เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 28 ค่าตอบแทนของสัญลักษณ์
หยิบเครื่องแก้วหมาป่าที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ออกไปจากโต๊ะ พอปล่อยให้มันตกแตกบนพื้นเป็นชิ้นๆ แล้วก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อ เก็บกวาดเศษของเครื่องแก้วหมาป่าที่กระจัดกระจายอยู่อย่างระมัดระวัง เห็นเศษๆ ที่ไม่สามารถหยิบออกได้ เขาก็ถอนหายใจและใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดอีกที ถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ
ผู้เฒ่าของชาวถู่อวี้หุนเดินขึ้นไปบนเวที เก็บเศษแก้วที่แตกออกเป็นชิ้นๆ มารวมกัน เหมือนอยากจะเอามาติดเข้าด้วยกัน ดวงตาที่ขุ่นหมองเต็มไปด้วยน้ำตา มือของเขาถูกเศษแก้วบาดจนเหลือดออก
เศษแก้วที่โดนเลือดก็กลายเป็นสีแดงฉานทันที ผู้เฒ่าวางเศษแก้วลงบนพื้นและพูดกับอวิ๋นเยี่ยด้วยความสิ้นหวังว่า “เหตุใดเจ้าทำเช่นนี้ สมบัติทั้งหมดของเจ้ามีราคาแค่ร้อยเหรียญ พวกข้าให้ราคาเจ้ามากกว่าเกือบสามร้อยเท่า ทำไมเจ้ายังไม่พอใจ ถึงแม้ว่าที่ชนเผ่าฉ่าวหยวนจะมีวัวและแกะจำนวนมากมาย แต่มันก็ไม่ได้มีอยู่ทุกที่ วัวตัวหนึ่งกว่าจะเติบโตเต็มที่ก็ใช้เวลาราวสองปี ระหว่างนั้นยังต้องเจอกับฤดูหนาวที่โหดร้าย คนเลี้ยงสัตว์ยังต้องไล่ต้อนพวกมันไปหาอาหารท่ามกลางหิมะที่ตกหนักทุกๆ ฤดูหนาว อย่างน้อยก็มีแค่สามส่วนที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
ทุกครั้งที่มีวัวตาย พวกคนเลี้ยงสัตว์ก็ล้วนแต่ทุกข์ทรมานกับความหนาวเย็นและความหิวโหย ว่ากันว่าชาวฮั่นเป็นชนเผ่าที่มีเมตตา เหตุใดเจ้าถึงไม่มีจิตใจสงสารเพื่อนมนุษย์เลยสักนิด วัวหกพันตัวเป็นสมบัติของคนกว่าหมื่นคนในชนเผ่า ถ้าเอาให้เจ้า ก็จะต้องมีคนกว่าหมื่นคนที่ไม่สามารถมีชีวิตรอดจากฤดูหนาวของปีนี้ได้ หรือว่านี่คือจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาของเมืองต้าถัง?”
คำพูดพวกนี้อาจจะทำให้ใครบางคนโศกเศร้าเสียใจ ชาวหูต่างพากันก้มหน้า ถึงขั้นมีคนร้องไห้ แม้แต่พ่อค้าในโรงละครก็รู้สึกเศร้าไปด้วย เงินจำนวนเกือบสองหมื่นเหรียญหายไปในทันที ไม่ใช่มีแค่ชนเผ่าหูเท่านั้นที่เลือดออกในหัวใจ
ดวงตาของหลี่จิ้งก็เต็มไปด้วยน้ำตา เว่ยเจิงแทบจะกระโดดลงไปข้างล่างด้วยความโมโห แม้แต่หลี่เฉิงเฉียนที่นั่งอยู่กับผู้หญิงของตัวเองก็ยังยืนขึ้นด้วยความตกใจ ฝางเสวียนหลิงกับตู้หรูฮุ่ยโศกเศร้าเสียใจราวกับพ่อแม่ของตัวเองตาย ถังเจี่ยนหน้าซีด เซียวอวี่ตัวสั่นไปหมด
จั่งซุนโมโหจนเส้นเลือดสีฟ้าที่คอโผล่ออกมา ถ้าไม่ได้อยู่ในโรงละคร เขาจะต้องเฆี่ยนอวิ๋นเยี่ยอย่างน้อยสักสามสิบทีแน่นอน ไม่ใช่สิ ห้าสิบที ทุบค้อนทีหนึ่งวัวหนึ่งพันตัวไม่เหลือแล้ว นี่มันไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้แล้ว นี่มันกบฏ
หลี่ซื่อหมินมองดูปฏิกิริยาของผู้คนด้านล่างด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมาและพูดกับจั่งซุนว่า “เราเหนื่อยแล้ว จะพักสักหน่อย อวิ๋นเยี่ยขายหมาป่าเสร็จแล้วค่อยเรียกข้า” พูดเสร็จ เขาก็เอนตัวลงบนเก้าอี้แล้วหลับตา
