เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 37 กองทัพเรือ
อวิ๋นเยี่ยอาบน้ำอุ่นอย่างมีความสุข อุณหภูมิของน้ำแทบจะถอนขนหมูได้ทั้งตัว ถูกต้มเหมือนกุ้งตัวใหญ่ มีความสุขเหลือเกิน ชำระล้างสิ่งสกปรกจากภายในสู่ภายนอก
ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าความสมเพชตัวเองในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่แท้ก็เป็นผลมาจากความกดดัน ความรู้สึกผิดของหัวใจ หลังจากที่ฆ่าคนไป
ความรู้สึกผิดกับการฆ่าคนเป็นแนวคิดสองแนวคิด บนโลกใบนี้ในคนที่รู้สึกผิดไปด้วยและไล่ฆ่าฟันคนไปด้วยมีถมไป เพิ่มอวิ๋นเยี่ยมาอีกสักคนจะเป็นอะไรไป หลี่อันหลานยังคงไม่หลุดพ้น ทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวนอนอยู่บนเตียง และแน่นอนว่า ข้างนอกอากาศสดใส
แม่ครัวของตระกูลซึ่งตามมายังหลิ่งหนานด้วยทำโจ๊กไข่เยี่ยวม้าใส่เนื้อไม่ติดมันชามใหญ่ให้ท่านโหว แค่กระเทียมดองก็กินอย่างเอร็ดอร่อย นึกถึงหลี่อันหลานที่ยังนอนอยู่บนเตียง ก็เลยบอกให้หลิงตังตักไปให้องค์หญิงชามหนึ่ง บอกว่าท่านโหวทำเองกับมือ
ลูกชายรังเกียจกลิ่นกระเทียมดองในปากของอวิ๋นเยี่ย ไม่ให้หอม หันหน้าไปซ้ายไปขวาไม่ยอมให้อวิ๋นเยี่ยจับ ช่างเถอะ เด็กดี เมื่อกี้ยังโยนส้มลงในชามของพ่อ อยากให้พ่อบำรุงร่างกายอยู่เลย
วั่งไฉที่หล่อเหลา ตอนนี้ไม่มีอะไรทำ มันมักจะชอบไปดมก้นของม้าตัวเมีย ตีไปสองทีก็ช่วยอะไรไม่ได้ คนขี้ม้าบอกว่าวั่งไฉคิดถึงแม่ของมัน
เหมือนภาคใต้กำลังลุกเป็นไฟ อากาศร้อนยังไม่พอ คนก็อารมณ์ร้อนไปด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวั่งไฉที่กลายเป็นม้าวิ่งเร็ว อารมณ์ร้อนอย่างไฟ แต่ปัญหาของตัวเองยังแก้ไขไม่ได้จึงไม่สนใจวั่งไฉที่น่าสงสาร ตอนนี้เจ้านั่นเจอควายก็ยังเข้าไปดม ช่างน่าสงสาร
ช่วงสองสามวันนี้หงเฉิงทำงานหนักจนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน ทหารใต้บังคับบัญชาของเขาถูกเขาใช้งานราวกับลาที่ตื่นตระหนก ขี่ม้า ฟาดแส้ เรียกเก็บเงินไปทุกหนทุกแห่ง
คนไม่เพียงพอ ซุนเหรินซือเอาไปสองพันนาย ไม่รู้ว่าไปหาทหารใหม่มาจากไหนตั้งสามพันนาย เพื่อฝึกอบรมทหารใหม่ให้แข็งแกร่งขึ้น ทหารเก่าสองพันนายจึงยังกลับมาตอนนี้ไม่ได้ ต้องรอจนกว่าทหารใหม่กลายเป็นทหารเก่าก่อนถึงจะสามารถเดินทางกลับฉางอันได้
