เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 24 เกิดอะไรขึ้น
หลี่อันหลานอุ้มลูกน้อยมาจากแม่บ้านเหอ เด็กน้อยรีบมุดเข้ามาในอ้อมกอด มืออ้วนๆ ปัดไปมาอยู่บนใบหน้าของนาง หอมมือน้อยๆ ของลูกชายด้วยความรักใคร่ สองแม่ลูกพากันพูดภาษาต่างดาว หลิวจิ้นเป่ามองไปรอบๆ ห้อง จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไป ทั้งห้องมีแต่ผู้หญิง เขาอยู่ที่นี่เห็นจะไม่เหมาะสม
“แม่บ้านเหอ วันนี้เจ้าดูอารมณ์ดี รีบบอกข้ามาว่ามีเรื่องอะไรน่ายินดี จะได้แบ่งปันความสุขด้วยกัน” หลี่อันหลานถอดเสื้อเตรียมให้นมลูกพร้อมกับมองไปที่แม่บ้านเหอ
คนรับใช้ตระกูลอวิ๋นที่ถูกส่งมาดูแลนายน้อยที่หลิ่งหนานก็คือนาง เมื่อเด็กเกิดมา นางก็มีสิทธิ์ที่จะได้ดูแลเด็กโดยปริยาย ไม่ว่าหลี่อันหลานจะโวยวายอย่างไรก็ไม่ได้ผล หลังจากที่โดนเฆี่ยนไปสองทีก็ยังคงดื้อดึงจะดูแลเด็ก ไม่ยอมให้คนนอกที่หลี่อันหลานพามาแตะต้องตัวเด็กได้แม้แต่นิ้วเดียว
นางเป็นหญิงสาวชาวนา สามีจากไปนานแล้ว อาศัยนิสัยที่เด็ดเดี่ยวและร่างกายอันแข็งแรงเลี้ยงลูกทั้งสามคนมาจนโต ตอนนี้อายุสี่สิบปีเป็นช่วงเวลาที่จะสร้างฐานะให้มั่นคง ลูกชายของนางแต่งงานไปแล้วสองคน มีหลานแล้วหนึ่งคน ลูกคนเล็กมาที่หลิ่งหนานเพื่อเรียนรู้วิชาจากเถ้าแก่หลิว ด้วยความเป็นห่วงลูกคนเล็ก นางจึงอาสามาทำงานให้ตระกูลอวิ๋นที่หลิ่งหนาน
การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หากไม่ได้รับความเมตตาดูแลอย่างดีจากตระกูลอวิ๋น ก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร จะหาข้าวกินสักมื้อยังยาก ยังจะอยากแต่งงานมีลูกอีกหรือ นางจำได้เสมอว่าตอนที่ลูกชายคนโตของนางแต่งงาน ท่านย่าให้คนนำสร้อยไข่มุกมาส่งให้โดยเฉพาะ นี่คือของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิตที่นางได้รับ
วันที่ลูกชายคนที่สองแต่งงาน ท่านโหวและฮูหยินมาดื่มเหล้าและรับประทานอาหารที่บ้าน ตอนที่ฮูหยินจะเดินทางกลับได้นำปิ่นปักผมจากบนหัวมอบให้แก่เจ้าสาว ทำให้ญาติฝ่ายเจ้าสาวที่ดูถูกครอบครัวแม่บ้านเหออิจฉาตาลุกวาว ท่านโหวยังเตะขาเจ้าบ่าวทั้งสองข้าง ให้เขารู้จักกตัญญูต่อแม่ ไม่ให้เป็นคนล้างผลาญสมบัติตระกูลแบบตัวเอง ทำให้คนที่มาร่วมงานพากันหัวเราะลั่น
นี่มันอะไรกัน? ลูกชายของหญิงแม่ม่ายแต่งงานกลับมีท่านโหวและฮูหยินมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ปิ่นปักผมนั้นทำด้วยเงิน ข้างบนยังมีรูปของหงส์อีกด้วย หากชาวบ้านไปสั่งทำปิ่นลักษณะแบบนี้เอง ต้องโดนทางการลงโทษเป็นแน่
