เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 32 มังกรถนัดด้านทำลาย
ก้นถูกนางงับจนเจ็บปวดมากนักจากที่นางกัดสุดแรงเกิดโดยไม่มีสาเหตุ ไม่ง่ายเลยกว่าจะผลักศีรษะนางออกไปได้ ก้นของอวิ๋นเยี่ยเริ่มมีเลือดซึมออกมา หลี่อันหลานเช็ดรอยเลือดให้เขาอย่างเยือกเย็นทายาผงราวกับชื่นชมด้วย บนก้นจะต้องมีรอยกัดอยู่ คืนนี้กลับไปจะอธิบายอย่างไรดี นางต้องตั้งใจแกล้งทำแน่นอน
บิดานางเพิ่งสั่งให้ตีจนเนื้อสะโพกเละเทะแถมนางก็ยังเข้ามาประทับตราลงไปอีก คนของตระกูลหลี่หาดีไม่ได้เลยสักคน หลี่เฉิงเฉียนก็หายไปเลยแล้วตัวเองกับเหล่าเหอจะกลับบ้านได้อย่างไรในสภาพนี้ถูกทิ้งไว้ที่นี่ไม่ได้สนใจกันเลย รอบบริเวณเงียบจนน่ากลัวแม้แต่จักจั่นก็ยังหยุดร้อง
“เวลานี้ข้ากลัวพวกเจ้าตระกูลหลี่มากจริงๆ ตัดสินใจว่ากลับไปครั้งนี้แล้วต่อไปจะไม่ออกจากเขาอวี้ซันอีก ไม่ว่าเรื่องดีไม่ว่าเรื่องร้ายแค่เพียงให้เกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่แม้เพียงนิดเดียวก็จะพลิกแปรเปลี่ยนไปทันที ทำไมต้องเป็นข้าเป็นตลอดกาล อุตส่าห์ใจดีวางแผนคิดแผนให้เจ้าก็ยังใจร้ายกัดข้าได้ลง ไม่ต้องพูดถึงที่วันนี้โดนตีโดยไม่สมควร เจ้าห่างข้าไปไกลหน่อยชีวิตข้าคงสบายขึ้น ยิ่งห่างพ่อแม่เจ้าไปไกลได้ข้าคงมีอายุยืนร้อยปี”
หลี่อันหลานราวกับนึกเสียใจก้มศีรษะบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “แผนการเลิศล้ำของเจ้าคงทำเพื่อลูกของเจ้ากระมัง ทั้งหมดนี้คงเป็นการเตรียมการให้เขาจึงได้รีบเตรียมการแต่แรกเริ่มนี้ การบุกเบิกแต่ละเรื่องต้องใช้เวลาสิบกว่าปีกว่าจะเห็นผล ข้าคือคนที่ช่วยลูกเจ้าฟันฝ่าขวากหนามเป็นตัวเลือกในการเตรียมฐานรากที่ดีที่สุดกระมัง”
อวิ๋นเยี่ยลุกขึ้นยืนแล้วดึงกางเกงขึ้นมาด้วยการช่วยเหลือของหลี่อันหลาน เดินไปได้สองก้าวเห็นในลานไม่มีใครอยู่เลยจึงพูดว่า “ข้าเป็นพ่อของเขาเจ้าเป็นแม่ของเขา ต่อให้ความสัมพันธ์พวกเรามีแต่เรื่องเกี่ยวพันทางพันธะอื่น คนเป็นแม่กรุยทางให้ลูกตัวเองจะไม่เหมาะสมตรงไหน ต้าถังต้องการบุกเบิกทางทิศใต้ ผืนดินทิศเหนือผ่านการบุกเบิกมาแล้วหลายพันปีเวลานี้แทบจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว ต้องวางสายตามองไปทางด้านใต้แล้วจัดการให้ดีๆจึงจะถูกต้อง ผืนดินที่นั่นอุดมสมบูรณ์ทรัพยากรหลากหลายแม่น้ำลำคลองสายใหญ่ตัดทแยงไปมาอากาศอบอุ่น เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่สวรรค์ประทานให้ต้าถัง เชื่อข้าสิหากจัดการดูแลผืนดินนั้นให้ดีๆจะทำประโยชน์ให้ลูกหลานได้ต่อไปนับหมื่นปีอย่างไม่มีปัญหา