ที่เป๋ยไห่มีท่าเรือธรรมชาติท่าเรือหนึ่ง เรือที่ตระกูลอวิ๋นสร้างขึ้นมาจอดรวมกันอยู่ที่นี่ตรงบริเวณน้ำลึก บนเรือเป็นพวกข้าวเปลือก แต่น่าเสียดายที่เรือเล็กเกินไป ขนส่งเสบียงอาหารพวกนั้นไม่ได้หมด กองทัพเรือของราชสำนักก็จอดอยู่ที่นั่น เตรียมที่จะขนส่งเสบียงอาหารไปยังซานตงโดยเร็วที่สุด ที่จริงราชสำนักไม่ได้คาดหวังอะไรกับพวกเขามากนัก รู้สึกว่าเอาชะตาชีวิตผูกไว้กับเป้ากางเกงของเทพเจ้าคงไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
คนที่ขับเรือคือหลิวเหรินย่วน เห็นผู้ชายคนนี้อวิ๋นเยี่ยก็นึกอยากจะตีเข้าให้ อยากจะตีตั้งแต่หนึ่งปีก่อนแล้ว ลูกศิษย์ที่ไหนเรียนหนังสืออยู่ดีๆ ก็ไม่เรียนซะแล้ว ทั้งสำนักศึกษาก็มีแค่เขาคนเดียว ได้ยินอวิ๋นเยี่ยโม้เรื่องกับตันแจ็คโจรสลัดแห่งแคริบเบียน เขาก็หลงใหลในผู้ชายที่สวมผ้าโพกหัวสีแดง ในมือถือดาบ โจรสลัดตาเดียว ไม่มีแขนซ้าย พร้อมกับสมบัติรูปมังกรแปดตัวและตะขอฟีนิกซ์
จะออกไปหาน้ำพุอมตะในทะเลอย่างไม่คิดอะไร และถือโอกาสจับไซเรนมาเลี้ยงในถังน้ำ ให้นางร้องเพลงให้ฟัง พ่อของเขาหลิวต้าจวี้ก็ตามใจลูกชายตัวเองเป็นอย่างมาก จ่ายเงินก้อนโตเพื่อให้ลูกชายได้มาเป็นกัปตันเรือ นายพันจื้อกั่วระดับเจ็ด หากอยากเป็นระดับหก จ่ายเงินหมดตระกูลก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เป็นแค่กัปตันเรือไม่ใช่ปัญหา ต้าถังไม่ค่อยสนใจกัปตันเรือสักเท่าไหร่
เพียงแค่เขาขับเรือรบใหญ่อยู่บนทะเล ก็เพียงพอที่จะถลกหนังเขาออกเป็นชิ้นๆ เพราะเช่นนี้อวิ๋นเยี่ยจึงใช้แส้ฟาดเขาอย่างไม่รู้สึกผิดอะไร
“มีคนอย่างเจ้าอยู่ที่สำนักศึกษาช่างเป็นเรื่องที่น่าอายของสำนักศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ขับเรืออยู่บนทะเล แล้วยังเอาเรือรบออกมาด้วย พายุคลื่นทะเลเล็กๆ ก็สามารถพาเจ้าตกลงไปที่ก้นทะเลได้ เจ้าตายไม่เป็นไร พ่อของเจ้ามีเงิน แต่ชีวิตของคนอื่นๆ บนเรือเจ้าก็ไม่สนใจหรือ มีนายพันจื้อกั่วเช่นเจ้า มีแม่ทัพเลวทรามเช่นเเม่ทัพหนิ่งหย่วน อยากจะฆ่าเจ้าให้ตาย ข้าจะฟ้องแม่ทัพเลวทรามคนนั้นต่อราชสำนัก เห็นชีวิตของพวกทหารเป็นแค่เรื่องเล่นๆ ไม่ส่งเขาไปต้อนแกะที่เป๋ยไห่ข้าไม่ยอมเป็นแน่ ให้เขาน่าสงสารเสียยิ่งกว่าซูอู่เป็นสิบเท่า”
หลิวเหรินย่วนไม่กล้าขัดขืน โชคดีที่ตัวเองสวมชุดเกราะอยู่ ถูกแส้ฟาดสองสามทีไม่รู้สึกเจ็บรู้สึกคัน แต่เมื่อได้ยินท่านอาจารย์บอกว่าแม้แต่เจ้านายของเขาก็ไม่เว้น ฮ่องเต้ยังไม่เคยปฏิเสธฎีกาของท่านอาจารย์ เจ้านายของตัวเองคือลุงแท้ๆ ของตัวเอง หากถูกส่งตัวไปยังเป๋ยไห่ ดินแดนแห่งนั้นตอนนี้เป็นของชาวทูเจวี๋ย ไปอยู่ที่นั่นคาดว่าแม้แต่กินหญ้าก็ยังเป็นเรื่องที่ลำบาก
