เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 9
ไป๋อวี้จิงเป็นชื่อเรียกชื่อหนึ่งที่อวิ๋นเยี่ยเอามาจากบทกวีของหลี่ไป๋ กล่าวกันว่าเป็นอีกชื่อหนึ่งของดวงจันทร์ เขาชอบอารมณ์ที่ไร้ตัวตนในบทกวีนี้มาก จึงตั้งใจจำเป็นพิเศษ เพื่อทำให้ความโกรธสงบลงขณะอยู่ระหว่างประชุมเช้า จึงได้กุเรื่องสถานที่แดนสวรรค์แห่งนี้ขึ้นมา คนที่รู้เรื่องนี้มีแต่ขุนนางในราชสำนักเหล่านั้น ใครจะคิดว่าในสถานที่รกร้างห่างไกลอย่างเมืองซั่วฟางแห่งนี้กลับมีคนรู้เรื่องไป๋อวี้จิงด้วย
ทำไมการประชุมเช้าของราชวงศ์ต้าถังจึงได้เหมือนกระชอนที่มีหลุมอยู่ทุกหนทุกแห่งกัน หลังจากตำหนิติติงขุนนางราชสำนักที่พูดมากอยู่ในใจไปหลายประโยค อวิ๋นเยี่ยก็เกิดความคิดอยากจะแกล้งคนขึ้นมาในทันใด จึงสั่งให้เหล่าจวงไปหาช่างไม้มาหนึ่งคน เขาตั้งใจจะทำตัวต่อไม้สิบห้าชิ้นขึ้นหนึ่งชุด จากนั้นค่อยดูปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้าม แล้วจึงค่อยพิจารณาว่าจะใช้ตัวต่อยี่สิบสี่ชิ้นดีหรือไม่ เพื่อให้พวกกบในกะลาครอบเหล่านั้นได้เปิดหูเปิดตา เขารอคอยกับผลลัพธ์ของเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
สามารถสร้างตัวต่อไม้ที่สมบูรณ์แบบในยุคสมัยเช่นนี้ได้ นับว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลที่หาตัวจับได้ยากมากแล้ว ทั้งยังสามารถปลอมปนเข้ามาในค่ายทหารและส่งมอบสิ่งนี้ให้กับอวิ๋นเยี่ยได้ จะต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ต้องรู้ว่าอวิ๋นเยี่ยนั้นไม่ต้องออกจากค่ายทหาร เขาไม่อยากที่จะถูกสายลับชาวทูเจวี๋ยตัดศีรษะเขาไปทำแก้วเหล้าโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ไหนแต่ไรมาเขาให้ความสำคัญกับชีวิตน้อยๆ นี้มาก
หลังจากฟังโหวเหยียเล่าที่มาที่ไปของเหตุการณ์แล้ว ทั้งร่างของเหล่าจวงก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เขาไม่กล้าที่จะจินตนาการถึงฉากหลังจากเกิดเหตุของโหวเหยียเลย เมื่อคิดว่าโจรคนนั้นอยู่ห่างจากโหวเหยียเพียงก้าวเดียว เขาก็เสียใจทุบศีรษะตัวเองอย่างแรงไม่ยอมหยุด
อวิ๋นเยี่ยหยุดการทำร้ายตัวเองของเหล่าจวงและพูดปลอบใจเขาอีกหลายประโยค เป็นคนเก่าแก่ของที่บ้านแล้วไม่เห็นต้องตำหนิตัวเองหนักเช่นนี้ด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อวิ๋นเยี่ยเชื่อว่าหากเกิดอันตรายขึ้นจริงๆ เหล่าจวงจะต้องปกป้องเขาอย่างแน่นอน เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ตัวเองเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปในยุคปัจจุบัน ตอนนี้ได้มาอยู่ในจุดที่มีคนยอมตายแทนตัวเองได้ยังจะมีอะไรไม่พอใจกันอีก พวกบอดี้การ์ดสวมแว่นกันแดดในยุคปัจจุบัน จะมีสักกี่คนที่ยอมตายแทนนายจ้างของพวกเขา แต่ถ้าการรังแกพวกที่อ่อนแอกว่าก็ถือเป็นเรื่องที่ถนัดอยู่