แม่บ้านเหอที่แข็งแกร่งมาตลอดชีวิตรู้สึกว่านางไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์ ลูกชายคนเล็กนั้นดื้อรั้นรักความอิสระ ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำในครอบครัว เขาอิจฉาผู้ดูแลตระกูลอวิ๋นที่ได้เดินทางไปทั่วเพื่อทำกิจการค้าขาย นางหาโอกาสขอร้องฮูหยินในตอนที่ช่วยฮูหยินปักผ้า คิดไม่ถึงว่าวันต่อมาฮูหยินก็ส่งคนมาพาลูกชายคนที่สามไป บอกว่าต้องเรียนรู้กฎในบ้านก่อน หลังจากนั้นจะส่งไปเรียนวิชา ลูกชายคนเล็กกอดขานางและร้องไห้ก่อนที่จะจากไป ทำให้นางรู้สึกภูมิใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน
บุญคุณของครอบครัวท่านโหวใช้ไม่หมดในชาตินี้ นายน้อยเป็นเลือดเนี้อเชื้อไขของท่านโหว เป็นคนตระกูลอวิ๋น ทุกครั้งที่นึกถึงว่านายน้อยใช้นามสกุลหลี่ นางก็ไม่พอใจองค์หญิงเป็นอย่างมาก ไม่ทำหน้าที่ภรรยาก็ไม่เป็นไร ท่านโหวก็ใช่ว่าจะไม่ยอมรับลูกชายของตัวเอง นามสกุลอวิ๋นดีถึงเพียงนี้แต่กลับไม่ให้ลูกชายของตัวเองใช้ ดันให้ใช้นามสกุลของแม่ นี่ก็เหมือนกับการทำให้ลูกถูกคนนินทาในอนาคตไม่ใช่หรือ
“กราบทูลองค์หญิง วันนี้ลูกชายคนเล็กมาที่จวน บอกว่าเขาได้เรียนรู้การใช้ลูกคิด เถ้าแก่หลิวแต่งตั้งให้เขาเป็นคู่หู ที่ข้ารู้สึกมีความสุขก็เป็นเพราะเรื่องนี้”
แน่นอนว่าแม่บ้านเหอรู้ว่าท่านโหวมาถึงหลิ่งหนานแล้ว อาศัยอยู่ในที่พักขององค์รักษ์ไม่ยอมออกมา เมื่อครู่ยังได้อุ้มนายน้อย หอมแก้มเด็กน้อยอย่างมีความสุข นายน้อยก็ชอบท่านโหวมากเช่นกัน ตอนแรกที่เจอยังไม่คุ้นเคย แล้วยังทำเอาผมของท่านโหวยุ่งไปหมด พ่อลูกเอะอะเสียงดังกันอยู่ครู่หนึ่ง นี่คือสิ่งที่นายน้อยควรจะได้รับ ท่านโหวโกรธพวกคนที่ต้องการจะกลั่นแกล้งนายน้อยเป็นอย่างมาก ครั้งนี้คนเหล่านั้นต้องถูกจัดการ
หลี่อันหลานเพียงแค่สงสัย คนรับใช้ตระกูลอวิ๋นดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าปกติ เดิมทีมักจะไม่พอใจที่องค์หญิงหาคนรับใช้เข้ามาใหม่ แต่ตอนนี้กลับไม่แม้แต่จะสนใจ
ยอมเป็นแค่แม่บ้านดูแลเด็กน้อย แต่ไม่ยอมเป็นหัวหน้าผู้จัดการเรื่องภายในบ้าน ในสายตามีแต่นายน้อย ไม่สนใจเรื่องอื่นอีก รับหลังยังแอบเรียกนายน้อยว่าท่านโหวน้อย ในสายตานางตำแหน่งองค์หญิงคงเทียบไม่ได้เลยกับท่านโหว
แต่ว่าก็ดีเหมือนกัน ที่มาของเด็กได้กลายเป็นความลับที่ถูกเปิดเผย การใช้อำนาจตระกูลอวิ๋นเพื่อครอบครองอาณาเขตนั้นถือเป็นผลประโยชน์อย่างมาก ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่ขอเงินจากเถ้าแก่หลิว จะถูกเขามองด้วยใบหน้าคิ้วขมวด แต่ทุกครั้งก็ตอบตกลง