“ถูกใส่ร้าย ข้าถูกใส่ร้าย นั่นไม่ใช่เรือรบใหญ่ ราชสำนักไม่อนุญาตให้สร้างเรือรบใหญ่อยู่แล้ว ศิษย์ออกแบบเองเล็กน้อยเพียงเท่านั้น หากเอาเรือรบใหญ่ขับไปบนทะเลจริงๆ ศิษย์คงจะถูหถลกหนังออกเป็นแผ่นๆ ตั้งนานแล้ว”
อวิ๋นเยี่ยได้ยินที่เขาพูด ก็หยุดฟาดแส้ มองไปที่เรือสิบกว่าลำที่ลอยอยู่บนทะเลด้วยความสงสัย ที่จุดสูงของดาดฟ้าเรือ ข้างบนปรากฏห้องโดยสาร และสิ่งที่โมโหที่สุดคือมีปืนใหญ่อยู่ที่หัวเรือ เสากระโดงเรือสูงขึ้นไปบนฟ้า นี่ไม่ใช่เรือรบที่ใช้ในแม่น้ำแยงซีเกียงแล้วมันคืออะไร
โมโหเป็นอย่างมาก ขว้างแส้ลงและมองหาค้อนแทน หากวันนี้ไม่ได้สั่งสอนไอ้กัปตันลวงโลกคนนี้ มันคงจะผิดต่อความพยายามในการสั่งสอนลูกศิษย์ของตัวเอง
ถูกตีเบาๆ ต้องอดทน ถูกตีแรงๆ ต้องวิ่งหนี นี่คือสิ่งที่สำนักศึกษาสอนลูกศิษย์มาโดยตลอด กลัวแค่ว่าท่านอาจารย์ท่านนั้นจะถูกลูกลูกศิษย์ที่ไม่เต็มบาทยั่วโมโหเข้าให้และตีลูกศิษย์จนตาย เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ ตอนนี้ลูกศิษย์ย่อมควรจะวิ่งหนีได้แล้ว
หลิวเหรินย่วนวิ่งเป็นวงกลมอยู่ข้างหน้า อวิ๋นเยี่ยถือค้อนไล่ตามเขาอยู่ข้างหลัง วิ่งได้ไม่ถึงสองรอบ อวิ๋นเยี่ยก็วิ่งต่อไม่ไหวแล้ว วันนี้ใช้พลังงานแก้แค้นองค์หญิงไปหมดแล้ว ขาทั้งสองข้างสั่นไปหมด ถือค้อนยืนหอบอยู่ตรงนั้น
หลิวเหรินย่วนเห็นว่าท่านอาจารย์ไม่วิ่งตามแล้ว เขาจึงยืนขอโทษท่านอาจารย์อยู่ห่างๆ ขอโทษเสร็จก็ตะโกนใส่พวกทหารเรือ มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับห้องโดยสารบนเรือพวกนั้น ราวกับดอกโบตั๋นเบ่งบานในชั่วขณะ บานออกที่ละชั้น กลายเป็นดาดฟ้าแบบใหม่ท่ามกลางเสียงแตรของทหารเรือ รูปร่างเดิมหายไป ปืนใหญ่ก็ถูกแบ่งออกเป็นสองสามส่วน หน้าไม้รูปวัวแปดตัวยืนสง่าอยู่บนหัวเรือ
อวิ๋นเยี่ยโยนค้อนทิ้ง เดินไปสังเกตเรือพวกนั้นที่ชายหาดอย่างระมัดระวัง โชคดีที่ใบเรือที่แข็งราวกับกำแพงเปลี่ยนเป็นใบเรืออ่อนสามใบซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางลมได้ แต่ที่น่ากลัวก็คือใบเรืออ่อนแรงพวกนั้นมันคือผ้าไหม
หลิวเหรินย่วนอกผายไหล่ผึ่งยืนอยู่ข้างอวิ๋นเยี่ย ชี้ไปที่กองทัพเรือแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าศิษย์เป็นคนโง่หรือ ศิษย์เชิญท่านอาจารย์กงซูออกแบบสิ่งเหล่านี้ให้ศิษย์ตั้งนานแล้ว ใบเรือผ้าไหมมีมาตั้งแต่สมัยสามก๊ก ศิษย์ก็เลยอยากจะเอามาใช้ในสมัยนี้ มีใบเรือผ้าไหมเหล่านี้ ศิษย์ก็จะสามารถใช้แรงลมได้มากที่สุด รถสามล้อของท่านก็ใช้วิธีนี้ไม่ใช่หรือ
