เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 33 สู้กับเสือ
เฝิงจื้อฮุ่ยหดตัวอยู่ในหลุมเล็กๆ บนหุบเขา อยากจะทไให้ตัวเองกลายเป็นแมลงตัวเล็กๆ เมื่อครู่เสือดาวตัวหนึ่งพึ่งจะวิ่งผ่านเขาไป กรงเล็บอันแหลมคมได้ทิ้งรอยเลือดไว้บนไหล่ของเขาสี่รอย เสี่ยวโหวในฐานะคนรับใช้ที่จงรักภักดี กวัดแกว่งมีดในมืออยู่ตลอดเวลา ฝีมือการใช้มีดของคนรับใช้ช่วยชีวิตตัวเองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และยังคงเชื่ออย่างหนักแน่นว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน
เขาเพลิดเพลินกับการฆ่าฟันเช่นนี้เป็นอย่างมาก ซ้ายใช้มีดแทงแพะตายตัวหนึ่ง ขวาใช้มีดตัดหัวหมาป่าออกมา รอยเลือดเต็มไปหมด ราวกับเทพสังหารลงมายังโลกมนุษย์ เลียเลือดที่ส่งกลิ่นเหม็นตรงมุมปาก ฉีกเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งออก เรือนร่างที่งดงาม เมื่อครู่หน้าอกของเขาเพิ่งถูกหมีป่าตัวหนึ่งข่วนเข้าให้ รอยเลือดยาวตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงหน้าท้อง หากไม่ใช่เพราะเขาฉลาด คงจะถูกหมีป่าควักลำไส้ออกมาแล้ว
ถือโอกาสตอนที่สัตว์ร้ายกำลังอ่อนแรงลง เขาผลักนายท่านเข้าไปในหลุมเล็กๆ ส่วนนายท่านอีกสองคนถูกสัตว์ร้ายฉีกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว ตัวเองจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะช่วยนายท่านออกมาได้หรือไม่ แขนรู้สึกชาจึงรีบเอาผ้ามัดมีดไว้ที่มืออย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมที่จะฆ่าฟันต่อไป
กำลังของสัตว์ร้ายลดลงอย่างมาก งูหลามท้องใหญ่เลื้อยผ่านไปข้างๆ ดูรูปร่างที่ท้องมัน เห็นได้ชัดว่ามีคนอยู่ข้างใน แถมยังดิ้นอยู่อีกต่างหาก
มีดาบตกอยู่ที่พื้น เสี่ยวโหวใช้เท้าเตะมันขึ้นมา ขว้างมันออกไปอย่างแรง เห็นแสงสะท้อนของดาบบนถุงผ้า ดาบที่มีน้ำหนักแทงลงไปที่ลำตัวของงูหลามตัวนั้น ปักมันลงกับพื้นยึดไว้แน่นหนา
งูหลามที่กำลังเจ็บปวดบิดตัวพันรอบดาบเล่มนั้น เบิกตากว้างสีเหลืองมองมาที่เสี่ยวโหว ลิ้นในปากก็ค่อยๆ หดลง
ลูกช้างตัวหนึ่งพลัดหลงจากฝูงช้างวิ่งเข้ามา กำลังจะวิ่งผ่านงูหนึ่งตัวและคนหนึ่งคน เสี่ยวโหวกระโดดเตะลูกช้างที่ตัวอ้วนเท่าหมูตัวนั้น ลูกช้างล้มลงบนตัวของงูหลาม บังเอิญไปโดนดาบเล่มนั้นเข้า งูหลามที่บ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวดมานาน รัดตัวลูกช้างไว้อย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้รัดแน่น มีดของเสี่ยวโหวก็ฟันเข้ามาที่หัวของมัน เลือดกระเด็นพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า กระจัดกระจายเต็มหน้าเสี่ยวโหว
