เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 34 บัตรผ่านทางร่ำรวย
ฮองเฮาไล่อวิ๋นเยี่ยออกจากวังสองรอบก็ยังไม่สำเร็จ เขาตั้งใจแล้ว่าจะอยู่รักษาแผลจนหายค่อยกลับไม่เช่นนั้นจะอธิบายรอยฟันบนสะโพกไม่ได้ ซินเย่ว์อาจไม่โวยวายเพราะสภาพแวดล้อมต้าถังเป็นเช่นนี้อยู่แล้วแต่อวิ๋นเยี่ยเองกลับกลัวถูกจับได้ หากเป็นยุคหลังซินเย่ว์คงไล่เขาออกจากบ้านให้เขาเปิดสะโพกออกไปหากินเอง
ระหว่างนี้ฮ่องเต้ระดมคนมามากมายทั้งหลี่จิ้ง จ่างซุนอู๋จี้ ฝางเสวียนหลิง ตู้หรูฮุ่ย ยังมีจางเลี่ยง เฝิงอั้ง กระทั่งมีพวกลับๆล่อหลายคนใช้ผ้าดำคลุมหน้าโผล่แค่ลูกตาสองข้างเร้นลับจนทำให้คนกลัว อวิ๋นเยี่ยยืนดูอยู่ข้างๆไม่ให้พูด ฮ่องเต้สั่งเขาว่าให้พกไปแค่หูห้ามพกปากไปด้วย
เทียบกับแผนการหยาบๆของอวิ๋นเยี่ยแล้ว กลุ่มคนใหญ่โตในราชสำนักใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำก็วางแผนการเหนือเมฆได้เพราะเหล่าขุนนางต่างยินดีเข้าหุ้นด้วยควักเงินเท่าไรก็ได้หุ้นตามส่วนนั้น ทำให้แผนการเอากำไรจากกลุ่มขุนนางต้องยกเลิกไป
แผนการส่วนตัวกลายเป็นนโยบายราชสำนัก ความกระหายของฮ่องเต้แสดงออกอย่างชัดแจ้ง การบุกเบิกหลิ่งหนานเร็วกว่าประวัติศาสตร์นับร้อยปี อวิ๋นเยี่ยแอบชอบใจเพราะตัวเองไม่ได้สนใจที่ดินเลยแม้แต่นิด ที่มีประโยชน์คือปากอ่าวท่าเรือเล็กๆ ขอเพียงให้ท่าเรือเล็กๆนี้คงอยู่เงินทองก็จะไหลมาเทมาไม่หยุดหย่อน สำหรับนาข้าวที่สามารถปลูกได้สามรอบนั้นต้องรอให้เหล่าขุนนางที่ดูแลด้านเกษตรไปออกแรงกัน
“เหนียงเหนียงท่านดูกระโปรงที่ท่านใส่นี่มีขอบเฟอร์ด้วยแต่ด้ายทองด้านบนหายไปไม่น้อย ดอกโบตั๋นเกสรหายหมดแล้วผีเสื้อหายไปไหน มีดอกไม้แต่ขาดผีเสื้อถือว่าเป็นกระโปรงที่ใช้ไม่ได้”
ฮองเฮาอุ้มซื่อจื่อไว้ด้านหน้าพูดภาษาต่างดาวกันกระหนุงกระหนิง แม่ลูกคนหนึ่งพูดคนหนึ่งตอบต่างชื่นอกชื่นใจ หลี่เฉิงเฉียนกับอวิ๋นเยี่ยตามอยู่ข้างหลัง รัชทายาทไม่ได้พูดเพียงแต่ตั้งอกตั้งใจเด็ดดอกไม้ในสวนให้มารดาเตรียมไว้ปักแจกันตั้งโชว์ อวิ๋นเยี่ยพูดไม่หยุดปากวิพากษ์วิจารณ์เสื้อผ้าฮองเฮาเพื่อแหย่ให้อารมณ์รักสวยรักงามของฮองเฮาฟื้นคืนมา ใครจะรู้ว่าฮองเฮาไม่ได้แยแสเลยคงแหย่ลูกสาวเล่นอย่างสบายใจ
