เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 5 ร้านค้าเงิน (ส่วนแรก)
ผ่านไปแล้วสองเดือนฉางอันยังคงซบเซา ตลาดตะวันตกนอกจากมีเสียงเร่ขายของสาวหูจีที่พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ได้ยินสำเนียงท้องถิ่นเหนือใต้ที่ไหนมาแทรกอีกเลย คนเดินตลาดก็น้อยลงไปมากมาย มองดูสินค้าที่ตุนจนเป็นภูเขาเลากา ทั้งกองคาราวานอูฐที่มากันไม่ขาดสาย พ่อค้าหูไม่เหลือรอยยิ้มที่เคยติดอยู่บนใบหน้า เสื้อผ้าสาวหูจียิ่งนุ่งยิ่งน้อยลงเอวสะโพกยิ่งสั่นยิ่งรุนแรง แต่น่าเสียดายที่บรรดาตระกูลเศรษฐีศักดินาต่างกวดขันไม่ให้ลูกหลานตัวเองเข้าไปมั่วสุมกันในตลาดหรือซ่องโสเภณี
ตลาดสะดวกซื้อร้านซุปเปอร์เวลานี้อวิ๋นเยี่ยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้ว เหล่าเหอก็ไม่มีส่วนด้วย เขาเดินตามรอยเท้าอวิ๋นเยี่ยเสมอมา พออวิ๋นเยี่ยชักสามในสิบส่วนที่เป็นหุ้นของตัวเองออกมา เหล่าเหอแม้แต่คิดยังไม่ต้องคิดก็ชักสองในสิบส่วนที่เป็นหุ้นของตัวเองขายคนอื่นทันที เหล่าศักดินาในฉางอันมีแต่คนถือเงินรอกันอยู่ หุ้นห้าในสิบส่วนนี้ถูกแตกจนละเอียดกลายเป็นแต่ละครึ่งของหนึ่งในสิบส่วน ดังนั้นจึงขายได้ราคาสูงขึ้นมาก ทุกคนต่างอยากให้ลูกหลานมีหนทางได้รับเงินที่ไม่รู้จบ ตลาดสะดวกซื้อย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
มีแต่พวกไม่รักดีจึงไม่ไปซื้อของที่ร้านค้าตัวเอง ในตลาดสะดวกซื้อมีขายทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งระยะทางใกล้สินค้าดีงามไม่ต้องไปซื้อข้างนอก ผู้ถือหุ้นซื้อสินค้าได้รับส่วนลดถูกกว่าซื้อข้างนอกมากมาย เอาสินค้าไปแล้วคิดบัญชีสิ้นเดือนหักออกจากผลกำไร พอถึงวันสิ้นเดือนจะมีเจ้าบ้านหรือฮูหยินรอคนดูแลตลาดสะดวกซื้อเข้าบ้าน แสดงบัญชีละเอียดว่าแต่ละเดือนตัวเองกินใช้ไปแค่ไหนใช้เงินไปเท่าไร ตัดหนทางที่คนดูแลบ้านจะได้รับเบี้ยบ้ายรายทาง มาตรฐานการครองชีพของครอบครัวไม่ได้ลดลงกลับสูงขึ้นไปอีกทั้งค่าใช้จ่ายยังลดลงไปอีกหนึ่งส่วน
หลังจากที่เจ้าบ้านหรือฮูหยินค้นพบประสิทธิผลส่วนนี้แล้ว สิ่งของทุกอย่างที่หาได้ในตลาดสะดวกซื้อจะไม่ให้ไปซื้อที่อื่นเด็ดขาด ผู้จัดการตลาดสะดวกซื้อยังออกแคมเปญส่งรายละเอียดการซื้อของลูกค้ารายใหญ่ หากซื้อของถึงเป้าที่กำหนดพอถึงสิ้นเดือนก็จะส่งบัญชีไปที่ลูกค้ารายใหญ่ เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าลูกค้ารายใหญ่อย่างยิ่ง