อวิ๋นเยี่ยทำอะไรไม่ถูก ทำไมคนพวกนี้ถึงไม่เข้าใจหลักการที่ว่าของหายากคือของมีค่า คนรุ่นหลังที่ขายเครื่องลายคราม ถ้ามีขวดที่เหมือนกันสองขวด ปกติก็ต้องทุบแตกอันหนึ่ง แล้วขึ้นราคาอันที่เหลืออยู่เป็นสามสี่เท่า ถึงขั้นขึ้นราคาเป็นสิบเท่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทำไมพอเป็นพวกเขา ทุกคนก็กลายเป็นคนโง่เขลา กว่าข้าจะมีโอกาสแบบนี้ ปล่อยให้หลุดมือไปคงเป็นเรื่องที่โง่เขลา
“ตั้งแต่สมัยโบราณพวกคนเลี้ยงสัตว์ต่างก็อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ล่อแหลม สู้กับท้องฟ้า สู้กับพื้นดิน สู้กับคน แล้วยังต้องมาเจอกับภัยพิบัติต่างๆ รวมทั้งโรคระบาดของวัวและแกะ ภัยแล้งและภัยพิบัติปีแล้วปีเล่า
ข้าอาศัยอยู่ในแดนฉ่าวหยวนมานานกว่าครึ่งปี ทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง ยุงและแมลงวันในฤดูร้อน ความหนาวเย็นในฤดูหนาว ล้วนทำให้ข้าต้องทนทรมาน ข้าเห็นศพที่ถูกแช่แข็งใต้หิมะ แล้วก็เห็นศีรษะของคนตายที่ถูกเตะอย่างกับลูกบอล ภายใต้ความหิวและเหน็บหนาว คนเลี้ยงสัตว์พวกนั้นกอดตัวรวมกันเพื่อความอบอุ่น เอาแก่ที่สุดอยู่วงนอก กอดพวกเล็กๆ ไว้ข้างใน พวกคนแก่ที่อยู่ข้างนอกต้องร้องโหยหวนเพื่อต้านทานกับความหนาวเย็น คิดเช่นนี้ หัวใจของข้าก็แทบจะแตกสลาย”
ใครก็ตามที่ได้เห็นเรื่องราวที่น่าเศร้าเช่นนี้ก็ต้องเกิดความสงสารกันทั้งนั้น ชาวต้าถังล้วนแต่เป็นคนที่มีจิตใจเมตตา ได้ยินที่อวิ๋นเยี่ยเล่า ตัวเองยังรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว ชนเผ่าหูพวกนั้นก็ยิ่งรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ชนเผ่าหูที่อยู่ในโรงละครก็ต่างพากันร้องไห้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเข้มแข็งหรือไม่เข้มแข็ง กอดกันไว้ถึงจะรู้สึกสบายใจ
ผู้เฒ่าที่ร้องไห้อยู่ก็เงยหน้าขึ้นและพูดกับอวิ๋นเยี่ยว่า “เครื่องแก้วหมาป่าที่เหลืออยู่ ข้าเอาวัวสี่พันตัวมาแลกได้ไหม”
อวิ๋นเยี่ยก็กำลังร้องไห้ นึกถึงประสบการณ์ในแดนฉ่าวหยวนที่ตัวเองเคยเจอ ได้ยินคำที่ผู้เฒ่าเสนอมา เขาก็เช็ดน้ำตาและพูดว่า “ไม่ได้ น้อยกว่าเจ็ดพันตัวไม่ขาย” พูดเสียงไม่ดัง แต่กลับหนักแน่นผิดปกติ
อวี้ฉือกงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ มองไปที่อวิ๋นเยี่ยราวกับเห็นผี จับเฉิงเหย่าจินที่กำลังตกตะลึงและถามว่า “เจ้าไปนรกมา? เหตุใดถึงได้พาปีศาจร้ายเช่นนี้มาที่โลกมนุษย์”
เหล่าเฉิงส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็ตบที่เหล่าหนิวแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นคนสอนเขา? ในบรรดาพี่น้องก็มีแต่เจ้าเท่านั้นที่โหดร้ายเช่นนี้”
หนิวจิ้นต๋าผลักเฉิงเหยาจินออกไปอย่างหงุดหงิดและพูดว่า “ข้าฆ่าคนไม่ใช่ปัญหา แต่จะให้ข้าร้องไห้ไปด้วยฆ่าคนไปด้วย ข้าก็ทำไม่ได้”
หลี่จิ้งมองไปที่อวิ๋นเยี่ยที่กำลังร้องไห้ จากนั้นก็มองไปยังผู้เฒ่าที่กำลังอึ้งจนพูดไม่ออก จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำไปเมื่อสักครู่มันไร้ประโยชน์ เมื่อกี้ยังคิดอยู่ว่าจะจัดการกับพวกชนเผ่าหูอย่างไร ตอนนี้เห็นว่า เมื่อพวกเขาต้องกลับไปที่แดนฉ่าวหยวน มีแค่กางเกงใส่ ก็คือคำอวยพรจากเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา
รัชทายาทกับคู่หมั้นของตัวเองที่ยืนอยู่บนเวที ก็เริ่มที่จะขุ่นเคือง ตระกูลซูถามรัชทายาทด้วยความเป็นห่วงว่า “นี่คือเพื่อนสนิทของเจ้า?”