เสี่ยวโหวลืมตาขึ้นมา เลือดของงูหลามเปื้อนตาเต็มไปหมด โลกใบนี้กลายเป็นสีแดงฉาน…
ลูกช้างน้อยกำลังร้องโหยหวนอย่างอ่อนแรง เสี่ยวโหวใช้แรงอย่างมากในการลากศพของงูหลามออกไป ลูบที่หัวลูกช้าง ยิ้มแล้วพูดว่า “สหาย ขอโทษด้วย ยืมตัวของเจ้าช่วยข้าสักหน่อย”
ลูกช้างสะบัดงวงที่อ่อนแรงและยังคงส่งเสียงร้องโหยหวน ที่เสี่ยวโหวเตะเข้ามาเมื่อครู่ก่อนไม่ใช่เบาๆ เลย
หันหลังไปมองนายท่านที่กำลังหวาดกลัวจนตัวสั่น เสี่ยวโหวมีความรู้สึกว่าตัวเองได้เกิดใหม่อีกครั้ง กำลังจะนั่งลง แต่กลับรู้สึกเย็นขึ้นมาที่หน้าอก งาช้างที่งดงามโผล่ออกมาจากหน้าอกของเขา เขาหันหน้ากลับไป ช้างพลายที่ตัวใหญ่เท่าหุบเขา กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาสีแดงเดือด
“ข้าแค่ยืมลูกของเจ้า…”
ยังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกช้างตัวผู้เหวี่ยงขึ้นไปบนต้นไม้ราวกับตุ๊กตาผ้า เสี่ยวโหวที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้ได้แต่มองดูช้างพลายตัวนั้นเหยียบไปที่นายท่านเต็มๆ
ห้อยอยู่สูงก็มองได้ไกล เมื่อก่อนยังเคยไปต่อสู้ยืดครองอำนาจหัวหน้าโจรพวกนั้นกับนายท่านอยู่เลย ตอนนี้กลับต้องมานอนอยู่บนหุบเขาด้วยท่าทางเช่นนี้ แถมเนื้อบนร่างกายยังขาดหายไปไม่มากก็น้อย
นึกถึงเสียงดังที่ได้ยินในตอนกลางคืน เสี่ยวโหวใช้แรงสุดท้ายที่มีอยู่ตะโกนอย่างสุดชีวิต “ท่านเทพภูเขา ปล่อยข้าไปเถอะ!”
เมื่อเฝิงจื้อหย่งมาถึงที่หุบเขา ที่นี่ก็ได้กลายเป็นท้องทะเลของแมลงวันไปแล้ว ฝูงแมลงวันหัวเขียวนับไม้ถ้วนบินอยู่ทั่วหุบเขา เสียงดังจนหูแทบจะหนวก คนรับใช้ที่กล้าหาญใช้กิ่งไม้ปัดแมลงวันออกไป หุบเขาราวกับมีเมฆสีดำลอยขึ้นมา
เดินเข้ามาถึงจุดสิ้นสุดของหุบเขา เขาถึงได้เห็นเสี่ยวโหวที่ห้อยอยู่บนต้นไม้ ปอดสีชมพูห้อยอยู่ตรงหน้าอกของเขา ปกคลุมไปด้วยไข่แมลงวันสีเหลือง ในหลุมดินด้านล่างมีศพเปื้อนเลือดอยู่หนึ่งศพ ดูจากเสื้อผ้าเขาก็สามารถบอกได้ว่านี่คือน้องชายของเขา เฝิงจื้อฮุ่ย
ตระกูลเฝิงขนศพออกมาจากหุบเขาสี่ศพ สามศพในนั้นเป็นคนของตระกูลเฝิง อีกหนึ่งศพคือแม่ทัพของตระกูลเฝิง ช่างน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง เฝิงจื้อหย่งเอาศพมาวางไว้ที่หน้าประตูจวนองค์หญิงและตะโกนด้วยความเศร้าโศก “องค์หญิง นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการใช่หรือไม่”
