เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 26 ไร้ยศถาบรรดาศักดิ์
จวนขององค์หญิงวุ่นวายไปหมด หลี่อันหลานกำลังจะบ้าตาย ความจริงแล้วแม้นี่จะเป็นตระกูลของนางเอง ทว่าก็เป็นเพียงแต่ในนามเท่านั้น เพราะคำพูดของนางไม่มีประโยชน์อะไรเลย อย่างเช่นในตอนนี้ หลิวจิ้นเป่าไม่สนใจคำสั่งของนางแม้แต่น้อย พาหมอประจำบ้านไปด้วยสิบกว่าคน เอาเสบียงอาหาร อาวุธและยาไปด้วย จะไปขุดหาทองคำที่ป่าเขาอันไกลโพ้น แม่บ้านเหอยังคอยสนับสนุน หวังว่าพวกเขาจะขุดทองก้อนโตกลับมาให้นายน้อย คำพูดติดปากก็คือ “คนของตระกูลอวิ๋นไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้”
ในหลิ่งหนาน หลิวจิ้นเป่าเป็นหลักประกันความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดของหลี่อันหลาน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่ง แต่กลับเป็นคนที่นางเชื่อถือที่สุด หากเกิดอะไรขึ้น คนที่สามารถปกป้องพวกนางได้ก็คือคนของตระกูลอวิ๋น ถึงแม้ว่าจะไม่จงรักภักดีต่อนาง แต่ขอแค่จงรักภักดีต่อลูกชายของนาง ก็ไม่มีอะไรที่นางทนไม่ได้ สมัยนี้องครักษ์ที่จงรักภักดีนั้นหายาก นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนของตระกูลอวิ๋นถึงได้เหมือนกันหมด
“หลิวจิ้นเป่า ใครให้เจ้าไปขุดหาทองคำ ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ไม่แน่อาจจะเป็นกับดัก เจ้าเอาองครักษ์ไปด้วยตั้งครึ่งหนึ่ง แล้วข้าจะทำเช่นไร ลูกชายข้าจะทำเช่นไร”
หลี่อันหลานพูดเสียงดังฟังชัด เสี่ยวหลิงตังตกใจจนตัวสั่น จางจูหวนยืนสนับสนุนการตัดสินใจขององค์หญิงอยู่ข้างหลัง ตอนนี้หงเฉิงไม่อยู่ หลิวจิ้นเป่าเป็นคนที่ผู้หญิงในจวนองค์หญิงต้องการพึ่งพา จะไปไหนไม่ได้
หลิวจิ้นเป่าทุบหน้าอกของตัวเองอย่างแรงแล้วพูดกับองค์หญิงว่า “ไม่มีอะไรที่ตระกูลอวิ๋นทำไม่ได้ หลายปีที่ผ่านมาพี่น้องทุกคนก็ล้วนผ่านความตายกันมาแล้วทั้งนั้น นอกจากคนที่กลับไปที่หมู่บ้าน ทุกคนล้วนแต่นอนกอดดาบทุกคืน เจ้าดูอาวุธบนตัวของพวกเขา ใช่ว่าองครักษ์ธรรมดาจะเทียบได้ ชุดเกราะที่ทำจากเหล็กอย่างดี ดาบฟันไม่เข้า กฎของราชสำนักบอกว่าห้ามมีชุดเกราะที่หนักมากกว่าสิบห้ากิโล ชุดเกราะของตระกูลอวิ๋นหนักมากสุดก็แค่สิบสี่กิโล แต่กลับแข็งแรงกว่าชุดเกราะที่หนักสิบห้ากิโล สามารถสู้กับอันตรายได้สบายมาก เหล่าหลิวยังถูกแทงได้ตั้งเจ็ดแปดครั้งเลย”
