เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 40 แผนการร้ายถูกเปิดเผย
ในโลกนี้แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยขาดแคลนคนจำพวกแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ตอนนี้หลี่อันหลานก็เตรียมพร้อมที่จะบินเข้ากองไฟแล้ว ซึ่งก็คือเมื่อครู่ที่เสด็จพ่อของนางตัดสินใจให้นางแต่งงานกับชายคนหนึ่งที่ชื่อเหมิงฉา เขาเป็นชาวหลิ่งหนาน เป็นราชาแห่งแดนเถื่อนซึ่งควบคุมเก้าเขาสิบแปดค่าย ภรรยาเพิ่งเสียชีวิต ดังนั้นจึงใจกล้าที่จะขอพระราชสมรสจากฮ่องเต้ เดิมนั้นเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ แต่กลับกลายเป็นความจริงในทันทีที่ฮ่องเต้รับปาก
หลี่อันหลานเพียงเหล่มองเหมิงฉาแล้วกลับไปที่เรือนเล็กของตนเอง ในเรื่องแต่งงาน นางไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดกล่าวอะไร
บางทีอาจเป็นเพราะตั้งแต่ที่นางบอกบิดาเองว่าอยากจะแต่งงานไปยังสถานที่ที่ห่างไกล ด้วยความโกรธของบิดาจึงได้เลือกคนให้นางอย่างขอไปที นางไม่สนใจ เพราะอย่างไรเสียก็คุ้นเคยกับการขอไปทีมานานแล้ว หาอาจารย์อย่างขอไปที หาเรือนเล็กอย่างขอไปที ปล่อยให้นางเดินเล่นในวังตามสบาย หาสาวใช้ให้นางอย่างขอไปที แล้วจะหาสามีอย่างขอไปทีให้นางอีกคนจะเป็นอะไรไป
นอกจากสาวใช้แล้ว ไม่มีอะไรที่ถูกใจหลี่อันหลานเลย
ความทะเยอทะยานคือต้นหญ้า ที่ไม่ว่าใครก็มองเห็นได้หากมันโผล่ออกมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสด็จพ่อที่มีพลังอำนาจในการปกครองใต้หล้า ทั้งยังมีมารดาที่มีความละเอียดอ่อน ท่านแม่ที่อ่อนแอของนางทำได้แค่เพียงแต่งกายให้งดงามนั่งรออยู่ในส่วนลึกของวังเพื่อรอความโปรดปรานจากเสด็จพ่อ ไม่ได้สนใจรอยตีนกาที่หางตาและผิวหนังที่เ**่ยวย่นเลยแม้แต่น้อย รอคอยด้วยความหวังอันยิ่งใหญ่ทุกวัน มักจะรอให้แสงเทียนของเหล่านางสนมคนอื่นๆ ในวังมืดลงก่อนจึงยอมดับเทียนและเข้านอน
ครั้นยืนอยู่ในเรือนเล็กของตนเอง ก็เห็นร่างที่อ้างว้างของท่านแม่สะท้อนอยู่บนหน้าต่างแต่ไกล ปิ่นปักผมบนศีรษะก็แยกได้อย่างชัดเจน หลี่อันหลานเห็นเสด็จพ่อของตนเองไปที่ตำหนักของฮองเฮาอีกแล้ว ดังนั้นวันนี้ท่านแม่ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องรออย่างเสียเปล่าอีกแล้ว
เมื่อเห็นท่านแม่เป่าเทียนให้ดับ หลี่อันหลานนอนแหงนหน้าอยู่บนระเบียงของเรือนเล็ก เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของนาง แม้ว่าวันนี้นางจะได้รับข่าวร้าย ก็ไม่ควรละทิ้งความสุขเช่นนี้ไป
นางใช้เวลาเก้าปีในการตั้งชื่อดาวทั้งหมดที่นางสามารถมองเห็นได้ เพียงแต่พวกมันค่อนข้างซุกซนมักจะเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา หลายต่อหลายครั้งที่เกือบเข้าใจผิด