หลี่อันหลานได้ยินความเคลื่อนไหวจึงออกมาดู เห็นศพสี่ศพนอนอยู่ตรงนั้น นางก็วิ่งหันหลังกลับไปทันที รอยเลือดเช่นนั้น ไม่มีทางที่หญิงสง่างามผู้ไม่เคยเห็นคนตายสักคนอย่างนางจะรับได้
หลิวจิ้นเป่าเดินออกมา มองดูศพพวกนั้น สูดหายใจด้วยความเพลิดเพลินและพูดกับเฝิงจื้อหย่งว่า “เจ้าเอาคนตายมาทำอะไรที่บ้านของข้า แมลงวันไข่เป็นหนอนหมดแล้ว ยังไม่รีบเอาไปฝัง รอเลี้ยงหนอนแมลงวันอยู่หรือ”
“พวกเขาตายหมดแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังไม่ตาย” เฝิงจื้อหย่งตะโกนชี้ไปที่หลิวจิ้นเป่า
“ข้าไม่ได้ไป องค์หญิงไม่ให้ข้าไป หากข้าจะไปก็บอกให้ข้าเอานายน้อยไปเปิดโลกด้วย เจ้ารีบเอาศพคนตายออกไปที่อื่นได้แล้ว ไม่เห็นหรือว่าแมลงวันมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกไร้ประโยชน์ ไปหาทองคำก็ยังไปตาย นายน้อยของข้ายังรอเก็บภาษีอยู่ ตอนนี้ยังจะได้เก็บภาษีอะไรอีก ตายไปหมดแล้ว ซวยจริงๆ”
ท่าทางที่ไม่ดีของเขาทำให้องครักษ์ของตระกูลเฝิงโมโหเป็นอย่างมาก ชักดาบออกมาแล้วทำท่าจะพุ่งไปข้างหน้า หลิวจิ้นเป่าเหล่ตาไปมองแล้วพูดว่า “ไม่ธรรมดา ในเมื่อชักดาบออกมาแล้วก็อย่าเก็บมันเข้าไป วันนี้ท่านโหวของข้ามาแล้ว แน่จริงก็เก่งต่อไป”
“อวิ๋นเยี่ยมาถึงแล้ว?” เบ้าตาของเฝิงจื้อหย่งหดจนเกือบจะเท่ารูจมูกอยู่แล้ว
อวิ๋นเยี่ยเดินออกมาจากข้างในจวนพร้อมกับถือหนังสืออยู่ในมือ มองไปที่เฝิงจื้อหย่ง คุกเข่าลงใช้หนังสือปิดปากและจมูก มองดูอย่างละเอียด จากนั้นถึงได้ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “พวกเขาไม่ได้ถูกคนฆ่าตาย พวกเขาถูกสัตว์ป่าฆ่าตาย ตรงนี้มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอ ดูเหมือนจะถูกหมาป่ากัด มันจะต้องนอนบนหลังของคนคนนี้ก่อน และเมื่อเขาหันกลับมา มันก็กัดเข้าให้” อวิ๋นเยี่ยพูดอธิบายพร้อมกับทำท่าทาง
“เห็นได้ชัดว่าศพนี้ถูกเหยียบตาย ตายอย่างน่าสังเวช กระดูกหักทั้งตัว ดูจากรอยเหยียบ สัตว์ที่เหยียบเขาน่าจะเป็นช้างตัวใหญ่
ศพนี้ค่อนข้างแปลก รอยขีดข่วนที่หน้าอกไม่ทำให้เขาถึงตาย ที่ทำให้เขาตายคืออะไรบางอย่างที่ทะลุหน้าอกออกมา สิ่งนั้นมีพื้นผิวเรียบไม่หยาบ ดูจากบาดแผลก็รู้ว่าเขาคงจะดิ้นรนก่อนตาย ใครกันที่มีพลังมหาศาลเช่นนี้ ศพอันนี้ดำไปหมด เห็นได้ชัดว่าตายเพราะสัตว์มีพิษ ข้าไม่ได้ศึกษาเรื่องสัตว์มีพิษ ข้าจึงไม่รู้ หากอาจารย์ซุนอยู่ที่นี่ คงรู้ว่าเขาถูกอะไรกัดตาย”
