เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 17 ภรรยายี่สิบเอ็ดคนของซีถง
หลี่ซื่อหมินยกหนังหมีขึ้นมาสะบัด ขนบนหนังเป็นระลอกคลื่นราวกับคลื่นน้ำ พอเป่าลมเข้าไปจะปรากฏหลุมก้นหอยบนนั้น นี่คือลักษณะพิเศษของหนังชั้นดี ตรวจสอบหนังหมีที่ขึ้นเงาใสแล้วพูดกับอวิ๋นเยี่ยอย่างยิ้มเยาะว่า “เจ้านี่คิดจะอาศัยฮองเฮาทะลุช่องใช้หนังหมีผืนเดียวหักด่านข้าไป ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก อู่จิ่วแพร่ข่าวในกลุ่มเพื่อนวรรณกรรมว่าเจ้าหาญกล้ารับโจรกบฏเข้าประตูบ้านเหิมเกริมยิ่งนัก เวลานี้ให้เจ้าเลือกจะให้โจรกบฏตายหรือเนรเทศเจ้าไปหลิ่งหนานห้ามกลับบ้านเกิดตลอดชีวิต”
หลี่ซื่อหมินไม่ได้หวังดีหรอก หลี่อันหลานเพิ่งจะไปถึงหลิ่งหนานจะต้องพบอุปสรรคชนิดแสนสาหัส อยู่ในความคาดหมายของอวิ๋นเยี่ยนานแล้ว การลงหลักปักฐานใหม่ทั้งหมดมีหรือที่จะมั่นคงได้ง่ายๆ ขั้นตอนนี้อย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งปี
หลี่อันหลานอยากเป็นราชินีโดยไม่มีการลงทุนจะทำได้อย่างไร มีทหารเชี่ยวชาญการรบชั้นเยี่ยมสามพันคน ต่อให้เลวร้ายมากที่สุดก็ยังรักษาชีวิตได้แน่นอน มีทั้งที่ปรึกษาทั้งขุนพลโด่งดังช่วยนางวางแผนมากมาย หากไม่สามารถรับมือคนเหลียวไม่กี่คนได้ก็สู้รีบกลับมายังจะดีกว่า
“ฝ่าบาท กระหม่อมขอเลือกทางที่สามดีกว่า” พูดจบก็วิ่งไปตรงที่เพิ่งล้างเท้าเมื่อครู่นี้หยิบหนังหมีออกมาจากใต้ก้อนหินใหญ่อีกผืน กลับเข้าตำหนักปูไว้ที่แทบเท้าหลี่ซื่อหมิน
“สมควรฆ่าทิ้งจริงๆสมควรฆ่าทิ้งจริงๆ กล้ามาเล่นตลกต่อหน้าข้า รนหาที่ตายแท้ๆ” หลี่ซื่อหมินอายจนโมโหเตะหนังหมีกระเด็นไป สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินไปข้างใน
“ฝ่าบาท ท่านตกลงแล้วนะ” อวิ๋นเยี่ยถามเสียงดัง ขอให้เป็นฝ่ายถูกก็ไม่ต้องห่วงอะไรมาก หลี่ซื่อหมินมีชื่อเสียงดีที่สุดในเรื่องนี้
“เอาละ ได้โอกาสแล้วไม่ต้องมาเล่นอะไรอีก ไม่กลัวเดี๋ยวฝ่าบาทโมโหจริงๆแล้วต่อให้เจ้านำหนังหมีมาอีกแปดผืนสิบผืนก็ไม่มีประโยชน์ ไปบอกแขกของเจ้าแล้วกันว่าครั้งนี้ถือว่ารอดไป แต่ถ้ามีเรื่องเลวร้ายของเขาเล็ดรอดเข้ามาอีกแม้เพียงเรื่องเดียว ไม่ว่าบนฟ้าหรือบนดินก็จะไม่มีที่ยืนให้เขาอีกแน่นอน เจ้าต้องจำไว้ความกรุณาของราชวงศ์นั้นมีข้อจำกัด ต่อไปเจ้าอย่าได้วุ่นวายกับเรื่องเหล่านี้อีก เรื่องเทพเทวดาไม่มีประโยชน์อะไรต่อเจ้าสักนิด”