สำหรับชั้นบน จะมีประโยชน์ในการต่อสู้บนแม่น้ำสายใหญ่ แต่บนทะเลก็ไร้ประโยชน์ เช่นเดียวกับที่ท่านบอกว่า ลมเบาๆ ก็สามารถพลิกเรือได้ ศิษย์ทำให้มันเคลื่อนไหวได้ กลับไปที่แม่น้ำก็ปล่อยมันขึ้นมา ลงทะเลก็เก็บมันไว้ และยังเสริมความแข็งแรงให้กับดาดฟ้า
ท่านอย่ามองศิษย์ด้วยสายตาเช่นนี้ ปัญหาเรื่องไม้ศิษย์ย่อมได้พิจารณาแล้ว ศิษย์ใช้วัสดุของเรือทะเลทั้งหมด ใช้ไม้ลิ้นจี่ ไม้การบูร และไม้อูหลานเป็นหลัก ศิษย์หาคนชำนาญการมาตอกตะปูเหล็กอย่างแน่นหนา ศิษย์เห็นเรือของท่านแล้ว ในด้านนี้ยังเทียบเรือของศิษย์ไม่ได้”
พูดคำเหล่านี้เสร็จ เขาก็มองไปที่อวิ๋นเยี่ยอย่างมีความคาดหวัง หวังว่าท่านอาจารย์จะชื่นชมตัวเองสักสองสามประโยค
“กระดูกงูล่ะ? ข้าถามเจ้าว่ากระดูกงูล่ะ? เรือของเจ้าได้ใช้กระดูกงูหรือไม่ หากไม่ได้ใช้ รีบขับมันกลับไปที่แม่น้ำเดี๋ยวนี้ อย่าขับไปทิ้งชีวิตไว้บนทะเล”
“ท่านอาจารย์ เรือทะเลของศิษย์ไม่จำเป็นต้องใช้กระดูกงูจริงๆ ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจ แต่ไปหาช่างที่มีฝีมือหลายคนถึงได้เข้าใจหน้าที่ของมัน ช่างที่มีฝีมือคนหนึ่งจับปลาใหญ่ได้โดยบังเอิญ ตอนที่เขากรีดเนื้อปลาเขาเห็นกระดูกงู ตระกูลของศิษย์ทำมาหากินทางน้ำมาโดยตลอด ศิษย์จำเรื่องราวที่ท่านเล่าให้ฟังได้ทุกเรื่อง ทุกครั้งที่ได้ยิน ก็จะบอกให้พ่อของศิษย์ทำการทดลอง และมอบให้กับลุงของศิษย์ ก็คือคนที่ท่านบอกว่าท่านจะส่งเขาไปต้อนแกะที่เป๋ยไห่ เมื่อได้รับผลการทดลองต่างๆ แล้ว สุดท้ายถึงได้มีเรือพวกนี้ขึ้นมา ศิษย์ถึงได้ไปโดยไม่ลา ไปสร้างเรือพวกนี้ เพื่อพวกมัน ตระกูลของศิษย์แทบจะล้มละลาย พ่อของศิษย์กินข้าวแค่วันละสองมื้อ ไม่ได้กินเนื้อมาสองปีแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความฝันที่อยากจะออกไปดูท้องทะเลของศิษย์ ตอนนี้…”
ตระกูลใหญ่โตแค่ไหนก็ทนทุกข์ทรมานขนาดนี้ไม่ได้ อวิ๋นเยี่ยยังจำได้ว่าหลังจากที่หลิวเหรินย่วนหนีออกไปจากสำนักศึกษา พ่อของเขาคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนหลี่กังไม่ให้ไล่เขาออกจากสำนักศึกษา ให้ลูกชายของเขามีโอกาสหันหลังกลับ
หัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ หลี่กังทำไม่ลง เขาไม่ไล่หลิวเหรินย่วนออกจากสำนักศึกษา หากหลิวเหรินย่วนทำไม่สำเร็จ เขาก็ยังมีโอกาสกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง นี่ก็คือเหตุผลที่ทำไมอวิ๋นเยี่ยเจอหลิวเหรินย่วนก็ตีเขาอย่างไม่ถามไถ่