หลี่อันหลานอยากจะได้ชุดเกราะของตระกูลอวิ๋นเพิ่มมาตลอด แต่ซินเย่วไม่ยอมให้ ต่อมาอวิ๋นเยี่ยทำชุดเกราะผู้หญิงให้นางกับหลิงตังคนละตัว งดงามแถมยังน้ำหนักเบา แรงป้องกันก็ไม่ธรรมดา แต่น่าเสียดายที่เอาไปให้หลิงตัง พอนางใส่ หลี่อันหลานแค่อยากจะทดสอบแรงป้องกันบนชุดเกราะของนาง พึ่งจะหยิบดาบขึ้นมา หลิงตังก็หมอบลงกับพื้นร้องเอะอะโวยวาย เสียชื่อเสียงชุดเกราะอันงดงามหมด บอกให้เอาไปให้คนอื่นนางก็ไม่ยอม จะเก็บเอาไว้เอง ไม่มีอะไรทำก็เอาออกมาเช็ดน้ำมัน ถึงขั้นเช็ดน้ำมันหอม แล้วยังมักจะนั่งยิ้มให้ชุดเกราะ อาการน่าเป็นห่วงจริงๆ
ทันใดนั้นหลี่อันหลานก็เห็นลูกชายตัวอ้วนของตัวเองหดตัวอยู่ในอ้อมแขนของแม่บ้านเหอ นางดึงเขาออกมา เอาให้หลิวจิ้นเป่าที่กำลังถือค้อนอยู่ หลิวจิ้นเป่ารีบหันค้อนออกไปทางอื่น กอดนายน้อยอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าทำตัวเหลวไหลอีกต่อไป
หลี่อันหลานยิ้มและพูดว่า “นายน้อยของเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ควรจะออกไปเจอโลกภายนอกได้แล้ว เจ้าออกไปครั้งนี้ก็พานายน้อยไปด้วย ไปขุดหาทองคำดีจะตาย ให้นายน้อยของเจ้าหาทองคำก้อนใหญ่มาสักสองก้อน จะเล็กกว่าก้อนที่อยู่ในบ้านไม่ได้”
หลิวจิ้นเป่ากอดนายน้อยอย่างหดหู่แต่ก็ไม่พูดอะไร โบกมือให้องครักษ์คนอื่นๆ อย่างรำคาญใจ องครักษ์ต่างพากันหุบปากแล้วส่ายหน้าเดินออกไป คงจะเข้าป่าไม่ได้แล้ว
หากพาเด็กน้อยคนหนึ่งไปเผชิญอันตรายด้วย อย่าว่าแต่แม่บ้านเหอ ยังมีเหล่าหลิวอีกคน พวกนั้นคงจะถลกหนังพวกเขาให้ตาย พ่อของเขาที่แอบมองอยู่ด้านหลังยิ่งไม่ต้องพูดถึง
หลี่อันหลานได้รับชัยชนะ เรียกแม่บ้านเหอกลับมา พาหลิงตังกับจางจูหวนไปเลือกสมบัติล้ำค่าที่ห้องเก็บของของลูกชาย ใกล้จะถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้แล้ว ในฐานะบุตรีก็ควรที่จะมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ นางถามลูกชายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาไม่คัดค้านอะไร
เปิดประตูห้องเก็บสมบัติล้ำค่าออก หลี่อันหลานก็รู้สึกตาลาย ชั้นวางของไม้สนสีแดงเต็มไปด้วยสมบัติหายากนานาชนิด เมื่อนางเห็นเครื่องแก้วกระต่ายอันประณีตที่วางอยู่ตรงกลาง ตาของนางก็กลมโตขึ้นมาทันที นี่คือของหายาก ลูกตาเป็นทับทิมแท้ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมแม้แต่น้อย กระต่ายตัวนี้ต้องมีมูลค่าสูงมากเป็นแน่ ไม่ว่านางจะเดินไปทางไหน กระต่ายตัวนั้นก็ดูเหมือนจะยิ้มมองนางอยู่ตลอด
หลิงตังเป็นบ้าไปแล้ว อุ้มกระต่ายไว้ไม่ยอมปล่อย จางจูหวนจ้องมองไปที่กระต่ายตัวนั้นอย่างไม่ละสายตา หยิกตัวเองไม่หยุด คิดว่าตัวเองกำลังฝันไป
“องค์หญิง กระต่ายตัวนี้ไม่ได้ มันเป็นของขวัญประจำราศีที่ฮูหยินของข้าเอาให้นายน้อย เลือกอยู่ตั้งนาน นายน้อยชอบเป็นอย่างมาก ท่านจะเอาไปไม่ได้”
