เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 45 เรือใบหลายพันลำเมื่อข้าออกเดินทาง
กลุ่มชายฉกรรจ์รุมตีเด็กสามคน คือสถานการณ์อธิบายการสู้รบกับเรือขนาดเล็กนี้ได้ เรือเร็วแล่นซิกแซกเข้าไปใกล้เรือของชาวหู ถึงแม้ว่าฝั่งตัวเองจะมีเครื่องโยนหินขนาดเล็ก แต่พวกนายพันที่สายตาเต็มไปด้วยเงินทองพวกนั้นไม่อนุญาตให้ขว้างออกไป ถูกเรือแตกไปน่าเสียดาย นี่เป็นทรัพย์สมบัติของนายใหญ่
ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตร เสียงของหน้าไม้สามขาที่ยิงออกไป อวิ๋นเยี่ยอยู่บนเรือลำใหญ่ยังได้ยินชัดเจน ลูกธนูหนาๆ หลบหลีกที่ที่เปราะบางอย่างเสาเรือพวกนั้น ยิงไปที่ด้านข้างของเรือทั้งหมด ปักเข้าที่เรือในอย่างหนาแน่นราวกับใยแมงมุม
ชายร่างใหญ่เปลือยกายหลายสิบคนดึงเชือกที่เสาเรือ กระโดดขึ้นไปบนเรือของชาวหู และแน่นอนว่ามีผู้โชคร้ายไม่กี่คนถูกลูกธนูที่กระจัดกระจายไปทั่วแทงเข้าใส่และตกลงไปในทะเลกลางทาง อวิ๋นเยี่ยรีบกระโดดร้องให้คนไปช่วยอย่างรวดเร็ว
เมื่อเรือลำใหญ่ของอวิ๋นเยี่ยมาถึงสนามรบ การต่อสู้ก็สงบลงแล้ว ชายไว้หนวดไว้เคราคนหนึ่งตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด แต่เหล่าทหารฟังไม่เข้าใจ เอาแต่เก็บรวมรวบอาวุธที่ยึดได้จากศัตรู เมื่อโซ่ทองที่คล้องคอของเขาถูกดึงไปพร้อมกับป้ายชื่อ เขาดิ้นรนอย่างหนัก พยายามที่จะดึงโซ่ทองกลับคืนมา
เซี่ยวชังเซิงดุด่าเหล่าทหารที่ฉกโซ่ทองอย่างดุเดือด ดึงโซ่ทองออกมา จากนั้นก็เอาไปให้อวิ๋นเยี่ยดู ทหารคนนั้นเห็นว่าโซ่ทองของตัวเองหายไปแล้ว เขาก็เตะชาวหูคนนั้นอย่างโกรธเกรี้ยว และไปเก็บของคนอื่นต่อ เขาเป็นคนแรกที่กระโดดขึ้นเรือ เขามีสิทธิ์นี้
ป้ายชื่อทำขึ้นมาอย่างประณีต แกะสลักรูปชาวหูที่มีปีกอยู่
“ท่านโหว นี่คือเทพเจ้าของพวกเขา ดูเหมือนว่าสถานะของไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดา ไม่ใช่กัปตันธรรมดา” หลังจากที่เซี่ยวชังเซิงอธิบายให้อวิ๋นเยี่ยฟังเสร็จ ก็กระซิบกับชาวหูคนคนนั้น ชาวหูคนนั้นก็พูดออกมาด้วยความโมโห
“ท่านโหว ไอ้หมอนี่บอกว่าเขาเป็นขุนนางทหาร กำลังไล่ล่านักโทษ เราจะซ่อนตัวนักโทษไม่ได้ มิเช่นนั้นเคาะลีฟะฮ์จะส่งกองทัพที่ใหญ่เท่าทะเลมาที่นี่ ถึงตอนนั้นอย่าคิดว่าจะยังมีชีวิตรอด แต่หากชดเชยค่าเสียหาย เขาจะพิจารณาให้เรามีชีวิตรอด”
