เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 16 สังหารมังกร
โต้วเยี่ยนซานเห็นปลากำลังอ้าปากพะงาบๆ จึงเอามีดสับหัวของปลา เขาไม่รอช้าที่จะเอามือฉีกเนื้อปลาทั้งที่ยังมีเกล็ดแล้วเอาเข้าปาก ได้ยินเสียงคร่ำครวญของพ่อบ้านจึงหยุดกินปลา ลังเลอยู่สักพักจึงเอาเนื้อปลาให้พ่อบ้านกิน
เห็นพ่อบ้านค่อยๆ กินอาหารได้บ้างแล้ว ท่าทางความเป็นเจ้านายผู้สง่างามของเขาก็กลับมาอีกครั้ง หยิบมีดเล่มเล็กออกมาจากเอว ค่อยๆ หั่นเนื้อปลาเป็นชิ้นๆ แล่หนังปลาแยกก้างออกจากเนื้อปลา ใช้มีดจิ้มเนื้อปลาป้อนให้กับพ่อบ้าน แล้วตัวเองค่อยกินทีหลัง พ่อบ้านกินปลาด้วยความตื้นตันใจจนน้ำตาไหลออกมา คิดว่าชีวิดนี้คุ้มมากแล้ว ในเวลาแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกชายแท้ๆ ก็ยังไม่แน่ว่าจะทำเช่นนี้
“นายท่าน ท่านเองก็กินเยอะๆ สะสมแรงไว้ จะได้มีแรงเดินออกจากเขาคนป่าเถื่อนนี่ ข้าคงไม่ไหวแล้ว ไม่อยากเป็นภาระของท่าน”
“ลุงซาน เจ้าเลี้ยงข้ามาตั้งแต่เล็ก ตอนนี้ข้าเหลือเจ้าคนเดียวที่เป็นเหมือนญาติ พวกคนเลวที่เมืองฉางอันพวกนั้น ไม่สมควรใช้นามสกุลโต้ว ครั้งนี้เป็นเพราะข้าโลภมาก อยากได้เหมืองทองคำ เมื่อมีเงินก็อยากจะมีข้าทาสบริวารและม้า แต่ลืมคำนึงถึงความอันตรายที่ซ่อนอยู่ข้างใน ฮ่องเต้ตระกูลหลี่คิดที่จะฆ่าข้าตลอดเวลา จะยอมให้ข้าผูกมิตรกับวีรบุรุษไปทั่วโดยไม่แยแสได้เช่นไร นี่เป็นความผิดข้าที่ปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้หลุดมือไป
เจ้าต้องดีขึ้นแน่นอน อย่างไรข้าก็จะแบกเจ้าออกจากเขาคนป่าเถื่อน เมื่อครู่ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าบาดเจ็บไม่มากนัก พักสักหน่อย ข้าจะดึงธนูออกให้ พวกเราอยู่ไกล ลูกธนูสองดอกนี้จึงมีแรงไม่มากนัก เพียงแค่ทะลุเข้าเนื้อเท่านั้นไม่ถูกส่วนสำคัญอะไร
ตอนนี้ข้าแทบจะไม่เหลืออะไร มีเพียงเจ้าที่ค่อยเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้า ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายเด็ดขาด เจ้าต้องมีชีวิตรอด ในอนาคตต้องช่วยข้าเลี้ยงดูลูกเลี้ยงดูหลาน พระเจ้ามักจะเป็นศัตรูกับข้า ข้าจะอ่อนแอไม่ได้ และข้าจะไม่ยอมถอยเป็นอันขาด เมื่อผ่านอุปสรรคไปได้จะต้องมีสักวันที่เป็นของเรา”
