เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 2 ความหวังยิ่งใหญ่
“อวิ๋นโหว ในโลกนี้ไม่เพียงมีแค่ทรัพย์สินเงินทองเท่านั้นที่ทำให้จิตใจคนหวั่นไหว ใจของท่านไม่ได้อยู่กับทรัพย์สินเงินทองแล้วทำไมจึงต้องการให้โลกนี้มีแต่กลิ่นเงินเหรียญ ตัดขาดระบบศีลธรรมที่เหล่านักปราชญ์สร้างมาแต่ครั้งบรรพกาล ทำเพื่ออะไรหรือ สัญญาที่ตระกูลอวิ๋นร่างขึ้นมา ข้าพิจารณาไปสิบสองชนิดเห็นว่าล้วนแต่มาจากฝีมือท่าน ภายในนั้นไม่มีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่แม้เพียงน้อยนิด มีแต่ตัวเลขและสัญญาที่เย็นเฉียบแต่ละข้อกำหนดไว้อย่างชัดเจน หากเกิดข้อโต้แย้งไม่ต้องให้ทางการพิจารณาเลยด้วยซ้ำ สามารถตัดสินได้เลยตามข้อกำหนด อวิ๋นโหว ราษฎรต้าถังนิสัยซื่อตรง ดีงาม สู้อุบายท่านไม่ได้ อวิ๋นโหวท่านรู้จักเห็นใจราษฎรช่วยคิดแทนพวกเขาทุกทาง หรือท่านหวังให้คนทั้งหมดมีความคิดและความรู้มากเท่าท่านหรือ
ข้าสาบานต่อฟ้าได้ว่าไม่เคยนึกอะไรเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองของตระกูลอวิ๋นเลย เพียงแต่เกิดความกังวลจึงได้เอ่ยปากในราชสำนัก ข้าเป็นห่วงว่าหากหนังสือสัญญาของท่านแพร่หลายออกมา ความเชื่อถือทุกอย่างในโลกนี้จะสูญหายไปทั้งหมด เวลานี้พวกเราเชื่อถือคำพูดคนอื่นได้ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในโลกนี้เป็นคนดี เชื่อถือคำพูดของราชสำนัก อาจารย์ของท่านเขียนคัมภีร์ซันจื้อจิงขึ้นต้นด้วย เริ่มเป็นคนนั้นเป็นคนดี แต่ทำไมท่านจึงกลับมีทัศนคติว่า เริ่มเป็นคนนั้นเป็นคนเลวเล่า หรือท่านไม่เกรงกลัวแม้แต่ฟ้าดินหรือ
ข้าเห็นกับตาที่สุยราชวงศ์ที่แล้วล่มสลายเห็นซีอ๋องหลี่เจี้ยนเฉิงตาย ในใจไม่มีความคิดอื่นใดคิดเพียงใช้ร่างกายข้าปกป้องดูแลราษฎรที่บริสุทธิ์เหล่านี้ไม่ให้พวกเขาถูกทำร้ายมากจนเกินไป นิสัยของเจ้ามีการหลอกลวงที่รุนแรง ความร่ำรวยเพียงชั่วครู่ชั่วยามนำมาซึ่งความล่มสลายของศีลธรรม ข้าคิดว่าไม่สมควร ดังนั้นจึงได้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา
อวิ๋นโหวตัดสินใจเด็ดขาดทิ้งเงินหมื่นก้วนได้ทันทีโดยไม่ลังเลแม้เพียงนิดเดียว สถานการณ์แปรเปลี่ยนเพียงชั่วคืน กลุ่มขุนนางฝ่ายบุ๋นเป็นเป้าถูกโจมตี ตระกูลอวิ๋นท่านได้โอกาสที่สามารถดิ้นหลุดจากตระกูลอื่นๆที่พัวพัน แผนการยอดเยี่ยมคำนวณยอดเยี่ยม ข้าไม่รู้จริงๆเลยว่าภายใต้ผิวหนังที่หนุ่มแน่นของท่านมีวิญญาณปิศาจเช่นไรอาศัยอยู่