อวิ๋นเยี่ยพยักหน้า มองไปที่ชาวหูคนนั้นอย่างละเอียด แล้วพูดกับเขาว่า “ฟังที่ข้าพูดไม่เข้าใจ?” ชาวหูส่ายหน้าอย่างแรง แต่สายตาของเขาหักหลังเขาเต็มๆ
อวิ๋นเยี่ยยิ้มและพูดกับวีรบุรุษไร้ความสามารถอย่างตงอวี๋ว่า “ตัดแขนข้างหนึ่งของเขา ระวัง อย่าให้เขาตาย” ตงอวี๋เพิ่งจะก้าวเข้าไปข้างหน้า ชาวหูคนนั้นก็ทรุดตัวลงบนพื้น ร้องขอความเมตตาด้วยภาษาฉางอันที่นุ่มนวล
อู๋เสอถามอวิ๋นเยี่ยด้วยความแปลกใจ “อวิ๋นโหว ท่านรู้ได้เช่นไรว่าไอ้นี่พูดภาษาคนเป็น”
“คนคนหนึ่งไม่ว่าจะมีฝีไม้ลายมือแค่ไหนก็ต้องฟังบทสนทนาของฝ่ายตรงข้ามให้เข้าใจ เห็นได้ชัดเจนว่าเขาไม่ใช่ ยังรู้จักเขียนเสื้อให้วัวกลัว ข้าอายุน้อยแค่นี้ จะใส่หรือไม่ใส่เครื่องแบบขุนนางอยู่ก็เถอะ ตามเหตุผลแล้วเป็นไปไม่ได้ที่ชาวหูจะรู้ว่าข้าเป็นแม่ทัพของที่นี่ เหล่าหงกับเจ้ามีบุคลิกมากกว่าข้า แต่ทุกคำพูดของชายคนนี้พุ่งตรงมาที่ข้าตลอด เจ้าคิดว่าแปลกหรือไม่”
อู๋เสอและหงเฉิงพากันพยักหน้า แต่กลับพึมพำในใจไม่หยุด เหลวไหลจริงๆ เจ้ายืนอยู่ตรงกลาง เซี่ยวชังเซิงเอาอาวุธที่ยึดได้จากศัตรูมาให้เจ้าดูเป็นคนแรก ชาวหูไม่รู้ว่าเจ้าเป็นแม่ทัพสิแปลก ความจริงเขาหงุดหงิดกับคำพูดนั้น แต่พอบอกจะตัดแขนของเขา เขาเลยตกใจต่างหาก ยังจะหาเหตุผลมากมายมาพิสูจน์ความฉลาดหลักแหลมของตัวเอง เจ้านี่ช่างเป็นขุนนางที่กะล่อนขึ้นทุกวัน
ตงอวี๋ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ท่านโหวบอกว่าตัดแขนข้างหนึ่ง ก็ต้องตัดแขนข้างหนึ่ง สำหรับคำข่มขู่เหล่านั้น แม้แต่เขายังไม่สนใจ ท่านโหวจะสนใจอย่างนั้นหรือ
ทนดูชาวหูถูกตัดแขนไม่ได้ อวิ๋นเยี่ยมองไปรอบๆ เรือ เรือที่ยาวกว่าสี่สิบเมตร หัวเรือแหลมๆ ในห้องโดยสารมีกระดูกงู แบ่งออกเป็นสามชั้น พอเขามาถึงชั้นที่สาม เขาถึงกับหวาดกลัวจนพูดไม่ออก ชั้นที่สามมีกลิ่นเหม็นที่รุนแรง ทาสยี่สิบคนที่อยู่ข้างในถูกขังติดอยู่กับไม้พาย สายตาหมองคล้ำ มือวางอยู่ที่ไม้พาย ดูเหมือนว่าแค่ออกคำสั่ง ไม้พายก็จะพายไปด้วยกลไก ในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เซี่ยวชังเซิงไม่แปลกใจ อ้าปากของทาสหนึ่งคนให้อวิ๋นเยี่ยดู เห็นแค่ข้างในปากเหมือนกับตงอวี๋ ไม่มีลิ้น