นึกถึงเรื่องพวกนี้ หลี่อันหลานก็กัดฟันโกรธ ไม่ใช่ว่ากิจการในหลิ่งหนานเป็นสวนของข้าทั้งหมดหรือ เหตุใดข้าไม่สามารถแตะต้องได้
“ลูกน้อย ตอนนี้แม่ไม่มีเงินแล้ว ให้แม่ยืมเงินของเจ้าใช้สักนิดจะได้ไหม” หลี่อันหลานมองไปที่ลูกชายที่กำลังดูดนมในอ้อมกอดของนาง แม่ยืมเงินลูกของตัวเองคงไม่ถือว่าทำเกินไปหรอก
คนที่ร่ำรวยที่สุดในหลิ่งหนานไม่ใช่เฝิงอั้งและไม่ใช้หลี่อันหลาน แต่เป็นลูกชายของตัวเองที่กำลังกินนมอยู่ แค่นึกถึงหลี่อันหลานก็รู้สึกภูมิใจ ในฐานะผู้ปกครองแผ่นดิน ไม่ว่าใครก็ต้องยอมให้แก่ลูกชายของตัวเอง หากมีใครไม่ยอมก็จะให้หลิวจิ้นเป่าฆ่าทิ้งทันที ช่วงเวลาก่อนหน้านี้รายได้ในราชวงศ์ไม่ได้ถูกแบ่งมาให้ หลิวจิ้นเป่าจึงไปขอหนังสือที่มีลายลักษณ์อักษรยืนยันจากฮ่องเต้หรือไม่ก็ฮองเฮา หากไม่มีจริงๆ ขององค์ชายก็ยังดี หากเอามาไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องเอาเงินมาให้แต่โดยดี หลิวจิ้นเป่าวางอำนาจบาตรใหญ่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คลังสมบัติของนายน้อยก็มีเงินทองหลั่งไหลเข้ามาราวกับสายน้ำ ราชวงศ์เอาชนะหลิวจิ้นเป่าไม่ได้ เวลาหลิวจิ้นเป่าไปบุกเมืองอื่นก็ไม่ได้ไปในนามของเมืองตัวเอง มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่ามีบางเมืองเล็กๆ ที่เจริญแล้ว เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ผู้ดูแลพระราชวังชั้นในต้องมอบของขวัญให้แก่ทารกน้อย เพราะว่าราชวงศ์ก็ต้องการมีหน้ามีตาเช่นกัน
ลูกน้อยได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวจึงหยุดดื่มนมแล้วส่งเสียงร้องเรียกแม่ จากนั้นก็ดื่มนมต่อ
หลี่อันหลานพยักหน้าอย่างพอใจ พูดกับแม่บ้านเหอว่า “ลูกเห็นด้วยแล้ว พรุ่งนี้เจ้าเตรียมเงินห้าพันเหรียญไว้ให้ข้า ข้าต้องการใช้มัน”
เดิมทีนึกว่าจะถูกปฏิเสธ คิดไม่ถึงว่าแม่บ้านเหอจะพูดว่า “นายน้อยเห็นด้วยแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา คืนนี้ข้าจะจัดเตรียมไว้ให้ท่าน ไม่ทราบว่าท่านต้องการทองคำหรือว่าเงิน ที่เมืองหลิ่งหนานของพวกเรา มีเหรียญทองแดงไม่ค่อยเยอะ หากเป็นห้าพันเหรียญทองแดงคงหามาให้ไม่ได้”