คืนนี้ฉยงฉยงเป็นดวงที่สว่างที่สุดดวงหนึ่ง หลี่อันหลานเอื้อมมือออกไปทักทายมัน นางจำได้อย่างชัดเจนว่าฉยงฉยงเป็นชื่อแรกที่นางตั้งให้ดวงดาว วันนั้นอาจารย์บังเอิญกล่าวถึงกระต่ายขาวฉยงฉยงวิ่งมองซ้ายมองขวา เสื้อผ้าใหม่จึงจะดีแต่ไมตรีสหายเก่าจึงจะดี บทกวียังบอกนางอีกว่า เพียงแค่เป็นภาษาที่สละสลวยที่สุด เมื่อท่องบทกวีนี้ต่อหน้าสหายเก่า เขาก็จะนึกถึงญาติมิตรในอดีตขึ้นมาและมีมิตรภาพงดงามเช่นเคย
หลี่อันหลานเชื่อคำพูดของอาจารย์ จึงรีบไปหาท่านพ่อของนางเพื่อท่องบทกวีนี้ให้ฟัง สุดท้ายท่านพ่อไม่ได้จดจำท่านแม่ของนางได้ พระชายาฉินอ๋องผู้งดงามชื่นชมหลี่อันหลานว่าท่องบทกวีได้ดี ทั้งยังประทานถุงผ้าเครื่องหอมให้นางด้วย หลี่อันหลานผู้ดื้อรั้นกลับไปที่เรือนของท่านแม่ด้วยน้ำตา บอกมารดาว่าอาจารย์เป็นคนโกหก คนโกหกที่เชื่อไม่ได้
ทางช้างเผือกที่เจิดจรัสพาดผ่านอยู่บนท้องฟ้า ส่องแสงเปล่งประกายระยิบระยับ ค่ำคืนที่ไม่มีดวงจันทร์ในช่วงต้นเดือนเช่นนี้เมื่อมีมันก็ดูเหมือนจะเพียงพอแล้ว ม่านสีดำขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยผลึกแก้วอัญมณีอยู่เต็มไปหมด ทางช้างเผือกก็เหมือนสร้อยคอที่สวยงามที่สุด ไม่รู้ว่าใครจึงจะสามารถสวมใส่มันได้ ถ้าหากมีใครสามารถสวมใส่มันได้ สร้อยคอเส้นนี้จะต้องทำให้นางเป็นหญิงงามที่สวยและสะดุดตาที่สุด
มีเงาดำผ่านหางตานางไป ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นเสี่ยวหลิงตัง นางสวมหน้ากากทาสคุนหลุนอีกแล้วเพื่อมาหลอกหลี่อันหลานให้ตกใจ การละเล่นนี้เล่นมาสามปีแล้ว แม้ว่าจะไม่มีความคิดใหม่ๆ ก็ตาม หลี่อันหลานก็เตรียมพร้อมที่จะตกใจ เพราะเสี่ยวหลิงตังมักจะมีความสุขเสมอ
เสี่ยวหลิงตังพุ่งเข้ามา หลี่อันหลานพยายามแกล้งแสดงสีหน้าว่าตกใจกลัวมาก มันง่ายมากเพียงแค่อ้าปากหลับตาและร้องเสียงหลงอีกสักหน่อย ก็สามารถทำให้เสี่ยวหลิงตังพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งสองเล่นสนุกสนานกันอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวหลิงตังก็พิงอยู่ในอ้อมแขนของหลี่อันหลานแต่โดยดีแล้วไม่ขยับตัวอีก ทั้งสองเพลิดเพลินกับเวลาที่ผ่อนคลายซึ่งหาได้ยากไปด้วยกัน ที่จริงหลี่อันหลานอิจฉาเสี่ยวหลิงตังมาก นางมักจะสามารถหาวิธีที่ทำให้ตัวเองมีความสุขได้เสมอ
นางไม่ตั้งใจเรียนหนังสือแต่นางกลับสามารถบอกชื่อของพันธุ์ไม้ทั้งหมดในอุทยานได้โดยไม่ต้องคิด นางชอบกิน แต่น่าเสียดายที่หลี่อันหลานไม่มีอาหารอร่อยให้นางมากนัก แม้ว่าเสี่ยวหลิงตังจะอิจฉานางกำนัลคนอื่นที่มีเนื้อสัตว์กิน แต่ก็เพียงแค่อิจฉาและน้ำลายไหลเท่านั้นเอง