เก็บงำความคิดเล็กคิดน้อยของเจ้า เจ้าเป็นลูกหลานตระกูลหลี่ เรื่องเหล่านี้ถือเป็นหน้าที่ของเจ้าและเป็นภารกิจของเจ้า เจ้านึกว่าข้าทำเช่นนี้เพื่อลูกของเราหรือ เจ้าดูถูกอวิ๋นเยี่ยมากเกินไปแล้ว ข้าเป็นหลานเทียนโหวของต้าถังถึงแม้เงินปีน้อยจนทำให้ข้าโมโห แต่ยังรู้สำนึกคำพูดที่ว่ากินเงินฮ่องเต้แบ่งเบาความกังวลฮ่องเต้ ปัจจุบันต้าถังขยายพื้นที่ไปทางตะวันตกกับทางเหนือไม่หยุด รากฐานมาจากระบบแบ่งปันที่นา พอทั่วหล้ามีสันติประชากรก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ที่นามีจำกัด เมื่อเป็นเช่นนี้บุญคุณที่ช่วยแย่งชิงแผ่นดินให้ต้าถังภายใต้ระบบแบ่งปันที่นาก็จะล่มสลาย ฮ่องเต้มองการณ์ไกลเห็นเภทภัยในภายหน้าจึงได้มีเรื่องยกทัพพิชิตทุ่งหญ้า ครั้งนี้ที่ข้าติดต่อราชวงศ์ขุนนางเศรษฐีก็เพื่อขอให้พวกเขาอย่าจับจ้องแต่ที่ดินทางเหนือ ฮ่องเต้พยายามลดบรรดาศักดิ์ขุนนางเหตุผลเนื่องจากขุนนางเศรษฐียึดครองที่นามากเกินไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไปการควบรวมที่ดินจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกร้อยปีเภทภัยของราชสำนักจะปรากฏทั้งยังเป็นเภทภัยที่แก้ไขไม่ได้ เจ้าคิดเพียงจับจ้องสายตาอยู่ในที่ดินยากไร้แปดร้อยลี้นั้น ไม่เคยพิจารณาถึงราชวงศ์ทั้งหมดโดยรวมหรือ”
แววตาของอวิ๋นเยี่ยเย็นเฉียบเป็นน้ำแข็ง หลี่อันหลานก้มหน้าอย่างละอายใจทันใดนั้นแหงนหน้าขึ้นมาอีก ดวงตามีแต่แววเศร้าสร้อยไร้หนทาง อวิ๋นเยี่ยอยากยิ้มแต่ใบหน้าเกร็งจนยิ้มไม่ออก
ไม่รู้ผ่านไปอีกนานเท่าไรจักจั่นนอกกำแพงเริ่มส่งเสียงร้องอีก อวิ๋นเยี่ยนั่งลงอย่างอ่อนแรงแต่กลับกระโดดขึ้นมาใหม่ บาดแผลที่สะโพกราวกับสาหัสมากขึ้น เมื่อครู่นี้หากผิดพลาดขึ้นมาจะถึงขนาดโดนล้างตระกูล ผ่านจุดนั้นไปแล้ว จึงรู้สึกอ่อนเพลียอย่างหมดสิ้นพลัง
“เจ้ารู้แล้วหรือ” หลี่อันหลานถามอวิ๋นเยี่ย
“ขณะที่เจ้ากัดข้าก็รู้แล้วรวมทั้งจักจั่นก็ยังไม่ร้อง หากข้ายังเดาไม่ออกก็สมควรตายแล้ว ฮ่องเต้ไม่เคยปล่อยวางเรื่องความระแวงข้า ไม่ว่าข้าทำอะไรใจที่เยือกแข็งเย็นชาของฮ่องเต้ไม่เคยหลอมละลายลงมาเลยแม้แต่น้อย
“เจ้ายังจะช่วยข้าไหม” หลี่อันหลานยิ้มขมขื่นต่อหน้าอวิ๋นเยี่ย
