เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 56 มิตรภาพของชาวบ้าน
พวกอาจารย์พากันทำท่าทางเผ็ด ทั้งพูดทั้งหัวเราะ ก่อนจะเตรียมตัวจะกลับบ้าน อวิ๋นเยี่ยไปส่งพวกอาจารย์ด้วยรอยยิ้ม
“อาหารของตระกูลอวิ๋นไม่เลวเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าใส่พริกเยอะไปหน่อย แต่ว่าถูกปากข้าเป็นอย่างมาก พรุ่งนี้ส่งพริกไปที่บ้านข้าหนึ่งคันรถ เป็นเด็กแต่ไม่รู้จักกาลเทศะ ต้องรอให้ผู้ใหญ่เอ่ยปากขอถึงจะให้ ช่างไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย”
“เจ้าเด็กน้อย เห็นแก่วันนี้เจ้ามีเรื่องน่ายินดีข้าจะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง นี่ข้าเห็นแก่หน้าหลานชายที่พึ่งเกิดของข้า คิดดูดีๆ ต่อจากนี้ควรจะทำอะไร มีของดีก็ไม่ควรเก็บซ่อนไว้ เจ้ามักจะมีแผนสำรองไว้ตลอด ขอเพียงข้ามีชีวิตอยู่หนึ่งวัน ก็จะไม่ยอมให้ตระกูลอวิ๋นต้องล่มสลาย”
“เด็กน้อย หากเจ้าไม่มีอะไรทำก็ให้แต่งภรรยาเข้ามาอีกเยอะๆ มีหลานสาวในตระกูลของข้ามากมายอยากจะแต่งเข้าตระกูลอวิ๋น หากชอบลูกสาวข้าก็ส่งซิกมา ข้าจะส่งสินสอดเข้ามาและจัดขบวนส่งเข้าตระกูลอวิ๋นอย่างถูกต้องตามประเพณี คนตระกูลข้าขึ้นชื่อเรื่องการถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี”
ตอนจากไป พวกอาจารย์ทุกคนก็พากันกระซิบกระซาบเรื่องนี้กับอวิ๋นเยี่ยกันทุกคน สุดท้ายเหล่าหนิวก็เดินออกไปจากประตู หากอวิ๋นเยี่ยต้องแต่งภรรยาเข้ามาจริงๆ ป่านนี้คงเต็มบ้านไปหมดแล้ว ยังได้รับคำขอสิ่งของต่างๆ อีก ขอพ่อครัวบ้างก็มี มีคนหน้าไม่อายอยากจะขอเปิดร้านอาหารร่วมกันกับเขาด้วย
“เจ้าเด็กน้อย ครั้งนี้ลำบากเจ้าแล้ว แต่ว่าการถูกหลี่จิ้งวางกับดักถือเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง พวกเราเข้าวังไปปรึกษาเรื่องการรวบรวมเมืองทางด้านตะวันตกกันเถอะ เจ้าเตรียมตัวถูกเลือกใช้ไว้ให้ดี ทั้งเจ้าและเหล่าแม่ทัพก็สำคัญด้วยกันทั้งคู่ หากเหล่าแม่ทัพทำให้เจ้าต้องสูญเสียผลประโยชน์เจ้าก็จะเสียใจ แต่ว่าอย่าได้เก็บความไม่พอใจไว้ รอจัดการเรื่องเมืองทางตะวันตกเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือเจ้าแล้วว่าจะเจาะคลังของพวกคนเถื่อนเหล่านั้นได้อย่างไร เช่นนี้ถึงจะได้แสดงความสามารถของเจ้าได้อย่างชัดเจน อย่างมากข้าก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เจ้าแล้ว”
เหล่าหนิวกลัวว่าอวิ๋นเยี่ยจะเสียเปรียบ จึงตั้งใจที่จะชี้แนะอยู่ข้างหลัง
