เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 48
ร้อนระอุ
อวิ๋นเยี่ยเก็บตัวอยู่ในสวนหลังบ้านเพื่อดูข้าวโพดทั้งห้าต้นของเขา แต่ละต้นนั้นสูงใหญ่และแข็งแรง รากสีม่วงที่อยู่เหนือพื้นดินแข็งแรง มีกำลังเกาะพื้นดินดีมาก ทั้งสองข้างเริ่มมีเมล็ดข้าวโพดงอกออกมาแล้ว เขาจำได้ว่าข้าวโพดแต่ละต้นควรผูกไม้ค้ำไว้จะดีกว่า แต่ก็ไม่แน่ใจอีก จึงได้แต่ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
เขาเขย่าก้านของต้นข้าวโพด ละอองเรณูของดอกข้าวโพดที่อยู่ตรงยอดก็ร่วงหล่นลงมามากมาย ข้าวโพดเป็นพืชที่มีดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น การผสมเกสรนั้นจึงสะดวกมาก แม้ว่าจะดูค่อนข้างวิปริตไปบ้าง แต่อวิ๋นเยี่ยก็ชอบ หากไม่คำนึงถึงผลของการแต่งงานของเชื้อสายที่ใกล้ชิดกัน มนุษย์เราก็น่าจะเป็นเช่นนี้ สะดวกสบายมากเลย จะไปมัวมองหาภรรยาหรือสามีทำไมกัน ตัวเองลองอุ้มท้องโตให้กำเนิดเด็กหญิงและเด็กชายก็แลดูเป็นเรื่องที่ดีอยู่ไม่น้อย
สู่ขอฝ่ายหญิงต้องเสียเงิน ลูกสาวแต่งงานต้องเสียเงิน สรุปแล้วคือไม่คุ้มค่าอย่างแท้จริง คราวก่อนที่ได้เจอหลี่อันหลานจนตกหลุมรักเข้า ผลก็คือเกือบจะถูกนำไปเลี้ยงสุนัข ถึงตอนนี้ความโกรธก็ยังไม่จางหายไป
เมื่อเทียบกันแล้ว หวงสู่น่าอิจฉามาก ภรรยาที่อวบๆ ขาวๆ ได้ยินว่าตั้งแต่สู่ขอจนถึงเข้าห้องหอใช้เวลาเพียงครึ่งวัน เป็นหญิงที่ขยันหมั่นเพียร ดูแลบ้านช่องอย่างสะอาด ทั้งยังมีหัวการค้าอีกโดยไปตั้งแผงขายเหล้าข้าวหมักอยู่หน้าประตูสำนักศึกษา มนุษยสัมพันธ์ดีมาก ภาชนะสะอาดหมดจดเพราะล้วนแล้วแต่นำไปต้มในน้ำร้อน เหล้าข้าวหมักก็อร่อยกลิ่นหอมเย้ายวน
ในตอนนี้ได้เห็นข้อเสียของการมีฐานะที่สูงส่งแล้ว เมื่อมองดูอวี้ฉือต้าส่าพาหั่วจู้สองพี่น้องนั่งดื่มเหล้าหมักคนละชามๆ หลี่ไท่และหลี่เค่อสองพี่น้องได้แต่กลืนน้ำลายเท่านั้น หลิวเซี่ยนปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะให้สองพี่น้องดื่มเหล้าหมักนั้น หากต้องการดื่มก็ให้พ่อครัวในครัวทำให้