แม่บ้านเหอดูถูกท่าทางบ้านนอกขององค์หญิงเป็นอย่างมาก เครื่องแก้วพวกนี้ไม่มีค่าในตระกูลอวิ๋น บ้านของนางมีถ้วยแก้วตั้งสองใบ เพียงแต่หมู่บ้านตระกูลอวิ๋นไม่เคยพูดเรื่องนี้กับคนนอก ไม่ว่าคนอื่นพูดถึงความล้ำค่าของเครื่องแก้วเช่นไร เหล่าฮั่นที่ทำไร่ทำนาอยู่ในหมู่บ้านของตระกูลอวิ๋นก็เอาแต่ยิ้มอ่อน จากนั้นก็เดินจากไป เชื่อแล้วว่าคนที่คุยกับนางเมื่อครู่เป็นคนบ้านนอก ไม่สมควรที่จะยืนคุยกับนาง
“ป้าเหอ ข้าจะยืนดูอยู่ตรงนี้ ไม่เอาไปไหนได้หรือไม่ ให้ข้าได้เล่นอีกสักหน่อย” หลิงตังขอร้องอ้อนวอนแม่บ้านเหอ
หลิงตังเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนอยู่แล้ว โดยเฉพาะแม่บ้านเหอ ตัวเองไม่มีลูกสาว ชอบหลิงตังเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
หลี่อันหลานพยายามที่จะดึงสายตาออกมาจากกระต่ายตัวนั้น รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก หากตอนนั้นตัวเองไม่มีความคิดเช่นนั้น สมบัติล้ำค่าพวกนี้ก็จะเป็นของตัวเองใช่หรือไม่ ตอนนี้กลับทำให้ตัวเองดูเหมือนนางมารร้ายไร้ยางอาย ถูกแม่บ้านเหอสงสัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเสียใจ
แคว้นต้องได้รับการพัฒนา ผู้คนต้องทำมาหากิน พวกขุนนางไม่สนใจในหน้าที่การงาน ตัวเองไปหาประชาชนด้วยตัวเอง สิ่งที่ต้อนรับนาง หากไม่ใช่ความสงสัยก็เป็นความเกลียดชัง
หงเฉิงฆ่าพวกชาวบ้านที่วุ่นวายในแคว้นไปไม่น้อย รวมทั้งตระกูลของถู่อ๋องก็หายตัวไปกันหมด ตัวเองมาถึงที่นี่ ก็แค่มาอาศัยอยู่ในจวนอันสะอาดสะอ้านแห่งนี้ของเจ้านาย สาวใช้และคนรับใช้ต่างก็เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ไม่ทำให้นางต้องกังวล หากใช้ชีวิตที่สงบสุขเช่นเดียวกันกับหมู แต่น่าเสียดาย หลี่อันหลานมักจะอยากหาอะไรทำ มักจะอยากเห็นภาพที่ประชาชนเคารพบูชาตัวเอง
อวิ๋นเยี่ยเคยบอกแล้วว่านี่เป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษา คนส่วนใหญ่ในตระกูลหลี่ล้วนแต่เป็นโรคนี้กันทั้งนั้น แล้วยังอาการหนักอีกต่างหาก โรคนี้อาจจะทำให้คนตายได้ง่ายๆ แล้วยังเป็นโรคติดต่อ ตายทีก็ตายด้วยกันทั้งหมด
ตอนแรกคิดว่าอวิ๋นเยี่ยพูดเล่น แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเขาไม่ได้พูดเล่นเลยแม้แต่น้อย ล้วนแต่เป็นคำสั่งสอนที่มีค่า
สาวใช้คนหนึ่งยืนอยู่นอกห้องเก็บของ เรียกหาหลี่อันหลานไม่หยุด องครักษ์ของตระกูลอวิ๋นไม่ยอมให้นางเข้าไป หลี่อันหลานที่กำลังเลือกสมบัติล้ำค่าอยู่วางหยกสีเขียวก้อนใหญ่ในมือลงอย่างหงุดหงิด นางชอบของสิ่งนี้มาก กะว่าจะเอาไปทำเป็นเครื่องประดับให้ตัวเอง แต่ถูกสาวใช้ขัดจังหวะจึงเดินออกไปด้วยความโมโห