“ท่านลุงหนิว ของสิ่งนี้พึ่งจะวาดเสร็จ เดิมทีเตรียมไว้ให้ฝ่าบาท เพื่อเตรียมการทางทหาร คิดไม่ถึงว่าจะถูกหลี่จิ้งผู้งดงามวางแผนเอาไป ครั้งต่อไปต้องระมัดระวังให้มาก ลูกของเจี้ยนหู่เกรงว่าสองวันนี้ก็จะคลอดแล้ว ของสิ่งนี้ท่านเก็บไว้ให้ดี รอเมื่อภรรยาหมดแรงก็ชงใส่น้ำให้ดื่มเพื่อบำรุงกำลัง”
สำหรับคนอย่างหนิวจิ้นต๋า อวิ๋นเยี่ยโกรธไม่ลง บางทีคนที่มีบารมีสูงก็จะทำให้คนหลับหูหลับตาเชื่อได้ ความรู้สึกนี้ออกมาจากข้างในจิตใจ ที่ไม่ได้ผ่านการไตร่ตรอง
หนิวจิ้นต๋ารับขวดลายครามมา ตบลงที่บ่าของอวิ๋นเยี่ยเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าเป็นคนดี และเป็นมาตลอด อยู่ให้ห่างจากราชสำนักไว้ อย่าได้เข้าไปติดกับ คนที่ยืนอยู่รอบนอกมักจะเป็นผู้ที่บริสุทธิ์อยู่เสมอ ข้าชอบที่เจ้าเป็นคนสะอาดบริสุทธิ์”
กองทัพทหารม้าไปหมดแล้ว ถนนในฤดูหนาวมักมีฝุ่นลอยขึ้นมา หากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อต้นอ่อนหญ้าโผล่ขึ้นจากดิน ฝุ่นเหล่านี้ก็จะถูกพัดไปทางทิศตะวันตก ไปไกลจนสุดหล้าฟ้าเขียว
ถูกหลอกก็ไม่ต้องไปคิดมาก นี่เป็นการท้าทายอย่างเปิดเผยของหลี่จิ้ง การสู้กันระหว่างตัวละครหลักก็มักจะมีชั้นเชิง การต่อสู้ทางปัญญาจึงเป็นเรื่องสำคัญ
การแพ้ให้หลี่จิ้งไม่ใช่เรื่องขายหน้า เหล่าหนิวพูดถูก เปรียบดั่งการต่อกรกันด้วยปัญญา สิ่งที่ทำให้หลี่จิ้งใช้สติปัญญาเพื่อแย่งมามีไม่มากนัก เพียงแต่ว่าการต้องกลายเป็นคนถูกกระทำในการต่อกรครั้งนี้ มักทำให้คนรู้สึกแย่
อยากจะตะโกนบอกว่าไว้ครั้งหน้าเจอกันใหม่ แต่ก็ไม่กล้า เหล่าเฉียนที่อยู่ข้างๆ ชะเง้อคอมองคนเหล่านั้นด้วยความอิจฉา
“เหล่าเฉียน เจ้าไปเตรียมรถม้า รัชทายาทเมาแล้ว ตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว ต้องกลับตำหนักบูรพา”
เหล่าเฉียนตระโกนบอกคนรับใช้ให้ไปเตรียมม้าเพื่อส่งรัชทายาทกลับตำหนัก
ตั้งแต่เกิดมารัชทายาทผู้จิตใจดี นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเจอกับคนหลอกลวง แล้วยังแพ้ให้กับพวกเขาอีกต่างหาก นี่ถือเป็นการถูกโจมตีอย่างรุนแรงสำหรับเด็กอายุไม่ถึงสิบแปดปี เมื่อก่อนคิดว่าเป็นแค่ฝันไป แต่กับถูกโจมตีจนกลายเป็นผุยผงในความเป็นจริง ดีที่มีอวิ๋นเยี่ยคอยช่วย จึงทำให้จิตวิญาณอันอ่อนแอของเขาได้รับการปลอบประโลม
ตอนนี้เขาไม่ต้องการรังนอนที่สะดวกสบาย แต่ควรฝึกฝนอยู่ในกระแสน้ำเชี่ยว การโดนโจมตีหลายๆ ครั้ง ก็จะทำให้ฉลาดมากยิ่งขึ้นเหมือนกับอวิ๋นเยี่ย นี่เป็นเรื่องดีไม่ใช่เรื่องร้ายแต่อย่างใด