คำพูดของจ่างซุนปลอบประโลมอวิ๋นเยี่ยได้เล็กน้อย สถานที่ยุ่งยากอยู่นานนักไม่ได้ ยุคสมัยนี้มาตรฐานคนดีคนเลวไม่รู้จะวัดกันอย่างไร คนที่ถูกหลี่ซื่อหมินประหารไม่ใช่ว่ามีแต่คนเลว คนอยู่ในสถานะต่างกันย่อมวัดค่าของคนต่างกันด้วย เหมือนเช่นคำพูดที่ว่าไม่รู้จักภาพแท้จริงของเขาหลูซันเพราะตัวเจ้าอยู่ในเขานั่นเอง
เวลาที่อวิ๋นเยี่ยมาอยู่ในโลกนี้ยังน้อยเกินไปจึงไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บแค้นที่มากเป็นพิเศษ นอกจากชนเผ่าวอเหรินที่มีโทษมาแต่ดั้งเดิมแล้ว อวิ๋นเยี่ยมองทุกคนในโลกนี้ด้วยความเสมอภาคกันหมด
ขี่ม้ากลับบ้านด้วยความลำบากลำบน วันนี้ยุ่งตั้งแต่เช้าจนค่ำเนื้อตัวราวกับแยกออกไปเป็นชิ้นๆ พยายามฝืนทนไปห้องพักแขกเยี่ยมซีถงเล่าเรื่องวันนี้ให้เขาฟังทั้งหมด
ใบหน้าดำเมื่อมเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดมากขึ้น หากให้เขาไปขอชีวิตเองนั้นแม้ตายก็ยังไม่ยอมไป เขาจึงต้องไปแทนในฐานะเพื่อน ถึงแม้ว่ายังไม่มีความรู้สึกชนิดฝากชีวิตให้กันไว้ แต่ความรู้สึกผิดต่อเหล่านักผจญภัยที่ต้องเสียชีวิตไปของอวิ๋นเยี่ยทำให้เขามีการกระทำที่เสี่ยงอันตรายครั้งนี้
ซีถงออกอาการน้ำตาซึม แต่หันศีรษะยกชามยาดื่มยาทั้งหมดจนเกลี้ยง พอหันศีรษะมาก็กลับเป็นลูกผู้ชายที่แข็งแกร่งปานเหล็กไหลเหมือนเดิมคนนั้น
“ขณะที่เข้ามาถึงเหอเป่ย ข้าสู้ไม่ไหวแล้วจริงๆไข้ขึ้นสูงจนทนไม่ได้ ข้าคิดจะหมอบลงดื่มน้ำริมลำธาร แต่ดื่มได้เพียงอึกเดียวก็หมดสติอยู่ที่นั่น พอฟื้นขึ้นมาพบว่าข้านอนอยู่ในโรงนามีหญ้าปกคลุมร่างอยู่ ข้านึกว่าเสียชีวิตไปแล้ว ไม่ได้นึกกลัวเกรงหรอกแต่รู้สึกเสียใจ ข้าได้ฆ่าหมีขาวทั้งถลกหนังพวกมันมาห้าตัว เอามาให้ท่านก็เพื่อจะบอกท่านว่า ถิ่นที่ท่านและอาจารย์ท่านได้ไปในครั้งนั้นพวกเราก็ได้ไปด้วย จริงๆแล้วเป็นเพราะความรู้สึกอยากเอาชนะยังคงมีอยู่ แต่ในที่สุดก็ตายไม่สำเร็จเพราะถูกผู้หญิงกลุ่มหนึ่งช่วยเอาไว้ได้ พวกนางว่าเวลานี้ผู้ชายน้อยมากเกินไปแล้วหากตายไปอีกคนจะน่าเสียดายมาก