“เหนียงเหนียงปิ่นปักผมพลอยบนศีรษะท่านช่างไม่สมกับระดับมารดาแห่งชาติที่สูงส่งเลย ขนาดแค่เมล็ดข้าวตกพื้นก็หาไม่เจอแล้ว ท่านไปบอกฝ่าบาทว่าให้เจ้านี่หาพลอยสีน้ำเงินขนาดกำปั้นที่หลิ่งหนานให้ท่านจึงจะเชิดชูเกียรติสมฐานะของท่าน เสื้อผ้าท่านประดับพลอยสีน้ำเงินจะงามมากที่สุดเลย”
คงทนไม่ไหวกับการบ่นของอวิ๋นเยี่ย ฮองเฮาเชิดปากพูดว่า “เจ้าบ้านนอก โบตั๋นไม่มีกลิ่นหอมผีเสื้อไม่ตอม เจ้านึกว่าข้านุ่งผ้าที่มีผีเสื้อตอมดอกโบตั๋นแล้วจะเข้าท่าหรือ อีกอย่างหนึ่งให้ข้าไปบอกฝ่าบาทให้เจ้าหาพลอยสีน้ำเงินขนาดเท่ากำปั้นแล้วข้าจะไว้บนศีรษะได้หรือ เจ้านี่ให้ช่องแค่นิดเดียวเจ้าก็ทำให้เป็นโพรงใหญ่ได้ ถ้าให้เจ้าหาพลอยก้อนใหญ่ให้ข้าเจ้าคงขุดเอาพลอยสีน้ำเงินที่หลิ่งหนานจนหมดเกลี้ยงแล้วลูกหลานจะเหลืออะไรกันอีก”
พวกลูกหลานเหลืออะไรอวิ๋นเยี่ยไม่สนใจ แต่ชาติก่อนเคยเห็นพลอยสีน้ำเงินศรีลังกาในศูนย์การค้าชั้นสูงสักครั้งสองครั้ง เม็ดเล็กๆยังขายแพงมหาศาล เพชรยังไม่เป็นที่นิยมเวลานี้ที่ใช้มากที่สุดก็คือติดในเครื่องมือที่ใช้ตัดพลอยต่างๆ พลอยสีต่างๆเป็นที่นิยมกันมากโดยเฉพาะพลอยสีน้ำเงินนิยมสูงสุด ซินเย่ว์จ่ายเงินไปมากมายซื้อมาเม็ดหนึ่งโดนท่านย่าชี้หน้าว่าใช้เงินถล่มทลาย หากไม่ได้พลอยสักสองสามเม็ดที่พอประชันกับดวงใจแห่งทะเล อวิ๋นเยี่ยแม้นอนตายก็ตาไม่หลับ
“ข้าน้อยแค่นำเรือเล็กสองสามลำไปหาพลอยจะเอาพลอยทั้งหมดกลับมาได้อย่างไร พูดไปแล้วเครื่องเทศที่นั่นมีทั่วไปทั้งป่าเขาต่างแห้งเ**่ยวอับเฉาโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ เครื่องเทศต้าถังเรากลับมีน้อยเหลือทนทั้งอาหารต่างๆหากขาดสิ่งเหล่านั้นก็จะเก็บไว้ได้ไม่นาน เวลานี้ทั้งโลกฝนฟ้ามาต้องตามฤดูแม้แต่ตั๊กแตนก็ยังไม่มี ผงตั๊กแตนที่สะสมไว้เมื่อสองปีก่อนโดนทหารชายแดนกินเกลี้ยงแล้วโวยวายว่าอยากได้อีกว่าขาดสิ่งนี้แล้วข้าวไม่หอม ข้าคิดอยากเลี้ยงตั๊กแตนแค่บอกฝ่าบาทก็โดนด่าแทบแย่ หากไม่ใช่เพราะแผลยังไม่หายดีคงได้โดนตีอีก
ฮองเฮานึกถึงครั้งที่นางกินตั๊กแตนแล้วคลื่นไส้จึงตบหน้าอกแล้วค้อนอวิ๋นเยี่ยไปหนึ่งขวับ “ภัยตั๊กแตนครั้งก่อนทั้งหลวงทั้งราษฎร์ต่างประสบเคราะห์กรรมทั้งมีที่เสียชีวิตเพราะตั๊กแตน มีแต่เจ้าตระกูลอวิ๋นหาเงินได้จากภัยแผ่นดิน รีบๆเลิกคิดเรื่องเลี้ยงตั๊กแตนไปเลยแค่คิดก็ยังสยอง ถ้าว่างนักก็เลี้ยงวัวเลี้ยงแพะหรือหมูก็ยังดี”