“ข้าไม่ต้องการกินของเหลือ ไม่ต้องการกินของเหลืออีกต่อไป ทุกครั้งที่ให้ซาลาเปามาล้วนแล้วแต่ถูกกัดแล้ว โจ๊กที่ให้ก็เป็นของที่คนอื่นกินแล้ว ข้าเป็นท่านอ๋องไม่ใช่สุนัขที่กินของเหลือ คราวหน้าใครก็ตามที่กล้าให้ซาลาเปาที่กัดแล้วให้ข้า ข้าจะกัดคนนั้น”
คราวนี้แย่แล้ว หลี่ไท่ที่มีโรครักสะอาดอารมณ์ขึ้นเสียแล้ว หลายวันนี้ เด็กคนนี้ไม่มีเวลาไหนที่อารมณ์ดีเลย วันห้ามไม่ให้เขาดื่มเหล้าข้าวหมักเท่ากับเป็นการจุดชนวนระเบิดอารมณ์ของเขาอย่างแท้จริง คำพูดที่ไม่ผ่านการกลั่นกรอง ไม่เห็นหรือว่าหลี่ไท่ที่อยู่ด้านข้างหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้ว ซาลาเปาของเขาก็ถูกคนอื่นกัดมาก่อน ทั้งยังถูกแบะออกเพื่อลองชิมไส้ด้วย
“พี่สาม คำพูดนี้มันสะเทือนถูกหลายคน แม้ว่าข้าก็เกลียดที่จะกินอาหารเหลือ อย่างน้อยก็น่าจะบอกว่าเราสองพี่น้องเป็นมังกรที่ต้องกินของเหลือเช่นนี้ข้าไม่มีความเห็น แต่อย่าบอกว่าเป็นสุนัขได้ไหม”
นับตั้งแต่ที่อวิ๋นเยี่ยให้คนขุดพื้นที่ด้านข้างเมืองหรงโจวอย่างพลิกแผ่นดินแล้ว จนสามารถรวบรวมซากฟอสซิลได้เต็มคันรถและเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ เมื่อเห็นโครงกระดูกขนาดใหญ่ อวิ๋นเยี่ยบอกว่ามันเป็นกระดูกมังกร กระดูกมังกรที่เปลี่ยนรูป ก็อย่างที่พูดกัน ลูกมังกรทุกตัวใช่ว่าจะเหมือนกันทั้งหมด นี่คือโครงกระดูกของมังกร พอเข้าไปยืนอยู่ในปากของกะโหลกศีรษะ หลี่ไท่รู้สึกว่าการที่ราชวงศ์ใช้มังกรเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์เป็นการกระทำที่ชาญฉลาด
เมื่อดูที่ปากอันใหญ่นี้แล้ว การจะกลืนวัวทั้งตัวก็ไม่เป็นปัญหา ตั้งแต่นั้นหลี่ไท่ก็เล่นอ้าปากและหุบปากของมังกรเสมือนหนึ่งว่าเขาก็คือมังกรตัวนั้นที่สามารถกลืนวัวได้ทั้งตัว
สิ่งที่มาพร้อมกับโครงกระดูกยังมีจดหมายกล่าวโทษของจั่งซุนอีกหนึ่งฉบับด้วย บอกว่าอวิ๋นเยี่ยอยู่ดีไม่ว่าดี หลอกล่อให้เจ้าหน้าที่ของเมืองหรงโจวต้องสิ้นเปลืองเงินหลวงขุดสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ในเมื่อชอบพวกโครงกระดูกเช่นนั้นก็ขอมอบให้เจ้า และถือโอกาสคิดค่าใช้จ่ายในการขุดโครงกระดูกเสียด้วยเลย ทั้งหมดสองพันก้วน!
