เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 23 องค์หญิงผู้น่าสงสาร
ในสายตาหลิวจิ้นเป่า นายน้อยที่น่าสงสารของตัวเองไม่ได้รับการปกป้องจากพ่อ ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในหุบเขาลึก วันๆ ดื่มแต่นม คนรับใช้ร่างผอมหลายคนคอยปกป้องนายน้อยของพวกเขาอย่างแน่วแน่ รอคอยสักวันหนึ่งเมื่อนายน้อยเติบโตขึ้นจะสามารถเป็นใหญ่เป็นโตได้ในอนาคต แม้แต่ตัวเขาก็ยังรู้สึกประทับใจในความคิดของตัวเอง แต่กลับทำให้อวิ๋นเยี่ยไม่พอใจ
จะเป็นใหญ่เป็นโตหรือไม่อวิ๋นเยี่ยไม่รู้ หากยังรักไม่ลืมหูลืมตาเช่นนี้ ในอนาคตมีโอกาสสูงที่จะโดนประหารชีวิต การที่คนในตระกูลอวิ๋นเลี้ยงลูกชายให้กลายเป็นคนล้างผลาญสมบัติของตระกูลนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกเศร้าใจ
“ต่อไปนี้การอบรมสั่งสอนนายน้อยให้เป็นหน้าที่ขององค์หญิง นางเป็นแม่ นางมีสิทธิ์ในการเลี้ยงดู การเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดของคนที่มีเชื้อสายราชวงศ์เป็นสิ่งที่ดีมากด้วยซ้ำ ควรแทนที่การดูแลอย่างเอาอกเอาใจของพวกเจ้า เจ้าก็คงจะไม่ยอมให้นายน้อยของเจ้ากลายเป็นทายาทจอมล้างผลาญหรอกใช่หรือไม่”
หลิวจิ้นเป่าอ้าปากกว้างจนสามารถยัดกำปั้นเข้าไปได้ สีหน้าดูเปล่งประกาย สายตามองไปทางอื่น ดูเหมือนจะบอกว่านายน้อยอาจจะไม่ได้เหมือนกับอวิ๋นเยี่ย
เพียงชั่วครู่อวิ๋นเยี่ยก็รู้ เตะขาของหลิวจิ้นเป่าไปหนึ่งทีแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นทายาทจอมล้างผลาญอันดับหนึ่งของฉางอัน ถึงข้าจะผลาญสมบัติ แต่ข้าก็สร้างกิจการครอบครัวได้ มีเงินใช้จ่ายได้ตามใจ เพียงครู่เดียวก็มีเงินกลับเข้ามาใหม่ นี่คือความสามารถ ความสามารถที่ยอดเยี่ยม ต่อให้ข้าล้างผลาญสมบัติอีก พวกเจ้าก็จะไม่อดตาย แต่ละคนอ้วนเป็นหมูหมดแล้ว”
หลิวจิ้นเป่าเอาแต่หัวเราะ คิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้พูดออกมาว่า “ท่านโหว พวกถู่อ๋องนั้นจัดการได้ไม่ยาก ท่านฆ่าตายก็สิ้นเรื่อง แต่ว่าคนในตระกูลเฝิงสามคนนั้นท่านจะจัดการอย่างไร พวกเขาทำให้การขอองค์หญิงแต่งงานในครั้งนี้เป็นข่าวดังไปทั่ว ตอนนี้ที่ตำหนักขององค์หญิงมีแต่เรื่องวุ่นวาย มีคนที่ไม่เกี่ยวข้องพากันเข้าๆ ออกๆ จนทำให้องค์หญิงรำคาญ”
“องค์หญิงคิดอะไรอยู่” อวิ๋นเยี่ยหัวเราะพร้อมกับถามหลิวจิ้นเป่า
“ช่วงนี้องค์หญิงให้แม่บ้านเหอไปรับใช้นางโดยเฉพาะ และไม่ต้อนรับแขกหลังจากฟ้ามืดแล้ว” หลิวจิ้นเป่าค่อยๆ อธิบายให้ฟังอย่างชัดเจน เพราะกลัวว่าอวิ๋นเยี่ยจะเข้าใจผิด