“เหนียงเหนียงเอ๋ยวัวแพะหมูเลี้ยงมากขาดเครื่องเทศท่านจะให้คนกินได้ลงหรือ วันก่อนรายการเนื้อแพะในวัง ต้องใช้เครื่องเทศถึงสองชั่ง ไม่กี่วันก่อนเสนาบดีต้าถังอยากรับรองแขกแต่ซื้อเครื่องเทศไม่ได้ ข้าน้อยช่วยไปห้าชั่งถึงทำให้แขกเหรื่อพอใจได้ เงินค่าเครื่องเทศล้วนถูกพวกหูจื่อเอากำไรไปท่านไม่เจ็บปวดหรือ”
อวิ๋นเยี่ยพูดจบยังดุนหลังหลี่เฉิงเฉียนให้เขาช่วยพูดสนับสนุนด้วย ใครจะชอบคนที่กินข้าวฟรีๆถึงคราวใช้ได้ก็ต้องใช้ให้คุ้ม
“เสด็จแม่ เยี่ยจื่อพูดมีเหตุผล พวกเรากับเขาร่วมกันหาเครื่องเทศมาขายจะเป็นไรมี เสด็จพ่อแต่ละปีต้องให้เครื่องเทศเหล่าขุนนางเป็นรางวัลมากมาย เงินเหล่านี้ล้วนถูกเอากำไรโดยพวกหูจื่อช่างไม่สมควรเลย” หลี่เฉิงเฉียนรีบเปิดปากสนับสนุนเต็มที่ เงินที่อวิ๋นเยี่ยได้กำไรมาย่อมมีส่วนที่เขาได้ด้วยจะมัวแต่ทำเฉยก็ไม่น่าดู เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับปัญหาชาติบ้านเมืองย่อมต้องออกแรงช่วย
“แค่เรือเครื่องเทศสองสามลำเป็นเรื่องเล็กไม่ต้องรอให้เสด็จพ่อเจ้าเปิดปากหรอกเสด็จแม่สามารถจัดการได้ แต่บอกก่อนว่าจะยอมให้ครั้งนี้ครั้งเดียวครั้งหน้าไม่ได้ ทำแต่เรื่องที่ไม่ได้ช่วยชาติบ้านเมืองอะไรเลยรู้แต่จะค้ากำไรเท่านั้น”
ฮองเฮาถือว่ารับปากแล้วแต่ยังไม่วางใจนักคิดจะกำชับอีกสักคำสองคำแต่พอหันไปก็ไม่เจอใครแล้ว ทั้งคู่วิ่งตรงไปวังตงกงราวกับบินได้ ท่าทางคงรีบไปเตรียมการ
“เอ ไม่รู้ที่รับปากให้พวกเขาไปทำจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่” ฮองเฮาเพิ่งขมวดคิ้วลูกสาวในอกก็ร้องไห้ลั่น ทำให้ความคิดนางต้องไปอยู่ที่ลูกสาวอีก ส่วนเรื่องที่รัชทายาทกับอวิ๋นเยี่ยไปร่วมมือทำอะไรกันถูกลืมจนหมดเกลี้ยง
สองคนออกจากพระราชวังแล้วก็รีบขึ้นรถม้าเร่งไปบ้านหลี่เซี่ยวกง ตกลงกันแล้วว่าวันนี้จะเปิดประชุมหุ้นส่วน เหล่าราชวงศ์ขุนนางต่างชุมนุมกันรอฟังข่าวอวิ๋นเยี่ยกับรัชทายาท การที่จะได้ร่ำรวยหรือไม่ก็ต้องดูเที่ยวนี้แล้ว
