยุดก้าว หันกลับมามองเขา ลั่วเฟิงถอนหายใจและกล่าวอย่างจริงจัง “อาเหลียง อย่าทำอะไรที่จะทำให้คุณเสียใจ ทุกครั้งที่ผมเห็นเหวินนิ่งกับลู่หลีในตอนนี้ ผมอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อสิบปีที่แล้วทั้งคู่เป็นอย่างไร ถ้าทั้งคู่กล้าหาญมากกว่านี้ พวกเขาคงไม่ต้องเสียใจมากในตอนนี้ พวกเขาได้อยู่ด้วยกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แล้วโชคชะตาก็พรากพวกเขาให้จากกัน”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้วมองหน้าลั่วเฟิง “คุณกำลังพยายามจะพูดอะไร”
“อาเหลียง อย่ามองหาคนที่คุณรัก จากผู้หญิงที่เต็มใจมอบทุกอย่างให้คุณ ไม่อย่างนั้นคุณก็จะมีแต่ทำร้ายตัวเองและผู้หญิงที่รักคุณอย่างสุดซึ้งคนนั้น” ลั่วเฟิงมองหน้าเฉียวเหลียง “ผมรู้ว่าผู้หญิงที่คุณรักเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนแฟนคนปัจจุบัน ถึงแม้ว่าคุณจะรักเธอเหมือนกัน แต่ผม… ก็รู้สึกว่าคุณกำลังมองหาคนรักเก่าในคนรักคนปัจจุบันของคุณ…”
เฉียวเหลียงชะงัก ส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินเข้ามาตบไหล่ลั่วเฟิง พร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า “คนที่ผมรักคือเซียวโหรว จำไว้ว่าผมไม่ได้มองหาใครในตัวเธอ เพราะเธอเท่านั้นคือคนที่ผมรัก” จากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปขึ้นเครื่องบิน “ผมต้องไปแล้ว”
…
ถังซีตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินว่าเฉียวเหลียงกำลังจะกลับมา เธอตื่นเต้นมากมายเหลือเกิน แม้แต่ขณะกำลังถ่ายทำภาพยนตร์ เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้เฮ่อหว่านอีก็อดล้อไม่ได้ “นี่เธอเป็นอะไรไป ทำไมถึงเอาแต่ยิ้ม ฉากต่อไปที่เรากำลังจะถ่ายเป็นฉากที่เศร้าที่สุดในวันนี้นะ เธอไม่ควรมีความสุขขนาดนี้”
ถังซีหัวเราะเบาๆ “ฉันรู้ค่ะ ฉันไม่ปล่อยให้อารมณ์มีผลต่อการแสดงหรอกน่า เพราะถึงอย่างไรฉันก็คือเซียวโหรว ราชินีแห่งโลกภาพยนตร์ในอนาคต!” จากนั้นเธอก็กะพริบตาปริบๆ ใส่เฮ่อหว่านอี “วันนี้เราจะถ่ายฉากที่ฉันตายเพื่อพี่ ใช่หรือเปล่า”
“ใช่จ้ะ ฉากที่มู่หรงรั่วตายเพื่อเจวี้ยหนิง” เฮ่อหว่านอีถอนหายใจ จับแขนถังซีแล้วบ่นว่า “ฉากของเธอจะเสร็จวันนี้ แต่ของพี่ยังต้องถ่ายทำฉากที่เหลือพรุ่งนี้เช้า!”
ถังซีกลอกตาไปมาแล้วมองหน้าเฮ่อหว่านอีอย่างทำอะไรไม่ถูก “ไม่เอาน่า เป็นเพราะว่าฉากนั้นต้องถ่ายตอนพระอาทิตย์ขึ้นนี่คะ เลยต้องเลื่อนไปพรุ่งนี้ ฉากของเรามีจำนวนเท่ากัน พี่ไม่ต้องมาบ่น”
เฮ่อหว่านอีพยักหน้าอย่างหนักแน่น “แต่พี่อยากบ่น! เธอกลับไปคืนนี้อยากทานอะไรก็ได้ทานตามที่ต้องการ แต่พี่ยังต้องอยู่ที่นี่!”
“ไม่ค่ะ ไม่ ไม่” ถังซียกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา “คืนนี้ฉันจะไปรับใครบางคนที่สนามบิน~~”
“เธอจะไปรับใครเหรอ” เฮ่อหว่านอีขมวดคิ้ว “คุณพ่อคุณแม่กลับมาจากไปเที่ยวแล้วใช่ไหม”
ถังซีส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ค่ะ เมื่อหลายชั่วโมงก่อนเฉียวเหลียงโทรมาหาฉัน บอกว่าเขาขึ้นเครื่องบินแล้ว จะกลับมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมง ฉันไปรับเขาได้เมื่อถ่ายฉากนี้เสร็จแล้ว!”
