เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 9 คนงามรู้จักเครื่องหอม
การอาบน้ำทุกวันทั้งแต่งเติมรูปโฉมให้สวยงามมีความสำคัญอย่างมากต่อเชิงซิน เวลานี้อยู่ในตงกงไม่มีสาวใช้บริการ ต้องตักน้ำเองหนึ่งอ่างจัดการหวีผมที่ยาวสยาย มองดูรูปโฉมที่ยั่วยวนใจสะท้อนจากผิวน้ำ เชิงซินอดไม่ได้ยิ้มออกมาแล้วใช้นิ้วแตะเบาๆที่ใบหน้าแย้มยิ้มแสนซนในอ่างน้ำจนเกิดระลอกคลื่นเป็นวงๆทันที ปลายนิ้วมือที่ใสลื่นราวต้นหอมสุ่ยชงจับหวีงาช้างสางผมยาวที่สยายอยู่ด้านข้าง ผมดำเป็นมันเงาลื่นมืออย่างมาก
ขณะที่เขาแหงนหน้าขึ้นมาอวิ๋นเยี่ยพบว่าเขาไม่มีลูกกระเดือก ตกลงหมอนี่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่?
“โหวเหยียเขาเป็นผู้ชายเพียงแต่ถูกเลี้ยงดูแบบผู้หญิงตั้งแต่เล็ก ผู้ชายมีอัณฑะสองลูกแต่เขาไม่มีเพราะโดนตัดทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็กมาก ดังนั้นผิวพรรณจึงได้ละเอียดลื่นใสเช่นนี้ ของอันนั้นก็หยุดเติบโตดูไม่ต่างกับเด็กสามสี่ขวบ หากโหวเหยียสนใจข้าจะให้เขาเปลือยหมดให้โหวเหยียดู
“อ้วก ไปเลยไป เจ้าคิดว่าข้ายังอ้วกไม่พออีกใช่ไหม” เตะขันทีที่อยู่ข้างๆกระเด็นไปส่วนตัวเองเท้าต้นไม้แล้วก็อ้วกไม่หยุด หลี่เฉิงเฉียนไปราชสำนักแต่เช้า บอกอวิ๋นเยี่ยให้รีบนำสาวประเภทสองของตัวเองไป อย่าทำให้ชื่อเสียงของรัชทายาทแปดเปื้อน
เรียกขันทีติดตัวของหลี่เฉิงเฉียนไปรู้จักสาวประเภทสองที่ชื่อเสียงระบือไปทั่วหล้า เห็นแต่แรกนึกว่าเป็นผู้หญิง แต่เสียงที่ห้าวถึงอย่างไรก็ปิดไม่มิด หญิงแท้แสนงามลุกขึ้นจัดการผมเผ้าของตัวเองแต่เช้านั้นถือเป็นความสวยงาม แต่สาวประเภทสองที่สวยงามมาบุ้ยปากเล่นซุกซน โอยไม่ไหวแล้ว อวิ๋นเยี่ยตัดสินใจอ้วกต่ออีก
จะต้องจัดการเชิงซินออกจากวังให้ได้ถึงคลื่นไส้เท่าไรอวิ๋นเยี่ยก็ต้องทน เฉิงเฉียนในประวัติศาสตร์ความจริงไม่ได้ทำอะไรที่ผิดใหญ่โต ชื่อเสียงที่นิยมเพศเดียวกันทำให้เกิดช่องว่างอย่างมากกับขุนนางราชสำนัก อีกทั้งปัญหาเท้าที่บาดเจ็บ ทำให้เขากลายเป็นหลี่เฉิงเฉียนอีกคนที่ทารุณโหดร้ายอย่างเต็มตัว
อวิ๋นเยี่ยนำทางอยู่ข้างหน้าโดยมีเชิงซินหิ้วห่อผ้าเล็กๆเดินตามอยู่ข้างหลังอย่างประหม่า เฉินฉู่มั่วเห็นแต่ไกล ปากอ้าจนยัดกำปั้นเข้าไปได้รีบวิ่งมาบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “เรื่องนี้เป็นความผิดของพี่ชาย รู้อยู่ว่าน้องสะใภ้มีครรภ์ปรนนิบัติคนไม่ได้ บ้านเจ้าก็ไม่มีคนไหนที่อยู่ในสายตาจนเจ้ากลั้นไม่ไหว พี่ชายรู้แล้ว วันนี้เลิกงานแล้วพี่ชายจะพาเจ้าไปหอเยี่ยนไหลให้รื่นเริงอารมณ์ ไม่ต้องเอากระต่ายกลับบ้านหรอก”