หลี่อันหลานมองแม่บ้านเหอที่กำลังยิ้มอยู่อย่างประหลาดใจ จากนั้นก็ก้มลงมองลูกชายของตัวเอง หากรู้ว่าขอเงินได้ง่ายเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ข้ามัวทำอะไรอยู่ ตอนนี้คำพูดของลูกข้าจะแปลเป็นอย่างไรก็ได้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เกิดอะไรขึ้น” เฝิงจื้อหย่งก็ถามคำถามนี้เช่นกัน ข่าวเรื่องทองหัววัวปรากฏขึ้น ตัวเองพยายามเป็นอย่างมากเพื่อปิดข่าวไว้ แต่ทำไมตอนนี้ทั้งถนนมีแต่คนพูดถึงทองหัววัว ตระกูลเฝิงอยากจะครอบครองเหมืองแร่ก็ต้องแอบลงมือจัดการ แต่ตอนนี้คนทั้งโลกได้รู้หมดแล้ว จะยังครอบครองเพียงคนเดียวได้อย่างไร ในตอนนี้ที่หลิ่งหนานไม่ได้มีตระกูลเฝิงเพียงตระกูลเดียวที่เป็นตระกูลขนาดใหญ่ คนฐานะใหญ่โตอาศัยอยู่ที่หลิ่งหนานมีเยอะแยะทั่วไป แทบจะพากันถือจอบไปขุดหาทองบนภูเขา ตระกูลเฝิงจัดการได้หนึ่งตระกูล แต่ก็จัดการไม่ได้ทั้งหมดอยู่ดี
หัวหน้าหมู่บ้านอย่างท่านผู้เฒ่าบอกเพียงแค่ว่าตัวเองได้ช่วยเหลือชาวฮั่นคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บ ชาวฮั่นผู้นั้นรู้จักตอบแทนบุญคุณ เห็นหมู่บ้านไม่มีอันจะกินจึงได้นำทองมอบให้แก่ผู้นำหมู่บ้าน ตอนนี้เขาได้รักษาตัวอยู่ในหมู่บ้าน หากอยากรู้ว่าทองนั้นอยู่ที่ไหนก็ต้องถามกับเจ้าตัวเอง แขกบอกมาว่ารอให้แผลของเขาหายดี ก็จะรีบมาที่เมืองยงโจว เขาเตรียมจะวาดแผนที่ที่อยู่ของเหมืองแร่ทองคำขายให้กับคนมีเงิน แขกของหมู่บ้านนั้นเป็นคนมีชื่อเสียง คำพูดที่พูดออกมานั้นเชื่อถือได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีคนลงพื้นที่ก่อน ผู้คนทั้งหมดในเมืองจะต้องทำสัญญา นั่นก็คือรอให้คนคนนั้นปรากฏตัวเอง ใครก็ห้ามแอบลักลอบลงมือก่อน มิเช่นนั้นจะถูกโจมตี
เมืองยงโจวดูเหมือนจะเงียบสงบ แต่ราวกับมีคลื่นใต้น้ำกำลังพลุ่งพล่าน พวกนักรบพเนจรได้จัดตั้งพันธมิตรขึ้นมาเพื่อต่อต้านตระกูลที่ร่ำรวย ถึงแม้ว่าตระกูลเฝิงจะมีอำนาจใหญ่คับฟ้า แต่ก็ไม่มีวิธีจัดการคนพวกนี้ได้
ในห้องว่าราชการที่ผุผัง อวิ๋นเยี่ยนั่งอยู่ในห้องซึ่งมีกำแพงเหลืออยู่เพียงแค่ครึ่งเดียว เขาเลี้ยงน้ำชาเจ้าของบ้าน ไม่ใช่ว่าเจ้าของบ้านไม่อยากเลี้ยง หากแต่เลี้ยงไม่ไหว ด้านในกำแพงที่ผุพังอวิ๋นเยี่ยได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาว
“เล่าหลิว เจ้าก็นับว่าเป็นเสมียนคนหนึ่ง ตอนอยู่ที่เมืองหลานโจวก็ใช้ชีวิตอย่างดี สองปีก่อนยังได้ยินว่าเจ้าจะได้เลื่อนตำแหน่ง แล้วเหตุใดถึงได้เลื่อนมาอยู่ที่หลิ่งหนานเสียได้ ต้องเข้าร่วมกองทัพแล้วยังต้องมาเป็นเจ้าหน้าที่ที่แม้แต่ข้าวก็ยังไม่มีปัญญาซื้อกินอย่างนั้นหรือ”