หากอยากโตเป็นผู้ใหญ่ ขั้นแรกต้องเริ่มจากความมีวินัยในตัวเอง ทุกวันที่กลับบ้านไปนอน ต่อให้เมาแล้ว แม้ว่าเป็นเพียงจังหวะที่ลืมตาไม่ขึ้น แต่กลับเพิ่มความโหยหาของตัวเองที่มีต่อบ้านได้อย่างมากมาย เมื่อมีความโหยหาแล้วก็จะไม่สนใจสิ่งแวดล้อมที่อยู่ภายนอก อยากจะเป็นผู้ครองแผ่นดินที่ดี ควรเริ่มจากการเป็นผู้นำที่ดีในบ้าน เมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว ความรู้สึกห่วงใยราษฎรจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขา และเป็นอาวุธที่มีกำลังมาก
หลี่ถังฆ่าคนมากเกินไป บัลลังก์ของหลี่ซื่อหมินจึงมีข้อพิพาท ไม่ใช่ว่าการเป็นฮ่องเต้ที่ดีจะลบล้างเรื่องชั่วๆ ที่เคยทำไว้ได้ เรื่องแบบนี้จะมีผลกระทบอย่างฝังรากลึก จากประวัติศาสตร์บัลลังก์ของหลี่ถังถูกแย่งมาด้วยเลือดสามารถรู้ได้เลยว่าจุดเริ่มต้นของหลี่ซื่อหมินนั้นโหดร้ายมากแค่ไหน
หลี่เฉิงเฉียนบ่นพึมพำด้วยฤทธิ์สุราแล้วถูกอุ้มขึ้นไปบนรถม้า องครักษ์ที่เป็นญาติคนสนิทที่เขาไว้ใจมากที่สุดเป็นคนบังคับม้า หลังจากกล่าวขอบคุณอวิ๋นเยี่ยแล้ว ก็บังคับม้ามุ่งหน้าไปทางฉางอัน
หมู่บ้านของตระกูลอวิ๋นเงียบสงบลงอย่างมาก แม้แต่ร้านค้าบนถนนก็ไม่มีเสียงตะโกนขายของ หากมีใครพูดตะโกนออกมาก็จะถูกมองด้วยสายตาไม่พอใจทันที
ฮูหยินและนายน้อยกำลังนอนหลับ หากทำให้นายน้อยตื่นเขาก็จะร้องไม่หยุด ก็จะเป็นคนร้ายแบบไม่ได้ตั้งใจ
จวนของตระกูลอวิ๋นมีขนาดใหญ่มาก ต่อให้เจ้าตะโกนเสียงดัง เสียงจะดังไปแค่ห้าร้อยเมตรก็จะไม่ได้ยินแล้ว ดังนั้นอวิ๋นเยี่ยเลือกที่จะคิดว่าการกระทำเหล่านี้เป็นการให้ความเคารพต่อตระกูลอวิ๋น ไม่อยากจะคิดว่าเป็นเรื่องน่ากลัว
ผู้อาวุโสที่สุดในหมู่บ้านนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องรับแขกของตระกูลอวิ๋น ที่เท้ามีตะกร้าไข่ไก่ ที่ถูกย้อมด้วยสีแดงอย่างเรียบเนียนไม่มีรอยด่าง ที่ตรงหน้าท่านย่ามีเปลือกไข่อยู่ นางได้ปลอกไข่กินไปแล้วหนึ่งใบ
“ไข่ไก่ของหมู่บ้านเราต้มด้วยน้ำมัน ลองกัดดู ไข่แดงสีราวกับทองคำ ไข่ในฉางอันไม่อร่อย ไข่แดงสีซีด หลานข้าซื้อมาแทบกินไม่ได้”
ท่านย่ายิ้มและพูดคุยกับเหล่าเห่าโถวอย่างเป็นกันเอง ชาวบ้านชอบฟังคนพูดว่าสินค้าของตัวเองดีกว่าของที่อื่นเป็นที่สุด ได้ยินท่านย่าชมเช่นนี้ ก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“ฮูหยินชมเกินไปแล้ว ไก่ในหมู่บ้านเราถูกเลี้ยงด้วยแมลงทั้งนั้น ใช่ว่าไก่ของฉางอันที่อดมื้อกินมื้อจะมาเทียบได้ ตอนนี้ตระกูลท่านมีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคนถือเป็นเรื่องน่ายินดี ครอบครัวของชาวบ้านอย่างข้าไม่มีสิ่งของล้ำค่า มีเพียงไข่ไก่หนึ่งตะกร้าที่เอามาให้ฮูหยินบำรุงร่างกาย จะได้เลี้ยงนายน้อยให้แข็งแรง พวกเราทั้งหมดเฝ้าคอยที่จะเห็นตระกูลอวิ๋นสืบต่อไปหลายยุคหลายสมัย คนในหมู่บ้านอย่างพวกเราก็จะมีชีวิตที่ดีไปด้วย”