“คนอย่างหลี่อันหลานกลัวข่าวลือด้วยอย่างนั้นหรือ ก็ดี ในเมื่อเจ้ารักษาเนื้อตัวไว้ให้ข้า เช่นนั้นข้าก็จะกำจัดพวกแมลงวันเหล่านั้นให้กับเจ้า มอบดินแดนอันมั่งคั่งคืนให้กับเจ้า”
อวิ๋นเยี่ยมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินอยู่ข้างนอก เคาะขอบหน้าต่างไปเรื่อยๆ แล้วคุยกับตัวเอง นัยน์ตาของหลิวจิ้นเป่าเริ่มแดงเหมือนกับสัตว์ดุร้ายที่กำลังจะแหกกรง
ไม่นานมานี้ เมืองยงโจวได้มีราษฎรเพิ่มขึ้นมากมาย ข่าวการปรากฏขึ้นของทองหัววัวได้แพร่กระจายไปทั่วราวกับไฟป่า ทั้งเมืองเต็มไปด้วยผู้คนที่ถือดาบ และยังมีคนจากชนเผ่าอื่นๆ ที่แต่งกายแปลกๆ แม้กระทั่งชาวหูที่อยู่ไกลถึงกว่างโจวก็ยังมาถึงที่นี่ ไม่มีเหตุผลอื่น ทั้งหมดที่มาเป็นเพราะก้อนทองคำ เฝิงอั้งได้ส่งม้าเร็วให้นำจดหมายที่เขาเขียนด้วยตัวเองไปส่งให้กับหลี่อันหลานเพื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่
ทองหัววัวถูกวางไว้บนโต๊ะหลี่อันหลาน หลังจากที่ล้างทำความสะอาดแล้ว สีเหลืองทองเปล่งประกายลบล้างความมืดมน หลี่อันหลานมองทองก้อนนี้อย่างครุ่นคิดอยู่นาน ทองก้อนนี้เป็นทองคำธรรมชาติจริงๆ นางชอบมาก และรู้ว่าเบื้องหลังต้องมีจุดประสงค์อะไรที่ไม่สามารถบอกให้คนรู้ได้แน่ๆ นางรู้สึกได้ถึงแผนการลึกลับ
หลิ่งหนานไม่ได้รกร้างเหมือนที่นางคิด ซ้ำยังมีหลายเมืองที่ค่อนข้างเจริญรุ่งเรือง อย่างเช่นเมืองกว่างโจว ที่มีจำนวนประชากรมากถึงหนึ่งแสนคน ในเมืองของตนเองก็มีประชากรอยู่หนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยสิบหกคน นี่คือจำนวนที่แน่นอนหลังจากที่นางได้รวบรวมจำนวนประชากรใหม่อีกครั้ง
มีหนังสือสรุปแผนการพัฒนาเล่มบางวางอยู่บนโต๊ะทำงาน นางแทบจะท่องได้หมดแล้ว หากตัวเองเป็นองค์ชาย เช่นนั้นก็จะไม่มีเรื่องน่าปวดหัวมากเช่นนี้ นางมีความมั่นใจที่จะปกครองดินแดนของตัวเองได้ดี เพียงแค่ทำตามวิธีของอวิ๋นเยี่ย นำคนเถื่อนออกจากภูเขาที่รกร้าง แบ่งที่ดินให้แก่พวกเขา ให้พวกเขาอาศัยอยู่บริเวณโดยรอบเมือง เมื่อผ่านไปยี่สิบสามสิบปี คนพวกนี้ก็จะไม่ใช่คนเถื่อนแต่จะกลายเป็นประชากรของตัวเอง มีจำนวนหนึ่งหมื่นกว่าคน รวมเด็กและผู้หญิงอีก ทั้งหมดไม่เกินห้าหมื่นกว่าคน นี่ไม่ไกลจากการประมาณไว้ในตอนต้นของอวิ๋นเยี่ย
การกำหมัดไว้แน่นทำให้รู้สึกมีพละกำลัง เมื่อเมืองของตัวเองเปลี่ยนเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแล้ว ตัวเองก็จะมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น ไม่เหมือนตอนนี้ที่ต้องถูกเฝิงอั้งควบคุม
