เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 6 ร้านค้าเงิน (ส่วนหลัง)
“เหล่าเฉาเอ๋ย พวกเรามาพูดกันตรงๆเลยดีกว่า ร้านจิ่งเฟิงของท่านทุกอย่างปกติเพียงแต่ขาดเงินสด ขอเพียงมีเงินสดก็จะเป็นธุรกิจที่รุ่งโรจน์ทันที สองพันก้วนเพียงแค่พอให้ท่านซื้อวัตถุดิบพวกผ้าลินิน รายจ่ายอื่นอีกเล่าท่านคิดจะทำอย่างไร สู้ให้ท่านกู้ยืมไปเลยทีเดียวสามพันก้วนดอกเบี้ยสิบละหนึ่งครึ่งท่านเห็นเป็นอย่างไร เงินสามพันก้วนไม่ต้องเอาบ้านท่านมาจำนองเพียงแค่ร้านก็เพียงพอแล้ว” หวงจื้อเอินมองดูตัวเลขที่ฝ่ายบัญชีส่งมาแล้วบอกเถ้าแก่เฉา
“จริงหรือพี่หวง ขอบคุณมาก ดอกเบี้ยสิบละหนึ่งครึ่งต่อเดือนถือว่าดีมาก ขอขอบคุณด้วย” เถ้าแก่เฉาได้ยินคำพูดหวงจื้อเอินแล้วซาบซึ้นจนน้ำตาร่วง แต่ก่อนนี้ที่วัดให้ดอกเบี้ยอุ่นไอรักดีที่สุดคือสิบละหนึ่งครึ่งต่อเดือน ไม่นึกว่าร้านค้าเงินไม่ได้ฉวยโอกาสหักคอ ให้อัตราดีพิเศษสุดๆเช่นนี้
“เหล่าเฉาท่านยังไม่ได้ฟังชัดเจน ดอกเบี้ยสิบละหนึ่งครึ่งต่อปี นี่ไม่ใช่เงินอิ้นจื่อที่เคี้ยวคนทั้งกระดูก ในหนึ่งปีท่านต้องจ่ายดอกเบี้ยสิบละหนึ่งครึ่ง หากถึงกำหนดแล้วไม่สามารถจ่ายเงินต้นคืน หลังจากจ่ายดอกเบี้ยแล้วสามารถขอขยายเวลากู้ต่อไปได้อีก ท่านมีโอกาสขยายเวลากู้ได้สองครั้ง คราวนี้ฟังชัดเจนแล้วสินะ”
ลำคอเถ้าแก่เฉามีเสียงดังกึกกัก กึกกักไม่หยุด รู้สึกฟ้าดินเปลี่ยนสีไปหมด มีเพียงดอกเบี้ยต่อปี คำนี้วนเวียนอยู่ในสมอง ฟ้าเมตตาเปิดดวงตาสวรรค์แล้วหรือ ข้าจะเป็นลมไม่ได้ จะต้องยืนหยัดเซ็นสัญญาเงินกู้ก่อนค่อยเป็นลม หรือสมองข้าฟั่นเฟือนไปแล้ว? ข้าต้องนิ่งสงบ นิ่งสงบให้ได้
นิสัยสงบนิ่งของเถ้าแก่เฉาที่อยู่ในวงการธุรกิจมานานปีรับสัญญากู้แล้วค่อยๆอ่านอย่างรอบคอบทีละตัวทีละบรรทัด ไม่ผิด ใช้ร้านจิ่นเฟิงค้ำประกัน กู้เงินสามพันก้วนดอกเบี้ยสิบละหนึ่งครึ่งต่อปี มีโอกาสขยายเวลาได้สองครั้ง นี่ไม่ใช่ทำธุรกิจแต่เป็นพระโพธิสัตว์มาโปรดแล้ว
ประทับตรา ประทับลายนิ้วมือแล้วเซ็นชื่อ เหล่าเฉาประทับลายนิ้วมือไปสี่ห้านิ้ว เขาอยากเอาทั้งตัวโผลงไปประทับด้วยนัก เรียบร้อยแล้ว เซ็นเสร็จแล้ว รอรับเงินแล้ว รอรับเงินแล้ว บรรพบุรุษปกป้องคุ้มครองให้ข้าได้รับเงินด้วย
“เหล่าเฉา เจ้าพิมพ์ลายนิ้วมืออะไรมากมาย สัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่โน่นมีเจ้าหน้าที่เอกสารทางการอยู่ พวกเราจะให้ทางการเก็บสำเนาไว้เป็นหลักฐานภายหน้า” หวงจื้อเอินมองดูสัญญาสองชุดที่พิมพ์ลายนิ้วมือมากมาย รู้สึกว่าเหล่าเฉาท่าจะเสียสติ
