เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 7 เจตนาอันชั่วร้ายได้เกิดขึ้น
ทว่าโต้วเยี่ยนซานนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส หยุดเลือดจากบาดแผลที่ถูกปลิงกัดไม่ใช่เรื่องง่าย โดยปกติต้องใช้เวลาทั้งวัน สิบกว่าแผลอาจจะทำให้เขาเสียเลือดมากในวันเดียว
ไข้สูงไม่ลดเลย คาดว่าน่าจะมีสิ่งสกปรกเข้าไปรุกรานเขา เมื่ออวิ๋นเยี่ยไปเยี่ยมเขา เขายังคงมีสติอยู่ หัวที่บวมราวกับหัวหมูยังสามารถบีบรอยยิ้มที่น่าเกลียดออกมาได้ อวิ๋นเยี่ยจำเป็นต้องพูดว่า “สุภาพบุรุษ!”
ทำความสะอาดแผลให้โต้วเยี่ยนซาน ให้พ่อบ้านเฒ่าใช้เหล้าเช็ดรักแร้และหลังหูของเขา ต้มน้ำก้านของต้นหลิวเพื่อล้างแผลให้เขา หวังว่าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์
ความรู้ของคนที่อยู่ในป่าเขามานานต่างก็รู้ นั่นก็คือหากถูกปลิงกัดต้องรีบทุบใบของโบตั๋นป่าแปะไว้ที่แผล เช่นนี้ถึงจะสามารถห้ามเลือดได้อย่างรวดเร็ว
อวิ๋นเยี่ยหิวมาก บาดแผลที่หลังของวั่งไฉก็ยังไม่หายดี ถึงแม้ว่าข้างล่างบ้านของโต้วเยี่ยนซานจะมีดอกโบตั๋นป่าจำนวนมาก แต่อวิ๋นเยี่ยก็ทำเป็นไม่เห็น ยุ่งอยู่กับการใช้เหล้าลดไข้
“อวิ๋นโหวเหตุใดถึงได้เป็นห่วงเป็นใยศัตรูอย่างข้าเช่นนี้”
ตอนนี้เขายังไม่ล้มเลิกความคิดที่อยากจะเป็นเพื่อนกับอวิ๋นเยี่ย เห็นว่าอวิ๋นเยี่ยกำลังยุ่ง รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างก็เลยจงใจถามขึ้นมา
“ที่จริงแล้วข้าอยากจะให้เจ้าตาย แต่คิดดูแล้ว ก็ไม่กล้าให้เจ้าตาย เพราะก่อนที่เจ้าจะตาย เจ้าจะต้องลากข้าไปฝังให้ได้ก่อนเป็นแน่ เช่นนี้ชีวิตหลังความตายของเจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว”
โต้วเยี่ยนซานอยากจะหัวเราะ แต่ผิวของเขาตึงเกินไป ปรบมือด้วยความยากลำบากและพูดว่า “คนที่ให้กำเนิดข้าคือท่านพ่อกับท่านแม่ คนที่รู้ใจข้าคืออวิ๋นโหว หากข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็จะไม่มีทางตาย แต่หากข้ากลายเป็นขี้เถ้า เจ้าก็จะต้องลงไปนรกเป็นเพื่อนข้า”
“เช่นนั้นเจ้าก็มีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะ อดทนหน่อย ทำให้ไข้ลดก่อน หากอยู่ที่ฉางอัน ข้ามีวิธีลดไข้ให้เจ้ามากมายนับไม่ถ้วน แต่ที่สถานที่แห่งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเจตจำนงของเจ้าแข็งแกร่งเพียงพอหรือไม่ ช่วงนี้เจ้าจะต้องพักผ่อน ขอพูดอะไรอีกสักหน่อย เจ้ายังต้องมีทองจำนวนมากเพื่อเอาใจลูกน้องขี้วิตกกังวลของเจ้า ข้าไม่อยู่เป็นเพื่อนเจ้าแล้ว ข้าจะออกไปหาทองคำ ไม่ใช่เพื่อเจ้า แต่เพื่อพวกผู้หญิงและเด็กๆ ที่บริสุทธิ์ในตระกูลของเจ้า”
“ข้ารังเกียจความสกปรกที่สุดในชีวิต เกิดมาก็เป็นคนโง่ เพียงข้าเห็นพวกโง่ที่สกปรก ข้าก็อยากจะตาย อวิ๋นโหว เจ้ารู้หรือไม่ พูดคุยกับเจ้าข้ารู้สึกสบายใจมาก ดื่นเหล้ากับเจ้าข้าก็สบายใจ เจ้าพูดความจริงกับข้าสักคำ หากตระกูลโต้วไม่มีการทำคนเทียนไข เจ้ายังจะมีส่วนร่วมในแผนการของหลี่ซือหมินอยู่หรือไม่”
