เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 3 ต่างยินดีด้วยกัน
การคุยน่าเบื่อหน่าย คุยกับเว่ยเจิงยิ่งน่าเบื่อหน่ายมากๆ ไม่กล้าออกจากบ้านเพราะกลัวก้อนหินตกจากท้องฟ้า?หมู่บ้านอวิ๋นถึงอย่างไรก็ต้องร่ำรวย หรือพูดได้เลยว่าหมู่บ้านอวิ๋นเวลานี้เป็นหมู่บ้านที่รวยสุดอยู่แล้ว ฝนตกลงมาเพียงครู่เดียวก็หยุดตกเพียงแต่ยังมืดครึ้มอยู่ หลังเขามีเมฆดำทะมึนที่ต่ำกว่ากำลังโผมา หนีไม่พ้นต้องเจอฝนหนักแน่นอน
ความจนเป็นโรคชนิดหนึ่ง เป็นโรคที่เกิดมาคู่กับราชวงศ์ยุคโบราณ ไม่ว่าจะเป็นยุคทองอย่างไรก็ไม่เคยรักษาโรคนี้หาย พูดให้ถึงแก่นเลยก็คือรับภาระหนักมากเกินไป ไม่ว่าฮ่องเต้ ขุนนาง ศักดินา นักปราชญ์ ล้วนแต่ต้องให้พวกเขาเลี้ยงดู หากไม่มีอะไรมาเลี้ยงดูพวกเขาก็จะดูดเลือด อวิ๋นเยี่ยพยายามหาเป้าดูดเลือดใหม่ให้พวกเขาเช่นพ่อค้ากับคนต่างเผ่าเป็นสองเป้าที่ไม่เลวเลย
เวลานี้ยังบอกเว่ยเจิงไม่ได้ การแสดงออกของเจ้านี่ไม่สู้ตรงกับที่ประวัติศาสตร์บันทึก หากพูดอะไรมากเกินไป ชื่อเสียงที่เป็นสุนัขป่าภายใต้หนังแกะต้องกลายเป็นของแน่นอนไปเลย ไม่อยากเพิ่มสุนัขป่าอวิ๋นเยี่ยต่อจากสุนัขป่าจงซานที่มีชื่อเสียง ปล่อยให้คนก่นด่านับพันปี
เถียนฝูเดินแบกคันไถผ่านพื้นที่ไร่ข้าวโพดที่อวิ๋นเยี่ยปลูกไว้นี้ วางคันไถลงแล้วพิจารณาดูรูปร่างการเจริญเติบโตของข้าวโพด พลิกใบดูด้านล่างไม่พบหนอนจึงตบมืออย่างวางใจแล้วเตรียมตัวจากไป แหงนหน้าเห็นเมฆดำบนเขาจึงเอาจอบที่อวิ๋นเยี่ยวางพิงอยู่ข้างเพิงขุดไม่กี่ทีกลายเป็นทางน้ำเล็กๆแล้วบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “โหวเหยีย ฝนจะตกหนักแล้วในที่นาไม่มีรางระบายน้ำคงไม่ไหว ข้าวโพดแบบนี้ข้าไม่เคยปลูกแต่พืชไร่ล้วนกลัวน้ำท่วม ให้มีรางระบายไว้จะดีกว่า”
“เหล่าเถียน เจ้าปลูกพืชไร่ด้วยวิธีโบราณ เจ้าคอยดูอีกสองปีพวกเราทุกคนต้องปลูกของสิ่งนี้กัน มีมันแล้วพวกเราจะไม่ปลูกข้าวฟ่างอีก กินแล้วติดคอไม่ว่าผลผลิตก็มีนิดเดียวเท่านั้นเสียงานเสียคนได้ไม่คุ้มเสีย ตอนนี้ปลูกพ่อพันธุ์ไว้ก่อน เจ้าต้องช่วยหน่อยข้าปลูกพืชไร่ไม่เป็น เว่ยกงมาข้าเลยแค่แกล้งทำท่าทำทางเท่านั้น”
ชาวหมู่บ้านตระกูลอวิ๋นคุยกับอวิ๋นเยี่ยได้ตามสบาย เขาเองก็ชอบวิธีการเช่นนี้ เห็นๆอยู่ว่ายืนคุยกันได้สบายๆกลับต้องให้เอวทรุดลงไปทั้งท่อนเหลวไหลสิ้นดี การพูดด้วยท่าทางเช่นนั้นนอกจากเหนื่อยแล้วยังไม่ได้ยินเรื่องจริงอีก