เสด็จพ่อที่ปรีชาสามารถไม่ยอมให้ใครขึ้นเป็นใหญ่เป็นโต แต่ให้เฝิงอั้งควบคุมอำนาจของหลี่อันหลานอีกที แต่กลับไม่ให้สิทธิ์นางในการควบคุมแคว้น สิ่งนี้ดูเหมือนจะขัดแย้ง อำนาจของเฝิงอั้งต้องสิ้นสุดลงเมื่ออยู่ต่อหน้าของหลี่อันหลาน และต้องไม่สามารถก้าวก่ายได้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าล่วงเกินอำนาจ เพราะว่าอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือของหลี่หรง เด็กน้อยอายุไม่ถึงหนึ่งปีต่างหากที่เป็นเจ้าของพื้นที่แห่งนี้ตัวจริง ในขณะที่เจ้าของยังไม่เติบโต หลี่อันหลานก็เป็นผู้ที่ดูแลจัดการแทน ช้าเร็วอำนาจก็ต้องถูกส่งมอบให้แก่ลูกชายของตัวเอง
หลี่ซื่อหมินมั่นใจว่าหลานชายของเขาจะสามารถมีอำนาจควบคุมได้ในอนาคต เขามีแผนการชั่วร้ายเต็มหัวไปหมด เด็กคนนี้มีพ่อที่มีความสามารถมาก นางไม่กังวลว่าเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้จะไม่มีคนดูแล ตัวเองเพียงแค่ควบคุมพ่อของตัวนางเองได้ก็พอใจแล้ว นางมักจะจับประเด็นหลักได้ดีเสมอ
หลี่อันหลานรู้สึกอิจฉาขึ้นมา ตัวเองยอมทำทุกอย่าง แต่สุดท้ายกลับถูกเอาเปรียบด้วยเด็กทารกไม่รู้ความที่นอนอยู่ข้างๆ ตัวเอง
ได้ยินเสียงร้องมาจากในเปล ความรู้สึกนั้นได้หายไปในทันที ลูกรักของนางฉี่อีกแล้ว
หลิงตังเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ตั้งแต่พบว่าที่นี่ไม่มีชนเผ่าที่กินคน นางก็หายหัวไปทั้งวันทั้งคืน หากกลับมาบ้านก็เป็นเวลากินข้าว เก็บก้อนหินที่มีลักษณะสวยงามมาจากริมลำธารจำนวนนับไม่ถ้วน กองไว้จนเต็มห้องไปหมด
ได้ยินองค์หญิงสั่งให้แม่บ้านเหอล้างก้นให้นายน้อยอยู่ในห้อง นางจึงเขย่งเท้าเตรียมจะย่องกลับห้องของตัวเอง พึ่งจะถึงหน้าประตู ก็รู้สึกว่าคอเสื้อถูกดึงไว้แน่น ที่แท้ก็ถูกองค์หญิงจับได้อีกแล้ว
“หลิงตัง วันนี้ทั้งวันข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เจ้าก็ไม่ช่วยข้าจัดการเรื่องภายในบ้านเลยสักนิด พอมีเวลาว่างก็เอาแต่ออกไปข้างนอก ดูสิ เก็บก้อนหินมาเยอะแยะอีกแล้ว เจ้าจะเอาก้อนหินพวกนี้ไปทำอะไร”
หลี่อันหลานเสียใจที่ตัวเองเคยรับปากหลิงตังไว้ว่าเมื่อมาถึงหลิ่งหนานก็จะให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะไม่สนใจเรื่องในบ้านเลยจริงๆ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ได้ผล