ทุกคนต่างพูดว่าท่านบันดาลโทสะหรือท้อแท้ถอยหนีแต่ข้ารู้ว่าไม่ใช่ การถอยของท่านครั้งนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะมีคลื่นรุนแรงเท่าไรที่โหมกระหน่ำพัดกลับคืน ข้าโง่เขลาเดาไม่ถูก แต่ข้ารู้ว่าการตีคืนของท่านจะทำให้บรรดาขุนนางฝ่ายบุ๋นถูกถล่มจมดินหมดสิทธิ์ที่จะแสดงฝีปากในราชสำนักอีกต่อไป อวิ๋นโหว ท่านเชื่อว่าหากทั้งราชสำนักมีแต่เหล่าศักดินา เป็นเรื่องที่ดีหรือ
ข้าร้องขออวิ๋นโหวขอให้ทำเกษตรอย่างสบายใจเช่นนี้จะได้ไหม โปรดเก็บไฟแค้นและจิตใจเหิมเกริมของท่านเสีย ท่ามกลางฝูงแกะไม่เหมาะสมที่มีสุนัขป่าปรากฏอยู่ด้วย เมื่อครู่นี้ข้ายืนอยู่กลางสายฝนมองดูท่านนำเหล่าน้องสาวทำการเกษตร เกิดความหวังจากก้นบึ้งของหัวใจอยากให้ฉากนี้สามารถรักษาไว้ได้ตลอดไป
ผมของเว่ยเจิงเริ่มเป็นสีดอกเลา เป็นคนที่น่าเคารพนับถือมาก อย่างน้อยจิตใจของเขาบริสุทธิ์ อวิ๋นเยี่ยสามารถรับรู้ได้ คำพูดเหล่านี้เกิดจากอารมณ์ความรู้สึกภายในอย่างแท้จริง ไม่ใช่คำพูดที่สรรแต่งขึ้นมาของบรรดานักพูด
ใครจะรู้ดีมากกว่าตัวเองว่าสภาพการณ์เป็นอย่างไรหลังระบบศีลธรรมล่มสลาย หลังจากที่เจ้าช่วยคนแล้วโดนใส่ความว่าเป็นฆาตกร เมื่อเจ้าเห็นคนชราล้มลงพื้นแล้วไม่กล้าพยุงขึ้นมา เห็นขอทานแล้วไม่สามารถบริจาดได้ กระทั่งว่าเจ้าช่วยเขาจนตัวตายแล้ว ซากศพของตัวเองยังถูกคนเอามาค้ากำไร ท่านจะรับความรู้สึกนี้ได้อย่างไร
คำพูดเว่ยเจิงไร้เหตุผลหรือ ไม่เลย มีเหตุผลมาก อย่างน้อยอวิ๋นเยี่ยก็ไม่อยากเห็นราษฎรต้าถังที่ถูกคลื่นลมทางเศรษฐกิจซัดสาดแล้วกลายเป็นเช่นคนปัจจุบัน ต้าถังไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ที่ใช้ข่มขู่ได้ หากแม้แต่ความกล้าหาญที่ถูกต้องเหล่านี้ยังสูญหายไป แล้วจะให้ชาติสืบทอดต่อไปรุ่นต่อรุ่นเพื่ออะไรกัน
เมื่อวานนี้ยังขำที่ซ่านอิงวุ่นวายกับปัญหา เวลานี้ดูแล้วคำพูดของเว่ยเจิงไม่ผิดเลยแม้แต่นิด ตัวเองคือสุนัขป่าหิวโหยในกลุ่มแกะ โจรชั่วที่ถูกตัดศีรษะทิ้งกลางตลาดยังก่อภัยให้ต้าถังไม่เท่าตัวเอง
เดิมเข้าใจเพียงว่าราษฎรนั้นแค่ให้กินอิ่มนอนอุ่นก็เพียงพอแล้ว ลืมคิดไปว่ามนุษย์มีการเปลี่ยนแปลง ใช้เวลาสามปีฝึกให้ทำความดีแต่เพียงสามชั่วยามก็ฝึกให้เลวได้ ข้ามาเพื่อเพิ่มความสุขสบายให้ต้าถังไม่ใช่มาเพื่อปลูกฝังภัยแฝงต่อไปอีกนับพันปี
เงินทองไม่ได้เป็นของดีนักหรอก ก่วนจ้งสร้างแคว้นฉีให้มั่งคั่งแต่แคว้นฉีหลังหวนกงแล้วไม่ได้ดีขึ้นอีก แม้แต่แคว้นเล็กๆอย่างแคว้นเอี้ยนยังเกือบทำให้ล่มสลายได้ สหพันธ์เวนิสที่มั่งคั่งก็เช่นกัน สุดท้ายแล้วก็ล่มสลายในสายธารอันยาวนานของประวัติศาสตร์