หลี่เฉิงเฉียนพยักหน้าและยิ้มอย่างมีความสุข เขาหันไปรอบๆ บนเวที จากนั้นก็ดึงคนตระกูลซูเข้ามาจูบ ไม่รอให้คนตระกูลซูมีปฏิกิริยาอะไร ก็เอามือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปจับหน้าอก
จั่งซุนขาอ่อนจนนั่งลงไปบนตักของหลี่ซื่อหมิน ใช้มือปิดหน้าโดยไม่พูดอะไร นางสาบานว่าอวิ๋นเยี่ยเป็นผู้ชายที่เลวที่สุดเท่าที่นางเคยเจอมา หน้าด้านและไร้ยางอายที่สุด เมื่อก่อนทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีกับเขานิดหน่อยตัวเองก็รู้สึกผิด แต่ตอนนี้ มันคือความใจอ่อนและโง่เขลาเกินไปของนางเอง
หลี่ซื่อหมินลืมตาขึ้นมาชำเลืองมองไปที่ฮองเฮา ไม่สนใจภรรยาที่นั่งอยู่บนตักของตัวเอง ก้มหน้าและเปลี่ยนเป็นท่านอนที่สบาย เขาวางแผนที่จะดูละครของคืนนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ชาวเซวียเหยียนถัวบางคนโมโหจนอยากจะขึ้นไปต่อยกับอวิ๋นเยี่ยบนเวที แต่กลับถูกพวกทหารของตระกูลอวิ๋นขัดขวางเอาไว้ ซ่านอิงไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับอวิ๋นเยี่ย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร อวิ๋นเยี่ยก็ยกค้อนขึ้นมาอีกครั้ง จะเอาทุบลงไปตรงคอหมาป่า ถ้าผู้เฒ่าและชาวเซวียเหยียนถัวกล้าที่จะไม่เห็นด้วย เขาก็จะทุบลงไปอย่างไม่ลังเล เขารู้อยู่แล้วว่าชาวเติร์กตะวันตกไม่ได้อยากได้วัวแกะของเขา ชนเผ่าอาซือน่าครอบครองดินแดนขนาดใหญ่จากตะวันออกของภูเขาจินไปถึงทะเลตะวันตก วัวและแกะหลายพันตัวของชนเผ่าเซวียเหยียนถัวกับชนเผ่าถู่อวี้หุนไม่เพียงพอตามเงื่อนไขของชาวเติร์กตะวันตกได้ ตอนนี้ชาวเติร์กตะวันตกต่างก็บอกว่าตัวเองเป็นบุตรของพระเจ้าหมาป่า เอาแต่ปราบปรามทุกฝ่าย ถ้าชนเผ่าเซวียเหยียนถัวกับชนเผ่าถู่อวี้หุนคิดที่จะหลบหนีทหารของต้าถัง ไปสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวเติร์กตะวันตกล่ะก็ พวกเขาจะทิ้งเครื่องแก้วหมาป่าตัวนี้ไม่ได้
ผู้เฒ่าหันไปมองที่ชนเผ่าเซวียเหยียนถัวที่กำลังหน้าซีด พวกเขาสบตากัน จากนั้นก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ ผู้เฒ่าทำอะไรไม่ถูก เขาอ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือดและพูดกับอวิ๋นเยี่ยด้วยความยากลำบากว่า “ตกลง”
อวิ๋นเยี่ยที่กำลังร้องไห้ก็ยิ้มขึ้นมาทันที จับไปที่แขนของผู้เฒ่าและพูดว่า “เยี่ยมเลย ตกลงตามนี้ ข้าคิดว่าคงไม่มีใครเสนอราคาที่สูงกว่านี้แล้ว ผู้เฒ่า เงินก้อนนี้คุ้มค่ามาก แค่วัวไม่กี่ตัว ก็สามารถแลกกับสมบัติที่ล้ำค่าเช่นนี้ ท่านดูหมาป่าตัวนี้สิ สง่างามเพียงใด ท่านดูฟันของมัน แหลมคม…