“ไม่ ไม่มีทาง เรื่องของตระกูลเจ้าไม่เกี่ยวกับข้า นั่นเป็นเรื่องของฮ่องเต้ เก็บเผยอิงเอาไว้เป็นความต้องการของฮ่องเต้ ตอนที่เจ้าเข้าออกประตูใหญ่ของสำนักศึกษา ขันทีเฒ่าอู๋เสอก็อยู่ที่นั่น เจ้ารู้ใช่ไหมว่าอู๋เสอเป็นใคร”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ มีอู๋เสออยู่ที่นั่นกับเจ้า เจ้าอยากจะคดโกงยังไม่มีโอกาส” โต้วเยี่ยนซานนอนลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง พ่อบ้านเฒ่าพันผ้าสะอาดที่หัวและคอของเขา ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเลือด
การขุดทองคำ ทางที่ดีต้องเป็นคนของตัวเอง โต้วเยี่ยนซานไม่อนุญาตให้พวกชาวบ้านเรียนรู้งานพวกนี้ ส่งคนรับใช้ที่จงรักภักดีที่สุดของตระกูลโต้วไปช่วยงานอวิ๋นเยี่ยเจ็ดแปดคน แค่เขาไม่หลบหนี คนพวกนี้ก็ต้องฟังคำสั่งของเขา
การขุดทองคำไม่ได้ยากอะไร แค่ต้องมีรางเลื่อนหนึ่งราง แผ่นสไลด์แผ่นหนึ่ง บวกกับถาดขุดทองก็ครบครันแล้ว ในป่าเขาสิ่งที่เยอะที่สุดก็คือไม้ การทำรางเลื่อนให้เป็นขั้นบันไดเล็กๆ ทำได้เพียงแค่ปูด้วยผ้าแล้วมัดทั้งสองด้านให้แน่น ข้อดีของการทำเช่นนี้คือแร่ทองคำที่มีแรงถ่วงมากกว่าหินและดินจะเกาะอยู่บนขั้นบันไดเล็กๆ ก้อนกรวดขนาดใหญ่จะถูกขูดออกโดยคราดจากด้านบน ใช้น้ำล้างครั้งสองครั้งแล้วเก็บผ้าขึ้นมา เก็บทองคำด้านบนเทลงในถาดขุดทอง สุดท้ายจับถาดขุดทองเขย่ากับน้ำอย่างต่อเนื่อง ใช้แรงเหวี่ยงเพื่อล้างของเสียที่มีน้ำหนักเบาออก สุดท้ายก็เก็บทองคำออกมา น่าเสียดายที่ในต้าถังปรอทแพงเกินไป ล้วนแต่ถูกคนที่ชื่นชอบเก็บสะสมซื้อไปในราคาสูง กลั่นกินเป็นยา เพราะฉะนั้นโต้วเยี่ยนซานผู้ยากจนที่น่าสงสารคนนี้ถึงได้ไม่มี มิเช่นนั้นอวิ๋นเยี่ยก็คงจะไม่ยอมเสียทองคำเม็ดสุดท้ายไปแม้แต่นิดเดียว
ทองคำของชนเผ่ามาจากแม่น้ำลำธาร แม่น้ำที่คดเคี้ยวไหลออกมาจากถ้ำ มีร่องรอยว่าเคยมีน้ำท่วมทั้งสองฝั่ง มองไปที่ถ้ำ อวิ๋นเยี่ยก็รู้ว่ามีเหมืองทองคำที่อุดมสมบูรณ์ในภูเขาลูกนี้ มิเช่นนั้นในแม่น้ำก็คงไม่มีทองคำ พวกชาวบ้านต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการเก็บทองคำ พวกเขากรอกทรายขึ้นมาหนึ่งกำมือ พระเจ้า ไม่แปลกที่พวกเขาต้องเก็บสะสมอย่างน้อยชั่วอายุคนในการหล่อเครื่องทอง
ในถ้ำจะต้องมีทองคำมากกว่าแน่นอน แต่อวิ๋นเยี่ยไม่คิดที่จะบอกโต้วเยี่ยนซาน คนสมัยก่อนมีความกลัวถ้ำตามธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำที่ผลิตทองคำเช่นนี้ คิดว่าทองคำคือสิ่งที่สวรรค์มอบให้ มีความสามารถมากเพียงใดก็ตาม หากไปขุดเอาทองคำ ก็จะทำให้พระเจ้าโมโหและก่อให้เกิดภัยพิบัติอย่างน่าอัศจรรย์
อวิ๋นเยี่ยชอบความเชื่อเช่นนี้ของคนสมัยก่อนเป็นที่สุด หลี่ซือหมินใช้ถ้วยแตกกินข้าว เขายังคิดว่าถ้วยของตัวเองสมบูรณ์แบบเกินไป เขาจงใจเคาะถ้วยให้มีรอยแตก หมายความว่าต้องเป็นของที่มาจากสวรรค์เท่านั้นถึงจะสมบูรณ์แบบ เขาไม่กล้าเทียบกับพระเจ้า ใช้แค่ถ้วยที่มีรอยแตกก็พอ