ที่ดินหลิ่งหนานไม่มีใครใส่ใจ ต่อให้ได้แล้วก็ไม่ได้มีผลผลิตอะไร ที่สนใจนั้นคือพลอยใหญ่กับเครื่องเทศตามที่อวิ๋นเยี่ยบอก ห้องโถงใหญ่เงียบกริบทุกคนต่างกลั้นหายใจรอคอยข่าวดีอย่างกระวนกระวาย
รถม้ามาถึงจวนอ๋องที่ประตูใหญ่เปิดอยู่แล้ว รถม้าควบไปถึงโถงหน้าหลี่เฉิงเฉียนจึงพยุงอวิ๋นเยี่ยลงรถม้า การวิ่งอย่างเร่งรีบเมื่อครู่นี้ทำให้บาดแผลปริออกเลือดซึมออกมาติดกางเกงเป็นแถบราวกับผู้หญิง
ทุกคนต่างยืนที่หน้าประตูรอทั้งคู่พูด พอหลี่เฉิงเฉียนผงกศีรษะอย่างเต็มตื้นทุกคนต่างยิ้มออกได้ทันที หลี่เซี่ยวกงกำหมัดทุบที่ฝ่ามือเสียงดังตุ๊บแล้วเดินกลับโถงใหญ่ แผนที่ยักษ์แขวนอยู่ที่ผนัง ตามที่แบ่งพวกไว้แต่ก่อน หลี่จิ้ง หลี่เซี่ยวกง เว่ยฉือกง ฉินฉยง หลี่ต้าเลี่ยง ทั้งห้าคนต่างล้อมวงเข้ามา นิ้วที่ชี้บนแผนที่ขยายไปเรื่อยๆคอยหนุนเจ้าบ้านที่มีกองทหารเดินหน้าออกไป ตลอดกระบวนการคล้ายการก่อกบฏ เพื่อเงินทองแล้วพวกเขาปลดปล่อยความสนใจออกมาอย่างสูงสุดยอด
อวิ๋นเยี่ยนอนคว่ำบนโซฟาเตี้ยหลังห้องพยายามจะปิดสะโพกไว้ แต่ภายใต้สายตาหมู่คนที่จับจ้อง หมอที่น่าถองกลับเปิดผ้าออกหมดทั้งยังพูดว่า “แผลโหวเหยียโดนไม้หวดห้ามปิดไว้เด็ดขาดต้องโดนแสงมากๆจึงจะดี”
ห้าเฒ่าลามกดูแผลอย่างละเอียดลออ ฉินฉยงว่า “ไม่เป็นไรมากแผลเล็กน้อยสองสามวันก็หาย แต่ทำไมมีรอยฟันกัดใครกัดหรือทำไมรุนแรงนัก”
ฉินฉยงค่อนข้างซื่อ เข้าใจว่าอวิ๋นเยี่ยโดนทารุณกรรมอย่างไร้มนุษยธรรมจึงแค้นเคืองแทนเขา หลี่จิ้งน่าคลื่นไส้นักราวกับว่าภรรยาเขาทำประจำจึงชำนาญมากแค่ชำเลืองทีเดียวก็พูดว่า “นี่มันหนี้ความรักเป็นรอยฟันผู้หญิง” พูดจบยังตบที่ศีรษะอวิ๋นเยี่ย “ไม่รู้จักหัดสิ่งที่ดีมั่ง” หลี่เซี่ยวกงหัวเราะฮ่าๆ “ตระกูลอวิ๋นทายาทน้อยจัด เจ้าชู้มากหน่อยถือเป็นเรื่องปกติ ผู้อาวุโสตระกูลเขารอหลานเหลนจนเหงือกแห้งกันแล้ว ท่านย่าตระกูลอวิ๋นมองดูหลานข้าอย่างอิจฉาตาร้อนนานแล้ว ฮ่าๆๆ”
“เจ้าหนู เหล่าหลี่พูดถูกแล้วต้องแต่งมาหลายคนหน่อย อาศัยภรรยาแค่คนเดียวจะมีทายาทสักกี่คนได้ ผู้ชายเหนื่อยยากลำบากกายใจอยู่ข้างนอกไม่ใช่เพราะอยากเหลืออะไรให้ลูกหลานสบายหรือ ถ้าไม่มีทายาทแล้วยังจะต้องไปเหนื่อยทำไมสู้ล่าถอยกลับไปดีกว่า”