นางก็มีความสุขของนาง นางเด็ดดอกล่าปาและดูดน้ำหวานจากด้านหลังของดอกไม้ นางสามารถกินดอกหวยฮวาได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกเลี่ยน ไซบีเรียนเอล์มที่อวบอ้วนเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดของนาง นางชอบแกล้งผึ้งตัวอ้วนแม้ว่าจะโดนผึ้งต่อยจนร้องโฮก็ตาม แต่ก็ไม่ยอมเลิก
ได้ส้มกิกจากท่านแม่มาหลายผล นางก็สามารถกินมันได้ด้วยความเอร็ดอร่อย หลี่อันหลานเพียงแค่กัดหนึ่งคำ น้ำผลไม้เปรี้ยวฝาดก็ทำให้ฟันของนางทรมานไปตลอดทั้งวัน แต่หลิงตังราวกับไม่สนใจอะไรเลย ขอเพียงแค่เป็นของกิน ปากเล็กๆ ของนางนั้นก็สามารถกินได้หมด
หลี่อันหลานดึงเสี่ยวหลิงตังเข้ามาในอ้อมกอดของนางอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นบุคคลเดียวที่นางสามารถเป็นเจ้าของได้ทั้งหมดและพึ่งพาได้
“องค์หญิง ท่านจะทรงแต่งงานกับราชาแดนเถื่อนที่มาจากหลิ่งหนานหรือเพคะ เขาหน้าตาอัปลักษณ์เพียงนั้น ทั้งยังเตี้ยมาก ที่น่ากลัวที่สุดคือฟันของเขาเป็นสีดำ เขาไม่คู่ควรกับท่าน องค์หญิง ไม่เช่นนั้นท่านแต่งงานกับคุณชายอวิ๋นดีหรือไม่”
“อวิ๋นเยี่ยมีอะไรดี เขากับเสด็จพ่อของข้าและรัชทายาทล้วนเป็นคนแบบเดียวกัน ความทระนงตนของเสด็จพ่อแสดงออกให้เห็นอยู่ภายนอก รัชทายาทก็เป็นเช่นนั้น มีเพียงความทระนงตนของอวิ๋นเยี่ยเท่านั้นที่มาจากธาตุแท้ของเขา หลิงตัง เราไม่ควรแต่งงานกับผู้ชายที่มีความทระนงตน พวกเขาจะไม่สนใจความรู้สึกของผู้หญิง ข้ายินดีแต่งงานกับคนดีที่ดูธรรมดามากกว่า แต่จะไม่แต่งงานกับอัจฉริยะที่ทระนงตน”
“คุณชายอวิ๋นก็เป็นคนดีนี่เพคะ เขาไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยๆ ให้เรากินเท่านั้น คราวก่อนข้าบังเอิญเดินไปที่วังตะวันออก เขาไม่เพียงไม่สั่งให้คนลงโทษข้าเท่านั้น แต่เขายังช่วยข้าช่วยเสวี่ยฉิวออกมาด้วย ตอนนั้นเสวี่ยฉิวสกปรกมอมแมมไปทั้งตัวจนเหมือนลูกบอลดิน ใครจะรู้ว่าหลังจากอาบน้ำให้มันแล้วจึงรู้ว่าเสวี่ยฉิวเป็นสีขาว องค์หญิง ท่านแต่งงานกับคุณชายอวิ๋นได้หรือไม่ ข้าแค่เห็นลิงที่มาจากหลิ่งหนานตัวนั้นก็กลัวแล้ว”
“มันสายไปแล้ว เดือนหน้าเขาก็จะแต่งงานแล้ว หากไม่เกิดเรื่องที่ไปล่วงเกินไท่ซั่งหวงเข้าก็ยังพอมีโอกาส แต่ตอนนี้เสด็จพ่อทรงออกพระราชโองการแล้ว ข้าจึงได้แต่ต้องแต่งงานกับราชาแห่งแดนเถื่อน แต่ก็ไม่เป็นไร เจ้าคนโง่คนนี้ข้าจะกุมเอาไว้ในมือไม่ให้ขยับเลย ต่อไปข้าจะยึดเก้าภูเขาสิบแปดค่ายมาให้หมด แล้วพวกเราจะเป็นเจ้าของเสียเอง พวกผู้ชายนั้นพึ่งพาไม่ได้ มีเพียงแต่พวกเราที่ต้องคิดหาวิธีเอง”