ถึงคราวเฮ่อหว่านอีกลอกตาบ้างแล้วตอนนี้ เธอมองหน้าถังซีอย่างอ่อนใจ “ต้องมีความสุขมากขนาดนี้เลยเหรอ ที่เธอตื่นเต้นมากมายขนาดนี้เพียงเพราะว่าแฟนเธอกลับมาเนี่ยนะ”
ถังซีหัวเราะเบาๆ “พี่จะไม่ตื่นเต้นเหรอ ตอนที่พี่เหยากลับมาน่ะ”
“แต่เขายังไม่ได้กลับมานี่ ใช่ไหมล่ะ” เฮ่อหว่านอีกล่าวพลางนั่งลงบนเก้าอี้และขมวดคิ้ว “บางครั้งพี่ก็สงสัยว่าพี่เป็นแฟนเขาหรือเปล่า ทำไมเขาไม่ติดต่อพี่มาหลายเดือนแล้ว เขายุ่งกว่าพี่ที่เป็นดาราดังเสียด้วยซ้ำ”
ถังซีมองเฮ่อหว่านอี ถอนหายใจ เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “เฮ้อ… พี่เหยาก็เป็นแบบนี้มาตลอดแหละค่ะ เขามักจะไม่ติดต่อเราเป็นเวลาหลายเดือน งานของเขาเสี่ยงอันตรายมาก การโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวจะทำให้ข้อมูลพิกัดของเขารั่วไหลได้ และ… ถ้าเขาติดต่อพี่ เขาก็กลัวว่าศัตรูจะทำร้ายพี่ รู้ไหมคะ เขากับเพื่อนร่วมงานต้องสวมหน้ากากและใช้รหัสแทนชื่อในการทำภารกิจด้วยนะ”
ถึงแม้จะเป็นฮีโร่ แต่พวกเขาก็อยู่ในความมืด
เฮ่อหว่านอีพยักหน้า “พี่ไม่ได้บ่นหรอก พี่แค่คิดว่า… คนรักไม่ควรเป็นแบบนี้”
“นี่ พวกเธอกำลังคุยอะไรกัน” หนิงเหยี่ยนตะโกนมาที่พวกเธอ “มานี่ได้แล้ว!”
“เรากำลังเตรียมอารมณ์กันค่ะ!” ถังซีกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้ม จูงมือเฮ่อหว่านอีเดินไปหาหนิงเหยี่ยน “ผู้กำกับหนิง อย่ากดดันพี่หว่านอีนักสิคะ เธอกำลังไม่มีความสุข คุณจะใจร้ายพอที่จะทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมาน ท่ามกลางลมหนาวบนเทือกเขาฉินได้ยังไงล่ะคะ”
“ฉันไม่สนหรอก เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนเลือดเย็น” หนิงเหยี่ยนกล่าว และเคาะศีรษะถังซีเบาๆ ด้วยม้วนกระดาษในมือ “เตรียมตัวให้พร้อม”
ทันทีที่ถังซีถ่ายฉากสุดท้ายเสร็จ เธอก็วิ่งออกจากกองถ่าย แม้แต่อาหกก็ตามเธอไม่ทัน เขาสงสัยว่าทำไมจู่ๆ คุณถังถึงแข็งแรงขนาดนี้ บางครั้งเขาเองยังเอาชนะเธอไม่ได้ในขณะที่เขาฝึกกังฟูให้เธอ!
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมร่างกายเธอถึงแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าคุณถังนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอสามารถเสริมสร้างร่างกายได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน เมื่อเทียบกับคุณถังผู้เปราะบางคนก่อนหน้านี้ เขาชอบคนปัจจุบันที่มีความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่า ที่สำคัญที่สุดคือ คุณถังสามารถออกไปไหนคนเดียวได้แล้ว ในที่สุดเขาก็ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ!
ขณะมองตามหลังถังซี เขาก็เลิกคิ้วถามเฮ่อหว่านอีว่า “ทำไมเธอถึงวิ่งเร็วขนาดนั้นครับ เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเธอหรือเปล่า”
เขาไม่เคยเห็นเธอวิ่งเร็วขนาดนี้ ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ
“เฉียวเหลียงกำลังกลับมา เธอก็เลยจะรีบไปรับเขา” เฮ่อหว่านอียิ้มแล้วส่ายศีรษะ “เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอตื่นเต้นมากเหลือเกิน”
“ไม่น่าแปลกใจหรอก” หนิงเหยี่ยนยังคงมองตามหลังถังซี และถามเฮ่อหว่านอีว่า “เธอคิดยังไงกับทักษะการแสดงของโหรวโหรว”
เฮ่อหว่านอีเลิกคิ้ว กล่าวอย่างจริงจัง “ดีมากๆ ฉันไม่คาดคิดว่าเธอจะมีพรสวรรค์ในการแสดงมากขนาดนี้ ถ้าฉันไม่รู้จักเธอดี คงคิดว่าเธอจบการศึกษาจากสาขาการแสดงมาอย่างแน่นอน”