พ่อบ้านพยักหน้ายิ้มทั้งน้ำตา นายท่านเพียงแค่โชคไม่ดี ไม่ได้ขาดความฉลาดหลักแหลม แค่พระเจ้าไม่ได้ให้โอกาสเขาเท่านั้น พ่อบ้านเชื่อมั่นในเจ้านายของตนเป็นที่สุด
โต้วเยี่ยนซานนำส่วนที่ดีที่สุดของปลาทั้งหมดให้กับพ่อบ้าน ตัวเองกินส่วนที่มีก้าง ปลาที่หนักหนึ่งกิโลไม่เพียงพอสำหรับให้ผู้ชายสองคนที่กำลังหิวโหย
ทั้งสองคนนอนพักสักครู่ โต้วเยี่ยนซานเอาไม้ไผ่ให้พ่อบ้านคาบไว้ แล้วฉีกเสื้อส่วนที่สะอาดของตัวเองออกมา ยิ้มแล้วพูดกับพ่อบ้านว่า “ลุงซาน อดทนหน่อยนะ ข้าจะดึงธนูออกมา ที่จุดไฟของพวกเราเปียกชื้นไปหมด จุดไฟไม่ได้แล้ว หากมีไฟมาลนแผลสักหน่อยคงจะดีกว่านี้”
พ่อบ้านพยักหน้าบอกโต้วเยี่ยนซานว่าตัวเองพร้อมที่จะอดทนต่อความเจ็บปวด
โต้วเยี่ยนซานใช้มือขวาจับก้านของลูกธนูแล้วดึงออกมา ลูกธนูหลุดออกมาพร้อมกับมีเลือดกระเซ็นออกมาด้วยเล็กน้อย โต้วเยี่ยนซานรีบเอาผ้ากดบาดแผลไว้ ตะโกนเสียงดังให้พ่อบ้านอดทนไว้ ผ่านไปสักพักใหญ่ ไม้ไผ่ที่พ่อบ้านคาบไว้หล่นลงมา หน้าซีดตัวสั่น แล้วพูดกับโต้วเยี่ยนซานว่า “นายท่าน ดึงก้านธนูที่เหลืออยู่ออกมาเลยทีเดียวเถิด ยิ่งเวลาผ่านไปนานข้าก็ยิ่งทรมาน”
โต้วเยี่ยนซานพยักหน้า เห็นเลือดไหลออกมาก็ไม่ได้กังวลมากแล้ว ปล่อยมือออกแล้วรีบดึงลูกธนูอีกดอกหนึ่งออกมาในขณะที่พ่อบ้านไม่ทันได้ตั้งตัว หลังจากนั้นก็รีบเอาผ้ามาพันแผลไว้ให้แน่น โต้วเยี่ยนซานถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก สองคนนายบ่าวหลังพิงกันแล้วหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าในสถานที่ที่ชื้นแฉะ
อวิ๋นเยี่ยรอโอกาสนี้มาตลอด เห็นสองคนนายบ่าวไม่ขยับไปไหน เขาก็เลยเสี่ยงว่ายน้ำข้ามไปฆ่าพวกเขา ในสถานการณ์เช่นนี้ หากไม่ลงมือก่อน เมื่อถึงเวลาคนที่ตายจะต้องเป็นตัวเขาเองแน่ๆ โต้วเยี่ยนซานทั้งฉลาดทั้งเก่งในด้านการต่อสู้ ไม่ใช่คนที่ตัวเองจะโค่นลงได้ง่ายๆ
เตรียมอาวุธครบมือ ผูกไหมไว้รอบเอว หากเกิดเหตุการณ์คับขันจะได้ดึงไหมว่ายกลับไป พึงจะลงน้ำว่ายได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องรีบว่ายกลับมา อวิ๋นเยี่ยรีบขึ้นฝั่งเหมือนถูกลูกธนูจิ้มก้น มือไปตีโดนที่หัวของวั่งไฉที่ก้มหน้าลงมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่ใช่ว่าอวิ๋นเยี่ยไม่อยากไปฆ่าโต้วเยี่ยนซาน แต่เป็นเพราะตอนที่ว่ายลงไปเขาเห็นบางอย่างลักษณะคล้ายท่อนไม้แห้งลอยอยู่