แต่ไหนแต่ไรมาเมื่ออยู่ต่อหน้าอวิ๋นเยี่ย จั่งซุนไม่เคยแสดงท่าทีของฮองเฮาผู้เมตตาอย่างที่เล่าขานกันในตำนานเลย แต่จะเป็นเจ้าโหดร้ายเพียงใดก็จะทำเช่นนั้นกลับ เรื่องเล็กเท่าหัวเข็มก็จะต้องป่าวประกาศไปให้ทั่ว พูดตำหนิติติงโยงไกลไปถึงเรื่องคุณธรรมและการประพฤติตัว
ก็แค่โครงกระดูกไดโนเสาร์ไม่ใช่หรือ รัฐบาลในยุคปัจจุบันยังขุดกระดูกทั้งหมดที่มีในเมืองจื้อก้งออกมาเลย แล้วสร้างอาคารเพื่อเก็บรักษาไว้ ทั้งยังให้คนมาเยี่ยมชม สามารถเก็บค่าบัตรผ่านประตูได้ไม่น้อย เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ เหตุใดเมื่ออยู่ในยุคนี้แล้วจึงไม่เป็นที่สนใจอะไรเลย
อย่างที่กล่าวกัน ลูกมังกรทุกตัวใช่ว่าจะเหมือนกันทั้งหมด เหตุใดท่านยังชอบตอกย้ำข้อเสียคนอื่นด้วย มังกรก็เพียงแค่หน้าตาน่าเกลียดไปหน่อยเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ แต่มันก็มีขอดีนะ เจ้าดูฟันสองซี่นั่น ใหญ่เพียงไหน ยาวหนึ่งฟุตเห็นจะได้ หากเป็นสิ่งมีชีวิตทั่วไปจะมีฟันที่ใหญ่มากเช่นนี้หรือ เป็นได้แต่เพียงมังกรเท่านั้นและจะต้องเป็นมังกรด้วย มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่ของหรงโจวจะโชคร้ายอย่างที่สุด ห้ามวางแผนให้ร้ายเพื่อนไม่ใช่หรือ สองพันก้วนน่ะหรือ เรื่องเล็ก สิ่งที่ข้ามีมากที่สุดก็คือเงิน เหรียญทองแดงกองไว้ได้หลายห้องแล้ว ก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน กล่าวก็คือมักเห็นท่านย่าพาอาหญิงและป้าสะใภ้เอาเงินเข้าไปสะสมไว้ในนั้น สิ่งที่นางโปรดปรานที่สุดคือการนั่งหัวเราะดั่งคนบ้าบนกองเงิน เงินไม่ได้มีไว้สำหรับกองเก็บ แต่มีไว้ให้ใช้ ไม่เช่นนั้นมันก็คือกองเศษทองแดง
จอมล้างผลาญก็คือการกระทำเช่นอวิ๋นเยี่ย ใช้เงินสองพันก้วนเพื่อซื้อโครงกระดูก จากนั้นก็จะสร้างบ้านในบริเวณที่ราบทั้งหมดบนเขาอวี้ซัน คนอื่นสร้างด้วยไม้อวิ๋นเยี่ยสร้างด้วยก้อนหิน ช่างหินในบริเวณสิบลี้ได้ถูกรวบรวมไว้ที่เขาอวี้ซันหมดแล้ว เสียงก๊องแก๊งดังต่อเนื่องไม่มีหยุด คนเร่ร่อนเมื่อมาถึงหลานเถียน ไม่ต้องเอ่ยปาก ก็จะมีเจ้าหน้าที่ของทางการนำพวกเขามาที่เขาอวี้ซัน จากนั้นให้พวกเขาปลูกกระท่อมที่เรียบง่ายอยู่และมอบเสบียงของทางการให้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น สมบูรณ์ตามธรรมชาติ บางครั้งก็มีผู้ดูแลที่รีบเร่งหาคนมาขอรับสมัคร ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ล้วนแล้วแต่ต้องการทั้งหมด ถึงแม้เป็นเด็กอายุสิบเอ็ดสิบสองขวบก็สามารถถือค้อนทุบหินได้