“แผนการจะไม่เปลี่ยนเพียงแต่พวกเราจะไม่ได้รับประโยชน์ได้มากนัก ท่าทางฮ่องเต้คงจะเข้าร่วมด้วยพอเข้าร่วมแล้วเรี่องราวจะยุ่งยากขึ้นนับสิบเท่าอนาคตจะมีแต่ความไม่แน่นอน มังกรถนัดด้านการทำลายมากกว่าด้านการสร้างสรรค์”
หลี่อันหลานกอดอวิ๋นเยี่ยไว้ในอกเบาๆ นางไม่ได้สูงเท่าอวิ๋นเยี่ยจึงยืนเขย่งเท้าจูบที่ริมฝีปากอวิ๋นเยี่ยแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกฉลาดเฉลียวที่สุดมีเมตตาที่สุดทั้งยังกล้าหาญมากที่สุดอีกด้วย ร่างกายข้านี้เป็นของเจ้าคนอื่นล้วนไม่คู่ควร หากเจ้าต้องการข้าจะให้”
เสียงนางสั่นระริกจับมืออวิ๋นเยี่ยวางไว้ที่หน้าอกให้อวิ๋นเยี่ยรู้สึกถึงความแรงของหัวใจที่เต้น รออยู่สักครู่ก็จากไปอย่างเร่งรีบด้วยน้ำตา ฮ่องเต้คงจะเรียกถามนาง บางคำพูดขณะที่ฮ่องเต้อยู่นอกกำแพงคงไม่ได้ฟังชัดเจน
อวิ๋นเยี่ยเดินเข้าไปในเรือนปลุกเหอเส้าที่หลับสนิทอยู่ แบกเขาไว้บนบ่าเดินออกไปข้างนอกด้วยความยากลำบาก เหอเส้าพยายามฝืนทนความเจ็บปวดด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดพูดขึ้นมาว่า “เยี่ยจื่อ เมื่อครู่นี้ข้าเห็นองค์หญิงจูบสะโพกเจ้า” คนสัปดนย่อมคิดสัปดนเสมอ พอพูดถึงเรื่องนี้เขาก็ลืมความเจ็บปวดได้ทันที จมอยู่ในทะเลแห่งความคิดฟุ้งซ่านโดยถอนตัวเองขึ้นมาไม่ได้ องค์หญิงจูบสะโพก เรื่องที่รุนแรงเช่นนี้มีเพียงตัวเองที่รู้ แค่คิดก็ทำให้คนเส้นเลือดปูดโปน
อวิ๋นเยี่ยไม่สามารถบอกเหล่าเหอว่านั่นเป็นการเตือนอวิ๋นเยี่ยโดยหลี่อันหลานตั้งใจกัด ถ้าบอกเช่นนั้นเหล่าเหอที่ขี้ขลาดคงตกใจตาย คิดแล้วเรื่องหลี่อันหลานตั้งครรภ์สมควรบอกเหล่าเหอให้เขารู้ว่าเงินลงทุนมหาศาลที่หลิ่งหนานของตัวเองนั้นมีเหตุผลไม่ใช่โยนทิ้งน้ำไปเฉยๆ
“เยี่ยจื่อ เชื่อว่าเด็กในครรภ์องค์หญิงก็คงเป็นฝีมือเจ้าแน่ ข้าว่าแล้วทำไมจึงคิดทุ่มเงินมหาศาลไปหลิ่งหนานที่แสนห่างไกล หากต้องการกำไรพวกเราก็แค่สร้างบ้านเพิ่มขึ้นอีกหลายๆหลังก็พอแล้ว ไม่เห็นต้องเปลืองทั้งแรงกายแรงใจ ไกลไม่ว่ายังควบคุมไม่ได้อีก ตอนนี้เข้าใจแล้วที่แท้ต้องการปูทางให้คุณชายใหญ่ ในเมื่อมีต้นทุนใหญ่แล้วมีคุณชายใหญ่อยู่ที่นั่นข้าก็จะส่งคนรองไปที่นั่น ทีหลังคุณชายใหญ่เติบโตแล้วจะได้มีลูกมือคอยช่วยเหลือดีไหม”