“องค์หญิง ท่านชายที่หกของตระกูลเฝิงมาเพคะ ต้องการพบองค์หญิงเพคะ”
เขามาทำอะไร หลี่อันหลานคิดไม่ตก เมื่อก่อนเป็นพวกน้องชายของเขามาตลอดมิใช่หรือ เหตุใดถึงเปลี่ยนคนมา แต่ว่าเฝิงจื้อหย่งคนนี้ไม่ใช่คนที่น้องชายไก่กาของเขาจะเทียบได้ นึกถึงพฤติกรรมที่ไร้เดียงสาของน้องชายพวกนั้น หลี่อันหลานก็อยากจะหัวเราะ แม้แต่ล้อเล่นยังไม่สนใจ หากอวิ๋นเยี่ยรู้เข้า พวกเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาตายเช่นไร
เมื่อพบห้องโถงด้านหน้า เฝิงจื้อหย่งก็เดินเข้ามาอย่างกระวนกระวาย เขากังวลเกี่ยวกับการมาที่หลิ่งหนานของอวิ๋นเยี่ย ตั้งแต่ที่พ่อของเขาบอกว่าขุนนางในเมืองฉางอันคนไหนบ้างที่ไม่สามารถทำให้โกรธเคือง มีอวิ๋นเยี่ยรวมอยู่ด้วย แล้วยังอยู่อันดับต้นๆ พ่อเขาไม่ค่อยอบรบสั่งสอนพวกลูกๆ ด้วยตัวเองสักเท่าไหร่ ล้วนแต่ให้พวกเขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง เรื่องที่บอกพวกเขาก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องรู้และต้องปฏิบัติตาม น้องชายของตัวเองหมกมุ่นจนเกินเยียวยาแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะจงใจยัดน้องชายสองคนเข้าไปเอง หวังว่าหากเกิดอะไรขึ้น ยังพอมีโอกาสได้รับผลประโยชน์ บางทีมันอาจจะช่วยน้องชายแท้ๆ ของตัวเองได้
“ข้าน้อยเข้าเฝ้าองค์หญิง หากรบกวนองค์หญิงก็ขอประทานอภัยขอรับ”
“ท่านชายไม่ต้องเกรงใจ ตอนนี้ข้าอยู่ที่หลิ่งหนาน ต้องการความดูแลของเหล่ากั๋วกงอยู่ตลอด เราไม่ใช่คนนอกอะไร”
ทันทีที่เจอกับหลี่อันหลาน เฝิงจื้อหย่งก็ถ่อมตัวทันที เอาตัวเองลงไปอยู่ในสถานะของขุนนาง เขาไม่รู้ว่าทำไมอวิ๋นเยี่ยถึงจะมาที่นี่ เอาภารกิจอะไรมาด้วย แล้วมาทำอะไร เขาอยากจะหาเบาะแสจากหลี่อันหลานก่อน ดังนั้นจะต้องมีความอดทนและสติปัญญาที่มากพอ
“สองสามวันนี้ได้ยินมาว่าองค์หญิงกังวลเกี่ยวกับความไม่มีประสิทธิภาพของพวกขุนนาง ตระกูลของข้าน้อยยังพอมีคนอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีพรสวรรค์มากมายถึงเพียงนั้น แต่ก็พอจัดการเรื่องกิจวัตรประจำวัน เรื่องเงินทองได้อยู่บ้าง อย่างน้อยก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระองค์หญิงได้ หนึ่งในนั้นมีคนที่ชื่อว่าเซี่ยวชังเซิง เขาเป็นคนตลก ฟังเขาเล่าเรื่องตลกช่วยให้ผ่อนคลายความกังวลได้ หากองค์หญิงต้องการ ข้าน้อยจะสั่งให้พวกเขามาเล่าให้องค์หญิงฟังเดี๋ยวนี้”