เถียนฝูราวกับไม่เห็นเว่ยเจิงเท้าเปล่านั่งยองๆบนคันนาดูข้าวโพดอย่างทนุถนอมเต็มทน ใบสีเขียวอ่อนวาดผ่านผิวที่หยาบกร้าน เต็มไปด้วยความหวังต่อพืชไร่ชนิดใหม่นี้อย่างเต็มที่ ตระกูลอวิ๋นแจกมันฝรั่งหลายลูกให้ชาวหมู่บ้านทุกครัวเรือน ทุกคนต่างเก็บไว้ในห้องใต้ดินราวกับเป็นของวิเศษ ปีนี้เลือกที่นาที่ดีที่สุดปลูกมันฝรั่งนี้ อีกสองเดือนก็โตแล้ว ได้ยินว่าที่หนึ่งหมู่มีผลผลิตหลายสิบหาบ เพื่อไม่ให้มันฝรั่งถูกคนขโมยไป ทหารคุ้มกันกับชาวหมู่บ้านผลัดกันเฝ้ายามกลางคืน หากมีใครกล้าขโมยให้ตีตายได้
“โหวเหยีย ได้ยินคนแก่ในหมู่บ้านบอกว่า ข้าวโพดก็มีผลผลิตหลายสิบหาบต่อหนึ่งหมู่? พืชไร่นี้โตราวกับต้นไม้เล็กๆ ต้องมีผลผลิตมากแน่ๆ”
“มั่วแล้ว มันฝรั่งเป็นทั้งผักทั้งอาหารหลักมีผลผลิตสูงหน่อยนั้นไม่แปลก ข้าวโพดเป็นอาหารหลักแท้ๆข้าประเมินว่าได้ห้าหกหาบต่อหนึ่งหมู่ก็นับว่าดีมากแล้ว ได้ยินว่ามีผลผลิตสิบหาบด้วยแต่ไม่รู้ว่าต้องปลูกอย่างไร ข้าทำไม่ได้ แต่ได้ห้าหกหาบก็คุ้มกว่าข้าวสาลีแล้วน่าจะพอใจ ปีหน้าแบ่งให้ทุกครัวเรือนปลูกกันเช่นนี้แหละ ส่วนต้องปลูกอย่างไรจึงจะดีที่สุดให้พวกเจ้าคลำหาวิธีกันเอง มาถามข้าที่ทำนาไม่เป็นคงไม่ได้เรื่อง”
การคุยของชาวหมู่บ้านก็เป็นเช่นนี้เองพอถามกันรู้เรื่องแล้วก็หมดเรื่องคุยกัน เถียนฝูแบกคันไถบอกลาอวิ๋นเยี่ย แล้วเดินสาวเท้ายาวกลับบ้าน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้สนใจเว่ยเจิงเลยแม้แต่นิด
เว่ยเจิงนั่งอยู่ที่นั่นฟังอวิ๋นเยี่ยคุยกับชาวหมู่บ้าน มองเห็นเมฆดำปกคลุมก็ไม่รีบร้อน ยิ้มรอให้พวกเขาคุยกันเสร็จ ตัวเองวิ่งไปไร่ข้าวโพดพิจารณาข้าวโพดอีกแล้วหันถามอวิ๋นเยี่ยว่า “อวิ๋นโหวมีของวิเศษเช่นนี้ทำไมไม่ถวายให้ราชสำนัก”
“ไม่ต้องเลย ถวายมันฝรั่งได้ศักดินาเล็กๆมา จนพวกเจ้าอยากกลืนข้าลงไปทั้งเป็น มันฝรั่งร่วมสี่ปีแล้วนอกจากพวกผู้ยิ่งใหญ่ไม่กี่คนที่อื่นยังไม่เคยได้เห็น หากรอพวกท่านเผยแพร่ข้ายังไม่รู้เมื่อไรจึงจะได้กินอาหารดังอย่างสเต็กเนื้อวัวมันฝรั่ง ให้ข้าทำเองดีกว่า รอให้มีผลผลิตเยอะๆแล้วค่อยส่งให้ฝ่าบาทก็เหมือนกัน เตือนพวกท่านไว้ก่อนว่าของสองอย่างนี้ห้ามออกจากแผ่นดินต้าถัง ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าข้าจะทำอะไรดีๆให้ราชสำนักอีก จะบอกท่านให้ นาข้าวปีละสามรอบปีหน้าจะต้องทำให้เห็นได้ ถึงเวลานั้นแผ่นดินหลิ่งหนานที่พวกท่านดูถูกดูแคลนก็จะเป็นแผ่นดินแห่งพืชพรรณธัญญาหาร เป็นเพราะท่านเหล่าเว่ยข้าจึงบอก ถ้าเป็นคนอื่นข้าไม่สนใจหรอก