อวิ๋นเยี่ยดูไม่ผิดแน่ นั่นคือจระเข้กำลังว่ายน้ำ ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้น้ำเริ่มไหลช้าลง อวิ๋นเยี่ยเกือบจะมองไม่เห็นว่ามีจระเข้อยู่
หลบอยู่หลังต้นการบูรแอบมองว่าจระเข้จะไปทางไหนกันแน่ หากขึ้นทางฝั่งของตัวเอง อวิ๋นเยี่ยก็จะตัดสินใจพาวั่งไฉกระโดดลงไปทางน้ำตก ตกลงไปตายยังดีกว่าถูกจระเข้กิน คิดเสียว่าเป็นการสังเวยชีวิตให้แก่ลูกจระเข้
จระเข้ยักษ์ดูกังวลกับไข่ของมัน ขึ้นไปพื้นทรายฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ลังเล เอาหางปัดทรายออก เห็นว่าไข่ของตัวเองหายไป จระเข้อ้าปากคำรามโดยไม่มีเสียง มองหาศัตรูที่เอาไข่มันไป จู่ๆ มันก็หันหน้าไปอีกฝั่ง ตรงนั้นได้กินคาวเลือดอย่างแรง เป็นกลิ่นที่มันชอบมาก รีบคลานไปที่นั่น แล้วใช้หางยกแท่นขึ้นดูว่ามีอะไรวางอยู่ เจอสิ่งที่มันตามหาแล้ว จระเข้เห็นเศษของเปลือกไข่ที่อวิ๋นเยี่ยวางไว้อยู่บนฝั่ง
จระเข้ขู่ร้องตะเกียดตะกายเบียนขึ้นไปบนฝั่ง โต้วเยี่ยนซานได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวพอลืมตาขึ้นมองก็พบปากอ้ากว้างเต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมกำลังจะงับเขา
ไม่เสียแรงที่เขาโตขึ้นมาท่ามกลางความยากลำบาก เพื่อเอาตัวรอด รอบตัวไม่มีอาวุธอะไรที่ป้องกันตัวเองได้ จึงผลักพ่อบ้านที่กำลังสลบอยู่ไปให้จระเข้ยักษ์แทน
จระเข้ไม่สนใจ ขอแค่ในปากมีอาหารมันก็จะงับอย่างสุดแรง ตัวของมันตกลงมาจากฝั่ง อวิ๋นเยี่ยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยินเสียงร้องอย่างทรมาน
“นายน้อย ช่วยข้าด้วย!” พ่อบ้านถูกจระเข้คาบไว้ในปาก แขนขาทั้งสี่ข้างไม่มีแรงจะขยับ จระเข้ขบกัดจนได้ยินเสียงกระดูกหักอย่างชัดเจน ในตอนนี้สิ่งที่ขยับได้มีเพียงแค่ปากเท่านั้น
เห็นจระเข้ยักษ์กำลังจะงับพ่อบ้านให้ขาดเป็นสองท่อนและกลืนกินลงไป ขาทั้งสองข้างของโต้วเยี่ยนซานก็สั่น เขาหันหลังจะวิ่งหนีไป แต่น่าเสียดายที่ข้างหลังเป็นหน้าผา
ไม่มีทางให้ไปแล้ว โต้วเยี่ยนซานกระโดดลงจากฝั่ง อย่าว่าแต่จระเข้ยักษ์เลย ต่อให้เป็นมังกรยักษ์ โต้วเยี่ยนซานก็จะโดดข้ามไปโดยไม่ลังเล
ลำตัวของพ่อบ้านถูกกัดจนขาด จระเข้กำลังกลืนขาเขาไปข้างหนึ่ง เห็นโต้วเยี่ยนซานกระโดดข้ามมา ก็รีบตะโกนบอกให้นายท่านรีบหนีไป เขาไม่รู้ว่านายท่านของเขาเป็นคนโยนเขาเข้าปากจระเข้