โชคดีที่สาวใช้ในวังอย่างจูหวนยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ช่วยนางจัดการเรื่องเล็กๆ ในตำหนักได้ แต่ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นอะไร อยากจะตั้งตัวอักษรจางไว้ข้างหน้าคำว่าจูหวน การเปลี่ยนชื่อของสาวใช้ในวังเป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่ใช่ว่าจะไปแต่งงานเสียหน่อย เรียกว่าจูหวนมาหลายปี จู่ๆ จะมาเพิ่มนามสกุล มันน่าอึดอัดแค่ไหน รู้ว่านางอยากจะแสดงถึงสิทธิอำนาจอย่างหนึ่ง แต่หลี่อันหลานไม่สนใจ ตอนนี้ในแคว้นของตัวนางเองกำลังมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นพร้อมกัน ยิ่งมีอำนาจมากขึ้นก็ยิ่งวุ่นวาย นางไม่สนว่าใครจะอยู่หรือใครจะไป เพียงแต่ว่าจางจูหวนดูเหมือนจะกลัวแม่บ้านเหอเป็นอย่างมาก ช่างไร้เหตุผลเสียจริง
จางจูหวนอยู่ในห้องเดียวกันกับหลิงตัง ไม่ใช่ว่าไม่มีห้องให้นางอยู่ แต่ว่าหลิงตังกลัวค้างคาวที่บินเข้ามาจากหน้าต่างจะมาดูดเลือดของตัวเองจึงลากจางจูหวนมานอนด้วย หากค้างคาวมาจริงๆ เมื่ออยู่สองคนก็คงจะมีความกล้าขึ้นมาบ้าง
มีเพียงแค่สองคนนี้ที่หลี่อันหลานสามารถสั่งการได้ พวกขุนนางที่เคยประพฤติผิดที่อยู่ด้านนอก แต่ละคนดูเหมือนไม่มีชีวิตชีวา เหมือนกับว่าจะมาตายที่หลิ่งหนาน ไม่เคยปฏิบัติหน้าที่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
หลิงตังนอนอยู่บนตักออดอ้อนหลี่อันหลาน จางจูหวนแอบปิดปากหัวเราะ หลี่อันหลานลากสองคนนั้นเข้าไปในห้อง พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พวกเจ้าสองคนช่วยใส่ใจหน่อยได้ไหม นี่คือที่พักพิงสุดท้ายของพวกเรา ในขณะที่ลูกข้ายังไม่เติบโต พวกเราจำเป็นต้องยึดมั่นในรากฐานนี้ อย่าให้ใครมาขโมยเอาไปได้”
“องค์หญิง ท่านคิดมากไปแล้ว นายน้อยมีพ่อที่เก่งกาจ หากนายน้อยถูกรังแกก็เรียกพ่อของเขามาจัดการพวกคนเหล่านั้น เขาต้องมีวิธีที่ดีแน่ๆ พวกเราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดีหรือไม่ พี่จูหวนเจ้าว่าอย่างไร”
“เรียกใหม่อีกรอบ ข้าชื่อจางจูหวน”
“รับทราบ พี่จูหวน”
หลี่อันหลานถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยใจ เด็กสองคนนี้ช่างไม่รู้อะไรเสียจริง ไม่รู้ว่าอวิ๋นเยี่ยไม่ส่งจดหมายกลับมาที่หลิ่งหนานครึ่งปีแล้ว ตัวเองส่งไปตั้งหลายฉบับ สุดท้ายก็เป็นซินเย่วที่ตอบกลับจดหมาย บอกเพียงแต่ว่าสามีของตัวเองออกไปผจญภัยไม่ได้อยู่บ้าน นี่มันใช่การออกไปผจญภัยเสียที่ไหน เป็นถึงท่านโหวจะบ้าถึงขนาดออกไปผจญภัยโดยไม่สนใจเรื่องราชการได้อย่างไร กฎของแคว้นข้อไหนอนุญาตให้เขาทำเช่นนี้ นี่เป็นข้ออ้างที่จะบ่ายเบี่ยง