บางเรื่องต้องบอกให้เว่ยเจิงเข้าใจ ความเข้าใจระหว่างกันเป็นเรื่องใหญ่ ความเข้าใจผิดมากมายเกิดจากความไม่เข้าใจกัน ในสายตาของเขาอวิ๋นเยี่ยเป็นคนที่ชอบทำเงินอย่างบ้าระห่ำ ควรจะต้องให้เขารู้ถึงสิ่งที่ตัวเองเตรียมการไว้บ้าง
“เมื่อครั้งเจินกวนปีที่สอง ทั้งราชสำนักต่างพูดกันว่าเฝิงอั้งก่อกบฏ มีเพียงข้าที่คัดค้านคนอื่นพูดแก้แทนเขา เป็นเช่นนั้นจริง ไม่ถึงสองเดือนเขาส่งบุตรชายเข้าราชสำนักให้เห็นความจริงใจ หลิ่งหนานไม่ต้องเกิดการรบพุ่งได้อยู่อย่างสงบ การเคลื่อนไหวใหญ่ของอวิ๋นโหวจะมีผลกระทบไปถึงเฝิงอั้งหรือไม่”
เรื่องพืชผลเกษตรเว่ยเจิงไม่กล้าพูดมาก มันฝรั่งโดนฮ่องเต้เก็บซ่อนไว้จั่งซุนซ่อนไว้อย่างมิดชิดแม้แต่รัชทายาทก็อาจยังไม่รู้ ผู้หญิงมักชอบซ่อนของดีๆที่ตัวเองชอบไว้จั่งซุนก็ไม่ได้ยกเว้น วันนี้กว่าจะได้เจออวิ๋นเยี่ยก็ไม่ง่ายนักย่อมต้องพูดเข้าใจกันให้ถ่องแท้ ทั้งคู่เดินพลางคุยพลางในถนนเล็กๆริมท้องนา
“เฝิงอั้งเวลานี้คุ้มตัวเองยังยากเขาจะเอาอะไรมาก่อกบฏ ทหารเก่าสามพันคนเข้าหลิ่งหนานรับทรัพย์หากใครกล้าขัดขวางจะถือเป็นศัตรูคู่อาฆาต ข้างหลังยังมีเหล่าศักดินานัยน์ตาแดงที่อิจฉาอีกนับไม่ถ้วน แม้จะเกิดเรื่อง เหล่าเว่ยเชื่อหรือไม่ว่าภายใต้แรงฮึดจากเงินทอง ทหารเก่าเหล่านั้นจะมีขีดความสามารถในการรบเพิ่มขึ้นสิบเท่า แต่ละคนมีอาวุธยุทโธปกรณ์พรั่งพร้อมดีเยี่ยมจนข้าเองยังอิจฉา อาจารย์ซุนเตรียมยาทั้งป้องกันมาเลเรียป้องกันยุงให้ไปด้วย เป็นชุดที่ไร้เทียมทานท่านไม่ต้องกังวล ครอบครัวของหงเฉิงกับพวกทหารเก่าต่างอยู่ที่ฉางอันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะก่อกบฏ แต่ละคนเพียงไปหลิ่งหนานหารายรับกันจนพอใจแล้วก็กลับมาเสวยสุขให้เต็มที่ จากนั้นเราก็ส่งสุนัขป่าตาแดงหิวโซไปอีก ไปๆมาๆสักสี่ห้าเที่ยว ไม่แน่ว่าเฝิงอั้งเองอาจต้องวิ่งกลับฉางอันมาลี้ภัยด้วยซ้ำ”
“การใช้ผลประโยชน์หลอกล่อ โดยเฉพาะผลประโยชน์สูงหลอกล่อแล้วดูอวิ๋นโหวช่ำชองนัก ได้ยินว่าท่านให้พวกเขาคนละสามร้อยก้วน เพื่อเงินสามร้อยก้วนข้ายังฆ่าคนได้ด้วยซ้ำไม่ต้องพูดถึงพวกเขา ส่งไปสี่ห้าชุดหลิ่งหนานจะต้องกลายเป็นขุมนรกบนโลกนี้อย่างแน่นอน”