ชายร่างผอมที่อยู่ตรงหน้านั้นคือผู้พิพากษาที่เคยอ้วนท้วนอยู่ดีกินดีอยู่ในเมืองหลานโจว เฉิงเหย่าจินเคยชมว่าเด็กคนนี้มีความสามารถ ไม่แน่ในอนาคตราชสำนักอาจจะมีตำแหน่งสำหรับเขา อวิ๋นเยี่ยจำประโยคนี้มาตลอด ตอนนี้มองดูหลิวฝูลู่ อวิ๋นเยี่ยตัดสินใจว่าต่อไปนี้จะไม่เชื่อคำพูดของเหล่าเฉิงอีกแล้ว เช่นเดียวกับปากอีกา ชมใครคนนั้นก็จะโชคร้าย เมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองถูกเหล่าเฉิงชมนับครั้งไม่ถ้วนก็เหงื่อออกเต็มหลัง ที่ตัวเองต้องมาเผชิญกับวันเวลาที่ยากลำบากต้องเป็นเพราะคำชมของเหล่าเฉิงแน่ๆ
“ท่าน โหว ของ ข้า!” หลิวฝูลู่ตะโกนออกมาทีละคำ จากนั้นก็สำลักทำให้พูดไม่ออกอีก พวกคนโตพากันร้องไห้เหมือนกับเด็กหนึ่งเดือน นั่งเรียงกันอยู่ หากไม่ใช่เพราะทุกข์ใจถึงขีดสุดก็คงไม่เป็นกันเช่นนี้ กว่าจะรอเขาหยุดร้องไห้ได้ก็ไม่เหลือเวลาได้สนทนาแล้ว สั่งให้องครักษ์นำอาหารที่ซื้อมาวางไว้บนโต๊ะ หลิวฝูลู่หิวจนตาลายเหมือนเสือเพิ่งได้ลงจากเขา กินอย่างตะกละตะกลาม เมื่อกินไปได้สักพักก็หน้าแดง ยกอาหารที่อยู่บนโต๊ะเอาเข้าไปในห้องด้านหลัง ไม่นานก็เดินน้ำตาไหลออกมา
“ท่านโหว ทุกคำสั่งของท่าน ข้าจะทำมันด้วยชีวิต”
อวิ๋นเยี่ยไม่สบายใจที่เห็นหลิวฝูลู่เป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ถือว่าเป็นสหายเก่า เห็นเขาเป็นทุกข์เช่นนี้ก็อดสงสารเขาไม่ได้ ทำผิดอะไรถึงต้องถูกส่งมาที่ดินแดนรกร้างว่างเปล่าเช่นนี้ เปลี่ยนชายอ้วนที่มีน้ำหนักหนึ่งร้อยกิโลให้ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก มีเพียงแค่วั่งไฉเท่านั้นที่เคยมีประสบการณ์นี้
“เหล่าหลิว เจ้าทำเรื่องผิดศีลธรรมอะไรจึงได้ถูกลงโทษเช่นนี้ ฮ่องเต้เป็นคนมีเหตุผล คงไม่ลงโทษใครอย่างรุนแรงโดยไม่มีเหตุผล สถานการณ์ของเจ้าตอนนี้ดีกว่าถูกยึดทรัพย์สินฆ่าล้างโคตรแค่นิดเดียว”
“ข้ายอมถูกยึดทรัพย์สินฆ่าล้างโคตร แต่จะไม่ยอมให้คนในครอบครัวต้องมาใช้ชีวิตอย่างลำบากที่นี่ ท่านโหว ท่านเชื่อไหม ข้าแค่ยักยอกเงินสองร้อยเหรียญ เพียงแค่สองร้อยเหรียญ เพียงแค่นี้เอง ไม่ใช่การไปขูดเลือดเนื้อราษฎรมาเสียหน่อย ไปเอามาจากพ่อค้าชาวหูต่างหาก ใครจะไปคิดว่าตอนที่ข้ากำลังจะได้เลื่อนตำแหน่ง เรื่องมันก็แดงขึ้นมา ข้าก็เลยถูกส่งมาอยู่ที่นี่ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎของต้าถัง ไม่ได้เพิ่มโทษ แต่ก็ไม่ได้ละโทษ เพราะกฎหมายที่เยือกเย็นนี้ทำให้ข้าเป็นทุกข์จนเกินจะบรรยายได้ เมื่อก่อนอย่างมากก็เพียงแค่ถูกถอนออกจากตำแหน่ง คิดไม่ถึงเลยว่าพอมาถึงคราวของข้า ก็ถูกลงโทษให้มารับราชการในที่ที่ห่างไกล ไม่สามารถกลับไปบ้านเกิดได้อีก” เมื่อพูดจบก็เริ่มต้นร้องไห้อีกครั้ง