“แต่เรามีกันเพียงสองคน ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ ข้ายังได้ยินเสี่ยวเย่ว์พูดว่าพวกเขาเป็นคนป่าเถื่อน เมื่อหิวพวกเขาจะกินคน องค์หญิง พวกเราไม่ไปหลิ่งหนาน ต้องตายแน่ ข้ากลัว”
เสียงร่ำไห้กระซิกของเสี่ยวหลิงตังทำให้หลี่อันหลานรู้สึกเจ็บปวด ตนเองไม่มีอะไรเลย นอกจากร่างกายแล้วยังมีอะไรให้นำมาใช้ได้อีก เพียงแต่เมื่อคิดถึงร่างผอมดำของราชาแห่งแดนเถื่อนกำลังจะกดทับร่างตนเอง นางก็ขนลุกซู่ไปทั้งร่าง
หลี่อันหลานเช็ดน้ำตา พยายามบอกตัวเองไม่ให้นึกถึงราชาแห่งแดนเถื่อน จึงมองลึกเข้าไปในจักรวาลอันห่างไกล ดวงดาวที่อยู่ในทางช้างเผือกชื่อว่าตูตูกำลังกะพริบตามองนางอยู่ ราวกับว่ากำลังหัวเราะเยาะในความอ่อนแอและความไร้ความสามารถของนาง
พยายามเข้มแข็งมานานหลายปี ทว่าราชโองการของเสด็จพ่อเพียงฉบับเดียวก็ทำให้นางตกนรกสิบแปดขุม ตัวเองไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ตอบโต้ กลับได้แต่ปล่อยให้ถูกบงการตามใจชอบ หลี่อันหลานไม่อยากตาย นางยินดีมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อเผชิญหน้ากับนรกมากกว่าการตาย ความตายเป็นการแสดงออกที่น่าสมเพชที่สุดสำหรับนาง
ตูตูยังคงกะพริบอย่างไม่หยุดหย่อน หลี่อันหลานก็หลั่งน้ำตาอยู่อย่างนั้น อวิ๋นเยี่ยบอกว่าอย่ามองว่าตูตูนั้นดวงเล็ก แท้จริงแล้วมันใหญ่กว่าดินแดนที่เราอาศัยอยู่เป็นอย่างมาก หลอกลวง คนลวงโลก
เสวี่ยฉิวปีนขึ้นมาบนบันไดแล้วพิงอยู่ที่เท้าของหลิวตัง หลิงตังที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเป็นทุกข์ใบหน้าไร้รอยยิ้มเป็นครั้งแรก ลูบซอกหูนุ่มๆ ของเสวี่ยฉิวด้วยอาการเหนื่อยหน่าย
จะมีใครที่ใส่ใจในชีวิตของข้า จะมีใครสนใจร่างกายของข้า
ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง คนเรามักจะแสดงความเคียดแค้นที่เกรี้ยวกราดออกมา ความเคียดแค้นนี้ก่อให้เกิดความโกรธแค้นอยู่ในใจของหลี่อันหลาน นางกำหมัดแน่นจนข้อต่อเปลี่ยนเป็นสีขาวเนื่องจากออกแรงมากเกินไป
หลังมือที่แน่นตึงมีรอยเส้นสีแดงอ่อนๆ เกิดขึ้นซึ่งมีความยาวนิ้วหนึ่งได้ ทันใดนั้นในใจของหลี่อันหลานก็เกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นมา ชีวิตอาจไม่มีใครใส่ใจแต่เรือนร่างนี้น่าต้องมีใครบางคนที่ใส่ใจกับมันกระมัง
นางลุกขึ้นนั่งในทันที ค่อยๆ หวนคิดถึงต้นกำเนิดของแผลเป็นนี้ ซึ่งนั่นเป็นแผลที่ตนเองกรีดขึ้นเพราะไม่ทันระวังขณะฝึกวิชากระบี่จนเป็นแผลลึก ตนเองก็ไม่สนใจมัน เพียงแค่หยิบผ้าเช็ดหน้ามาพันไว้ อย่างไรเสียถึงอยู่ในวังก็ไม่มีโอกาสได้รับการรักษาจากหมอหลวงอยู่แล้ว