“อวิ๋นเยี่ย ข้าไม่อยากให้เจ้าตัดสินว่าพวกเขาตายเช่นไร ข้าต้องการคำอธิบายจากเจ้า” สายตาของเฝิงจื้อหย่งแดงเดือด พี่น้องสี่คนมาที่ดินแดนแห่งเหลียว สามคนตายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เขารับผิดชอบไม่ไหว
“เขาคือใคร” อวิ๋นเยี่ยถามหลิวจิ้นเป่า
“ท่านโหว เขาคือท่านชายที่หกของตระกูลเฝิง สามในสี่คนที่ตายอยู่บนพื้นคือพี่น้องของเขา”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ สหายเฝิง เหตุใดเจ้าถึงแบกศพพวกนี้มาที่จวนองค์หญิง”
“อวิ๋นเยี่ย พี่น้องของข้าตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในฐานะหัวหน้าของดินแดนแห่งเหลียว องค์หญิงไม่ควรมีคำอธิบายให้ข้าหน่อยหรือ”
“บังอาจ ลูกภรรยารองอย่างเจ้า ใครให้ความกล้าเจ้าถึงได้มาบังอาจที่จวนองค์หญิงล่ะเฝิงจื้อหย่ง” อวิ๋นเยี่ยหันไปชี้หน้าถามเฝิงจื้อหย่ง
ลูกของภรรยารองคือรอยแผลเป็นในใจของเฝิงจื้อหย่งมาโดยตลอด พ่อของเขาได้ลูกชายเก่งเหลือเกิน ภรรยาก็มีตั้งมากมาย จนจำชื่อลูกชายแทบไม่ได้ นี่คือความเสียใจของเขา หากเฝิงจื้อไต้อยู่ที่นี่ อวิ๋นเยี่ยคงจะไม่ดูถูกเขาเช่นนี้ แต่เป็นเขาที่อยู่ และเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อกรกับอวิ๋นเยี่ย เขารู้อยู่แก่ใจ อวิ๋นเยี่ยก็รู้อยู่แก่ใจ
“อวิ๋นโหว อีกไม่กี่วันท่านพ่อก็จะมาถึงดินแดนแห่งเหลียว เจ้าไปบอกเขาด้วย” เฝิงจื้อหย่งพูดเสร็จก็แบกศพทั้งสี่ศพออกไป เขาไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่ต่อ หัวหน้าที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเฝิงต่างไปกันหมดแล้ว คนโง่ยังรู้ว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่คนพวกนี้ถูกสัตว์ป่าฆ่าตาย ไม่มีใครถูกดาบแทงตายสักคน ไม่มีหลักฐานก็ฟ้องคดีไม่ได้ หุนหันพลันแล่นขึ้นมา มันอาจจะกลายเป็นข้ออ้างให้อวิ๋นเยี่ย เห็นท่าทางอาฆาตของหลิวจิ้นเป่าเขาก็เลือกที่จะเดินออกมา
“เทพภูเขาตีกลอง! เทพภูเขาตีกลอง! เทพภูเขาตีกลอง! ฝีมือของอวิ๋นเยี่ย ใช้อำนาจของสรวงสวรรค์ฆ่าคน ตัวเองรู้อยู่แก่ใจ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เฝิงจื้อหย่งเรียนรู้แล้ว”
เสียงคร่ำครวญของเฝิงจื้อหย่งดังมาจากถนนแต่ไกล
อวิ๋นเยี่ยแสยะยิ้ม ปัดฝุ่นที่อยู่บนม้วนหนังสือ เอามือไพล่หลังเดินเข้าไปในจวนองค์หญิง