เกษตรกรในหมู่บ้านล้วนแต่ตาแดงก่ำ ไม่เคยเห็นคนจำนวนมากที่มาเอารัดเอาเปรียบเจ้าของที่ของพวกเขา ที่บ้านนอกจากคนชราแล้ว ยังต้องเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่และเป็ด ปรับหน้าดินของที่บ้านอย่างจริงจังด้วยคันไถใหม่ไปรอบหนึ่งแล้วและทิ้งให้ตากแดดไว้ จากนั้นพวกเขาต่างก็รีบไปช่วยงานสร้างบ้านกันหมด
หลี่เค่อยุ่งมาก ยุ่งมากๆ ไม่มีแม้แต่เวลามาดื่มน้ำ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาที่จะโวยวายด้วย อวิ๋นเยี่ยบอกเขาว่าเรื่องของการสร้างบ้านคือการสอบปลายภาคของเขา มีวิธีการใดที่จะลดค่าใช้จ่ายให้เหลือน้อยที่สุด ต้องทำอย่างไรที่จะสามารถสร้างบ้านให้ได้ดีแต่ใช้วัสดุให้น้อยที่สุด ถ้าหากหนึ่งในสองข้อนี้เกิดข้อผิดพลาด เขาจะได้คะแนนเป็นศูนย์ อวิ๋นเยี่ยบอกว่าเขาจะนำเหล็กมาทำเป็นเลขศูนย์แขวนบนคอของเขาแล้วเดินไปทั่วถนน
เด็กอายุสิบสองปีที่แก่ก่อนวัย เมื่อได้รับคำสั่งนี้ก็ถึงกับเข่าอ่อนแล้ว เมื่อคิดถึงผลอันเลวร้ายที่จะตามมาจึงนำทหารองครักษ์สิบกว่าคนรีบกลับฉางอันโดยไม่มีหยุดพัก เปิดประตูพระราชวังและไปคร่ำครวญให้บิดาฟังและขอให้บิดาช่วยเขาด้วย เขาไม่อยากแขวนเลขศูนย์เดินไปตามถนน
บิดาเขาไม่พูดปลอบโยนอะไรทั้งนั้น หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานานก็หัวเราะร่าขึ้นในทันใด เพียงแค่มอบเจ้าหน้าที่สองสามคนของกรมโยธาให้แก่เขา สุดท้ายก็ตบไหล่ลูกชายและบอกว่าถ้าเขาได้คะแนนเป็นศูนย์และต้องเดินบนถนนจริงจะพาหยางเฟยไปดูด้วย ซึ่งคำพูดประโยคนี้ทำให้หลี่เค่อรู้สึกเสียวสันหลัง เหงื่อไหลเต็มแผ่นหลัง
ตอนที่จากไปมีตัวเองเพียงลำพัง เมื่อกลับมากลายเป็นคนกลุ่มใหญ่ พระสนมหยางเฟยกลัวว่าลูกชายจะต้องเดินบนถนน จึงได้เชิญขุนนางเก่าในสมัยราชวงศ์สุยหลายคนมาช่วยเหลือลูกชาย
อวิ๋นเยี่ยนั้นเป็นคนวาดภาพแบบแปลน ซึ่งเป็นเพียงภาพโครงภายนอกเท่านั้น ด้านในไม่มีอะไร เจ้าหน้าที่กรมโยธาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ชี้นิ้วด่าเทวดาฟ้าดิน บอกว่าให้ใช้หินเพื่อสร้างบ้าน ช่างเป็นเรื่องที่น่าขันที่สุดในใต้หล้า ใครจะสามารถเคลื่อนหินที่หนักสองพันจินขึ้นไปได้สูงถึงหนึ่งจั้งกัน ทั้งยังต้องการให้เสร็จสิ้นภายในสามเดือน นี่มันแกล้งกันชัดๆ สามปีก็สร้างไม่เสร็จ เลขศูนย์ของท่านอ๋องนั้นถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว
หลี่เค่อยิ้มเจื่อนๆ แล้วพาพวกเขาไปที่สถานที่ก่อสร้าง หลี่ไท่ยืนยืดอกท่ามกลางเหล่าขุนนางกรมโยธาที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ใช้รอกพวงดึงก้อนหินขนาดใหญ่ขึ้น ดูเหมือนไม่มีอะไรยาก ด้านข้างมีคนช่วยเปลี่ยนทิศทางของแขนบูม จากนั้นวางก้อนหินลงบนเสาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งแขนบูมประเภทนี้ยังมีอีกมากมาย อาคารแต่ละหลังจะมีหนึ่งตัว เคลื่อนตัวทำงานหนักไม่มีหยุดพัก