“โหวเหยีย พวกเรารายงานเรื่องนี้กับแม่ทัพใหญ่เถอะ ที่นี่คือถิ่นของเขา ข้าไม่เชื่อว่าจะจับพวกโจรร้ายพวกนั้นไม่ได้”
“เหล่าจวง เจ้ายังไม่เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่ง คนเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่ได้คิดร้ายต่อข้า ถ้าหากคิดร้ายจริง ตอนนี้เจ้าคงได้เห็นศพของข้าแทน ถ้าหากจู่ๆ ไปรายงานเบื้องบนจะต้องเป็นการก่อศัตรูอย่างแน่นอน เราไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรูกับคนที่ไม่คุ้นเคยเลยเพราะมันไม่คุ้มค่ากัน สิ่งที่พวกเขาส่งมานั้นแปลกมาก ไม่ใช่สิ่งที่โจรธรรมดาทั่วไปสามารถทำได้ ข้างในนี้เต็มไปด้วยภูมิปัญญาอันล้ำลึก ดูเหมือนว่าจะต้องการทดสอบความรู้ของข้า เช่นนั้นก็มาประลองกันหน่อยเป็นไร”
ตัวต่อไม้เป็นของเล่นที่แปลกประหลาดมาก เล่าลือกันว่ามันปรากฏขึ้นตั้งแต่สมัยชุนชิว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐานหลงเหลืออยู่ หลายคนเชื่อว่ามัน รูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวต่อไม้นี้ สรุปแล้วนี่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะคิดค้นตัวต่อไม้สิบสองชิ้นขึ้นมาได้ มันน่าทึ่งมาก ต้องรู้ว่าพวกเขาไม่มีคอมพิวเตอร์ในการคำนวณแบบจำลอง จะต้องสร้างแบบจำลองสามมิติด้วยมันสมองของตัวเองทีละขั้นตอนและแต่ละขั้นตอนนั้นยุ่งยากมาก ซึ่งสิ่งนี้ต้องการการคิดที่ละเอียดและแม่นยำมาก
ไม้เส้นทำเสร็จอย่างรวดเร็ว อวิ๋นเยี่ยตั้งใจจะสร้างตัวต่อไม้สิบห้าชิ้น เหล่าจวงดวงตาเบิกกว้างจ้องมองอวิ๋นเยี่ยประกอบเข้าไปทีละชิ้นๆ ไม่เข้าใจว่ามีความรู้อะไรอยู่ด้านในในไม้หลายสิบชิ้นนี้
อวิ๋นเยี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใช้เวลาประมาณหนึ่งก้านธูปในการประกอบจนเสร็จ ฝีมือค่อนข้างขึ้นสนิมแล้วยื่นให้กับเหล่าจวง เหล่าจวงเอามือหักออกด้วยความเคยชินจึงพบว่าไม้เส้นที่เดิมแยกกันเมื่อถูกล็อกเข้าด้วยกันแล้วมันแข็งแรงแน่นหนามาก ราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน
“ข้าก็ได้ใส่ข้อความไว้ในตัวต่อไม้นี้แล้วเจ้านำมันไปแขวนไว้ที่หน้าประตูบ้านของพวกเรา จากนั้นก็กลับมา แล้วไม่ต้องสนใจอีก พรุ่งนี้เช้าจึงค่อยไปดูอีกครั้ง ถ้ามีใครเอาไปแล้วพวกเขาจะติดต่อกับข้าต่อไป ข้าจะรอดูว่าพวกเขามีลูกไม้อะไรอีก ฮ่าฮ่า ในที่สุดเมืองซั่วฟางก็ทำให้ข้ารู้สึกน่าสนใจขึ้นมาแล้ว”
เหล่าจวงเปิดประตูใหญ่และแขวนตัวต่อไม้ที่ประตู เขายังมองไปรอบๆ เมื่อไม่พบใครจึงเป่าโคมไฟที่แขวนอยู่ที่ประตูให้ดับลง จากนั้นจึงปิดประตูและกลับไป
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลืมไปว่าเคยเกิดเรื่องนี้ขึ้น เมื่อกลับถึงห้องอวิ๋นเยี่ยกับทหารองครักษ์ของที่บ้านก็นั่งอยู่รอบๆ เตาเหล็กกินเครื่องในวัวในหม้อใหญ่กันอย่างเอร็ดอร่อย อวิ๋นเยี่ยยังเด็ดต้นอ่อนถั่วลันเตาหนึ่งกำมือที่ปลูกไว้ในกล่องไม้ที่อยู่ข้างใส่ลงในหม้อลวกกินเป็นระยะๆ