หุ้นส่วนใหญ่ของตลาดสะดวกซื้อเป็นผู้หญิงชื่อหมิงเยวี่ย ไม่เคยต้องดูแลงานการอะไรเพียงใช้เวลาห้าวันต่อเดือนในการนั่งรถม้าอ้อมรอบเมืองฉางอัน ดูร้านค้าทั้งหมดที่มีแล้วนำถุงที่ใส่เงินหรือทองในรถม้ากลับวังพร้อมกัน หมายเหตุคือกลับวังพร้อมกัน เวลานี้หากศักดินาคนไหนไม่รู้ว่าหมิงเยวี่ยคือสาวใช้ประจำตัวของฮองเฮาเหนียงเหนียงละก็ จะต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะ
ร้านค้าภายนอกที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันต่างกำลังถดถอย ราคาอาหารตกต่ำจนถึงขีดอันตราย เวลานี้ ฮองเฮาเหนียงเหนียงที่มีใจเมตตายิ่งนัก เพื่อเตรียมเสบียงให้ปีภัยพิบัติ จึงควักเงินในเน่ยฝู่ออกมามหาศาลซื้อเสบียงอาหารทั่วฉางอัน ไม่ว่าข้าวสาลี ถั่ว ข้าวฟ่าง ไม่มีปัญหารับซื้อทั้งหมดในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดหนึ่งในสิบส่วน เหล่าพ่อค้าเสบียงอาหารต่างร้องไห้โฮ ไม่ใช่เพราะอะไร เหนียงเหนียงรับซื้อแต่เสบียงที่มาจากเกษตรกรโดยตรงไม่ต้องการเสบียงจากร้านค้า เกษตรกรที่เคยโดนขูดรีดจากพ่อค้าเสบียงอาหารเวลานี้หาบธัญพืช ขี่เกวียน แม้แต่มองยังไม่มองพ่อค้าธัญพืชต่างขายเสบียงที่เหลือกินของตัวเองให้ฮองเฮาเหนียงเหนียง
ขณะที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงนั่งรถม้าเล็กที่คลุมด้วยแพรบางวนเวียนอยู่ในยุ้งฉาง ฮ่องเต้ก็มีพระราชโองการสั่งให้โจวทั้งหมดทั่วแผ่นดิน นอกจากโจวที่ประสบภัยพิบัติต้องการความช่วยเหลือ โจวที่ไม่ประสบภัยพิบัติทั้งหมดต้องรับซื้อเสบียงอาหารส่วนเกินจากราษฎรในราคาสูงกว่าท้องตลาดหนึ่งในสิบส่วน ห้ามไม่ให้เกษตรกรเสียเปรียบ ส่วนเหล่าพ่อค้า พระราชโองการไม่ได้พูดถึงดังนั้นจึงไม่อยู่ขอบเขตที่หน่วยราชการจะช่วยเหลือ
“เหนียงเหนียง ปีนี้ซื้อเสบียงอาหารมาทั้งหมดหนึ่งล้านเจ็ดแสนสามหมื่นหาบ เสบียงที่เหลือทั้งหมดในกวนจงคงอยู่ที่นี่หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี ถั่วหรือข้าวฟ่าง ล้วนเป็นเสบียงชั้นดีเยี่ยม” ขุนนางดูแลคลังเสบียงถือท่อเหล็กแหลมยาวทิ่มเข้าไปในที่เก็บเสบียง หลังจากดึงออกมาแล้วยื่นให้นางกำนัลให้นางกำนัลส่งต่อให้ฮองเฮาตรวจสอบ
ส่งท่อเหล็กเข้าไปแล้วจ่างซุนเทธัญพืชในท่อเหล็กลงถาดเงิน เกลี่ยแล้วตรวจดูเห็นข้าวสาลีเม็ดอ้วนกลมแห้ง หยิบขึ้นมาลองเคี้ยวดู ดีมาก ไม่ขึ้นรา ไม่มีกลิ่นแปลกปลอม เป็นเสบียงที่ดีจริงๆ