“มีผลประโยชน์สามในสิบส่วนคนย่อมหวั่นไหว หากมีถึงสิบส่วนคนรับผลประโยชน์ย่อมไม่สนใจกฎหมาย หากได้ผลประโยชน์สามเท่าตัวการฆ่าคนยังจะห่วงอะไรอีก พูดไปแล้วหลิ่งหนานไม่เคยเป็นของราชสำนักอย่างแท้จริง หากไม่ใช้กำลังแล้วจะควบคุมได้อย่างไร เหล่านักรบไปแดนไกลได้ทรัพย์สินจากถิ่นต่างเผ่ามีอะไรไม่สมควรหรือ ดีกว่าปล่อยไว้เป็นภัยราษฎรในถิ่นจงหยวน”
ความจริงแล้วเว่ยเจิงก็ไม่ได้เป็นคนดีสักเท่าไร พออวิ๋นเยี่ยแบไต๋ออกมาก็เริ่มคุยผลประโยชน์ทันที สภาพมนุษย์สูงส่งที่ห่วงกังวลบ้านเมืองราษฎรเมื่อครู่นี้หายไปหมดเกลี้ยง คิดๆดูแล้วก็ใช่ ประวัติศาสตร์บันทึกว่าเขาเป็นคนเสนอให้ใช้กำลังกับคนต่างเผ่า เขาไม่ได้เห็นคนต่างเผ่าเป็นคนด้วยซ้ำ ขอเพียงไม่มีภัยต่อราษฎรตัวเอง เขาไม่สนใจว่าเงินนั้นเปื้อนเลือดมากน้อยแค่ไหน
การเจรจาราบรื่นมาก เว่ยเจิงได้รับคำมั่นจากอวิ๋นเยี่ยว่าจะไม่เล่นงานขุนนางฝ่ายบุ๋นทั้งไม่ทำให้เหล่าพ่อค้าเดือดร้อนแล้ว ก็ต่างกำมือร่ำลากันที่ปากทางก่อนที่ฝนหนักจะมาถึง ดูคล้ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน
อวิ๋นเยี่ยยืนกลางสายฝนที่ตกหนักโดยเหล่าจวงกางร่มให้ ยืนบนเนินเขาเห็นภาพเว่ยเจิงไกลๆที่มัวซัวคลุมเสื้อฝนเดินไปอย่างรวดเร็วทั้งยิ้มอย่างดูเลือดเย็น เหล่าจวงเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นโหวเหยียที่ตัวเองเคารพมีรอยยิ้มที่น่ากลัวเช่นนี้จริงๆ อดไม่ได้ที่เศร้าใจแทนเว่ยเจิงที่จากไป แหย่ใครไม่ว่ามาแหย่โหวเหยีย โหวเหยียเป็นคนที่เจ้าแหย่ไหวหรือ ฝ่าบาทอัดโหวเหยียไปแล้ว ยังกินปลาหลีฮื้อที่อร่อยไปมื้อหนึ่ง เจ้านับว่าเป็นอะไรหรือจึงกล้าทำ
นั่งหงอยอยู่คนเดียวในห้องหนังสือ สือสือโดนเสี่ยวอู่ลากไปกับเสี่ยวยาสามคนหลบอยู่ในห้องคุยกันไม่จบ ท่านอากับพี่สาวต่างโดนท่านย่าเอาไปหมดแต่รำคาญพวกเด็กเสียงดังจึงไม่เอาไปเลย หากไม่ใช่อี้เหนียงยังอยู่อวี๋นเยี่ยก็อยากหนีไปแล้ว
ไม่รู้อี้เหนียงมัวแต่พลอดรักจนลืมเตรียมอาหารให้อวิ๋นเยี่ยหรืออย่างไร งานแต่งงานของรุ่นเหนียงก็แน่นอนแล้วคือฉินเหล่าเอ้อร์ เวลานี้กำลังปักชุดแต่งงาน เริ่มมีแววสาวผู้ดีบ้างแล้ว ไม่กี่วันก่อนฟุบอยู่ที่หลังอวิ๋นเยี่ยออเซาะอยากรู้ว่าตัวเองมีสมบัติแต่งงานมากน้อยแค่ไหน โดนอวิ๋นเยี่ยด่าไปชุดใหญ่ ยังไม่ทันแต่งออกไปก็ห่วงแต่เรื่องที่จะขนสมบัติออกไปจากบ้าน ไม่มีสมบัติให้หรอก อย่างมากก็ให้เอาหมูอ้วนของเสี่ยวยาไปด้วย เบื่อหมูอ้วนตัวนั้นมากแล้ว
อวิ๋นเยี่ยกินข้าวพลางฟังเสียงรุ่นเหนียงร้องไห้พลางว่าไม่มีใครรักนาง ปิดหน้าพักใหญ่เห็นพี่ชายไม่ได้ใส่ใจจึงวางมือลง จริงดังนั้นไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว กระทืบเท้าแล้วก็วิ่งออกไปด้วยความแค้น