อวิ๋นเยี่ยมองเหล่าเหออย่างตกใจ เจ้านี่รู้ได้อย่างไรว่าหลี่อันหลานมีครรภ์ แค่จูบสะโพกมีครรภ์ไม่ได้อยู่แล้ว เหอเส้าชำเลืองอวิ๋นเยี่ยแล้วหัวเราะหึๆพูดว่า “มองอะไร เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าทำอะไรมาก่อน เป็นคนดูแลการอบรมโรงงานวันทั้งวันคอยดูรูปร่างผู้หญิงว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง การตั้งครรภ์เป็นเรื่องใหญ่ไม่ต้องใช้ความคิดมากเพราะฝึกฝนมานานแล้ว องค์หญิงมีครรภ์อย่างน้อยสองเดือนแล้วเป็นชายแปดส่วน ตระกูลอวิ๋นเจ้ามีผู้สืบทอดแล้วจนได้ จะต้องให้พี่ชายใช้ฝีมือเปลี่ยนเด็กออกมาดีไหมถ้าอยู่กับองค์หญิงเดี๋ยวทำให้พันธุ์ดีๆของเจ้าเสียของ”
“ไม่ต้องหรอก ให้เขาอยู่กับองค์หญิงดีแล้วไม่เช่นนั้นผู้หญิงตัวคนเดียวเดี๋ยวคลุ้มคลั่งทำเสียเรื่อง” อวิ๋นเยี่ยแบกเหล่าเหอเดินไปเรื่อยๆ เขาคิดเพียงจะต้องออกจากพระราชวังให้ได้
ประตูเหลืองปรากฏให้เห็นแล้ว มีขันทีบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “ฮ่องเต้เรียกอวิ๋นโหวเข้าเฝ้า” พูดจบก็มีขันทีสี่คนใช้เปลหามคนทั้งสองไปที่ตำหนักกันลู่ เหล่าเหอถูกวางอยู่ที่ระเบียงนอกประตูตำหนัก อวิ๋นเยี่ยถูกพยุงเดินกระเผลกๆไปพบฮ่องเต้ เขามีความรู้สึกเหมือนกำลังถูกนำขึ้นไปวางบนกระทะร้อน เรื่องหลี่อันหลานตบตาฮ่องเต้ได้หรือไม่ได้กันแน่
ในตำหนักมีเพียงฮ่องเต้ฮองเฮากับรัชทายาท เหล่าขันทีกับนางกำนัลต่างหายตัวไปหมด พูดอะไรไม่ออกแล้ว โดนจับมาในสภาพนี้แล้วยังจะต้องอธิบายอะไรอีก อยู่นิ่งๆรอฟังว่าพวกเขาจะว่าอะไรดีกว่า
“อวิ๋นเยี่ย โซ่วหยางมีครรภ์แล้ว เจ้าบอกเรามาใครเป็นคนทำ เด็กในครรภ์โซ่วหยางเป็นพันธุ์ของใคร ลิงดำหลิ่งหนานคงยังไม่เข้าตาโซ่วหยาง” ฮ่องเต้ยิ้ม แต่เป็นการยิ้มอย่างอึมครึม อุณหภูมิในตำหนักราวกับลดลงไปหลายส่วน
“ข้าน้อยเกรงว่า เกรงว่าจะเป็นของข้าน้อย” อวิ๋นเยี่ยฟุบอยู่ที่พื้นตอบด้วยเสียงทุ้มลึก
“อืม นับว่ากล้ารับไม่เถียงไม่บ่ายเบี่ยง นับได้ว่าเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เพียงแต่เจ้าเอาเกียรติยศราชวงศ์ไว้อยู่ที่ไหน” เห็นอวิ๋นเยี่ยยอมรับ เสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นมาทันที
เกียรติยศ? อวิ๋นเยี่ยพึมพำในใจ พวกเจ้าตระกูลหลี่เคยมีของสิ่งนี้หรือ ตั้งแต่เจ้ากำจัดพี่ชายน้องชายบังคับบิดาเข้าวังหลัง ทั้งรวมเอาพี่สะใภ้น้องสะใภ้ไว้ในกลุ่มสนมของตัวเอง คำนี้น่ากลัวโดนตัดขาดออกจากเจ้าตระกูลหลี่ไปแล้ว ยังจะมีหน้ามาถามข้าอีก
“ข้าน้อยรู้ว่าโทษสมควรตาย ขอให้ฝ่าบาทลงโทษทัณฑ์” ไม่มีอะไรจะพูด ฮ่องเต้ต้องการบังคับให้ตัวเองรับผิด เพื่อจะได้กำหลักประกันในมือ หากไม่แล้วความเคลื่อนไหวที่ใหญ่ยิ่งในหลิ่งหนานจะทำให้เขาไม่วางใจ