กลับมาที่ลานด้านหลัง มองดูลูกชายที่กำลังหลับสนิทอยู่ในเปล ปิดม่านคลุมให้มิดชิด ไม่ให้ยุงมาทำลายผิวอันบอบบางของเด็ก ตัวเองล้มตัวนอนบนเก้าอี้เอน อ่านหนังสือที่อยู่ในมือต่อไป หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องเกี่ยวกับผีสางนางไม้ สนุกดี
“ท่านพี่ หากเฝิงอั้งมาจะทำเช่นไร” หลี่อันหลานโผล่ขึ้นมาข้างหลังอวิ๋นเยี่ยราวกับผี ยกถ้วยชามาให้เขาและถามอวิ๋นเยี่ยอย่างกังวล
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล พยายามเอาชนะใจคนของเจ้าต่อไปเถอะ หากหากเฝิงอั้งมา เขาก็จะมาหาข้า ไม่มีทางหาเรื่องเจ้า พรุ่งนี้พระราชโองการของฝ่าบาทก็คงจะมาถึง ถึงตอนนั้นยังไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก ตอนที่เจ้ามาที่ดินแดนแห่งเหลียว ข้าทำอาหารให้เฝิงอั้งกิน บอกให้เขาคอยดูแลเจ้าให้มากๆ เขาทำไม่ได้ แล้วยังยื่นมือเข้ามา ไม่ตัดแขนเขาทิ้ง เจ้าก็คงจะไม่ได้มีชีวิตที่สงบสุข ต่อไปลูกของข้าก็จะกลายเป็นหุ่นเชิด คนของตระกูลอวิ๋นจะเป็นหุ่นเชิดงั้นหรือ เฝิงอั้งประเมินความสามารถตัวเองมากไปแล้ว”
อวิ๋นเยี่ยจิบชาทีหนึ่งและพูดต่อไปว่า “ฝ่าบาทอยู่นอกแคว้นอู่หลิ่ง เตรียมทหารไว้กว่าเจ็ดพันนาย สงครามในฉ่าวหยวนจะรุนแรงแค่ไหนก็ไม่ยอมเคลื่อนตัว เส้นทางเก่าเหมยหลิ่งตกอยู่ในมือของหงเฉิง ทหารแค่สองหมื่นนายของเขา รับมือกับพวกชาวพื้นเมืองยังพอไหว แต่อยากจะไปตั้งหลักปักฐานที่หลิ่งหนาน เขาคงไม่อยากมีอายุยืนยาวแล้ว”
หลี่อันหลานฟังเงียบๆ จนจบ นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เห็นอวิ๋นเยี่ยแกว่งเปลเบาๆ ดูไปแล้วก็รู้ว่าเขามือเบามาก ความถี่ที่มั่นคง มองไม่เห็นความวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย เมื่อคืนคิดมากจนนอนดึก ตอนนี้เรื่องราวเกิดขึ้นแล้วแต่กลับรู้สึกเหนื่อยล้าง่วงนอน หลังจากนั้นไม่นานนางก็หลับไป
อวิ๋นเยี่ยห่มผ้าให้นาง เดินมาใต้ต้นลิ้นจี่ เด็ดลิ้นจี่มาลูกหนึ่ง หลังจากปอกเปลือกแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่าลิ้นจี่บนต้นยังไม่สุก
โยนลิ้นจี่ทิ้ง มองออกไปทางกว่างโจวโดยไม่พูดไม่จา แต่เขากำมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เฝิงอั้ง เจ้ามาเถอะ มาดูกันว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้ เจ้าไม่ใช่พระแม่ของความซื่อสัตย์ภักดี การฆ่าฟันของเจ้าทำให้คนในดินแดนแห่งนี้ไม่ลงรอยกับเจ้า นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชำระล้างสาเหตุสุดท้ายที่ทำให้ดินแดนหลิ่งหนานไม่สงบสุข