เจ้าหน้าที่ของกรมโยธาแทบจะลงไปคุกเข่า ขอภาพแบบแปลนและแขนบูมเพื่อนำกลับไปศึกษา จึงถูกหลี่ไท่ด่าชุดใหญ่และบอกว่านี่เป็นหัวข้อการสอบปลายภาคของเขา หากเจ้าเอามันไปแล้วจะปล่อยให้ข้าเอาเลขศูนย์แขวนคอหรืออย่างไร ถ้าให้เสด็จพ่อทอดพระเนตรเข้าจะไม่ฆ่าข้าหรือ
หลี่กังเองก็ยุ่งมาก จดหมายหลายสิบฉบับต้องนำไปฝากที่จุดพักรับส่งสาส์นให้กระจายไปทั่วทุกทิศทาง แลดูมีวัตถุประสงค์ที่ฝากสายลมช่วยบอกกล่าวเพื่อรวบรวมสมัครพรรคพวก
เมืองจิ้นหยางที่อยู่ห่างไกล มีบัณฑิตสูงวัยสองคนกำลังเล่นหมากรุกในยามว่าง เจ้าวางหนึ่งครั้งข้าวางหนึ่งครั้งวางหมากกันอย่างสนุกสนาน ข้างๆ มีเด็กรับใช้คอยรินเหล้าให้ทั้งสองท่าน เมื่อเหล้าอุ่นๆ ถูกส่งลงท้องและสูดลมหายใจเข้า ช่างรู้สึกปลอดโปร่งโดยแท้
“พี่เหวินเจี๋ย จดหมายของอาจารย์หลี่เชื่อว่าท่านคงได้อ่านแล้ว มีความเห็นอย่างไร” บัณฑิตเสื้อขาวถามชายวัยกลางคนในชุดสีน้ำเงิน
“ในเมื่ออาจารย์หลี่เรียกตัว แน่นอนย่อมต้องไป พวกเราปล่อยเวลาให้ล่วงเลยอยากเปล่าประโยชน์มานานแล้ว เพียงชั่วพริบตาก็ย่างเข้าวัยห้าสิบปีแล้ว จะเหลือเวลาให้ปล่อยผ่านเลยได้อีกนานเท่าไหร่ ครั้งนี้ก็ตั้งใจจะมากล่าวลากับน้องจินจู๋ เหลือเวลาอีกสามวันข้าก็จะออกเดินทางไปยังเขาอวี้ซัน
“ข้าเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน อาจารย์หลี่บรรยายในจดหมายประหนึ่งว่าเขาอวี้ซันเป็นดั่งถ้ำฟ้าแดนสวรรค์ มีหรือที่จะมีเหตุผลให้ปฏิเสธว่าไม่ไป จะว่าไปแล้ว อาจารย์ถึงกับเตรียมที่พักและบ้านให้อย่างพร้อมสรรพ บอกว่าเพียงแค่เก็บสัมภาระมาก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการเข้าอยู่ไม่ต้องใส่ใจ จะมีผู้อื่นคอยดูแลจัดสรรให้ ข้าอยากรู้มากว่าโหวเยี๋ยวัยเยาว์ผู้นั้นไปเอาความสามารถเช่นเถาจูกงมาจากไหนกัน จ่ายเงินพันก้วนโดยไม่กระพริบตา หากไม่ใช่ว่าอาจารย์หลี่เป็นผู้พูดแต่เป็นผู้อื่นพูดเช่นนี้ ข้าคงต้องคิดว่าเหลวไหลไร้สาระทั้งเพ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สามวันให้หลังพวกเราเดินทางไปด้วยกันเป็นเช่นไร”
“วิเศษมาก”
การสนทนาเช่นนี้ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นที่จิ้นหยางเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นเช่นเดียวกันที่ฉูโจว ฉู่โจวและหยางโจวที่อยู่ไกลโพ้นที่สุดด้วย