พวกหนิวเจี้ยนหู่กับเฉิงฉู่มั่วที่อยู่ข้างหลังไม่กล้าพูดมากได้แค่แอบฉีกยิ้มอยู่ หนิวเจี้ยนหู่พอนึกถึงที่โดนแกล้งจากอวิ๋นเยี่ยและเฉิงฉู่มั่วพอมาเห็นอาการละเทะของก้นอวิ๋นเยี่ยแล้วรู้สึกชื่นอกชื่นใจมาก
“พูดมาเจ้าหนู อาศัยความกระล่อนของเจ้าครั้งนี้ยังโดนตีจนเละได้จะต้องมีสาเหตุ ลองเล่าสาเหตุให้พวกข้าได้รู้กันบ้าง” หลี่ต้าเลี่ยงเป็นคนละเอียดนึกออกถึงสาเหตุ
“เจ้าหนูเห็นเรื่องผิดกฎหมายไปฟ้องฝ่าบาท ไม่นึกว่าผู้ต้องหาใหญ่เ**้ยมโหดมากจึงฟ้องไม่สำเร็จแถมยังโดนตีอีก” อวิ๋นเยี่ยนึกถึงการถูกตีที่ไม่เป็นธรรมนี้เกิดไฟฟืนขึ้นมา ฮ่องเต้พอได้รับคำฟ้องแล้วในวันนั้นก็ส่งขุนนางฝ่ายในไปตรวจค้น กรรมกรในเหมืองถ่านหินถูกสั่งให้สลายไปโดยได้รับค่าชดเชย คนที่สมควรโดนกลับไม่โดน คนดูแลเหมืองถ่านหินสองคนได้เลื่อนตำแหน่ง คนดูแลโรงปูนถูกเปลี่ยนตัว คนดูแลใหม่ซื้อหน้ากากป้องกันฝุ่นจากตระกูลอวิ๋นทั้งเคี่ยวเข็ญให้เหล่าคนงานต้องสวมใส่ คนไม่ใส่จะถูกไล่กลับบ้าน เรื่องต่างๆได้คลี่คลายลง อวิ๋นเยี่ยโดนไม้ตีแล้วถือว่าเป็นการสั่งสอนที่ทำงานไม่รอบคอบ
“เจ้าหนู เจ้าฟ้องใครหรือ เวลานี้เจ้าเป็นใหญ่เป็นโตในฉางอันใครจะกล้าตอแยเจ้า” หลี่จิ้งประหลาดใจมาก อวิ๋นเยี่ยไม่ทำเรื่องไม่ได้รับประโยชน์อยู่แล้วจะบุ่มบ่ามเช่นนี้ได้อย่างไร ที่แปลกสุดคือฟ้องไม่ชนะด้วย
หลี่เฉิงเฉียนยิ้มแห้งๆว่า “เหอเส้า เยี่ยจื่อ ข้า พวกเราสามคนเป็นผู้ต้องหาร่วมผู้ต้องหาหลักคือเสด็จพ่อข้ากับเสด็จแม่ข้า เนื่องจากขาดการดูแลคนในเหมืองถ่านหินส่วนโรงปูนก็มองข้ามชีวิตคนอื่น ขุนพลหลี่ท่านคิดว่าพวกเราสามคนจะฟ้องชนะไหมเล่า จึงได้โดนไม้กันทุกคน”
ขุนพลเฒ่าหลายคนต่างถอนใจยาว เรื่องเช่นนี้ปกติแล้วต้องเป็นระดับเว่ยเจิงถึงกล้าทำได้ เวลานี้กลับปรากฏอยู่ในตัวอวิ๋นเยี่ยจึงทำให้ทุกคนรู้สึกสุดแสนจะไม่เข้าใจเลย ทุกคนต่างมองอวิ๋นเยี่ยด้วยความงุนงง อยากฟังคำอธิบายจากเขา
“ท่านอาท่านลุงทั้งหลายไม่ต้องแปลกใจ ตัวข้านั้นปกติไม่สามารถทนดูราษฎรทุกข์ยากตลอดมา ดังนั้นพอเห็นมีการปิดบังเรื่องร้ายทำให้รู้สึกรับไม่ได้เลย เพียงแค่คิดอยากให้ตัวเองมีกำไรอย่างสบายใจ เพียงเท่านี้เอง”
“ดีมาก เพียงแค่คิดอยากให้ตัวเองมีกำไรอย่างสบายใจ” มีเสียงชื่นชมดังลั่นที่นอกประตู