จั่งซุนลุกขึ้นมายืนแหวกม่านออก มองดูคลังเสบียงที่แน่นไปด้วยเสบียงอาหาร เหม่อลอยเล็กน้อย นางไม่เคยนึกฝันว่าอาศัยเพียงเงินในเน่ยฝู่ ก็สามารถรับซื้อเสบียงที่เหลือทั้งหมดของกวนจง ในบ้านมีเสบียงไม่อะไรต้องกังวล เหล่าราษฎรไม่ได้เสียเปรียบ คนอื่นจะเป็นจะตายในความสั่นคลอนครั้งใหญ่นี้ใครจะไปสนใจ ดื่มเลือดราษฎรมานานปีขนาดนี้แล้วไม่ถ่มออกมาบ้างจะได้อย่างไร
ต้าถังยังคงมีรูปแบบการปกครองคล้ายตระกูลใหญ่ที่มีระบบเลี้ยงตัวเองที่ใหญ่โตมโหฬาร อาวุธยุทโธปกรณ์มีจวิงชี่เจี้ยนดูแล เรือและสะพานมีเจียงจั้วเจี้ยนดูแล เพียงแค่มีเงินมีเสบียงพร้อมก็จะไม่เกิดเรื่องใหญ่โตทั่วหล้า
อวิ๋นเยี่ยบอกว่าจะต้องล้างไพ่ใหม่ ไม่เข้าใจว่าล้างไพ่หมายความว่าอะไร อย่างไรก็ตามก็คือต้องการปรับปรุงกลุ่มพ่อค้าธุรกิจใหม่ ขับไล่อิทธิพลกลุ่มตระกูลใหญ่ออกไปจากกลุ่มพ่อค้าธุรกิจ กลุ่มตระกูลใหญ่ดูออกเลยว่าเบื่อหน่ายตัวเองกับอวิ๋นเยี่ยพอๆกัน
จนถึงสิ้นเดือนเก้า กลุ่มพ่อค้าธุรกิจฉางอันที่ใกล้จะแขวนคอตายได้ดีอกดีใจกันขึ้นมา พวกตระกูลใหญ่ที่พวกตัวเองเคยอาศัยพักพิงเริ่มถอยร่นถอนหุ้นออกไป ถอนกันจนเกลี้ยง บางคนที่หน้าด้านยังตีราคาหุ้นลมเป็นเงินดึงออกไปด้วย
มียอดฝีมือคนหนึ่งชื่อหวงจื้อเอินเปิดร้านที่เรียกว่าร้านค้าเงิน ได้ยินว่ามีเบื้องหลังแข็งแกร่งมากเงินทองมากจนนับไม่ถ้วน เห็นเหล่าพ่อค้าธุรกิจอยู่ด้วยความหวาดผวาแล้วทนดูพวกเขาล่มสลายจนบ้านแตกสาแหรกขาดไม่ได้ ตัดสินใจเอาเงินตัวเองให้เหล่าพ่อค้าธุรกิจกู้ยืมเพื่อใช้หมุนเวียน ขอเพียงพ่อค้าธุรกิจมีความต้องการต่างสามารถนำสิ่งของไปจำนำ ให้มาเป็นเงินสดไม่มีการชักช้าไม่ถ่วงเวลา ได้ยินว่าดอกเบี้ยก็ไม่สูงด้วย มีเรื่องดีเช่นนี้? คงไม่ใช่เป็นพวกขี้ฉ้อจอมหลอกลวง
เถ้าแก่เฉาร้านจิ่นเฟิงไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้แล้ว ตระกูลไต้ถอนหุ้นไปแล้วกวาดเงินทุนที่ร้านจิ่นเฟิงต้องนำมาซื้อสินค้าไปจนหมดเกลี้ยง ทั้งยังค้นเงินที่ตระกูลเฉาเก็บสะสมมาหลายปีไปด้วย จนเห็นว่าตระกูลเฉาถูกสูบจนแห้งแล้วจึงรามือ
เวลานี้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจผ้าลินินของร้านจิ่นเฟิงดีเยี่ยมที่สุด ถึงเวลาที่ต้องรับซื้อผ้าลินินแล้วแต่ไม่สามารถเอาเงินจากลิ้นชักออกมาได้ หากไม่สามารถสู้ให้ผ่านพ้นปีนี้ได้ร้านจิ่นเฟิงก็ต้องล้มละลาย บุตรภรรยาตัวเองไม่แน่ว่าต้องโดนทางการตัดสินให้ตกเป็นทาส เวลานี้ขอเพียงให้มีคนลงเงินทุนให้ร้านจิ่นเฟิง ต่อให้เป็นผีร้ายเถ้าแก่เฉาก็ยอมทั้งนั้น