ตอนนี้ชมท่านย่าหรือจะสู้ชมหลานชายที่พึ่งเกิด เพียงแค่ได้รับคำแสดงความยินดีก็ยิ้มเป็นพระสังกัจจายน์ ของขวัญจากชาวบ้านถึงแม้จะไม่มีค่าในแง่ทรัพย์สินเงินทอง แต่มีค่าทางจิตใจเป็นอย่างมาก
เข้ามาในห้องรับแขก คำนับเหล่าเห่าโถวเขานั่งอยู่ในห้องรับแขกนับว่าเป็นผู้อาวุโสและเป็นแขกคนสำคัญ จะเสียมารยาทไม่ได้
“คุณปู่เห่า ไข่ไก่นี้ขนาดใหญ่เท่ากันหมดเลย พบเห็นได้น้อยนัก คงไม่ใช่เป็นเพราะท่านนั่งคัดทีละใบหรอกนะ”
อวิ๋นเยี่ยหยิบไข่จากในตะกร้าขึ้นมาหนึ่งใบแล้วเคาะที่มุมโต๊ะ ปอกเปลือกออก กัดไปหนึ่งคำแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ
เหล่าเห่าโถวยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า “ท่านโหว ท่านวันๆ กินแต่อาหารอันโอชะ ยังชอบกินไข่ไก่ของบ้านเราด้วยหรือ ชีวิตของคนในหมู่บ้านดีขึ้นแล้ว เมื่อก่อนคอยเฝ้าแต่แม่ไก่ออกไข่ ตอนที่ไม่มีเกลือไม่มีข้าวก็อดไม่ได้ที่จะไปขวนขวายมา แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เด็กในหมู่บ้านก็มีอันจะกิน ในบ้านเลี้ยงไก่เยอะ สองวันก็ได้ไข่หนึ่งตะกร้า ร้านค้าในเมืองยังต้องมารับไข่ไก่จากที่นี่ทุกสองวัน แล้วมักจะรอให้ถึงสิ้นเดือนถึงจะให้เงิน ทำเอาคนในหมู่บ้านไม่สบายใจ”
“คุณปู่เห่า กินปลากินเนื้อทุกวันมากเกินไปก็ไม่ดีต่อม้ามและกระเพาะอาหาร ข้ามักจะรอกลับบ้านไปกินโจ๊ก โจ๊กหนึ่งถ้วยกลืนลงท้อง รู้สึกสบายท้องอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้มองเห็นเหล้ากับเนื้อก็รู้สึกสะอิดสะเอียน แต่ว่างานเลี้ยงก็มีมาไม่หยุด งานที่ฝ่าบาทเชิญใครบ้างที่จะกล้าปฏิเสธ”
อวิ๋นเยี่ยชมไม่หยุด แต่ว่าพวกชาวบ้านเองก็ชอบคำชมเช่นนี้ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมาก ท่านโหวของพวกเขามักจะถูกฝ่าบาทเชิญไปงานเลี้ยง นับเป็นเกียรติต่อหมู่บ้านเป็นอย่างมาก ถ้าหากติดตามท่านโหวที่ไม่เคยถูกเชิญไปไหน ก็รู้สึกว่าไม่มีหน้ามีตา สำหรับพวกเขาแล้ว ท่านโหวควรจะใช้เวลาหาความสำราญใส่ตัวให้มาก ควรมีภรรยามากมายคอยปรนนิบัติ ฮ่องเต้ใช้จอบทองขุดดิน ฮองเฮากินขนมชงโหยวทุกวัน นี่เป็นชีวิตที่หรูหราที่สุดในสายตาของพวกเขา
เหล่าเฉียนเอาไข่ไก่ไปเก็บ จากนั้นก็เอาขนมหวาน ผลไม้เชื่อมใส่ลงไปในตะกร้าแทน บอกให้เอาไปให้เด็กๆ ในหมู่บ้านชิม