พื้นที่เหอเป่ยพวกผู้ชายล้วนติดตามโต้วเจี้ยนเต๋อทำสงครามจนตายไปเกือบเกลี้ยง ดังนั้นแต่ละหมู่บ้านส่วนใหญ่ล้วนมีแต่ผู้หญิงและเด็ก ที่ข้าอยู่นั้นเป็นบ้านของผู้หญิงคนหนึ่ง จุดที่นางจะได้รับความอบอุ่นก็คือกองฟางนั้น เหอเป่ยเดือนสี่ยังคงหนาวมาก ดูผู้หญิงคนนั้นพยายามซุกอยู่ที่อกข้าแล้วข้าก็นึกขำ นางไม่ได้สวยงามทั้งไม่อวบอัดแต่นัยน์ตาสวยมาก ท่านรู้ไหมว่านางเป็นผู้หญิงชนิดที่มองแล้วทำให้ท่านรู้สึกสุขสบาย เกิดความคันในหัวใจอดไม่ได้อยากกอดนางเอาไว้
ข้ากำลังไข้ขึ้นสูง ที่นางเบียดเข้ามาเพราะต้องการความอบอุ่น ข้ามองเห็นหนังหมียังอยู่จึงห่มให้ผู้หญิงคนนั้น ที่ไหนได้พอนางตื่นขึ้นมาก็บอกว่าให้เก็บหนังหมีไว้ขาย จะได้ซื้อเสบียงอาหารกลับมาได้มากๆทุกคนในครอบครัวกำลังรอกินข้าวกัน
ข้าแปลกใจมาก ข้าซีถงอยู่โดดเดี่ยวมาตลอดเวลาไม่เคยมีใครต้องให้เป็นห่วงจะไปมีครอบครัวมาจากไหน พอไข้ลดจึงรู้ว่าขณะที่ข้าสะลึมสะลือนั้นได้ทำพิธีแต่งงานไป เวลานี้ข้ามีภรรยายี่สิบเอ็ดคนกับเด็กอีกแปดคนต้องเลี้ยงดู ที่นางว่ามีครอบครัวใหญ่นั้นไม่ผิดเลยรวมทั้งตัวข้าเป็นสามสิบคน ใช่แล้วทำไมท่านไม่เห็นขำ ข้าบอกคนระหว่างทางว่าข้ามีภรรยายี่สิบเอ็ดคนพวกเขาต่างหัวเราะงอหายกันทั้งนั้น”
“ข้าหัวเราะออกได้อย่างไร เหล่าวีรบุรษทั้งโลกจำได้เพียงฮ่องเต้ใช้ทหารม้าร้อยคนทำลายกองทัพหนึ่งแสนคน แต่ลืมคิดไปว่ามันเป็นชีวิตคนหนึ่งแสนคนนะไม่ใช่หมูหนึ่งแสนตัว”
ฟังซีถงเล่าจบแล้วอวิ๋นเยี่ยไม่ได้นึกบ่นสิ่งที่เกิดขึ้นในพระราชวังวันนี้เลยแม้แต่นิด ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดไปหรอก จัดการได้พอดีไม่นับว่าผิดหลักธรรมดาไป
“หรือว่าในหมู่บ้านมีเจ้าเป็นผู้ชายคนเดียวเท่านั้นหรือ”
“ก็ไม่เชิง มีอีกคนที่ขาขาดไปข้างหนึ่ง เขามีภรรยาสิบคนแต่คาดว่าคงจะขอแต่งใหม่กับข้า อวิ๋นโหว ไม่ก็ไปเหอเป่ยกับข้า ข้าแบ่งให้ท่านสิบคน ให้ท่านเลือกก่อน”
“ข้ายอมดีกว่าไม่มีวาสนาพอ แล้วเจ้าจะยอมรับภรรยาทั้งยี่สิบเอ็ดคนนี้หรือ” อวิ๋นเยี่ยมองซีถง นึกไม่ถึงว่าเขาไม่ปฏิเสธแถมตั้งใจแต่งงานกับผู้หญิงเหล่านี้จริงๆ