กัดฟันบอกกลุ่มพ่อค้าที่ห้อมล้อมดูอยู่รอบๆว่า “เหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายบ้านเฉาสู้ไม่ไหวแล้ว ต่อให้เป็นด่านนรกข้าเหล่าเฉาก็ต้องลุยเข้าไป ถือว่าไปสำรวจต้นทางให้ทุกคน หากไม่รอดปีนี้ไปก็ไม่มีทางรอดให้ข้าอีกแล้ว”
เหล่าเถ้าแก่ที่ห้อมล้อมต่างค้อมตัวทำความเคารพ มองดูเถ้าแก่เฉาเข้าไปในประตูที่หรูหราโอ่อ่าด้วยใบหน้าที่โศกเศร้าระคนฮึกเหิม เขาทำใจแล้วว่าไม่หวังผลสำเร็จอะไรของร้านจิ่นเฟิง ขอเพียงให้บุตรภรรยาของตัวเองพ้นเคราะห์กรรมครั้งนี้ได้ก็พอใจแล้ว
เพิ่งก้าวเข้าประตูใหญ่ก็มีลูกจ้างชุดสีเขียวเข้ามาต้อนรับนำเขาเข้าไปห้องโถงข้าง มองผ่านหน้าต่างสามารถเห็นในโถงใหญ่มีเคาน์เตอร์มากมาย หลังเคาน์เตอร์ทุกตัวต่างมีพนักงานคนหนึ่ง มีหลายคนที่เป็นคนคุ้นเคย เพียงแต่เวลานี้ต่างสวมชุดเขียวกันหมด นั่งดื่มน้ำชาอยู่หลังเคาน์เตอร์รอให้ลูกค้าเข้ามา บนเคาน์เตอร์มีเส้นลวดขึงขวางหลายเส้น ทั้งยังมีที่หนีบไม้ไผ่หนีบแผ่นกระดาษเอาไว้ไม่รู้ไว้ใช้ทำอะไร บนโต๊ะยังมีของประหลาดอย่างหนึ่งภายในกรอบสี่เหลี่ยมมีเม็ดกลมร้อยเป็นชุดๆแบ่งเป็นช่องบนช่องล่างสองช่องไม่รู้ว่าใช้ทำอะไรเหมือนกัน ความเงียบที่ประหลาดจนทำให้เหล่าเฉาแทบอยากวิ่งหนีออกไป
ลูกจ้างนำน้ำชาสีเขียวอ่อนมาให้เขาดื่มทำให้จิตใจของเขาสงบนิ่งลงมาได้บ้าง นี่เป็นของที่ตระกูลอวิ๋นมีเท่านั้น เขาเคยเห็นเถ้าแก่ลุ่ยหยวนติดต่อกับตระกูลอวิ๋น ได้รับของขวัญจากผู้ดูแลบ้านอวิ๋นท่อนหนึ่งเป็นกระบอกไม้ไผ่ขนาดลำไผ่กว้างหนึ่งนิ้วยาวครึ่งเชียะ ตั้งแต่เหล่าหม่าได้มาเคยวางโชว์ให้ทุกคนได้เห็นครั้งเดียว ให้เพียงดมแต่ไม่ได้ให้ลองดื่ม
ชานี้ไม่เคยขายให้ใคร ได้ยินว่ามอบให้พระราชวัง สถานศึกษากับญาติผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดบ้าง นอกนั้นไม่ต้องหวังว่าจะได้ ร้านลุ่ยหยวนมีบุญวาสนา ตระกูลอวิ๋นร่วมลงทุนร้านเขาหุ้นหนึ่ง ครั้งนี้ตระกูลอวิ๋นก็ถอนหุ้นด้วยแต่ไม่ได้นำเงินไป ให้ทิ้งไว้ที่ร้านเหล่าหม่าอีกสามปีเต็ม ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้