ในขณะที่อวิ๋นเยี่ยกำลังบ้าคลั่งอยู่กับการสร้างอาคารด้วยการก่อหิน ก็มีนักบวชรูปหนึ่งที่บ้าคลั่งยิ่งกว่า เขาต้องการให้ใช้เหล็กในการสร้างอาคาร อีกทั้งยังตั้งชื่อให้เสร็จเรียบร้อยว่า วัดเถียหว่าซื่อ เพียงช่วงเวลาไม่นานก็เป็นที่โด่งดังไปทั่วหล้า ไม่รู้ว่าไต้ซือท่านนี้ใช้มาตรการใดจึงสามารถป้องกันการเกิดสนิมได้ อวิ๋นเยี่ยตัดสินใจว่าหากมีโอกาสจะไปขอพบเพื่อไต่ถาม
เมื่อเห็นเงินในบ้านถูกหาบออกไปเป็นตะกร้าๆ หัวใจของท่านย่าเหมือนโดนมีดกรีด มื้อเย็นกินข้าวน้อยลงไปครึ่งชาม พูดลากเสียงยาวว่า “แก่แล้ว ต้องเหลือข้าวไว้ครึ่งชาม เผื่อกินยามหิวตอนดึก”
อาหญิงก้มหน้าแอบหัวเราะ เมื่อตะเกียบหนึ่งข้างลอยมากระแทกกลางหน้าผากจึงได้เงียบลง
“ท่านย่า เงินนั้นมีไว้ให้ใช้ หากท่านไม่ใช้มันก็จะกลายเป็นกองเศษทองแดง ทั้งยังเปลืองพื้นที่อีก มีเพียงเงินที่ถูกใช้ออกไปจึงจะเป็นเงิน ท่านลองคิดดูว่า บ้านเราใช้เงินไปหนึ่งหมื่นก้วน นั่นหมายความว่าเหล่าผู้ประสบภัยเขาได้กำไรเงินหนึ่งหมื่นก้วนนี้ไป พวกเขาจะนำมาซื้อเสบียงอาหาร จากนั้นเงินก็จะไปอยู่ในมือครอบครัวที่มีฐานะ เมื่อพวกเราขายน้ำหอมให้กับครอบครัวที่มีฐานะและขายของจิปาถะให้พวกเขาด้วย เช่นนี้แล้วเงินก็จะกลับมาอยู่ในคลังบ้านเราอีกไม่ใช่หรือ จากจุดนี้มีส่วนใดเพิ่มขึ้นมา มีสำนักศึกษาขนาดใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์เกิดขึ้น ประเทศมีภาษีมากขึ้น ผู้ประสบภัยมีเสบียงอาหารมากขึ้น ครอบครัวที่มีฐานะมีน้ำหอมใช้ ทุกคนได้รับในสิ่งที่เขาต้องการและพวกเราเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร ทั้งยังได้สำนักศึกษาเพิ่มขึ้นอีกแห่งด้วย เมื่อมีสำนักศึกษาแห่งนี้ ท่านต้องการให้ตระกูลอวิ๋นสืบทอดชื่อเสียงไปอีกกี่รุ่นก็ย่อมได้ นี่คือรากเหง้าของตระกูลเรา ไม่ใช่เศษเหรียญทองแดงที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้น พรุ่งนี้หลานจะไปฉางอัน หาเหรียญทองแดงจำนวนมากกลับมาให้ท่านเติมให้บ้าน กองเงินให้เต็มเตียงนอนท่าน เช่นนี้ท่านชอบหรือไม่”
ท่านย่ารู้สึกค่อนข้างกระดากใจ
“ท่านเป็นย่าที่ดีที่สุดในใต้หล้า หลานทำเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลของตัวเอง สิ่งของที่เรียกว่าเงินนี้ ตอนเกิดไม่ได้นำมา ตอนตายไม่ได้นำกลับไป เมื่อมองดูผู้ประสบภัยที่มีอยู่ทั่วทุกแห่งหน ท่านเองก็คงไม่ชอบกระมัง ปกติท่านสอนข้าว่าสะสมบุญดีกว่าการสะสมเงิน เหตุใดเมื่อมาถึงจุดนี้จึงเป็นทุกข์” อวิ๋นเยี่ยยิ้มถามท่านย่า ต้องแก้ปมในใจของนาง เพราะนางมักคิดแต่จะเก็บเงิน เพราะนี่คือการขูดรีดภาษี มหาเศรษฐีแห่งใต้หล้า คำเรียกนี้นอกจากราชวงศ์แล้วไม่มีใครสามารถใช้ได้ หากใครใช้ นั่นหมายถึงชีวิต