หลี่อันหลานไม่ยอมให้คนของตระกูลเฝิงเข้ามาอยู่ในจวนของตัวเองเด็ดขาด นางกังวลว่าจะถูกล้างอำนาจ เดิมทีอำนาจของตัวเองก็มีน้อยอยู่แล้ว หากถูกล้างออกไปอีก นางก็จะกลายเป็นคนธรรมดาอย่างสมบูรณ์แบบ หากเป็นเช่นนั้น เป็นโหวฮูหยินอยู่ในจวนดีๆ ไม่ชอบ วิ่งไปทรมานตัวเองที่พื้นที่รกร้างเพื่ออะไรกัน
“ขอบคุณสำหรับความความปรารถนาดีขององค์ชาย แต่มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ได้ลำบากจวนองค์หญิงถึงเพียงนั้น ในจวนยังพอมีคนรับใช้อยู่ อยู่ด้วยกันมานานแล้ว ตอนนี้ยังไม่อยากเปลี่ยนคน”
“ใช่ขอรับ องค์หญิงมีอวิ๋นโหวคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ไม่มีทางขาดแคลนคนรับใช้อยู่แล้ว อวิ๋นโหวเป็นผู้ดูแลสำนักศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในต้าถัง แค่เอียงตัวมาทางแคว้นหนานจ้าวเพียงเล็กน้อย ก็มีคนที่ฉลาดและกล้าหาญให้องค์หญิงได้ใช้งานเต็มคันรถ ได้ยินมาว่าอวิ๋นโหวจะมาถึงหลิ่งหนานเร็วๆ นี้ คาดว่าหลิ่งหนานของข้าคงจะมีข่าวดีแน่นอน ไม่ทราบว่าองค์หญิงพอจะมีคำแนะนำให้ข้าบ้างหรือไม่ จะได้ให้ท่านพ่อได้เตรียมการต้อนรับเป็นอย่างดี ท่านพ่อบอกข้าอยู่บ่อยครั้งว่าตอนที่ท่านอยู่ที่ฉางอันท่านได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากอวิ๋นโหว ท่านโหวลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง อาหารอันโอชะที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ได้ลิ้มรสไป อาหารอื่นๆ ก็รสชาติไม่ได้เรื่องเลย อดไม่ได้ที่จะไปเมืองฉางอันเพื่อลิ้มรสความอร่อยอีกครั้ง การเจอกันครั้งนี้ จะต้องทำให้ท่านพ่อสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาเป็นแน่”
หลี่อันหลานไม่ได้ฟังอย่างอื่น ได้ยินแค่ว่าอวิ๋นเยี่ยจะมาที่หลิ่งหนาน ก็มีความสุขจนวิญญาณจะออกจากร่าง สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขทันที ทั้งกังวลและเสียใจ องค์หญิงที่ฉลาดและแข็งแกร่งหายไปแล้ว เหลือไว้เพียงผู้หญิงที่สมเพชตัวเองอยู่คนเดียว
เฝิงจื้อหย่งถอนหายใจอย่างแรง น้องชายตัวเองไม่มีโอกาสอีกแล้ว จิตใจทั้งหมดขององค์หญิงอยู่ที่อวิ๋นเยี่ย และเมื่อเทียบกับอวิ๋นเยี่ย เฝิงจื้อฮุ่ยไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย คาดหวังจากผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ ลูกชายเยอะเกินไป เขาไม่สนใจลูกชายของตัวเองสักคน นอกจากลูกชายจะฆ่ากันเอง เขาถึงจะให้ความสำคัญกับคนที่เก่งที่สุด คิดเช่นนี้ เฝิงจื้อหย่งก็รู้สึกถึงความขมขื่นในปาก บางทีการที่จื้อฮุ่ยเข้าไปขุดหาทองคำในป่าอาจจะเป็นการหลีกเลี่ยงภัยอันตรายที่ดี
แต่การที่พ่อใช้วิธีการเลี้ยงแมลงมาเลี้ยงลูกชายของตัวเอง เขาไม่กลัวว่าสักวันหนึ่งแมลงจะแว้งมากัดตัวเขาเองบ้างหรือ