เหล่าเฉารู้จักเจ้าหน้าที่เอกสารทางการ เป็นเจ้าหน้าที่เอกสารอำเภอฉางอันคนคุ้นเคยกัน เจ้าหน้าที่ชราดูสัญญาแล้วถามว่า “ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกัน?” หวงจื้อเอินพยักหน้า เหล่าเฉาพยักหน้าจนแทบเป็นไก่จิกข้าวเปลือก
ทางการมีสำเนาไว้ทำให้เหล่าเฉาวางใจลงไปมาก ยังไม่ทันถามเรื่องเงินหวงจื้อเอินก็ถามเขาว่า “เหล่าเฉา ท่านต้องไปหมู่บ้านซื้อผ้าลินินย่อมใช้เหรียญทองแดงดีที่สุด เช่นนี้ดีไหม ให้ท่านเป็นทองหนึ่งพันก้วน แผ่นเงินหนึ่งพันก้วน เหรียญทองแดงหนึ่งพันก้วนเจ้าจะว่าอย่างไร”
“พี่หวงคิดได้รอบคอบข้าไม่เห็นเป็นอย่างอื่นเช่นนี้ดีที่สุดแล้ว เหรียญทองแดงใช้กับชาวหมู่บ้าน แผ่นเงินใช้กับทางการ ทองใช้กับร้านค้าอื่น ร้านค้าเงินคิดได้รอบคอบข้านับถือมากนัก”
เพื่อขยายผลกระทบให้กว้างขวาง หวงจื้อเอินจงใจนำเหล่าเฉามาคลังสมบัติ พอเปิดประตูเหล่าเฉาก็มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ทองก้อนเป็น**บๆ แผ่นเงินเต็มชั้นเก็บ เหรียญทองแดงกองสูงเป็นภูเขาเลากา จนทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก
เดาะทองก้อนในมือ กัดแผ่นเงินทุกแผ่น ตรวจสีสันเหรียญทองแดงแล้ว รถม้าเหล็กจะขนเงินส่งไปให้เหล่าเฉา พอเงินถึงมือเหล่าเฉาก็ออกนิสัยพ่อค้าทันที
“พี่หวง นี่เป็นเงินมหาศาล หากข้านำออกไปเลยอาจทำให้ทางบ้านมีภัย ไม่รู้ว่าที่นี่ยังคงเก็บรักษาเงินเหล่านี้ได้ไหม ข้าจ่ายค่าดูแลรักษาเองจะได้ไหม”
“เหล่าเฉา ท่านเป็นลูกค้าคนแรก ข้ามัวแต่คิดเรื่องให้ท่านรับเงิน ลืมไปว่ายังมีอีกวิธีหนึ่งเรียกว่าฝากเงิน หมายความว่าเงินสามพันก้วนนี้ท่านไม่สามารถใช้หมดไปทันทีแน่นอน สู้เก็บไว้ในร้านค้าเงินต่อ ท่านไม่ต้องจ่ายค่าดูแลรักษา ร้านค้าเงินจะจ่ายค่าดอกเบี้ยให้ท่านทุกเดือน ดอกเบี้ยสิบละหนึ่งต่อปี ให้หลักฐานท่านไว้แล้วท่านจะมาเอาเมื่อไรก็ได้ เช่นนี้แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องภัยอันตราย”
เถ้าแก่เฉารู้สึกว่าวันนี้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ร้านค้าเงินส่งคลื่นกระแทกเขาทีละคลื่นไม่หยุดหย่อน เรื่องดีเทียมฟ้าตกอยู่บนศีรษะตัวเอง เวลานี้ให้คนดูแลรักษาเงินนอกจากไม่เก็บค่าดูแลยังให้เงินมาอีก นี่มันเป็นเหตุผลอะไรแน่
ลากหวงจื้อเอินมาข้างๆแล้วทำความเคารพหนึ่งทีพูดว่า “พี่หวง นี่ไม่ใช่วิธีการทำธุรกิจ เวลานี้ข้าก็กู้เงินแล้ว ท่านช่วยกระซิบข้าหน่อยว่าธุรกิจนี้ใครทำกันแน่ ตระกูลอวิ๋น ตระกูลเฉิง ตระกูลหนิว หรือทั้งสามตระกูลร่วมหุ้นกันทำ ถ้าไม่รู้ข้อเท็จจริงแล้วจิตใจข้าเหมือนล่องลอยอยู่”