“ท่านโหว บนเรือของชาวหูยังมีทาสเช่นนี้ หน้าที่ของพวกเขาก็คือพายเรือ แม่ทัพบางคนตัดลิ้นของทาสออกเพื่อรักษาความลับ เช่นนี้ทาสที่ไม่รู้จักตัวหนังสือก็จะไม่มีทางทำให้ความลับรั่วไหลออกไปได้ ทำตามกฎของชนเผ่าหูมาเป็นเวลาหลายร้อยปี”
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสัตว์เดรัจฉานพูดได้? ตอนนี้พวกเขาแม้แต่พูดยังพูดไม่ได้ ราคายังเทียบกับวัวกับแกะไม่ได้
“พาพวกเขาไปที่ดาดฟ้า ให้พวกเขาได้เห็นแสงอาทิตย์บ้าง” ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์มานานแค่ไหน แต่ละคนสีหน้าซีดเซียวราวกับผี “ให้พวกเขาอาบน้ำทะเลด้วย เหม็นเกินไปแล้ว”
กลับมาบนเรือของตัวเอง ตงอวี๋ได้ทำการตัดแขนของชาวหูคนนั้นแล้วและกำลังทำแผลให้เขา วิธีการทำแผลก็คือใช้เหล็กที่เผาร้อนกดลงบนแผลของเขา เลือดออกไม่มาก ตงอวี๋ใช้เข็มขัดมัดแขนของเขาอย่างแน่นก่อนที่จะลงมือตัด
เหล็กร้อนๆ กดลงแผล มีกลิ่นของขนหมูที่ไหม้เกรียม ชาวหูกระตุกเหมือนปลาเพียงไม่กี่ครั้ง ไม่มีแรงที่จะตะโกน เมื่อครู่ตงอวี๋ตัดอยู่ตั้งนานกว่าจะตัดแขนออกมาได้
ด้านหลังของเรือลำใหญ่ลากเรือของชาวหูมาเรื่อยๆ ความเร็วก็ช้าลงตามธรรมชาติ เมื่ออวิ๋นเยี่ยมาถึงเกาะปู ฟ้าก็มืดสนิทแล้ว อวิ๋นเยี่ยพึ่งตั้งชื่อว่าเกาะปูเมื่อครู่ เพราะเห็นปูเดินอยู่บนชายฝั่งก็เลยใช้คำว่าปูมาตั้งเป็นชื่อเกาะ
อาละดินพูดผิดแล้ว ไม่ใช่เรื่อสิบห้าลำ แต่เป็นสิบแปดลำ ไอ้ฉลาดแกมโกงคนนี้จงใจไม่นับรวมเรือสามลำของตัวเอง แต่ว่าตอนนี้พวกมันทั้งหมดเป็นสมบัติของกองทัพเรือต้าถังไปแล้ว
ปูทะเลก็เป็นอาหารอันโอชะเช่นกัน ล้างทรายออกไปก็เป็นอาหารอันโอชะ ไม่ต้องทำอะไรมากมายเพียงแค่เติมเกลือเล็กน้อยต้มให้สุกก็พอ ปูที่อยู่หน้าเกาะคงกินไม่ได้ อวิ๋นเยี่ยเห็นพวกมันเดินขึ้นเดินลงบนซากศพก็ไม่มีอารมณ์กินแล้ว กินปูที่อยู่หลังเกาะอุ่นใจกว่า
ทหารของต้าถังไม่เคยเกียจคร้านในการสู้รบ ถึงแม้ว่าจะจับโจรสลัดทั้งหมดได้แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่เกียจคร้านเลยแม้แต่น้อย เรือสิบลำแล่นไปในทะเลไม่หยุดไม่หย่อน แค่เจอสิ่งผิดปกติพวกเขาก็พร้อมที่จะทำการโจมตีทันที กองทัพทหารขนาดใหญ่ใช้เวลาอยู่บนเกาะเป็นเวลานานพอสมควร บนเกาะยังมีทหารรักษาการณ์ หลังจากอวิ๋นเยี่ยตรวจการณ์เสร็จก็นอนหลับในกระโจมอย่างสบายใจ การนอนหลับท่ามกลางเสียงคลื่นน้ำทะเลช่างมีความสุข