โต้วเยี่ยนซานกระโดดข้ามร่างของพ่อบ้านไป ฉวยโอกาสตอนที่จระเข้กำลังกลืนเหยื่อ ก็เอามีดปักลงไปที่คอของจระเข้ ความคมของมีดแทงลึกเข้าไปในเนื้อ จระเข้ได้รับบาดเจ็บ ขาคนที่คาบไว้ในปากก็ไม่สามารถคายออกมาได้ นอนเจ็บปวดอยู่บนพื้นทราย
โต้วเยี่ยนซานไม่มีมีดแล้วจึงหันหลังวิ่งหนีไป แต่รู้สึกเหมือนถูกอะไรตีเข้าที่ด้านหลัง ตัวลอยขึ้นมาตกลงบนฝั่ง ภายในพริบตาขาสองข้างของโต้วเยี่ยนซานก็ไม่มีความรู้สึกแล้ว ปากเขากระอักเลือดออกมา
ลมหายใจสุดท้ายของพ่อบ้าน ในแววตายังมีความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าตัวเขาจะตายแต่ก็ไม่เสียดายความจงรักภักดีที่มีต่อเจ้านาย มีเพียงความเสียใจที่ปล่อยวางไม่ได้
โต้วเยี่ยนซานนอนอยู่บนฝั่ง ตามองไปที่จระเข้ยักษ์ที่ดิ้นไปดิ้นมาไม่หยุด มันใกล้จะตายแล้ว ถูกมีดแทงเข้าไปที่หัวใจ มีชีวิตอยู่อีกได้ไม่นานแล้ว โต้วเยี่ยนซานพยายามอดทน เขาไม่อยากหลับก่อนที่จระเข้ยักษ์นั้นจะตาย
ความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้คือการได้สังหารมังกร ใครจะคิดว่าจระเข้ยักษ์จะทำให้ความพยายามทั้งหมดที่มีต้องสูญเปล่า
จระเข้ยักษ์ไม่ขยับเขยื้อนแล้ว โต้วเยี่ยนซานยิ้มที่มุมปากเตรียมจะหลับตา เตรียมตัวดื่มด่ำกับความรู้สึกครั้งสุดท้ายในชีวิต ตอนมีชีวิตอยู่มีแต่ความยากลำบาก ตอนนี้ได้เวลาพักผ่อนแล้ว
ก่อนจะหลับเพียงครู่เดียวเขาเห็นอวิ๋นเยี่ยที่ไม่ได้ใส่เสื้อปีนขึ้นมาบนฝั่ง ได้เจอกับสหายเก่าอีกแล้ว โต้วเยี่ยนซานดีใจขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล อย่างน้อยก็มีคนเอาเรื่องที่ตัวเองสังหารมังกรไปเล่าให้คนอื่นได้ฟัง
“อวิ๋นโหว ไม่เจอกันไม่กี่วัน ยังดูสง่างามเหมือนเดิม ช่างน่ายินดียิ่งนัก” โต้วเยี่ยนซานรู้ว่าตัวเองสภาพแย่มาก ดังนั้นเขาจึงพยายามทำให้เสียงของตัวเองยังฟังดูดีอยู่
เห็นโต้วเยี่ยนซานเพียงพริบตาเดียว อวิ๋นเยี่ยก็รู้ว่าช่วยไม่ทันแล้ว กระดูกสันหลังหักครึ่ง เห็นกระดูกสีขาวโผล่ออกมาถึงด้านนอก ยังมีชีวิตพูดคุยอย่างปกติก็ถือว่ามหัศจรรย์มากแล้ว
อวิ๋นเยี่ยโค้งคำนับแล้วพูดว่า “สหายโต้วมาไกลนับหมื่นลี้ ตัวข้าไม่มีอะไรติดตัว ต้อนรับไม่ดีต้องขออภัยด้วย”
“มีมังกรโผล่มาเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่อาจคาดคิด ตัวข้าไม่ขอสิ่งอื่นใด”
“ที่ข้ามีไข่จระเข้หนึ่งใบ ไม่ทราบว่าสหายโต้วจะอยากลองชิมดูหรือไม่”