มนุษย์พอรู้หนังสือก็เริ่มกังวล พอฐานะสูงขึ้นเรื่องใช้ความคิดก็มากขึ้น อวิ๋นเยี่ยตกอยู่ในฐานะที่คนยุคปัจจุบันเรียกว่าผู้สร้างกฏเกณฑ์คนหนึ่ง ไม่ใช่คนหัวเดียวกระเทียมลีบชนิดที่อิ่มคนเดียวเท่ากับอิ่มทั้งตระกูล ความเคลื่อนไหวทุกอย่างล้วนมีคนเลียนแบบ ทุกวิธีการที่ใช้ล้วนแต่มีคนชื่นชม โดยเฉพาะพ่อค้าเป็นนักเลียนแบบตัวยง การยืนกรานที่แม้ตายก็ไม่แก้ไขจะไม่มีวันปรากฏท่ามกลางพ่อค้า ต่อให้เจ้ามีวิธีใหม่ที่ทำให้กำไรมากกว่าข้าหนึ่งเหรียญทองแดง พรุ่งนี้ข้าก็จะมีวิธีใหม่ของเจ้า วิธีจดบัญชีของตระกูลอวิ๋นได้แพร่หลายออกไปตามเส้นทางธุรกิจนานแล้ว ได้ยินว่าคนที่มาจากประเทศญี่ปุ่นวอกั๋วก็ใช้วิธีการของตระกูลอวิ๋น ทำให้อวิ๋นเยี่ยมีโมโหไม่น้อย
หากคิดจะร่ำรวยแล้วยังจะให้คนจิตใจใสซื่อ ในโลกนี้มีเรื่องดีเช่นนี้ด้วยหรือ เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมผู้ปกครองชั้นสูงในยุคหลังจึงต้องโฆษณาให้มีทั้งการสร้างเศรษฐกิจกับศีลธรรมจรรยาให้ไปด้วยกันอย่างแข็งขัน เป็นเรื่องที่มีเหตุผลไม่ใช่ทำแบบผักชีโรยหน้า หากศีลธรรมจรรยาล่มสลายต่อให้มีเงินทองมากเท่าไร โลกมนุษย์จะมีแต่เสื่อมถอยไม่ก้าวหน้าอีกต่อไป ผลสุดท้ายมีเพียงอย่างเดียวคือล่มสลายด้วยตัวเอง
ลุกขึ้นมาดึงหญ้าเส้นหนึ่งคาบไว้ในปากไม่มีบุหรี่นี่รู้สึกไม่ไหวเลย เดินวนไปมารอบเพิงเห็นกระถางไม้ขวางทางอยู่จึงเตะทีเดียวกระเด็น ไอ้กระถางชั่วนิ้วเท้าเจ็บถึงใจใบหน้าเจ็บปวดยิ่งนัก
พอเห็นอวิ๋นเยี่ยหงุดหงิดแล้วเว่ยเจิงกลับผ่อนคลายลง อวิ๋นเยี่ยคว้าลูกสนบนโต๊ะค่อยๆแทะ เว่ยเจิงมองตามอวิ๋นเยี่ยราวกับลาที่โม่แป้งหมุนไปรอบๆ เต็มไปด้วยความปลื้มปิติ
เวลานี้สิ่งที่เขากลัดกลุ้มกลายเป็นความกลัดกลุ้มของอวิ๋นเยี่ย สิ่งที่ตัวเองไม่มีปัญญาแก้ไขต้องดูว่าอวิ๋นเยี่ยมีปัญญาแก้ไขหรือไม่ ที่แท้ความกลัดกลุ้มสามารถเปลี่ยนถ่ายกันได้
เผยอวี้นำเด็กสาวที่ทำงานเสร็จกลับบ้านไปแล้ว ราวกับรื่นเริงกันมาก เดินกระโดดโลดเต้นกันกลางสายฝน วันนี้อวิ๋นเยี่ยสั่งคนครัวทำอาหารอร่อยเป็นพิเศษให้พวกเขา
“นี่แทบจะเป็นปัญหาที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย เว่ยกง พวกเรานอกจากเร่งส่งเสริมทางการศึกษาแล้วก็ไม่มีทางอื่นที่จะทำได้ ความยากจนไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่สมควรของยุคทอง ราชวงศ์เราเพิ่งจะเริ่มยุคทอง เป็นไปไม่ได้ที่จะสูญสลายภายใต้คำพูดเพียงไม่กี่คำของพวกท่าน พวกเรามีแต่ต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นจึงจะถูก หากไม่เช่นนั้นจะหนีไม่พ้นที่เกิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง ราษฎรต้องแตกแยกทนทุกข์ยากกันอีก