“ข่มขืนองค์หญิง เจ้าเหิมเกริมมาก” ฮองเฮาก็ร่วมข่มขู่อยู่ข้างๆ
สำหรับฮองเฮาแล้วอวิ๋นเยี่ยยากที่จะเกรงกลัว ได้ยินนางพูดจากลับกลอกไม่ได้สนใจความจริงแล้ว หลุดปากแก้ตัวว่า “เหนียงเหนียง คำพูดนี้ พูดกลับตรงข้ามก็คงได้”
หลี่เฉิงเฉียนกลั้นยิ้มจนสีหน้าแดงก่ำอยากหัวเราะแต่ไม่กล้า เสด็จพ่อเสด็จแม่ไม่ได้คิดจะจัดการอะไรอวิ๋นเยี่ย วันนี้เสด็จพ่อถือโอกาสตีอวิ๋นเยี่ยอย่างหนักเสด็จแม่ยังว่าตีหนักเกินไป ละเมิดเกียรติยศราชวงศ์ตีแค่เหอเส้าคนเดียวก็พอแล้ว แค่อบรมรัชทายาทกับอวิ๋นเยี่ยก็พอไม่จำเป็นต้องตีอวิ๋นเยี่ยด้วย จะทำให้กระทบกระเทือนจิตใจเขาเกินไป
ใบหน้าฮ่องเต้กลายเป็นสีม่วงขึ้นมาทันทีฮองเฮาก็พูดไม่ออก เรื่องราวที่เกิดขึ้นพวกเขารู้ดีอยู่แล้ว หากอวิ๋นเยี่ยกล้าข่มขืนองค์หญิงจริงๆ ต่อให้เขาเป็นขุนนางสำคัญกว่านี้ ฮ่องเต้ก็สั่งตัดศีรษะได้โดยไม่ได้ไม่ต้องลังเล คนตระกูลอวิ๋นก็อย่าหวังรอดแม้เพียงคนเดียว
“เราไม่สนใจ เจ้าทำลายร่างกายอันหลานก็ต้องแต่งงานกับนาง ตอนนี้เจ้าไปหย่าภรรยาหลวงแล้วแต่งอันหลานเข้าบ้าน ว่าไปแล้วเจ้าตระกูลอวิ๋นสืบทอดมาเพียงคนเดียว เวลานี้มีทายาทแล้วนับว่าเป็นเรื่องมงคล ว่าอย่างไร”
น่าดูถูกฮ่องเต้จริงๆ บอกจุดสำคัญมาเลยก็หมดเรื่อง ก็แค่คิดอยากให้ราชวงศ์ได้หุ้นมากขึ้นในหลิ่งหนาน ไม่เห็นต้องบังคับขนาดนี้ หากข้ารับปากแต่งหลี่อันหลานเข้าบ้าน เจ้าสิจะไม่มีบทบาทอะไรอีก แต่ช่วยไม่ได้ เจ้าเป็นฮ่องเต้ ยังต้องยอมเล่นด้วยกับเขาต่อ ใจอวิ๋นเยี่ยรู้ถึงผลลัพธ์อยู่แล้ว แต่ต้องแสดงความเป็นคนดีมีศีลธรรมออกมา
“ฝ่าบาทตัดศีรษะข้าน้อยยังจะดีกว่า เรื่องหย่าภรรยาหลวงทำไม่ได้” พอพูดออกมาแล้ว ทั้งฮ่องเต้ทั้งฮองเฮาความจริงต่างโล่งอก เรื่องงานแต่งงานหลี่อันหลานพวกเขาไม่ได้ใส่ใจหรอก ที่พวกเขาเป็นห่วงก็คือความมั่นคงของหลิ่งหนานให้อยู่ได้ยาวนาน ควรรู้ว่า แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ยังไม่มีปัญญารวบรวมขุนนางเศรษฐีทั้งหลายทั่วฉางอันออกเงินส่งผู้เก่งกาจสุดยอดของตัวเองไปถิ่นทุรกันดารเช่นนั้น
คงมีเพียงอวิ๋นเยี่ยที่ใช้ผลประโยชน์เป็นตัวเชื่อมให้ทุกคนผนึกกำลังขึ้นมา จะต้องทำเช่นนี้จึงจะทำให้หลิ่งหนานอ๋องเฝิงอั้งคนนี้รู้สึกว่าโดนคุกคามข่มขู่ จึงสามารถทำให้หลิ่งหนานเป็นแผ่นดินแท้จริงของต้าถังในแผนที่