มีหญ้าสีเขียวชนิดหนึ่งที่อร่อย แต่มีไม่มาก ต้องเดินเข้าไปในป่าอีกเล็กน้อย ขณะพึ่งจะเดินไปได้สองก้าว งูที่มีขนาดเท่าแขนก็พันรอบขาหน้าของวั่งไฉ หดตัวรัดขาของมัน วั่งไฉตกใจ ยกข้างหน้าวิ่งไปหาอวิ๋นเยี่ย
ได้ยินเสียงร้องของวั่งไฉ อวิ๋นเยี่ยก็รีบกระโดดขึ้นมา ตะโกนเรียกคนรับใช้ของตระกูลโต้วมาช่วยเหลือ คิดว่ามีสัตว์ร้ายโผล่ออกมา
เดินเข้ามาดู เห็นงูรัดที่ขาหน้าวั่งไฉ แลบลิ้นออกมาและกำลังจะเลื้อยขึ้นไปรัดคอของวั่งไฉ อวิ๋นเยี่ยหยิบจอบขึ้นจากพื้น ตีเข้าที่หัวของงูหลาม มันงอหัวลงมา แต่ตัวกลับไม่ขยับไปไหน ยังคงรัดขาหน้าของวั่งไฉอย่างแน่นหนา วั่งไฉร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
พวกคนรับใช้ของตระกูลโต้วเอาแต่หัวเราะดูความสนุกสนาน ไม่มีใครมาช่วยอวิ๋นเยี่ยสักคน อวิ๋นเยี่ยสงบสติอารม์ลง หยิบมีดของตัวเองออกมา แทงเข้าที่หัวงูสองสามครั้ง จากนั้นก็ตัดหัวงูออก อวิ๋นเยี่ยเห็นอย่างชัดเจนว่ากล้ามเนื้อสีขาวของงูหลามบวมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ค่อยๆไหลตกลงมาจากขาของวั่งไฉ หางของมันยังคงดิ้นไม่หยุด
เตะงูหลามออกไปข้างๆ ตรวจสอบวั่งไฉที่มาหลบอยู่ข้างหลังตัวเองอย่างละเอียด นอกจากรอยเลือดที่ขาเล็กน้อยก็ไม่มีบาดแผลอื่นๆ โชคดีที่มันเป็นงูหลาม ไม่ใช่งูพิษ มิเช่นนั้นอวิ๋นเยี่ยคงจะร้องไห้จนไม่มีน้ำตา
มองไปยังไอ้พวกที่เห็นคนอื่นเดือนร้อนแล้วมีความสุขพวกนั้น ทันใดนั้นอวิ๋นเยี่ยก็อยากจะฆ่าคนขึ้นมาทันที เป็นท่านโหวมากนานแล้ว ก็พอจะมีความน่าเกรงขามอยู่บ้าง พวกคนรับใช้ต่างพากันก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หยิบขนมออกมาชิ้นหนึ่ง มันคือขนมที่แอบหยิบมาตอนที่ไปเยี่ยมโต้วเยี่ยนซาน ถึงแม้ว่าจะแข็ง แต่มันก็เป็นขนม ยัดเข้าไปในปากของวั่งไฉให้มันเลิกตกใจ จนถึงตอนนี้มันก็ยังตัวสั่นไปหมด
อยู่ในป่าเขาไม่เคยพลาดโอกาสที่จะเสริมแคลอรี่ ใช้ตะปูตอกศพของงูเหลือมไว้บนต้นไม้แห้งที่ไม่มีปลิง สับหัวออกแล้วลอกหนังออก
ลอกหนังออกอย่างเรียบเนียน งูขนาดยาวเกือบสองเมตร มีน้ำหนักกว่าห้ากิโล งูป่าช่างสกปรกมากจริงๆ แล้วยังมีปรสิตจำนวนมากอยู่ใต้หนัง นี่คือเหตุผลที่อวิ๋นเยี่ยไม่ชอบกินพวกสัตว์ป่า ปกติสัตว์ป่าก็จะมีปรสิตอยู่แล้ว โรคระบาดใหญ่ที่คร่าชีวิตคนจำนวนมากในยุคหลังไป ก็เป็นเพราะว่านิสัยที่กินไม่เลือกนี่ล่ะ
เขาไม่คิดที่จะปล่อยงูตัวนี้ไป โต้วเยี่ยนซานร่างกายอ่อนแอ ต้องการอาการที่มีแคลอรี่สูงเพื่อรักษาร่ายกาย เอางูตัวนี้ไปเสริมคุณค่าทางโภชนาการให้เขา นี่ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของเพื่อนที่ดี
เหล่าโต้วชอบกินของดิบเป็นพิเศษ บางทีเขาอาจจะชอบกินงูดิบตัวนี้ ได้ยินมาว่าเฉินเติงที่ปรึกษาชื่อดังในสามก๊ก เพราะว่าชอบกินของดิบ สุดท้ายกินปรสิตไปเต็มท้อง ในที่สุดท้องของเขาก็ใหญ่ราวกับกลอง ร่างกายซูบผอม ท้องของเขาเต็มไปด้วยปรสิต อวิ๋นเยี่ยมองดูปรสิตที่คืบคลานเข้าไปในเนื้องูภายใต้แสงแดดอย่างช้าๆ เขาก็พยักหน้าด้วยความพอใจ นี่เป็นอาหารเสริมคุณค่าทางโภชนาการที่ดี