“คิดอะไรเช่นนั้น ตระกูลอวิ๋น เฉิง หนิวสามตระกูลนี้จะกล้าทำธุรกิจซื้อใจคนหรือ ท่านไม่เปิดตาดูสิว่าพวกคนรักษาความปลอดภัยคลังสมบัติเป็นใครบ้าง ยังไม่เข้าใจอีก ตำราทำธุรกิจที่เรียนรู้มาหลายปีหายไปไหนหมดแล้ว”
เหล่าเฉาลืมตาจนกลมโต เขาไม่กล้าคิดอยู่แล้ว หันกลับไปดูคนที่สวมชุดเกราะคาดดาบไว้สะพายธนูแบบทหารคุ้มกัน หากคนฉางอันไม่รู้จักองครักษ์ราชวงศ์ ยังจะมีหน้าเรียกตัวเองว่าเป็นคนฉางอันหรือ
เหล่าเฉาชูนิ้วชี้ฟ้าอย่างยากลำบาก ถูกหวงจื้อเอินตบลงมา “อย่าพูดชุ่ยๆ นี่เป็นเงินของเหนียงเหนียงกับรัชทายาทร่วมกัน ระยะนี้สถานการณ์พวกพ่อค้าลำบาก ทั้งล้มละลายบ้านแตกสาแหรกขาดมากจนนับไม่ถ้วน เหนียงเหนียงทนดูไม่ได้จึงรวบรวมเงินทองเตรียมช่วยเหลือพ่อค้าเหล่านี้ เหนียงเหนียงขนทั้งเงินซื้อเครื่องสำอางออกมาด้วย กระโปรงเหลือสั้นจนคลุมเท้าไม่มิด รัชทายาททนดูเหนียงเหนียงลำบากไม่ไหว ขนทั้งเงินที่ตัวเองเตรียมแต่งงานออกมา ฟังความคิดอวิ๋นโหวก่อตั้งร้านค้าเงินเช่นนี้ ไม่ค้ากำไร เพียงไม่อยากเห็นพวกท่านบ้านแตกสาแหรกขาดเท่านั้น”
หากเมื่อครู่นี้เหล่าเฉายังมีความคิดที่รู้สึกได้เปรียบ เวลานี้นอกจากซาบซึ้งแล้วก็ไม่มีความคิดอื่นใดอีก จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย หมอบอยู่บนพื้นผินหน้าไปทางพระราชวังกราบลงไปอย่างสวยงาม
เหล่าเฉาเดินออกจากร้านค้าเงินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม บอกเหล่าพ่อค้าที่มาห้อมล้อมว่า “พวกเรามีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความสันติสุขเป็นโชคอย่างมหาศาล ท่านทั้งหลายที่ต้องการเงินก็เข้าไปเถอะ ที่ไม่ต้องการเงินก็อย่าได้วุ่นวายด้วย ข้าเหล่าเฉาใช้ชีวิตทรัพย์สินรับประกัน หากต้องการเงินท่านจะได้รับเงินตามต้องการ แม้ไม่ต้องการเงินท่านก็ต้องซาบซึ้งในบุญคุณ หากมีใครกล้าเอ่ยถึงราชวงศ์ในทางลบอีก ข้าเหล่าเฉาจะพลีชีพสู้กับเขา”
พูดจบก็นำรถม้าที่บรรทุกเหรียญทองแดงกลับไปยังร้านของตัวเองเตรียมการที่จะทำธุรกิจอย่างเต็มที่ เขาไม่เคยมีความเชื่อมั่นมากเท่านี้มาก่อนเต็มไปด้วยความหวังในอนาคต การถอนหุ้นของตระกูลไต้เวลานี้ทำให้เหล่าเฉาคล้ายกับรู้สึกว่าได้สลัดภูเขาทิ้งออกจากอก
เบื้องหลังตัวเองมีมนุษย์ยักษ์คุ้มอยู่ เพียงแค่ตัวเองทำธุรกิจดีๆจ่ายภาษีตามกฎหมาย ก็จะไม่มีอุปสรรคใดที่ข้ามไม่ได้ ต้นทุนตัวเองมีเงินของราชวงศ์อยู่ด้วยเป็นเงินค่าเครื่องสำอางของฮองเฮาเหนียงเหนียง หากใครจะเข้ามางาบสักคำ ข้าจะพลีชีพสู้