ไฉเซ่าในตอนนี้เรียกว่าผู้บัญชาการใหญ่ เพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการใหญ่การเดินทัพแห่งเขตจินเหอเต้า คำสั่งแรกที่ประกาศออกมาก็คือให้ทั้งกองทัพเตรียมตัวพร้อมรบ ดังนั้นจึงห้ามดื่มเหล้า เฉิงฉู่มั่วก็ไม่สามารถมาได้แล้ว แต่ที่พักในค่ายทหารของอวิ๋นเยี่ยยังค่อนข้างดีกว่า เพราะสามารถเดินไปมาได้อย่างอิสระ ค่ายกลางที่เฉิงฉู่มั่วพักอยู่ตอนนี้ เกรงว่าแม้แต่นกก็จะบินเข้าไปไม่ได้แล้ว
อวิ๋นเยี่ยนั้นมาชุบตัวที่นี่ เขารู้ว่าทุกคนที่เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ต่างก็ได้รับประโยชน์มากมาย ที่ได้เลื่อนตำแหน่งก็เลื่อนตำแหน่ง ได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ก็เลื่อนฐานันดรศักดิ์ ที่มั่งคั่งก็ร่ำรวยไป สองอย่างแรกนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอวิ๋นเยี่ย หลี่ซื่อหมินได้พูดไว้อย่างชัดเจน ภายในเวลายี่สิบปีเขาจะไม่พิจารณาเลื่อนฐานันดรศักดิ์ของอวิ๋นเยี่ยเป็นกงโหวอย่างแน่นอน ทั้งยังคงเป็นจั่งซุนเป็นผู้นำมาถ่ายทอด ทำให้อวิ๋นเยี่ยเศร้าเสียใจอยู่ในวังเป็นเวลานาน จนทำให้หลี่เฉิงเฉียนปลอบใจอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งยังบอกให้อวิ๋นเยี่ยอดทนรอก่อน รอจนเขาได้สืบทอดบัลลังก์แล้วสิ่งแรกที่จะทำก็คือเลื่อนฐานันดรศักดิ์ของอวิ๋นเยี่ยให้เป็นกงโหว ทั้งยังสาบานสาปแช่งอย่างร้ายแรง
เมื่ออวิ๋นเยี่ยออกมาจากประตูวัง เขาหัวเราะจนตัวงอ ตำแหน่งเจวี๋ยโหวในตอนนี้ก็ถือว่าดีมาก จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก ที่จริงเหมาะกับอวิ๋นเยี่ยเป็นที่สุดแล้ว ในราชสำนักก็ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องมีขุนนางฝ่ายทัดทานคำพูดมาพูดมากว่าราชสำนักดีต่อตระกูลอวิ๋นเกินไป มีคำพูดของหลี่ซื่อหมินค้ำคอไว้ก็เพียงพอแล้ว เขาบอกว่าจะไม่เลื่อนฐานันดรศักดิ์ให้ตระกูลอวิ๋นง่ายๆ ในทางตรงกันข้ามก็จะไม่ลดฐานันดรศักดิ์ของตระกูลอวิ๋นง่ายๆ เช่นกัน เหล่าชนชั้นสูงและขุนนางที่มีความดีความชอบทุกคนในราชสำนักต่างก็เตรียมการแบ่งแยกดำเนินการอย่างชัดเจนเพื่อการเลื่อนฐานันดรศักดิ์ในวันหน้า มีเพียงตระกูลอวิ๋นเท่านั้นที่มั่นคงดุจเขาไท่ซัน
สำหรับคำสบถสาบานของเฉิงเฉียนก็ถือว่ามันเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อย่างหนึ่ง อย่าได้ไปใส่ใจเลย เมื่อเป็นคนก็ต้องมีโอกาสที่ลำไส้ทำงานผิดปกติบ้าง บางครั้งก็ต้องปล่อยแรงดันที่อยู่ในกระเพาะออกมาบ้าง หลังจากปลดปล่อยแล้วจะได้รู้สึกสบายเนื้อสบายตัว