พอรุ่งสาง กองทัพเรือก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่อ ทิ้งเรือเร็วประจำการบนเกาะปูไว้สิบลำ รอให้กองทัพเรือออกเดินทางแล้วค่อยกลับมารวมตัวกันที่นี่
หลี่อันหลานอุ้มลูกชายต้อนรับการกลับมาอย่างมีชัยของกองทัพอยู่ที่ท่าเรือ ยังจัดการแสดงร้องเพลงเต้นรำอีกด้วย ความสามารถในการร้องเล่นเต้นรำของหอชุ่ยเฟิ่งโหลวไม่ธรรมดา อาลาดินอ้วนหาลูกชายของตัวเองที่ถูกตัดลิ้นท่ามกลางกลุ่มนักโทษจนเจอ กุมหัวร้องไห้ เซี่ยวชังเซิงยิ้มหัวเราะ ส่งคนของเขาคืนให้เขา และเตรียมที่จะรับทรัพย์สมบัติของเขามา อาลาดินเคยบอกว่า ขอแค่ช่วยลูกชายของเขาได้ เขาจะเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับท่านโหว ในฐานะคนที่มีตำแหน่งจะไม่รักษาสัญญาไม่ได้
ลมกระโชกแรง พัดจนต้นไม้ใบไม้ในจวนองค์หญิงมีเสียงกรอบแกรบ เมื่อมรสุมรุนแรงที่สุดใกล้จะมา กองทัพเรือกำลังจะออกเดินทาง ก่อนหน้านั้นได้ส่งทูตม้าเร็วสามคนออกไปรายงานข่าวที่ฉางอัน เฝิงอั้งจัดพิธีอำลาอย่างยิ่งใหญ่ให้กับอวิ๋นเยี่ย เมื่อจอกเหล้าทองคำกำลังจะชนกัน ก็ได้ยินคำสาปแช่งที่เลวทรามที่สุดของเฝิงอั้ง “อวิ๋นเยี่ย ไอ้สารเลว ขอให้ถูกราชามังกรทะเลจับไปเป็นลูกเขย ถึงตอนนั้นข้าจะดื่มเหล้าให้เมาสักสามร้อยจอก มา! ทุกท่าน ดื่ม!”
“เหตุใดเฝิงกงถึงได้พูดเช่นนี้ สุนัขเพิ่งจะล้างกระเพาะมาเมื่อเช้า เยอะแยะมากมาย รสชาติเข้มข้น ให้ข้าน้อยเอาออกมาให้เฝิงกงดูดีหรือไม่ แต่ท่านอายุมากแล้ว และยังถูกสัตว์ป่าฆ่าลูกชายตายไปสามคน ดื่มน้อยๆ หน่อยเถอะ ดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี หาคนมาชดเชยตำแหน่งว่างของลูกชายทั้งสามคนเป็นเรื่องสำคัญ ได้ยินมาว่าตอนนี้ท่านหมดแรงแล้ว น่าเสียดายสนมที่สวยสดงดงามพวกนี้เสียจริง ระวังหน่อย หากลูกที่เกิดมาเหมือนกับแม่ทัพของตระกูลท่าน อาจจะทำให้คนลำบากใจเอาได้”
“ไอ้สารเลว พูดจาสองแง่สองง่าม ข้าจำไว้หมดแล้ว ทรมานเจ้าที่หลิ่งหนาน ผู้คนจะบอกว่าข้าไม่น่าเคารพ รอให้ข้ากลับไปฉางอัน เจ้าได้เห็นดีแน่”
“หอเอี้ยนไหลโหลวของข้าน้อยจะเตรียมพร้อมสำหรับเฝิงกง ว่ากันว่าซุนเฟิงซั่นเป็นยาวิเศษ เป็นความลับของราชวงค์ เพื่อที่จะทำให้เฝิงกงมีความสุข ข้าน้อยจะแอบเข้าไปเอามาจากพระราชวังสักหนึ่งกิโล ใช้ให้หมดภายในคืนเดียว ถึงจะทำให้เฝิงกงกลับมามีแรง มาๆๆ ทุกท่านชนให้กับเฝิงกง!”
ใบหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความสุข เฝิงอั้งไม่สนใจ กล้าหาญชาญชัยเป็นอย่างมาก ยกดื่มจนหมดเกลี้ยง คำพูดที่มีไหวพริบของอวิ๋นเยี่ยไม่มีที่สิ้นสุด ระหว่างการสนทนา คนที่นั่งอยู่ด้วยกันล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตของหลิ่งหนาน ใส่มงกุฎใส่เสื้อคลุม มีเสียงของภูเขาแม่น้ำไหลเป็นครั้งเป็นคราว เหมือนจะมีกลิ่นอายของดาบด้วย แต่น่าเสียดาย…
น่าเสียดายที่เฝิงอั้งกล้าดื่มแค่หนึ่งพันจอก คนที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรินเหล้าคือลูกชายคนเล็กของตระกูลเหอ เฝิงอั้งอายุยืน แน่นอนว่าเหยือกเหล้าของเขาจะต้องเลือกเหยือกที่มีขนาดใหญ่ ยิ่งใหญ่ยิ่งดี อวิ๋นเยี่ยอายุยังน้อย แน่นอนว่าตัวเลขยิ่งเล็กยิ่งดี ท่ามกลางช้อนไม้ที่รินเหล้า เฝิงอั้งถอดเสื้อคลุมออก เปลือยหน้าอก ถอดรองเท้าออกไปไว้อีกทาง โยนหมวกออกไปไหนตั้งนานแล้วก็ไม่รู้ ส่วนหลี่อันหลานก็รีบปิดหน้าแล้ววิ่งตรงไปยังห้องว่างด้านหลังที่ไม่มีใคร
เขาตีเฝิงจื้อหย่งที่เอาเสื้อคลุมมาใส่ให้ ขี่หลังผู้เฒ่าตระกูลเหวยแล้วบังคับให้เรียกตัวเองว่าพ่อถึงจะยอมปล่อยไป ก่อนจะไปลากอวิ๋นเยี่ยมา กระโดดโลดเต้นอย่างดุเดือดเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง และด้วยความที่ไม่ทันระวังตัวก็ล้มลง เสียงล้มตึงดังราวกับเสียงฟ้าร้อง
เฝิงจื้อหย่งที่หน้าบวมไปครึ่งหน้าแบกพ่อของตัวเองขึ้นหลัง กล่าวขอโทษผู้เฒ่าตระกูลเหวย พูดจาดีอยู่นานถึงได้รีบหนีออกไป
งานเลี้ยงจบลงตอนที่ดวงอาทิตย์สีแดงก็กำลังขึ้น อวิ๋นเยี่ยอุ้มลูกชาย หอมที่แก้มที่ก้นอย่างแรงตั้งหลายที ตบก้นของหลี่อันหลานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างแรงสองที บีบที่หน้าอกอีกหนึ่งที ถึงได้เงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะแล้วเดินจากไป
ท่าเรือเต็มไปด้วยเรือใบหลายพันลำ เสียงแตรดังก้องไปบนท้องฟ้า หมูสองตัวถูกโยนลงไปในทะเล มอบให้แก่ราชามังกรทะเล เสียงทอดสมอดังขึ้นไม่หยุด เรือใหญ่สองร้อยสิบเอ็ดลำแล่นเข้าสู่ทะเลลึก อวิ๋นเยี่ยหัวเราะมองดูศพของชาวหูที่แขวนอยู่บนเกาะปู สิ่งเดียวที่ไม่เห็นก็คือน้ำตาอันยิ่งใหญ่ของหลี่อันหลาน