เสียงร้องไห้ในร้านค้าเงินทำให้อวิ๋นเยี่ยที่นอนอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ในลานหลังเรือนได้ยินจนเศร้าสลดไปด้วย ความจริงแล้วทั้งหมดเกิดจากบาปกรรมที่ตัวเองสร้างไว้ ทำให้จิตใจของพ่อค้าเหล่านี้ล่องลอยอยู่ระหว่างสวรรค์และนรก การขับไล่อิทธิพลของตระกูลใหญ่โตออกจากกลุ่มพ่อค้าจะต้องมีความเจ็บปวด เพียงแต่บางคนทนไหวบางคนทนไม่ไหวเท่านั้นเอง พวกแขวนคอตายกระโดดน้ำตายไม่ต่ำกว่าร้อยคนกระทั่งมีกินยาตายทั้งครอบครัว หรือตัวเองเริ่มไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคนตั้งแต่เมื่อไรกัน
ธุรกิจค้าเงินกลายเป็นพระโพธิสัตว์ ดอกเบี้ยสิบละหนึ่งครึ่งต่อปีความจริงไม่นับว่ากำไรต่ำ แต่ในสังคมที่การกู้ยืมต้องเสียดอกเบี้ยถึงสิบละสามต่อปีย่อมมีคุณสมบัติที่เป็นพระโพธิสัตว์ได้ แต่ก็ไม่มีใครไปคิดคำนวณ หุ้นของราชวงศ์จะค่อยๆถอนออกตามจำนวนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น สุดท้ายแล้วฮองเฮาจะกลายเป็นสัตว์ยักษ์ที่ใช้เงินของพวกเขาเองมาค้ากำไร เวลานี้เพียงเปิดทำการในฉางอันเท่านั้นจนมีเงินทุนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดเลยฮองเฮากับรัชทายาทย่อมจะเปิดให้ทั่วต้าถัง ถึงเวลานั้นแล้วก็จะไม่ต่างกับยุคหลังนี้มากเท่าไร
หวงจื้อเอินเตรียมการเรื่องร้านค้าเงินอยู่สามปีกว่า ภายใต้การชี้แนะเพียงนิดเดียวของอวิ๋นเยี่ย เขาคลำทางด้วยตัวเองคิดหาวิธีการที่ดูเหมือนง่ายๆแต่สามารถใช้ได้ผล ทั้งเกลี้ยกล่อมให้ฮ่องเต้ยอมรับอนุญาตให้เขาทดลองใช้ในฉางอัน
วันนี้อวิ๋นเยี่ยถูกลากตัวจากอวี้ซันไปฉางอันแต่เช้า บอกว่าหากไม่มีอวิ๋นเยี่ยกำกับอยู่จิตใจเขาจะไม่หนักแน่นพอ เงินหนึ่งแสนก้วนของฮองเฮากับรัชทายาทไม่ใช่จำนวนที่มากมายนัก หวังว่าเขาจะสามารถยันให้ผ่านไปได้ ขอเพียงให้พ่อค้าเหล่านั้นอย่าขนเงินออกไปทั้งหมดก็จะไม่มีปัญหาอะไร
ร้านค้าเงินยุ่งไม่หยุดตั้งแต่ส่งเหล่าเฉิงไปเมื่อเช้านี้ พ่อค้าที่ได้ข่าวต่างมากลุ้มรุมกัน แถวที่เตรียมกู้เงินยาวตั้งแต่ร้านค้าเงินไปจนถึงถนนจูเชวี่ย
“อวิ๋นโหว ผู้จัดการให้บอกท่านว่าเวลานี้กู้ออกไปแล้วสามหมื่นสี่พันสามร้อยห้าสิบก้วน นำออกไปแล้วหนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยเจ็ดสิบก้วน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเงินของพวกเราจะไม่พอ ผู้จัดการถามว่าให้กำหนดวงเงินกู้จะดีกว่าหรือไม่”