ไม่มีวิธีอธิบายเรื่องราวให้เฉิงฉู่มั่วเข้าใจ ดูสีหน้าเฉิงฉู่มั่วที่เจ็บปวดจนบิดเบี้ยว หมอนี่ท่าทางคงเกลียดพวกกระต่ายจริงๆ
“ไปไกลๆเลย ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดสักนิด เจ้ารังเกียจเขา ข้าก็รังเกียจเหมือนกัน ตั้งแต่เช้าข้าอ้วกไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง เพราะหาวิธีไม่ได้จริงๆ ถ้ามีวิธีใครจะทำเช่นนี้”
เฉิงฉู่มั่วจึงมีอาการแบบเข้าใจแจ่มแจ้ง มองดูเชิงซินกับมองอวิ๋นเยี่ยอีกแล้วถามว่า “เจ้าคิดจะจัดการอย่างไร”
“คนที่น่าสงสาร ให้ทางรอดเขาสักทางแล้วกัน เป็นโรคจิตแน่ถ้าอยู่ดีๆก็คิดฆ่าคน”
โลกก็เป็นเช่นนี้เอง พอพูดถึงโรคจิตก็มีคนโรคจิตโผล่มาอยู่ตรงหน้า หลี่หยวนชาง ไม่รู้ว่าสมองหมอนี่โดนลาถีบมาหรืออย่างไร รู้ๆอยู่ว่าหลี่ซื่อหมินยิ่งใหญ่จนแทบเป็นมนุษย์ยักษ์มโหฬาร ไม่ใช่มดปลวกเช่นเขาจะมาทำร้ายได้ กลับยังมีความคิดยิ่งใหญ่อยากเบิกฟ้าถมทะเลจะลากหลี่ซื่อหมินลงมาจากบัลลังก์ให้ได้ หลายปีนี้จึงทำเรื่องจุกจิกเหล่านี้ไม่ได้ขาด
“เชิงซิน เจ้ากล้าแอบหนีไปหรือ” ทั้งๆที่เบื้องหน้ามีโหวเหยียยืนอยู่คนหนึ่งกับกงเหยียเล็กอีกคนหนึ่ง แต่เขามองข้ามไปหมดมัวแต่ไปดูเชิงซิน นี่เป็นมารยาทของตระกูลไหนกัน
เชิงซินตัวสั่นหมอบอยู่ที่พื้น ตาสามเหลี่ยมของหลี่หยวนชางมีแต่แววกามราคะเตรียมยื่นมือไปลูบคลำใบหน้าของเชิงซินต่อหน้าธารกำนัล เชิงซินถอยหลังโดยไม่รู้ตัวแล้วมองอวิ๋นเยี่ยด้วยสายตาวิงวอน ทำให้อวิ๋นเยี่ยเกิดความคิดอยากปกป้องคนงามขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากตรวจสอบแนวโน้มทางเพศของตัวเองว่ายังปกติแล้ว พัดของอวิ๋นเยี่ยก็ตีมือหลี่หยวนชางให้ตกลงมา
“ฮั่นอ๋อง ที่นี่เป็นเขตพระราชฐาน ท่านสำรวมหน่อยจะดีกว่า ท่านเป็นที่เกลียดชังของคนหมู่มากอยู่แล้ว ไยจึงจะต้องทำให้เพิ่มมากขึ้นอีกเล่า”
“อวิ๋นเยี่ยเจ้ากล้าเหิมเกริมไม่ให้ความเคารพข้า” พัดพับในมืออวิ๋นเยี่ยทำจากไม้จันทน์มีเพียงไม่กี่อัน เป็นอุปกรณ์ที่อวิ๋นเยี่ยเอามาประกอบการแสดงตัวเป็นนักปราชญ์ วันในฤดูร้อนพกไว้พร้อมที่จะใช้โบกเบาๆสักสองสามครั้ง เป็นที่ดึงดูดลูกตาผู้คนมาก แกนพัดที่ทำด้วยไม้จันทน์ตีถูกข้อมือคงจะเจ็บมาก