มือของเหล่าเฉาสั่นด้วยความตื่นเต้น หากธุรกิจนี้เป็นของตระกูลอวิ๋นเรื่องก็คงไม่เลวร้ายมากถึงไหน ตระกูลอวิ๋นในฉางอันมีชื่อเสียงเรื่องใจบุญ ถึงแม้โหวเหยียอารมณ์รุนแรงหน่อยแต่ก็เป็นเรื่องปกติของขุนนางใหญ่ที่หนุ่มแน่น แม้มีสมญานามว่าฉางอันสามร้ายแต่ก็ไม่เห็นเคยรังแกใคร แค่เคยอัดคนไม่เข้าท่าสองคนไม่นับว่าเป็นเรื่องอะไร ดูจากสิ่งที่ร้านลุ่ยหยวนประสบมา ชื่อเสียงตระกูลอวิ๋นใจบุญคงเป็นเรื่องจริง
หวงจื้อเอินเดินยิ้มเข้ามาโถงข้างบอกเหล่าเฉาว่า “เหล่าเฉา ถึงแม้เราไม่เคยพบหน้ากัน แต่เคยได้ยินชื่อเสียงร้านจิ่นเฟิงของท่าน ข้าคือหวงจื้อเอินหรือเผิงหยาง ท่านเรียกข้าว่าเหล่าหวงก็ดีแล้ว”
“พี่หวง ข้าหมดหนทางแล้วจริงๆ คลื่นลมครั้งนี้ทำท่าจะท่วมข้าจนมิด ขอให้พี่หวงช่วยเหลือด้วย ข้าจะสำนึกในบุญคุณพี่หวงตลอดแปดชั่วคน”
“ในเมื่อพี่เฉาร้อนใจข้าก็ไม่พูดอ้อมค้อม ในร้านค้าเงินตราแห่งนี้ฐานะของข้ากับท่านเหล่าเฉาเหมือนกันล้วนเป็นผู้จัดการ ท่านนอกจากเป็นผู้จัดการแล้วยังเป็นเถ้าแก่ ข้าเป็นเพียงผู้จัดการเท่านั้น ท่านไม่ต้องถามว่าเป็นเงินตระกูลไหน ข้าบอกได้เพียงว่าเงินทุกเหวินที่นี่ล้วนเป็นเงินบริสุทธิ์ดังนั้นโปรดวางใจได้ หากจะกู้ยืมเงินจะต้องมีของจำนอง ไม่รู้ว่าพี่เฉามีของจำนองหรือไม่”
เถ้าแก่เฉาเป็นคนทำธุรกิจมีหรือที่จะไม่รู้ ในย่ามเตรียมทั้งโฉนดที่ดิน โฉนดบ้านและสัญญาร้านค้า หวังว่าใช้ของเหล่านี้สามารถยืมเงินจำนวนที่เพียงพอได้
มีนักบัญชีเดินมานำเอกสารต่างๆของเหล่าเฉาไปประเมิน เหล่าเฉาตาละห้อยมองทรัพย์สมบัติสุดท้ายของตัวเอง ในใจเฝ้าภาวนาให้ประเมินมากหน่อย โฉนดที่ดินตัวเองอย่างมากได้เพียงแปดร้อยก้วนเขาเองก็รู้อยู่ ความสำเร็จหรือล้มเหลวอยู่ที่ตัวร้านจะประเมินได้เท่าไร เพียงแปดร้อยก้วนยังห่างไกลจากที่ต้องการอีกมาก
เหล่าเฉาดื่มน้ำชาอีกอึกระหว่างการรอคอยที่แสนจะร้อนรน สร้างความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง รสชาติของใบชาเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้เลย เขาเห็นเพียงเอกสารต่างๆของตัวเองเลื่อนไปเลื่อนมาบนเส้นลวดหลายครั้ง จนกระทั่งมีเสียงก๊อกแก๊กรัวอย่างรวดเร็วผ่านไป เอกสารของเขาก็เลื่อนมาที่มือของหวงจื้อเอิน เขาดึงสิ่งที่หนีบไว้ออกมาดูแล้วก็คืนเอกสารให้เถ้าแก่เฉาแล้วถามว่า “สภาพการณ์ของพี่เฉาข้ารู้หมดแล้ว ไม่รู้ว่าท่านคิดจะกู้ยืมเท่าไร”
“ขอบอกความจริงให้พี่หวง ข้าร้อนเงินสดที่จะรับซื้อผ้าลินิน เวลานี้เหลือวันที่จะต้องซื้อผ้าลินินอีกเพียงไม่กี่วัน หากสามารถยืมได้สักสองพันก้วนเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินก็จะดีมาก”