อวิ๋นเยี่ยไม่ได้สงสัยความจริงใจของหลี่เฉิงเฉียนในขณะที่พูด ในตอนนี้เขาก็คิดเช่นนี้ แต่โชคไม่ดีที่ฮ่องเต้ไม่สามารถดำรงอยู่ในบรรยากาศความจริงใจที่ไร้สาระได้ เขาจำเป็นต้องคานอำนาจ บางครั้งสิ่งที่ตัดสินใจจะทำจะขัดกับความตั้งใจดั้งเดิมของเขาอย่างชนิดที่ว่า ความปรารถนาที่แท้จริงนั้นเป็นเพียงความคิดและการกระทำสวนทางกัน กล่าวง่ายๆ ก็เพราะว่านี่เป็นเรื่องของผลประโยชน์
นอนหลับอย่างเป็นสุขไปขณะหนึ่ง เหล่าจวงจึงไปเปิดประตูลานบ้าน ตัวต่อไม้ที่แขวนอยู่ที่ประตูหายไปแล้วจึงไปรายงานให้โหวเหยียทราบ แต่กลับพบว่าโหวเหยียของเขาหัวเราะเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยที่เพิ่งขโมยไก่ตัวอ้วนพีมาได้หนึ่งตัว…
ที่เมืองซั่วฟางเองก็มีชาวนา แม้ว่าจะมีจำนวนไม่กี่คนก็ตาม พวกเขายังทำไร่ไถนาบนที่ดินนับล้านตารางเมตรนอกเมือง ที่นี่เพาะปลูกข้าวได้เพียงฤดูกาลเดียวและผลผลิตไม่สูง แต่เนื่องจากที่นาเยอะคนจำนวนน้อย ชาวนาแต่ละคนก็พอที่จะได้กินอย่างอิ่มท้อง
ครอบครัวของผู้เฒ่าหลิวมีคนมามากมาย วันนี้หลานชายคนเล็กมีอายุครบสัปดาห์ เพื่อนบ้านในหมู่บ้านต่าง มาแสดงความยินดี คนหนึ่งมอบไข่หนึ่งตะกร้า อีกคนหนึ่งเหล้าข้าวหมักสองชั่ง เจ้าบ้านทำคากิสองขา เพื่อนบ้านนำน่องแพะมาหนึ่งน่อง ก็ชาวนานี่นะ ต่างก็ใช้ชีวิตด้วยการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นรุ่นๆ ไป
หลานสะใภ้อายุสิบหกปียิ้มอย่างอ่อนหวาน อุ้มลูกไว้ให้เพื่อนบ้านโดยรอบได้ชื่นชม นี่เป็นโอกาสสำหรับผู้หญิงที่จะได้แสดงตน ได้ลูกน้อยตัวอ้วนที่มีน้ำหนักประมาณสามกิโลกรัมกว่า มีใครบ้างจะไม่ยกนิ้วชื่นชม
นางอดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปในบ้าน ท่านปู่ ท่านลุง ท่านอาของเด็ก ทั้งยังมีผู้เฒ่าผู้แก่อีกหลายคนที่อยู่ด้านใน เป็นเวลานานแล้ว แม้เป็นการตั้งชื่อให้เด็กก็ไม่น่าต้องใช้เวลานานถึงเพียงนี้ ระหว่างนี้ก็ไม่ยอมโผล่หน้าให้เห็น ก็ไม่แปลกที่จะทำให้คนเราคิดไปเรื่อยเปื่อย หรือจะบอกพวกเขาไม่ชอบเด็กคนนี้ ดวงตาของหลานสะใภ้เริ่มแดงเล็กน้อยและรู้สึกอึดอัดมาก
เขาไม่รู้ว่าในบ้านมีคนหลายคนนั่งรายล้อมไม้ก้อนหนึ่งระดมความคิดกันอยู่ หลังจากผลัดกันดูคนละรอบแล้ว ชาวนาที่อายุมากที่สุดส่งเสียงกระแอม ทำให้บรรยากาศที่วุ่นวายสงบลง
“นี่เป็นคำถามที่โหวเหยียหนุ่มแห่งต้าถังมอบให้เรา ข้าลองนับดูแล้วทั้งหมดมีสิบห้าชิ้น ข้าไร้ความสามารถ นั่งแก้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดอะไรไม่ออก ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ข้าเชื่อว่าคำตอบที่พงกเราอยากได้ต้องอยู่ในตัวต่อไม้นี้อย่างแน่นอน หากไม่สามารถปลดล็อคได้ ก็เท่ากับเสียเวลาเปล่า” ชาวนาเฒ่าพูดด้วยอาการเหนื่อยล้าแล้วเอนหลังพิงเสา หลับตาลง การคิดคำนวณอย่างหนักตลอดคืนย่อมต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก
“ท่านปู่ นี่เป็นไม้ห่วยๆ ก้อนหนึ่ง รอให้หลานเอาขวานจามมันเพื่อเปิดออกก็ได้แล้ว ทำไมคุณต้องเสียแรงคิดถึงเพียงนี้” พูดจบก็หันหลังเตรียมจะออกไปหยิบขวาน
เสียงฝ่ามือตบไปที่หน้าของเขาดังขึ้น ชาวนาวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีโมโหจนหยุดไม่อยู่ ชี้ไปที่ชายหนุ่มและพูดว่า “นี่เป็นการประลองกันด้านปัญญา ไม่ใช่การประลองกำลัง ตระกูลกงซูของข้าทำไมจึงมีลูกหลานเหลือเดนเช่นเจ้าได้ ความเฉลียวฉลาดเลิศล้ำของบรรพบุรุษโด่งดังไปทั่วหล้า สิ่งที่พวกเขาทำล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยกลวิธีที่ยากจะคาดเดา แม้ว่าจะหลงเหลือไว้เพียงแค่ตัวต่อไม้ที่ดูเหมือนเป็นของเล่นนี้ แท้ที่จริงแล้วมันแฝงไว้ด้วยความลึกลับของภูมิปัญญา ผู้ที่ฉลาดหลักแหลมในตระกูลต้องทุ่มเทความคิดไปไม่น้อยจึงสามารถพัฒนาตัวต่อไม้จากหกชิ้นเป็นสิบสองชิ้น โหวเหยียหนุ่มคนนั้นใช้เวลาเพียงสองชั่วยามในการปลดล็อคตัวต่อไม้ของตระกูลเรา อีกทั้งยังสร้างตัวต่อไม้สิบห้าชิ้นขึ้นจากพื้นฐานเดิมได้อีก ซึ่งสติปัญญาของเขากล่าวได้ว่าเลิศล้ำสุดหยั่ง หาผู้ใดเทียบได้ พวกเราจึงควรได้แต่เคารพเท่านั้น แล้วจะหลอกตัวเองโดยใช้ขวานผ่าเพื่อเปิดมันออกมาได้อย่างไร ทำเช่นนี้เจ้าต้องการจะฉีกหน้าตระกูลกงซูของข้าใช่หรือไม่”
หลานสะใภ้ได้ยินพ่อสามีกำลังต่อว่าสามีจึงรีบวิ่งเข้ามา เห็นใบหน้าสามีมีรอยแดงบริเวณกว้างและเลือดไหลออกจากจมูก จึงรีบวางลูกไว้บนโต๊ะกลางและรีบไปหาผ้าเปียกมาเช็ดหน้าให้เขา
ขณะที่อวิ๋นเยี่ยสร้างตัวต่อไม้ได้เล่นลูกไม้อย่างหนึ่ง เขาไม่ได้ทำตามรูปแบบกลวิธีการสร้างทั่วไป แต่เขาเอากลไกทั้งหมดรวมไว้บนไม้เส้นเดียว ขอเพียงดึงไม้เส้นนี้ออกตั่วต่อไม้ก็จะหลุดออกจากกันโดยปริยาย ชาวนาเฒ่าปลดล็อกด้วยวิธีตามหลักปกติ หากต้องการหาวิธีแก้ที่ถูกต้องจะสามารถหาพบได้อย่างไร ก็เหมือนกับปิ่นปักผมบนศีรษะคนเรา เพียงแค่ดึงปิ่นออกเส้นผมก็จะตกลงมา กลุ่มคนที่คลั่งไคล้ในยุคปัจจุบันได้ศึกษาวิธีการเล่นมานับไม่ถ้วน ซึ่งนี่เป็นวิธีการเล่นที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน เหมาะสำหรับนำมาข่มขวัญคนเป็นที่สุด
หลานสะใภ้ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางเช็ดเลือดกำเดาให้สามีนาง ทุกคนจึงถูกดึงดูดสายตา ไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กน้อยอายุหนึ่งขวบกำลังปีนอยู่บนโต๊ะ กัดตัวต่อไม้นั้นจนน้ำลายไหลเยิ้ม เมื่อชาวนาเฒ่าเห็นเข้าจึงรีบคว้ามา วางมันไว้บนมือและเช็ดน้ำลายของเด็กน้อยที่หยดลงบนตัวต่อไม้ เพียงแค่ถูเบาๆ ก็พบว่าตัวต่อไม้ในฝ่ามือแตกกระจายกลายเป็นกองไม้เล็กๆ อย่างง่ายดาย
ทุกคนตกตะลึง จากนั้นหัวเราะเสียงดังลั่น ชาวนาเฒ่าหัวเราะดังมากที่สุด รอยย่นบนใบหน้าของเขาก็ปรากฏขึ้นเหมือนกลีบดอกเบญจมาศ อุ้มเหลนน้อยขึ้นมาหอมแก้มหลายต่อหลายครั้ง