“รีบไปไกลๆเลย อยากแสดงบุญบารมีให้ไปเล่นในอาณาเขตของท่านเอง ที่นั่นโดนท่านย่ำยีจนผู้คนอยู่ไม่รอดกันแล้ว อย่าได้มาสร้างเวรกรรมให้คนในฉางอันเดือดร้อนกันอีก” สำหรับคนโง่เง่าที่รู้จักใช้แค่แผนเล็กๆน้อยๆเช่นหลี่หยวนชาง ไม่คุ้มที่จะต้องไปเสียสมองวุ่นวายด้วย
พูดจบก็ประสานมือให้เฉิงฉู่มั่วแล้วนำเชิงซินจากไป
“ข้าสามารถไม่เอาเรื่องเจ้าที่ไร้มารยาทต่อข้า แต่เจ้าจะต้องทิ้งเชิงซินให้ข้า ถือว่าข้าติดค้างเจ้าครั้งหนึ่ง” หลี่หยวนชางรู้ว่าอวิ๋นเยี่ยไม่ใช่ยุ่งด้วยง่ายๆ แต่ในความคิดเขานึกว่าอวิ๋นเยี่ยคงจะชั่งน้ำหนักระหว่างสาวประเภทสองกับอ๋องคนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเห็นได้ชัดเจนว่าใครหนักใครเบา
ที่ไหนได้อวิ๋นเยี่ยแม้แต่มองยังไม่หันมองเขาแต่ชูนิ้วกลางให้เขาแล้วก็เดินแกว่งออกประตูวังไป เชิงซินเดินตามติดอยู่ข้างหลังราวกับเกรงกลัวหลี่หยวนชางมาก คงเหลือเพียงหลี่หยวนชางที่ยืนเต้นเร่าร้องด่าเสียงลั่นอยู่ที่นั่น
คราวนี้โหวเหยียตระกูลอวิ๋นมีชื่อเสียงดังไปทั่วว่าเวลานอนนอกจากวางเถียนกวาไว้ในผ้าห่มแล้ว ครั้งนี้ยังลงไม้ลงมือกับฮั่นอ๋องเพราะสาวประเภทสองคนหนึ่ง ได้ยินว่าข้อมือฮั่นอ๋องโดนตีหักด้วย เป็นศึกชิงนางของแท้เลย
ได้ยินว่ารัชทายาทรู้สึกผิดด้วยที่เพื่อนมีพฤติกรรมวิตถารยังไม่รู้ อุตส่าห์หาคนงามจากกองของขวัญส่งให้เพื่อน ใครจะรู้ว่าทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ นี่เป็นความผิดของตัวเองแท้ๆ นี่เป็นคำอธิบายของรัชทายาทต่อบรรดาผู้ลากมากดีทั้งหลาย
“ล้วนเป็นความผิดของรัชทายาท วายร้ายนั่นเอาอ่างอุจจาระครอบไว้บนศีรษะสามีเจ้าเพื่อให้ตัวเองหลุดรอดไปได้” ซินเย่ว์ที่ได้ยินข่าวลือจะไปนั่งติดได้อย่างไรจึงล็อคตัวอวิ๋นเยี่ยไว้ในผ้าห่มแล้วสอบถาม ทั้งยังเปิดผ้าห่มโผขึ้นไปดมจนแน่ใจว่าไม่มีกลิ่นแปลกปลอมจึงได้วางใจ นางได้เห็นเชิงซินแล้ว สวยงามมากจริงๆ ทั้งใบหน้ารูปร่างยังดูดีกว่าสาวจริงอีกถึงแม้มั่นใจในผู้ชายของตัวเองว่าไม่มีรสนิยมวิปริตเช่นนั้น แต่หลังจากที่ได้ยลโฉมเชิงซินแล้วความเชื่อมั่นเช่นนี้ก็เริ่มคลอนแคลน
“เช่นนั้นแล้วท่านจะจัดการอย่างไรกับคนนี้ ผู้ชายดัดจริตออกท่าออกทางทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียน” จับศีรษะอวิ๋นเยี่ยให้ตั้งตรงแล้วซินเย่ว์ก็เริ่มคิดหาทางออกให้เชิงซิน ลองคิดหาหลายทางก็ยังหาทางที่เหมาะสมกับเชิงซินไม่ได้สักอย่าง จึงหงุดหงิดจนระบายอารมณ์กับผมของอวิ๋นเยี่ย