“ควรจะเป็นเช่นนั้น ข้าต่อสู้กับจระเข้ยักษ์ ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ จระเข้ยักษ์ตายก่อน ข้ากินไข่ของมันแล้วก็คงต้องตาย เรื่องนี้ในภายหลังอวิ๋นโหวสั่งสอนลูกศิษย์อย่าลืมเล่าให้แก่ลูกศิษย์ฟังด้วย”
“คำขอของผู้กล้า ข้าทำให้ได้อยู่แล้ว ต่อไปในตลาดเมืองฉางอันจะต้องมีตำนานที่สหายโต้วต่อสู้กับจระเข้ยักษ์เลื่องลือไปทั่วฉางอัน เป็นวีรบุรุษผู้พิชิตสัตว์ดุร้าย ให้ฮ่องเต้และราษฎรทึ่งในความกล้าหาญของเจ้า”
โต้วเยี่ยนซานหัวเราะออกมาเสียงดัง ในปากกำลังเคี้ยวไข่จระเข้ยักษ์ที่อวิ๋นเยี่ยปลอกให้ พยายามกลืนลงไป โต้วเยี่ยนซานเลียปากแล้วพูดว่า “รสชาติเลิศล้ำ”
“สหายโต้ว ในตอนนี้เจ้ารู้สึกเสียใจหรือไม่”
“เหตุใดข้าต้องเสียใจ อวิ๋นเยี่ย เกิดเป็นชายหากตอนมีชีวิตอยู่ไม่ได้เป็นวีรบุรุษผู้กล้า ตายไปก็ต้องไปตกกระทะทองแดง ข้าเป็นคนที่บุญคุณต้องทดแทนแค้นต้องชำระ ต่อสู้กับความตายภายในสามก้าว ในตอนนี้แพ้แล้ว ก็เพียงแค่ต้องตาย ก่อนตายยังมีศัตรูมาส่ง เหตุใดจะต้องเสียใจ”
คำพูดฟังดูเรียบง่ายราวกับว่าทุกอย่างควรจะจบเช่นนี้ โต้วเยี่ยนซานไม่สนใจแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง เขาทำร้ายคนมามากมาย คนที่ตายด้วยน้ำมือเขาก็มีไม่น้อย แต่กลับมีจุดจบสมดั่งใจ แต่อวิ๋นเยี่ยที่อยากจะเป็นคนดีอย่างที่ตัวเองหวัง หากแต่ละก้าวช่างยากเย็นเหลือเกิน ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับ นี่สมเหตุสมผลเสียที่ไหนกัน
“อวิ๋นโหว ข้าจะต้องเดินทางไกลแล้ว เจ้ามีบทกลอนที่จะส่งข้าหรือไม่”
“เจ้าเห็นต้นสนบนหน้าผานั้นไหม ข้าจะใช้มันเป็นหัวข้อแต่งบทกลอนให้แก่เจ้า”
“ดีจริงๆ ช่วยเร็วๆ หน่อย ข้ากลัวว่าจะฟังไม่จบ เช่นนั้นข้าคงจะเสียใจแย่”
“โอบกอดภูเขาเขียวขจีไว้ไม่ยอมปล่อย เติบโตกลางรอยแตกหักของก้อนหิน ความลำบากนับหมื่นพันถาถมเข้ามายังคงตั้งอยู่ได้ ปะทะกับลมทั้งสี่ทิศ สี่ประโยคนี้แสดงถึงความยืนหยัดของเจ้ามาทั้งชีวิต คาดว่าเมื่อไปยังปรโลกก็ยังคงจะเป็นเช่นนี้ ข้ามีเพียงคำอวยพรให้เจ้ายืนหยัดต่อไป แต่หวังว่าเจ้าจะมีผู้กล้าเป็นบริวารหนึ่งแสนคนไปปราบยมราช”
โต้วเยี่ยนซานหัวเราะอย่างมีความสุข หัวเราะจนเลือดกระฉูดออกมา เส้นประสาทสัมผัสทั้งห้าแตก พูดออกมาหนึ่งประโยคว่า “มีความสุขเสียจริง” จากนั้นก็ไม่ขยับแล้ว