“อวิ๋นโหว ท่านดูถูกข้าซีถงเกินไปแล้ว บุญคุณคนแม้น้ำเพียงหยดเดียวยังต้องตอบแทนด้วยธารน้ำ พวกนางเพื่อช่วยชีวิตข้าทำให้ต้องแบ่งอาหารที่มีเพียงน้อยนิดให้ข้ากิน ควรรู้ว่าเดือนสี่เป็นช่วงเวลาที่ขาดแคลนอาหารมากที่สุด เด็กที่เปลือยก้นจ้องมองข้ากินข้าวต้ม ข้าจะแบ่งให้พวกเขากินสักนิด พวกเขาว่าต้องรอบิดาอิ่มก่อนพวกเขาจึงจะได้กิน ก็เพราะคำว่าบิดานี้ อวิ๋นโหว ข้ามีบุตรแล้วแปดคนชายสามหญิงห้า รอให้พวกเขาโตหน่อยส่งมาเรียนหนังสือที่ท่านตรงนี้ เด็กๆไม่เรียนหนังสือคงไม่ไหว ตกลงเลยนะ”
“อาการบาดเจ็บของเจ้าอย่างน้อยต้องรักษาสามเดือน อีกสามเดือนค่อยกลับไปเถอะ ข้าจะเตรียมเสบียงอาหารให้เจ้าเยอะหน่อย” โลกมนุษย์เวลานี้ไม่มีอะไรปกติเลย ซีถงมีภรรยายี่สิบเอ็ดคนสมควรต้องโดนตำหนิติเตียนจึงจะถูก แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ยิ่งมีภรรยามากยิ่งหมายความว่าคนนี้เป็นคนดี นี่มันเป็นโลกอะไรกันแน่นะ
อวิ๋นเยี่ยนึกขึ้นได้กะทันหันถึงคนโบราณเล่าว่าขอทานแคว้นฉียังมีภรรยาสองคน นิทานนี้อาจเป็นจริงก็ได้ อาจารย์กิมย้งเคยอาศัยปากอึ้งเอี๊ยะซือหัวเราะเยาะฝ่ายปัญญาชนว่า มีหรือขอทานที่มีภรรยาสองคน แสดงว่าคำพูดนี้ไม่ถูกต้อง หลังจากสงครามโหดร้ายผ่านไปซีถงก็อุตส่าห์มีภรรยาได้ยี่สิบเอ็ดคน ดังนั้นการที่ขอทานมีภรรยาสองคนจึงไม่นับว่าแปลกอะไร
ซีถงขยับข้อเท้าแล้วพูดว่า “อาจารย์ซุนได้จัดเส้นเอ็นที่ผิดปกติให้แล้ว ข้ารับปากพวกเขาว่าจะต้องกลับไปก่อนหิมะตกครั้งแรก พรุ่งนี้ท่านช่วยเตรียมเสบียงอาหารให้ข้ามากหน่อยกับพวกผ้าต่างๆและหนังที่ให้ความอบอุ่นอีกสักนิด ทั้งสุราอีกถังหนึ่งแล้วข้าก็จะกลับไปแล้ว นี่ก็เดือนเก้าแล้วข้าเกรงว่าผู้หญิงพวกนั้นจะอยู่ไม่รอดถึงตอนหิมะตก”
อวิ๋นเยี่ยน้ำตาซึมผลักประตูเดินออกไป คงเหลือซีถงนั่งหัวเราะหึๆอย่างเหม่อลอยอยู่คนเดียวในห้อง
ผู้ดูแลบ้านเฉียนยืนอยู่หลังประตูร้องไห้จนยืนไม่ติด อวิ๋นเยี่ยหยุดสั่งเหล่าเฉียนว่า “เจ้าจัดการข้าวของสำหรับคนร้อยคน ทั้งเตรียมเงินเหรียญทองแดงให้เขากับเงินปิ่งจื่อด้วย เลือกวัวตัวผู้แข็งแรงให้ลากเกวียนสองตัว วัวตัวเมียห้าตัวกับเตรียมม้าให้อีกสองตัว จัดการให้เรียบร้อย ถ้าอยากร้องไห้ก็ให้ห่างข้าไปหน่อยเห็นแล้วกลุ้มใจ”
ตกดึกนอนไม่หลับ ซินเย่ว์นึกว่าสามีโกรธเรื่องที่ตัวเองใช้อารมณ์ตอนกลางวัน จึงเอาตัวเข้าแนบชิดกระซิบกระซาบขอโทษขอโพย อวิ๋นเยี่ยกอดซินเย่ว์เงียบเชียบ สักพักถามอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “หากข้าแต่งภรรยาอีกยี่สิบคนจะเป็นอย่างไร”