คนใจร้าย หรือว่าเจ้าไม่สนใจพวกเราสองแม่ลูกแล้ว หลี่อันหลานตาแดงก่ำด้วยความเสียใจ สาวใช้สองคนไม่กล้าหยอกล้อเล่นด้วย จึงอยู่ข้างๆ หลี่อันหลานอย่างเงียบๆ
ความอ่อนแอของหลี่อันหลานเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ พอเงยหน้าขึ้นมาก็กลับมาเป็นองค์หญิงผู้สง่างามของต้าถังเหมือนเดิม เริ่มกลับมาคิดว่าทองหัววัวจริงๆ แล้วมีประโยชน์อะไร คนที่มอบทองหัววัวก็เป็นเพียงแค่ผู้นำคนเก่าแก่ของหมู่บ้าน หมู่บ้านที่มีคนอาศัยสองสามร้อยคนไม่ได้มีแผนการอะไรใหญ่หลวง ในวินาทีที่พวกเขาได้รับเสบียงอาหาร หลี่อันหลานก็รู้ได้ว่าเป้าหมายของท่านผู้เฒ่าก็คือเสบียงอาหารไม่มีจุดประสงค์อื่น
หลี่จิ้นเป่าต้องรู้อะไรแน่ๆ แต่กลับปิดปากเงียบไม่พูดอะไร ยิ่งปกป้องนายน้อยมากขึ้นกว่าเดิม มีอยู่หลายครั้งที่ให้นมแก่ลูกน้อยในยามค่ำคืน ก็เห็นเงาของเขาสะท้อนอยู่บนหน้าต่าง ไม่ห่างจากนายน้อยแม้แต่ก้าวเดียว
นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้จิตใจของหลี่อันหลานรู้สึกมั่นคง หงเฉิงพาทหารสามพันคนที่มีลักษณะดูดุร้ายไปยืนประจำการตามแนวชายขอบของแคว้น การไปโจมตีประเทศอื่นทำให้ได้สมบัติกลับมากองเท่าภูเขา แม้กระทั่งลูกชายของตัวเองก็ได้ร้บมาไม่น้อย เงินปันผลของตระกูลอวิ๋นก็มอบให้แต่ลูกชายทั้งหมด ตัวเองเห็นยังรู้สึกอิจฉา เงินทองมากมายแต่กลับไม่มีในส่วนของนาง ไม่มีเงินค่าอาหารก็ไม่มีวิธีซื้อแรงคน เช่นนั้นก็จะไม่มีวิธีสร้างเมืองที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ แผนที่ที่อวิ๋นเยี่ยให้ไว้ก็ยังคงอยู่เช่นนั้น
เพียงแค่ใช้บารมีของตระกูลเฝิงเพิ่มภาษีเล็กน้อยก็มีหมู่บ้านมากมายที่ไม่ยินยอม บอกว่าหากจ่ายไปตัวเองก็จะอดตาย ตระกูลเฝิงได้ส่งทหารม้าออกไปทั่วทำให้คนในหมู่บ้านตกใจ เพียงแค่ช่วยเหลือแค่นี้ก็หวังจะให้องค์หญิงแต่งงานด้วย สมองของเฝิงอั้งถูกลาถีบมาหรืออย่างไร นี่คือคำพูดที่อวิ๋นเยี่ยพูดอยู่บ่อยๆ
สาวใช้ทั้งสองเดินกลับมาที่ห้องเป็นเพื่อนหลี่อันหลาน ทองหัววัวยังคงวางอยู่บนโต๊ะ ก้อนทองคำมีความเย็น หลี่อันหลานมักคิดว่าหลิวจิ้นเป่าจะพูดจาเหน็บแนมเวลาที่ตัวเองมองทองหัววัว แม่บ้านเหอกำลังอุ้มนายน้อยอยู่ ใบหน้าดูสงบและผ่อนคลาย ไม่มีการบ่นเหมือนกับวันก่อนๆ
เหตุใดถึงมีเพียงแค่ตัวนางที่รู้สึกไม่สบายใจ
หันกลับไปมองแม่บ้านเหอที่กำลังอุ้มลูกชายตัวอ้วน เจ้าตัวน้อยน้ำลายไหล ดิ้นไปมาในอ้อมกอดของแม่บ้าน และยังยิ้มให้นาง