หลิวเหรินย่วนที่อายุยี่สิบสองปี เขาไม่ใช่ชายหนุ่มไร้เดียงสาของสำนักศึกษาตั้งนานแล้ว ไหล่ที่กว้างยาว รูปร่างสันทัด รวมถึงใบหน้าที่หยาบกร้านจากลมทะเล เขาได้กลายเป็นชายหนุ่มสง่างามเต็มตัวแล้ว
“ครั้งนี้กลับไปเมืองหลวงกับข้า กลับไปทำการบ้านที่เจ้ายังทำไม่เสร็จที่สำนักศึกษา เข้าร่วมการสอบใหญ่ในภาคฤดูหนาว มันสำคัญกับเจ้ามาก หากอยากให้ความฝันโบยบินได้สูงขึ้น เจ้าก็จะต้องมีจุดเริ่มต้นที่สูงขึ้นด้วย”
“ขอบคุณที่ท่านอาจารย์ยกโทษให้ข้า” หลิวเหรินย่วนโค้งคำนับอวิ๋นเยี่ย
อวิ๋นเยี่ยตบหลังของเขาเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ เรื่องอะไรก็รู้แค่ครึ่งๆ กลางๆ เจ้าสามารถสร้างเรือรบได้ แต่เจ้ากลับไม่รู้ระบบการใช้งานเรือรบเหล่านี้ในการออกไปเก็บรวบรวมทรัพย์สมบัติให้กับประเทศตัวเอง พ่อของเจ้าไม่ได้กินเนื้อมาตั้งสองปี ก็ล้วนแต่เป็นเพราะความโง่เขลาของเจ้า คนมีความรู้ชอบถ่อมตน คนโง่เขลากลับชอบอวดดี”
อวิ๋นเยี่ยวางมาดท่านอาจารย์อย่างเต็มที่ ก้าวลงไปบนเรือลำเล็ก หลิวเหรินย่วนพายเรือไปส่งอวิ๋นเยี่ยที่เรือลำใหญ่ กำลังจะดูว่าเรือลำนี้เป็นเช่นไรกันแน่ มีดีแค่ภายนอก หรือว่าใช้งานได้ดีจริงๆ ตอนนี้ไม่มีแม่แบบ ทุกอย่างต้องทำการทดลอง ต้องปรับปรุง และต้องมีคนตายอย่างต่อเนื่อง
เดินโซซัดโซเซมาจนถึงบนดาดฟ้า ชายหนุ่มเท้าเปล่าพวกนั้นจ้องมองด้วยสายตาที่ดูถูก ไม่เข้าใจว่าทำไมนายพันของตัวเองต้องเชิญคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นขึ้นมาบนเรือ แล้วยังมาตรวจดูความพร้อมของเรือราวกับเรือขนสมบัติ คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างเจ้าจะตรวจสอบอะไรกัน ยืนยังยืนไม่มั่นคง หรือว่ามาตรวจดูว่าเรือของตัวเองปีนขึ้นฝั่งได้หรือไม่
“เชือกม้วนไม่เป็นระเบียบ ไม่ผ่าน”
“หางเสือเป็นแท่งเหล็กสองแท่ง ใช้สมองทำให้มันเป็นแผ่นวงกลมไม่ได้เหรอ ใช้งานสบายกว่า ใช้งานง่ายกว่า ไม่ผ่าน”
“มัดเชือกก็ไม่สม่ำเสมอ ยุ่งเหยิงไปหมด ไม่ผ่าน”
“มุมแหลมเต็มห้องโดยสารไปหมด เจอคลื่นลมพายุมันจะแทงคนตาย ไม่ผ่าน”
“ของใช้จิปาถะก็มัดไม่แน่น วางถังน้ำไปทั่ว ตอนที่เจอคลื่นลมพายุมันจะไหลมาทับคนบาดเจ็บ ไม่ผ่าน”
“บนเรือมีหนู มันจะนำโรคมาติด ไม่ผ่าน”
“เรือเดินทางไกล แต่ไม่มีการเตรียมส้มและถั่วงอก นี่มันเป็นเรื่องที่โง่มาก ไม่ผ่าน”
“กลิ่นเหม็นเต็มไปหมด ไม่ได้สุขอนามัย ไม่ผ่าน”
ชายหนุ่มที่มีตาข้างเดียวได้ยินอวิ๋นเยี่ยบอกว่าไม่ผ่าน ไม่ผ่าน เขาก็โมโหขึ้นมาทันที อ้าปากส่งเสียง พอดูใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่าลิ้นของเขามีครึ่งเดียว…