เวลานี้เขาไม่ใช่ผู้ชายแล้วก็ไม่ใช่ผู้หญิง การเลี้ยงเขาแบบผู้หญิงตั้งแต่เด็กทำให้ทั้งกำลังกายและความแข็งแรงไม่สามารถเทียบกับผู้ชายได้ ถ้าว่าเขาเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถมีบุตรทั้งชายหรือหญิงได้ ดังนั้นโดยพื้นฐานนอกจากเป็นเครื่องเล่นให้คนอื่นแล้วเขาก็คือเศษมนุษย์คนหนึ่ง แต่ว่าระดับตระกูลอวิ๋นที่แม้แต่เศษเหล็กยังสามารถขายได้ราคาสองหมื่นก้วน ทำไมจะหาวิธีใช้ประโยชน์จากขยะไม่ได้เล่า
อวิ๋นเยี่ยนั่งอยู่หน้ากระจกทองแดงให้ซินเย่ว์หวีผม ผมยาวสองเชียะนี้เขาไม่เคยจัดการได้ถนัดมือสักที บางครั้งอยากตัดทิ้งไปให้หมด เหลือเพียงแค่ศีรษะล้านเลี่ยนเตียนโล่งสบายกว่ากันเยอะเลย
จากการสำรวจมาสองวันอวิ๋นเยี่ยพบว่าประสาทดมกลิ่นของเชิงซินมีพัฒนาการที่ดีเยี่ยม สามารถแยกแยะได้ว่าโรงปรุงน้ำหอมที่อยู่ห่างหลายลานบ้านนั้นใช้วัตถุดิบชนิดไหนกันแน่ ทำให้อวิ๋นเยี่ยประหลาดใจมากจึงตัดสินใจให้เขามีโอกาสเลี้ยงตัวเองได้
ในห้องที่ปิดมิดชิดมีเชิงซินถูกปิดตานั่งอยู่บนเก้าอี้ สาวใช้สองคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จไม่มีกลิ่นหอมในตัวแม้แต่นิด เอาขวดเล็กแกว่งอยู่ใต้จมูกของเชิงซินทีเดียวแล้วก็นำออกไป
“นี่เป็นกลิ่นดอกพุด ผสมดอกมะลินิดๆ”
“นี่เป็นกลิ่นดอกกล้วยไม้ บริสุทธิ์มากไม่ได้ผสมอะไรเลย”
“นี่เป็นกลิ่นกานพลู”
“นี่เป็นกลิ่นชะมด ผสมน้ำแข็ง”
สาวใช้ปิดจมูกนำของชิ้นเล็กที่ส่งกลิ่นเหม็นคาวรุนแรงวางไว้ที่ใต้จมูกของเขา เตรียมดูเขาออกอาการพะอืดพะอม เชิงซินขมวดคิ้วดมใกล้ๆทีเดียว หายใจลึกๆแล้วพูดว่า “นี่เป็นกลิ่นหลงเสียนเซียง หลงเสียนที่ยังไม่ได้ปรุงแต่งอะไร ยังไม่ได้อายุ ต้องรออีกสามสิบปีจึงจะใช้งานได้”
อวิ๋นเยี่ยตบมือเดินเข้ามา ซินเย่ว์เดินอุ้มท้องที่เริ่มนูนนิดๆเดินตามอยู่ข้างหลัง เหล่าบ่าวไพร่เปิดประตูหน้าต่าง สาวใช้พัดกันอย่างแรงเพื่อไม่ให้ในห้องมีกลิ่นหอมใดๆเหลืออยู่ ฮูหยินเล็กได้กลิ่นหอมเพียงเล็กน้อยก็จะอาเจียนไม่หยุด
“เชิงซิน เรื่องเคราะห์กรรมของเจ้านั้นข้าไม่ต้องพูดเจ้าเองก็รู้ดี ต่อไปเจ้าคิดจะทำอะไรบ้าง หากยังพอมีคนของครอบครัวเหลืออยู่ข้าจะให้ค่าเดินทางเจ้าไปอยู่กับคนของครอบครัว หากไม่มีที่ไปจริงๆก็ให้พักได้ชั่วคราวที่หมู่บ้านตระกูลอวิ๋น แต่ตระกูลอวิ๋นไม่รับเลี้ยงคนไร้ค่า เจ้าจะต้องอาศัยสองมือเจ้าหาข้าวกินจะอาศัยคนอื่นไม่ได้อีก เจ้าจะเลือกแบบไหน”