เหอเซ่า! เหอเซ่า! รีบไปเลือกวัวดีๆ มาเจ็ดพันตัว เอาป้ายของข้าออกไปจากเมือง พรุ่งนี้เช้าต้องต้อนวัวพวกนั้นไปที่คอกของเรา เลือกเอาตัวเมียเยอะๆ หน่อย ที่เจ้าเอามาจากฉ่าวหยวนครั้งที่แล้วมีแต่ตัวผู้ เจ้าโดนหลอกแล้ว ครั้งนี้ต้องระวังหน่อย ตัวผู้ตัวเมีย เจ้ารู้จักใช่ไหม”
เจ้าอ้วนเหอเซ่ายิ้มทีก็เห็นแค่ปากกับฟัน เขาคลำหาป้ายของอวิ๋นเยี่ย พยายามลืมตาขึ้นมาเจรจาเรื่องการจ่ายเงินของชนเผ่าเซวียเหยียนถัวกับชนเผ่าถู่อวี้หุน
ผู้เฒ่าที่ถือเครื่องแก้วหมาป่าอยู่ได้ยินที่อวิ๋นเยี่ยพูด เขาก็แทบจะกระอักเลือด เดินลงมาจากบนเวทีทีละก้าว และยื่นหมาป่าตัวนั้นให้กับทูตของชนเผ่าเซวียเหยียนถัว จากนั้นก็ล้มลงไปบนพื้น เขาหวังเพียงว่าเครื่องแก้วหมาป่าตัวนี้จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวเติร์กตะวันตก และต่อสู้เพื่อสันติภาพของชนเผ่าถู่อวี้หุน
ทูตของเกาลี่ยืนมองชาวหูที่โชคร้ายอย่างมีความสุข ตัวเองยืนดูคนอื่นที่กำลังพยายามเอาตัวรอดอยู่บนฝั่ง ช่างมีความสุข มันเป็นแบบนี้นี่เอง หลังจากนี้อีกพันกว่าปีก็คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ชนเผ่าเซวียเหยียนถัวกับชนเผ่าถู่อวี้หุนไปกันหมดแล้ว พวกพ่อค้าที่ยืนอยู่ตลอดก็ถือโอกาสหาที่นั่ง ในฐานะพ่อค้า พวกเขาชื่นชอบการกระทำของอวิ๋นเยี่ย พวกเขาคิดว่าการที่อวิ๋นเยี่ยทำแบบนี้มันไม่ได้ผิดอะไร แสวงหาผลกำไรที่มากที่สุดคือการมีชีวิตอยู่ของพ่อค้า เหตุการณ์ในวันนี้ ทุกคนต่างก็ได้รับผลประโยชน์ รู้สึกว่าการเสียค่าเข้าสามสิบเหรียญนั้นคุ้มค่าจริงๆ
กำจัดไปได้แล้วคนหนึ่งก็มีอีกคนหนึ่งเข้ามาแทนที่ การตามล่าหาสมบัติของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด คนที่มีภาระต่างก็กระตือรือร้นอยากที่จะลองมานานแล้ว สมบัติชิ้นใหญ่พวกนั้นไม่มีพรหมลิขิตกับตัวเอง แต่ชิ้นเล็กๆ พวกนั้น ก็ไม่มีส่วนไหนเป็นของตัวเอง?
การประมูลจะไม่สิ้นสุดลงเพราะการกระอักเลือดของผู้เฒ่า แต่กลับครึกครื้นยิ่งกว่าเดิม ผู้หญิงที่ไปดูการแสดงชุดเสื้อผ้าก็กลับมาด้วยความพอใจ พูดคุยกันว่าเครื่องประดับอันไหนถึงจะเข้ากับชุดใหม่ที่ซื้อมา ในมือของสาวใช้ก็เต็มไปด้วยกล่องเสื้อผ้าเครื่องประดับที่พึ่งเลือกมา โดยเฉพาะปิ่นระย้าและปิ่นปักผมหลากสี ทำให้พวกเขาหลงใหล คนที่รีบร้อนก็เอาเครื่องประดับปักที่หัวแล้วเรียบร้อย ถ้าผู้ชายของพวกนางเห็นสิ่งของพวกนี้ คงจะทุบโต๊ะด้วยความโกรธอย่างแน่นอน ข้าวของของอวิ๋นเยี่ยจะมีราคาถูกได้อย่างไร ไม่เห็นชนเผ่าหูที่ทำการค้าขายเก่งกระอักเลือดไปเมื่อครู่เหรอ
คนรับใช้ขึ้นไปทำความสะอาดบนเวทีอย่างรวดเร็ว เอากะละมังใส่น้ำมาเช็ดเลือดที่กระอักออกมาของผู้เฒ่า ฉีดน้ำหอมบนเวทีสักเล็กน้อย นายท่านของตัวเองเป็นคนรักสะอาด