เมื่ออวิ๋นเยี่ยเข้าวังมาเพื่อเยี่ยมตนเองได้เห็นบาดแผลนี้กลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตำหนิหลี่อันหลานเสียงดังว่าไม่รู้จักทะนุถนอมร่างกายตัวเอง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะใช้ได้ที่ไหนกัน หลังจากพูดจบก็ขี่ม้าเร็วกลับบ้านไปนำยามาและรักษาแผลให้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้เป็นแผลเป็น อวิ๋นเยี่ยจึงฉีกด้ายไหมเป็นเส้นบางๆ หลายเส้นแล้วใช้เข็มที่เล็กที่สุดเย็บแผลให้ติดกัน ในเวลานั้นตนเองยังชื่นชมฝีมือการแพทย์อันเยี่ยมยอดของเขาอยู่เลย
อวิ๋นเยี่ยเพียงแต่เหล่ตนเองอย่างเย็นชา ถูกต้อง เพียงแค่เหล่อย่างเย็นชา ไม่ได้เป็นห่วง ไม่มีความรัก มีแต่การตำหนิเพียงอย่างเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะใส่ใจแค่ว่าร่างกายได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ตัวเองรู้สึกเลยแม้แต่น้อย
ไข่มุกขนาดใหญ่เท่าลำไยนั้นส่องประกายแวววาว เขาใช้แท่นบดยาบดจนเป็นผงโดยไม่เสียดายเลยแม้แต่น้อยนิด ผสมกับน้ำผึ้งแล้วทาไว้ตรงบาดแผล เขาบอกว่าเช่นนี้จะทำให้ไม่มีรอยแผลเป็น
คนเรานั้นไม่ควรได้รับการกระทบกระเทือน เมื่อความทรงจำของหลี่อันหลานถอยย้อนไปถึงการพบกันครั้งแรกนั้น คำว่า “ภรรยา” ได้เปิดเผยร่องรอยหลายๆ อย่างออกมามากมายจริงๆ
หลี่อันหลานปลดอกเสื้อออก แม้แต่ชุดชั้นในก็ถอดออก ยืนเปลือยกายอยู่บนระเบียง ทำให้เสี่ยวหลิงตังกระวนกระวายร้องไห้จะสวมเสื้อผ้าให้องค์หญิง หลี่อันหลานหลบเสี่ยวหลิงตัง ยืนเปลือยทรวงอกที่อวบอิ่มพลางถามเสี่ยวหลิงตังว่า “หลิงตัง ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้บ้า แค่อยากถามเจ้าว่าร่างกายของข้างดงามหรือไม่”
สายลมยามเย็นในฤดูใบไม้ผลิพัดโชยผ่านผมยาวของหลี่อันหลาน ทรวงอกที่อวบนูนจึงถูกเผยให้เห็นอยู่ท่ามกลางแสงราตรี ร่องว่างระหว่างปอยผมทำให้เห็นยอดปทุมถันสองยอดสั่นเทาอยู่รางๆ ท่ามกลางสายลมยามราตรี เอวที่เรียวเล็กอรชรอ้อนแอ้น สะโพกที่อวบอิ่ม สองขาเรียวยาวทำให้เสี่ยวหลิงตังดูจนหน้าแดงไปถึงใบหู
หลี่อันหลานอมยิ้ม แต่ดวงตาของนางเย็นชาเหมือนน้ำแข็งก็ไม่ปาน ปล่อยให้เสี่ยวหลิงตังสวมเสื้อคลุมให้ นางลูบผมเหสี่ยวหลิงตังแล้วพูดว่า “ตอนนี้ปัญหาของเรือนร่างนี้ไม่ใช่ของพวกเราอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นของอีกคนหนึ่ง ข้าเชื่อว่าแม้ว่าเขาจะต้องฆ่าราชาแห่งแดนเถื่อนทิ้ง ก็จะไม่ปล่อยให้มือสกปรกของราชาแห่งแดนเถื่อนนั้นแตะต้องร่างกายนี้แม้เพียงเล็กน้อย”
Comments for chapter "ตอนที่ 40 แผนการร้ายถูกเปิดเผย"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
yoyo
พี่อวิ๋น งานเข้าอีกแล้วสิเนีย