อวิ๋นเยี่ยคาดว่ากว่าเด็กๆ จะได้กินขนมก็คงแข็งเป็นก้อนหินหรือไม่ก็บูดไปแล้ว เด็กๆ ไม่ทันได้กิน
คนในหมู่บ้านมาร่วมยินดีกับตระกูลอวิ๋นอย่างไม่ขาดสาย ตอนนั้นเห็นทั้งบ้านมีแต่คนมียศถาบรรดาศักดิ์จึงไม่กล้าเข้ามา แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว มีแต่คนกันเอง มีพ่อค้าอยากเข้ามาร่วมด้วย แต่ก็ถูกพวกเขาชักสีหน้ากดดันให้ออกไป การกำเนิดของนายน้อยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกพ่อค้า เมื่อคำพูดนี้ถูกส่งออกไป เหอเซ่าหน้าชา ดูเหมือนว่าเขาก็เป็นหนึ่งในพ่อค้าที่มีชื่อเสียงของฉางอัน
ของขวัญทั้งหมดก็มีหมั่นโถว เนื้อรมควัน ไก่ บ้านไหนที่มีฐานะขึ้นมาหน่อยก็จูงแพะมาหนึ่งตัว ทำให้ดูมีราศีขึ้นมา
ถึงแม้ของขวัญจะไม่ได้ราคาแพง แต่รอยยิ้มกลับดูจริงใจ ของขวัญเช่นนี้อวิ๋นเยี่ยไม่เคยคิดว่ามันจำนวนมากเกินไป พอมองเห็นอะไรน่ากินก็รีบหยิบขึ้นมากินเลยทันที เอ่ยปากชมจนพวกชาวบ้านยิ้มไม่หุบ
ตอนมาไม่มามือเปล่า ตอนกลับก็กลับแบบเต็มไม้เต็มมือ เหล่าเฉียนได้เตรียมขนมหวานและผลไม้เชื่อมไว้มากมาย ใครมาก็ได้ของกินกลับไป แล้วยังกำชับบอกชาวบ้านว่าให้มาดื่มเหล้าฉลองเมื่อนายน้อยอายุครบหนึ่งร้อยวัน มาให้หมดทั้งหมู่บ้านอย่าให้ขาดแม้แต่คนเดียว เจ้าของหมู่บ้านและผู้อาศัยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเช่นนี้ ใครกันกล้าหาว่าพวกเราหาประโยชน์ซึ่งกันและกัน
อวิ๋นเยี่ยได้กลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวที่อบอุ่นในสังคมศักดินา เขาภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก หากใครคิดเอาเปรียบพวกชาวบ้าน เขาไม่ปล่อยไปแน่ เห็นเหล่าผู้อาศัยเข็นรถเสบียงอาหารเข้ามาวางในห้องเก็บเสบียงของบ้าน ในใจมีความสุขจนตัวแทบลอย
ซินเย่วตื่นแล้ว อุ้มลูกน้อยให้นม น่ารื่อมู่นอนน้ำลายไหลอยู่ข้างๆ ท่าทางอยากดื่มนม หันกลับไปเห็นอวิ๋นเยี่ยกำลังหัวเราะก็หน้าแดงขึ้นมาทันที รีบเอาผ้าห่มคลุมหัวไม่กล้าโผล่ออกมา
หลังจากคลอดลูก ซินเย่วเปลี่ยนเป็นคนเปิดเผยมากขึ้น เมื่อก่อนจะมองหน้าอกนาง ก็ต้องคอยหาโอกาส ตอนนี้กล้าให้นมลูกต่อหน้าทั้งสองคนโดยไม่รู้สึกอายเลยแม้แต่น้อย
ผู้หญิงบ้านอื่นหลังจากคลอดลูกสองวันถึงจะให้นม แต่ซินเย่วมีความฮึกเหิมมาก คลอดลูกออกมาก็ให้นมเลย ซ้ำยังปฏิเสธคำแนะนำที่จะให้เชิญแม่นมมาให้นมแทน นางบอกว่าลูกของนาง นางจะป้อนเอง จะไปหาคนอื่นมาเลี้ยงให้ได้เช่นไร
ในห้องมีกลิ่นอายของความอิจฉา แต่นางเหมือนจะไม่รับรู้ ในสายตาตอนนี้มีแต่ลูกน้อย