เชิงซินรีบฟุบที่พื้นโขกศีรษะไม่หยุดพูดว่า “ข้าไม่มีญาติพี่น้องมานานแล้ว ขอเพียงโหวเหยียไม่ขับไล่ข้า หากออกจากประตูบ้านโหวเหยียเมื่อไรแล้วข้าเหลือเพียงประตูตายเท่านั้น โหวเหยียเป็นผู้เที่ยงธรรมมีความเชื่อมั่นตัวเองสูงย่อมไม่สนใจรูปโฉมของข้า ขอเพียงให้โหวเหยียเห็นใจสงสารข้าได้ข้าวกินสักชามก็พอแล้ว ข้าสนใจแยกแยะชนิดเครื่องหอมแต่เล็ก หากโหวเหยียยินยอมใช้งานข้าจะทำงานจนสุดกำลังที่มีอยู่”
“ดีมาก นับตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าก็เป็นบ่าวไพร่ของตระกูลอวิ๋นเป็นเวลาสามปี หลังจากสามปีแล้วข้าจะออกหนังสือรับรองความเป็นอิสระของเจ้า เจ้าจะเลือกเองได้ว่าจะออกไปทำงานอิสระหรือยังคงต่อสัญญากับตระกูลอวิ๋น เอาละไม่ต้องบอกเจ้ามาก เรื่องที่ไม่เข้าใจก็ให้ถามผู้ดูแลบ้าน ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียด้วย ลูกผู้ชายอะไรใส่เสื้อคลุมลายดอกรองเท้าปักลาย ใบหน้าก็ห้ามไม่ให้ใช้เครื่องสำอางด้วย หากยังกล้ามีอาการที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้อีก ต้องโดนลงทัณฑ์”
อวิ๋นเยี่ยเพิ่งไปผู้ดูแลบ้านก็มา ข้างหลังมีเด็กรับใช้อุ้มของมัดใหญ่ตามมาด้วย เหล่าเฉียนให้เชิงซินเซ็นสัญญาก่อน หลังจากดูสัญญาจนเข้าใจแล้วเชิงซินก็ถามผู้ดูแลบ้านอย่างระมัดระวังว่า “อาเฉียน ตระกูลอวิ๋นยินยอมปล่อยให้บ่าวไพร่เป็นอิสระหรือ”
เหล่าเฉียนยิ้มชี้เด็กรับใช้ว่า “เจ้าพูดให้เขาฟังดู”
“เจ้ากินอิ่มพุงอืดจนทนไม่ไหวจึงต้องการใบรับรองความเป็นอิสระบ้าบอใบนั้น พวกเราไม่เคยหลอกคน บอกสามปีก็สามปีไม่เกินแม้แต่วันเดียว ถึงเวลาแล้วจะต้องออกใบรับรองให้ พอได้แล้วเจ้าก็ไปที่ทำการราชการขอทะเบียนบ้านรอแบ่งที่ดินให้ แล้วตัวเองซื้อวัวปลูกบ้านหาเมียแล้วขุดหาของกินจากที่ดินเองทั้งชาติ ชาตินี้ต้องจบกันแน่
พวกเราเวลานี้คิดแต่ว่าจะต้องทำอย่างไรให้โหวเหยียยอมต่อสัญญาไปเรื่อยๆ ข้าเองเหลืออีกสามเดือนจะครบกำหนด กำลังกลุ้มหนัก เกิดโหวเหยียไม่เอาข้าจะไปหาที่ไหนที่ทั้งได้เงินทั้งสุขสบายได้อีก เจ้ากล้าคิดจะให้ตัวเองอิสระหรือ พวกที่ร้องห่มร้องไห้ทั้งวันไม่ใช่พวกที่เข้ามาแต่เป็นพวกที่จะออกไป ตรงกันข้ามกับตระกูลอื่น ทำงานตลอดชีวิตที่นี่ข้าก็ยินดี บ่าวไพร่ก็บ่าวไพร่จะมีอะไรกันมากนัก”
เซ็นสัญญาเสร็จเหล่าเฉียนก็เร่งให้เขาเปลี่ยนเป็นชุดบ่าวไพร่สีน้ำเงิน ให้ใส่หมวกอีกใบแล้วชมว่าเป็นหนุ่มน้อยรูปหล่อมาก แล้วเบิกเงินเดือนครึ่งเดือนให้เขา บ่าวไพร่ทุกคนที่มาอยู่ตระกูลอวิ๋นล้วนทำกันเช่นนี้
มองดูเหรียญทองแดงกองเล็กๆบนเตียงแล้วเชิงซินรู้สึกว่าเห็นเงินเหล่านั้นแล้วสดชื่นมาก เขายังไม่เคยมีเงินมาก่อนเลย