อย่าพูดเรื่องศีลธรรมจรรยาอู่เต๋อไร้สาระกับข้า การเปลี่ยนแปลงทุกครั้งล้วนมีสาเหตุ เอี่ยนโจวหลอกชาวโลกพันปี หากทำตามที่เขาว่าต้าถังเราก็ไม่สามารถรอดพ้นชะตากรรมล่มสลายเหมือนกัน ข้าไม่เคยเชื่อสวรรค์เชื่อแต่ตัวเอง สวรรค์ไม่มีความมหัศจรรย์อะไรต่อข้าเลย เคยขึ้นฟ้าไปแล้วนอกจากเมฆขาวแล้วก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
เดิมข้าคิดจะเปลี่ยนแปลงสภาพเกษตรกรจากความร่ำรวยที่เพิ่มขึ้น หมู่บ้านตระกูลอวิ๋นเป็นตัวอย่างชัดเจนที่จับต้องได้ การเป็นกึ่งเกษตรกรกึ่งกรรมกรแล้วพวกเขาจะร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เวลานี้ดูแล้วพวกเขายังไม่ได้โดนเงินทองปิดบังสายตายังคงซื่อใสบริสุทธิ์อยู่ ดูจากที่พวกเขาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเห็นได้ว่าจิตใจมนุษย์นั้นยังเป็นทองคำอยู่
ข้าสามารถยกเลิกการแก้แค้นต่อเหล่าขุนนางบุ๋นทั้งหลาย หรือพูดได้ว่าข้าไม่เคยเห็นพวกเขาอยู่ในสายตา ปีที่แล้วภาษีการค้าเป็นสามในสิบส่วนของภาษีทั้งแผ่นดินนี่เป็นความก้าวหน้าที่สูงจัด ท่านไม่ต้องกังวลหรอกทุกๆราชวงศ์ล้วนมีฉากศีลธรรมเสื่อมโทรมอย่างหนีไม่พ้น ไม่เช่นนั้นพวกเราลองอะไรใหม่ๆดูจะดีไหม
ท่านลองคิดดูว่าหากภาษีการค้ายังคงได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นสี่หรือห้าส่วน หลังจากฝ่าบาทบุกเบิกพื้นที่ตะวันตกซีอวี้แล้วข้ากล้าฟันธงได้เลยว่าภาษีการค้าจะเพิ่มขึ้นเป็นแปดในสิบส่วน หากมีปรากฏการณ์เช่นนั้นแล้วเป็นอย่างไร
เกษตรกรอาศัยสวรรค์กินข้าว มีผลผลิตเบาบางทั้งยังโดนภัยธรรมชาติบั่นทอน หลายพันปีนี้พวกเขาเป็นเสาหลักของการจ่ายภาษีให้สังคมพวกเรานี้ คนจนจ่ายภาษีคนร่ำรวยกลับไม่ต้องจ่ายภาษี ผลที่เกิดขึ้นคือคนจนยิ่งยากจนคนรวยยิ่งร่ำรวย ไม่ก่อการกบฏจึงจะแปลก ท่านกับข้าหากถึงวันที่ไม่มีข้าวกินก็จะก่อกบฏด้วย นี่เป็นสัจธรรม
การก่อกบฏที่ไม่มีเกษตรกรร่วมด้วยสมควรเรียกได้เพียงก่อความวุ่นวาย ไม่เคยได้ยินว่ามีการก่อความวุ่นวายที่ปราบไม่ได้ แต่หากวันใดเกษตรกรกบฏแล้วแสดงถึงว่าราชวงศ์นั้นถึงกาลล่มสลาย อะไรหนักอะไรเบาเว่ยกงพอจะรู้ไหม”