ซินเย่ว์สดุ้งโหยงตัวแข็งทื่อ แต่ก็อ่อนลงมาทันทียิ้มพูดว่า “ท่านเป็นโหวเหยีย อยากแต่งเท่าไรก็ต้องแล้วแต่ท่าน ใครจะกล้าขัดขวาง”
“ปากอย่างใจอย่าง เจ้ารู้ไหมว่าที่เหอเป่ยมีแต่คนดีจึงจะมีภรรยาหลายๆคน คนเลวล้วนไม่ชอบผู้หญิง เจ้าว่าแปลกประหลาดไหม”
“ท่านหมายถึงหมู่บ้านแม่หม้าย ทั่วแผ่นดินมีหมู่บ้านแม่หม้ายมากมาย ท่านไม่รู้หรือเมื่อก่อนนี้ที่ฉู่จงก็มี พวกนางขังตัวเองไว้ในลานใหญ่อาศัยทอผ้าไหมเลี้ยงชีพ ได้ยินว่าผู้หญิงที่นั่นจะไม่พบผู้ชายจนตาย”
พอพูดถึงเรื่องเหล่านี้แล้วซินเย่ว์สดใสขึ้นมาทันที ฟุบอยู่บนอกอวิ๋นเยี่ยเล่าเรื่องเอ้อร์โก่วกับหลวนเหนียงอย่างออกรสออกชาติ ถึงแม้เรื่องนี้นางเล่ามาหลายรอบแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมเบื่อที่จะเล่าเลย
อวิ๋นเยี่ยลูบคลำผมของซินเย่ว์ มองผ่านมุ้งบางๆเห็นดวงจันทร์กลมลอยขึ้นมาที่หน้าต่างทอแสงทองทรงกลดนิดๆ พรุ่งนี้อาจมีลมพายุไม่ใช่วันดีที่เหมาะกับการออกเดินทาง
แต่ถึงแม้พรุ่งนี้ไม่ใช่วันดีที่เหมาะกับการออกเดินทาง แต่จะต้องเป็นวันดีที่เหมาะกับการปล้นทรัพย์ เมืองฉางอันทุกแห่งมีแต่แกะตัวอ้วน บ้างก็เมาสุราที่ซีซื่อ บ้างก็ร้องรำทำเพลงในหอนางโลม พออิ่มท้องอิ่มสุราแล้วก็หาความสุขทางโลกีย์ต่อกันอีก ถือเป็นการไขว่คว้าหาความสุขให้แก่ชีวิต
การชี้นำให้พวกผู้บริโภคที่ตาบอดเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของตัวเองหรือ ไม่ได้มีสายตานักลงทุนเลยแม้แต่นิด รู้จักเพียงซื้อบ้านขยายที่ดิน ซื้อพวกเครื่องแก้วเพื่อคงค่าทรัพย์สินตัวเองไม่ดีหรือ
ได้ยินว่าขุมทรัพย์กษัตริย์โซโลมอนมีแต่พวกเครื่องแก้ว ดูพวกนั้นเก็บทรัพย์สินกันมากมาย พวกโลภหาขุมทรัพย์ยุคหลังต่างค้นหากันด้วยความลำบากยากเย็นจนเจอ พอเปิดประตูได้พบว่านอกจากเครื่องแก้วเมื่อพันกว่าปีก่อนแล้วก็ไม่มีของอย่างอื่นอีก กลายเป็นเรื่องตลกใหญ่ที่สุดในโลก
รอให้กองคาราวานจากสถานที่ต่างๆมาชุมนุมที่ฉางอันให้ครบก่อน มหานครที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้จะเปิดการแสดงเรื่องปล้นชิงทรัพย์ที่บ้าคลั่งให้ดู มองดูดวงจันทร์ที่ค่อยๆหายไปจากหน้าต่าง รอยยิ้มของอวิ๋นเยี่ยเปลี่ยนเป็นหวานจ๋อยมากๆ ลากผ้าห่มให้ซินเย่ว์ นางหลับสนิทไปนานแล้ว