“ไม่มีปัญหาหรอก เจ้าไปบอกผู้จัดการ ไม่ว่าเป็นใครขอเพียงให้ของที่มาจำนองเหมาะสมก็ปล่อยกู้ให้ไปไม่ว่าเท่าไร เวลานี้เป็นช่วงสูงสุดที่พ่อค้าต้องใช้เงินจะต้องให้พวกเขาไป เงินที่นี่จะต้องมีมากจนไม่หมดไม่สิ้นจึงจะได้”
ฉางอันมีร้านค้าที่ต้องการเงินกู้สักเท่าไร อวิ๋นเยี่ยเคยประเมินไว้ว่าไม่เกินหนึ่งพันร้าน ต่อให้พวกเขากู้ทุกร้านก็ไม่เกินห้าแสนก้วนเท่านั้น ยิ่งมีชื่อเสียงของราชวงศ์ค้ำประกันอยู่จะไม่มีใครเอาเงินไปจนหมดเกลี้ยง เก็บไว้ในคลังสมบัติราชวงศ์จะต่างอะไรกับเก็บไว้ในคลังหลวง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นทำเช่นนี้เหล่าพ่อค้าจะไม่วางใจมากเท่านี้ พวกเขาคงต้องเอาออกไปจนเกลี้ยง คงมีเพียงฮองเฮากับรัชทายาทจึงมีความน่าเชื่อถือมากเช่นนี้
ชื่อเสียงจ่างซุนมีค่ามาก ชื่อเสียงของนางทำให้ประหยัดเงินได้เท่าตัว หากทีหลังฮองเฮารู้ว่าตัวเองเอานางมาค้ากำไรไม่รู้จะโดนจัดการหรือไม่นะ
ขณะที่เสียงกลองเคลียร์ถนนดังขึ้นมา ลูกจ้างเตรียมตัวปิดร้าน ภายใต้คำขอร้องของเหล่าพ่อค้า ร้านค้าเงินแจกบัตรคิวให้พวกเขา พรุ่งนี้ยังคงทำการปกติตามลำดับบัตรคิว ให้พวกเขาวางใจได้ หากไม่มีเคอร์ฟิวแล้วคาดว่าถนนจูเชวี่ยคงต้องมีคนนอนมากมาย
รัชทายาทไม่มีอารมณ์เอ้อระเหยเช่นเดียวกับอวิ๋นเยี่ย วันนี้นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกชั้นสองตั้งแต่เช้าดูสภาพการณ์การทำธุรกิจ จากเสียงที่ซาบซึ้งของเหล่าเฉา เขาก็ฟังออกว่าธุรกิจนี้มีแต่ผลดีต่อตระกูลหลี่โดยไม่มีผลเสียแม้แต่นิด ถึงแม้ว่าเงินเหล่านั้นจะถูกกู้ไปหมดก็ไม่มีปัญหา อีกเพียงหนึ่งปีอวิ๋นเยี่ยบอกว่าเงินเหล่านี้ก็จะกลับมา อีกสามปีก็จะกลายเป็นหนึ่งล้านก้วน อีกสิบปีร้านค้าเงินจะมีเงินมากกว่ากระทรวงการคลัง
เขาไม่กล้าคิดว่าสักวันหนึ่งเงินในมือตัวเองจะมากกว่าคลังหลวง มันจะเป็นภาพเช่นไรกันเขาไม่กล้าคิด คำตักเตือนของอวิ๋นเยี่ยยังคงก้องสะท้อนในสมองของเขา เงินเหล่านี้ไม่ใช่ของเจ้าล้วนเป็นของราษฎร หากตระกูลหลี่เจ้าไม่ต้องการแผ่นดินอีกแล้วเจ้าก็สามารถโลภเงินร้านค้าเงินได้ เจ้าสามารถชี้แนะทางไปของเงินเหล่านี้แต่นำเงินจากที่นั่นโดยไม่สมควรแม้เพียงเหวินเดียวก็ไม่ได้เด็ดขาด หากเกิดเรื่องขึ้นมายังน่ากลัวกว่าเภทภัยทหารอีกมากมาย หลี่เฉิงเฉียนเห็นจริงดังนั้นจึงตัดสินใจให้ร้านค้าเงินมีความมั่นคง โดยตรากฏหมายแบ่งแยกขอบเขตของร้านค้าเงินกับของประเทศให้แยกกันโดยเด็ดขาด สร้างเป็นเส้นตายที่เคร่งครัดให้อนุชนรุ่นหลังสืบต่อมา