เว่ยเจิงคายเม็ดสนออกจากปาก รินน้ำชาจากกาชาบนโต๊ะใส่ถ้วยดื่มแล้วพูดกับอวิ๋นเยี่ยว่า “อวิ๋นโหว ที่ท่านพูดมีเหตุผลมาก ข้าไม่เคยบินขึ้นฟ้าแต่เคยขึ้นยอดเขาสูงพบเมฆหมอก ขณะที่ข้าบำเพ็ญเต๋าก็เคยชอบเดินท่ามกลางเมฆหมอก แม้ที่ท่านพูดอาจมีเหตุผล แต่ที่ท่านบอกว่าภาษีการค้าจะขึ้นสูงถึงแปดส่วนของภาษีแผ่นดินทั้งหมดนั้นมีความเป็นไปได้เช่นนี้หรือ”
อวิ๋นเยี่ยก็คว้าเม็ดสนกำหนึ่ง โยนเม็ดหนึ่งใส่ปากแล้วพูดอย่างคลุมเครือว่า “เดือนหน้าข้าเตรียมงานประมูลไว้งานหนึ่ง เว่ยกง ให้เตรียมเงินทองไว้ งานประมูลนี้จะต้องมีของที่ทำให้ท่านสนใจ ถึงเวลานั้นแล้วจะให้ท่านได้เห็นว่าข้าทำอย่างไรจึงสามารถหากำไรครึ่งหนึ่งของคลังแผ่นดินได้ในเวลาเพียงสิบกว่าวัน แล้วท่านจะได้รู้ว่าเศรษฐีต้าถังความจริงแล้วมีอยู่มากมาย พวกคนหูเหล่านั้นก็มีเงินกันมากมาย”
“อวิ๋นโหวคุยโม้ไปแล้วกระมัง ปีที่แล้วต้าถังเก็บภาษีได้สามล้านหกแสนก้วน ถึงแม้ท่านมีสมญานามว่าเทพเจ้าเงินตรา ข้าก็ยังไม่เชื่อว่าท่านจะหากำไรได้ถึงสองล้านก้วนในเวลาสั้นๆ ต้าถังไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นหรอก”
“เว่ยกง ข้าไม่ท้าพนันกับท่านเพราะท่านมีชื่อเสียงด้านถังแตก ข้าเพียงแค่อยากบอกท่านว่า เหตุผลที่ข้าค้ากำไรเงินมากมายเช่นนี้เพราะต้องการบรรลุเป้าหมายสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ เกษตรกรไม่ต้องจ่ายภาษี หากเกษตรกรแม้แต่ภาษียังไม่ต้องเสียแล้วข้าไม่เชื่อว่าจะมีการก่อกบฏเกิดขึ้นได้อีก”
ลูกสนในมือเว่ยเจิงหล่นกระจายเต็มพื้น มุมปากยังมีเปลือกลูกสนที่ไม่ทันถ่มออก อวิ๋นเยี่ยคาดอยู่แล้วว่าจะเห็นฉากนี้ รินน้ำชาถ้วยหนึ่งบ้วนปาก เพิ่งกินลูกสนที่เสียไปเม็ดหนึ่งขมปากชะมัดยาด
นี่เป็นข้ออ้างเดียวที่อวิ๋นเยี่ยสามารถทำให้จ่างซุนยินยอม คนโง่เง่าก็ยังรู้ว่าเป้าหมายของเกษตรกรไม่ต้องเสียภาษีนั้นเป็นอย่างไร
ทั่วหล้าเสมอภาค ทะเลสงบธารน้ำใส ฮ่องเต้ปราดเปรื่อง โลกในอุดมคติตั้งแต่ครั้งโบราณกาล หากหลี่ซื่อหมินสามารถทำให้เกษตรกรไม่ต้องเสียภาษี เขาจะเป็นฮ่องเต้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์หัวเซี่ย ในโลกนี้ไม่มีใครต้องการล้มตระกูลที่ทำให้เกษตรกรไม่ต้องเสียภาษี ราชวงศ์พันปีจะไม่เพียงแค่การฝันหวานเท่านั้น
นี่คือไพ่ตายที่ทำให้อวิ๋นเยี่ยกล้าหาญชาญชัยเสี่ยงภัยมหันต์ถึงขนาดกล้ามองข้ามขุนนางราชสำนักทั้งปวง เวลานี้มีเพียงภาษีการค้าที่เพียงพอจะทำให้ภาษีของเกษตรกรลดลง การมาถึงของสังคมธุรกิจเต็มรูปแบบจะทำให้เกษตรกรไม่ต้องเสียภาษีไม่ใช่ฝันหวานที่เป็นไปไม่ได้อย่างแท้จริง