วันก่อนยังมีรุ่นเหนียงมาส่งข้าว วันนี้แม้แต่รุ่นเหนียงก็ไม่มา ช่างเป็นโหวเหยียที่น่าขายหน้ามาก กำลังลังเลว่าจะเรียกสาวใช้ให้ไปเอาข้าวที่ห้องครัว ยังดีที่ต้ายาผลักประตูเข้ามาแล้ววางอาหารหลายอย่างในกล่องข้าวไว้บนโต๊ะ ชามใหญ่ใส่เนื้อแพะเมี่ยนเพี่ยนแผ่นบางใส่พริก น้ำส้ม อร่อยแน่นอน สุรากาเล็ก กับแกล้มสองอย่างหนึ่งชอหนึ่งเจเข้ากันได้อย่างดี ห่างไกลจากอาหารฝีมือหยาบๆของรุ่นเหนียงที่จะเทียบเคียงได้
ชมเชยต้ายาอย่างแรงไปหลายคำแล้วยกชามใหญ่ขึ้นมากิน อาหารของเด็กคนนี้ยิ่งทำยิ่งดี ของดีเช่นนี้ต้องเก็บไว้อีกหลายปี ส่วนซ่านอิงช่างเขาปะไร สุนัขเห็นเครื่องบิน ฝันไปแล้ว ไส้หมูพวงเดียวเอามาเป็นของหมั้นแล้วจะแต่งต้ายาไป คิดได้อย่างไรกัน
เด็กคนนี้เงียบเกินเหตุ รับความแค้นเคืองแค่ไหนก็ไม่พูด ของขวัญที่ตัวเองให้นางไปยังโดนเสี่ยวยาหลอกเอาไป เปิดกล่องเครื่องประดับมีแต่ความว่างเปล่า ทั้งตัวดูเหมือนลูกนกที่พร้อมตกใจกลัว พอมีเรื่องก็วิ่งมาหลบข้างตัวอวิ๋นเยี่ย ราวกับว่าพี่ชายสามารถปิดกั้นลมฝนได้ทั้งหมด สามีของนางจะต้องเป็นลูกผู้ชายที่แข็งแกร่งไม่เช่นนั้นจะรับลมฝนภายนอกไม่ไหว ดูไปดูมาคนข้างตัวที่รู้จักก็มีแต่ซ่านอิงเหมาะสม เจ้าเบื๊อกที่พูดคำไหนคำนั้นหากทิ้งนิสัยเสี่ยงหม่าได้จะเป็นคนที่เหมาะสมมากที่สุด
เห็นพี่ชายกินๆแล้วหยุดไปยังเข้าใจว่าอาหารที่ตัวเองทำไม่ถูกปาก ต้ายาดันจานเนื้อแพะไปที่หน้าอวิ๋นเยี่ยอีก จึงคีบเนื้อแพะยัดเข้าปากแล้วคิดต่อ
ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะมีเป้าหมายอะไรใหญ่โต ข้าจะสร้างน้องเขยที่สมบูรณ์แบบ ลำบากมาตั้งแต่เล็กยังต้องรับความคับแค้นต่อจะถูกต้องหรือ ซ่านอิง เจ้ารอการสั่งสอนก่อน เพิ่งจะเริ่มเวลานี้เอง เด็กหนุ่มดีๆที่ทั้งวันคิดเป็นแต่เรื่องปล้นชาวบ้านต้องให้การศึกษาดีๆ
คิดตกแล้วอารมณ์ดีขึ้น อารมณ์ดีก็เจริญอาหาร แผ่นหมี่เมี่ยนเพี่ยนชามใหญ่ลงท้องไป หน้าตาสดใสขึ้นมาทันที หันไปเห็นต้ายาทำท่าจะพูดแต่ไม่พูดแล้วก็สงสัย เด็กคนนี้ไม่เคยเรื่องมาก ไม่เคยเอ่ยปากอยากได้ของ ยากที่จะอ้าปาก ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ต้องตกลง
“ต้ายา มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ชายดีๆ อยากได้ปิ่นปักผม หรือกำไล ผ้าลายดอกของตลาดตะวันตกหากต้องการพี่ชายจะพาเจ้าไปซื้อกลับมา”