เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ตอนที่ 8 หากสวรรค์ต้องการสั่งตาย
วินาทีที่เห็นทองคำเม็ดแรกในถาด อวิ๋นเยี่ยก็รู้ว่าโต้วเยี่ยนซานเสร็จเขาแน่ แม้ว่าองค์หญิงทั่นเกออาจจะไม่เชื่ออวิ๋นเยี่ย แต่อวิ๋นเยี่ยก็รู้ดีว่ามนุษย์จะมีสติได้มากเพียงใดเมื่ออยู่ต่อหน้าทองคำ
ในแคว้นหนานจ้าวไม่ได้มีแค่ชนเผ่าทั่นเกอชนเผ่าเดียว อันที่จริงแล้วเป็นคำเรียกทั่วไปของชนเผ่าหลายร้อยชนเผ่าต่างหาก ชนเผ่าอวิ๋นกุ้ยก็เคยเป็นของพวกเขามาก่อน หากพวกเขารู้ว่ามีชนเผ่าตกอยู่ในมือของต้าถัง พวกเขาคงจะไม่มีทางยอม หากบอกว่าต้องการขับไล่ศัตรูออกไป พวกเขาจะคำนึงถึงความสามารถในการรับมือของตัวเอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าทองคำ พวกหัวหน้าชนเผ่าที่รู้ถึงคุณค่าของทองคำคงจะสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งอย่างแน่นอน
“ชนเผ่าทั่นเกอค้นพบทะเลทองคำแล้ว” อวิ๋นเยี่ยกระซิบบอกองค์หญิงทั่นเกอเบาๆ สำหรับผลลัพธ์ของวันนี้ทั้งวัน ทองคำที่อยู่ในถุง ถูกโยนลงพื้นอย่างง่ายดาย
ทั่นเกอเปิดถุงผ้าออกด้วยความสงสัย แล้วเททองคำลงในถ้วยข้าว ทองสีเหลืองเพิ่งพ้นก้นถ้วยขึ้นมา นางมองดูอย่างละเอียด จากนั้นไม่นานนางก็เงยหน้าขึ้นและพูดกับอวิ๋นเยี่ยว่า “ใช่ มันคือทองคำจริงๆ เจ้าไปหามาได้เช่นไร”
“แขกของเจ้ามีเครื่องมือชนิดหนึ่ง ใช้เครื่องมือชนิดนี้ สองคนก็สามารถขุดทองได้จำนวนเท่านี้ทุกวัน เมื่อวานข้าบอกเจ้าแล้วแต่เจ้าไม่เชื่อ ข้าเอาทองคำมาให้เจ้าดู แล้วยังต้องเอาไปให้แขกของเจ้าดูอีก ช่วงนี้เขาจะต้องทำเครื่องมือนี้ออกมาอีกแน่นอน ทองคำในแคว้นหนานจ้าวของเจ้าไม่นานก็จะถูกเขาขุดไปจนหมด”
อวิ๋นเยี่ยพูดเสร็จ เขาก็ถือเนื้องูหลามและทองคำออกไปหาโต้วเยี่ยนซาน ได้ยินเสียงคำรามราวกับสัตว์ร้ายดังมาจากบ้านไม้ไผ่ด้านหลัง บ้านไม้ไผ่สั่นไหว เขาแสยะยิ้มมุมปาก
ในที่สุดโต้วเยี่ยนซานก็หยุดเลือดได้แล้ว เขานอนหลับไปทั้งวันถึงได้มีแรงขึ้นมาหน่อย เอนกายบนเตียงและฟังคนรับใช้รายงานผลลัพธ์ของวันนี้ เมื่อได้ยินว่าวันนี้ขุดทองได้ครึ่งจิน เขาก็ลุกขึ้นมานั่งทันที อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็กลัวว่าจะทำร้ายร่างกาย รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ กำลังจะชมเชยคนรับใช้ แต่ก็ได้ยินเสียงของอวิ๋นเยี่ยกับพ่อบ้านเฒ่าคุยกันอยู่ข้างนอก เขารีบนอนลงไปเหมือนเดิม แกล้งทำเป็นหมดแรง
อวิ๋นเยี่ยวางถ้วยทองคำลงบนโต๊ะข้างหน้าต่าง สุภาพบุรุษไม่พูดเรื่องเงิน หยิบงูหลามที่ลอกผิวแล้วขึ้นมา เดินมาที่เตียงของโต้วเยี่ยนซาน แกว่งงูหลามตรงหน้าของเขา และเอาวางไว้ตรงโต๊ะหนังสือบนเตียง ยื่นมือออกมาจับตรงหน้าผากของเขา บอกให้โต้วเยี่ยนซานแลบลิ้นออกมาให้ดู จากนั้นถึงได้นั่งลงแล้วพูดกับโต้วเยี่ยนซานว่า “เรื่องทองคำ หากเป็นอย่างที่ข้าคิดไว้คือขุดมาได้ครึ่งจิน ไม่พูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า ให้พ่อบ้านไปจัดการเถอะ ข้ามีข่าวดีมาบอกเจ้า ไข้เจ้าลดแล้ว ไม่เป็นอะไรมาก วันนี้ข้าบังเอิญจับงูหลามได้ จะบอกอะไรให้ นี่เป็นสิ่งเสริมเลือดชั้นดี ข้าไม่กล้ากินเลยเอามาให้เจ้า เจ้าต้องการมัน รีบดูแลสุขภาพให้หายดี ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะตั้งหลักปักฐานที่นี่ได้เช่นไร”
โต้วเยี่ยนซานท่าทางเป็นสุภาพบุรุษพอสมควร ไม่มองทองคำเลยด้วยซ้ำ ใช้มือจับไปที่งูหลาม รู้สึกว่ามันช่างงดงาม น่าจะอร่อยไม่เบา นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้กินอะไรอร่อยๆ มานานแล้ว อดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหล
“น้ำใจของอวิ๋นโหว โต้วเยี่ยนซานรู้สึกละอายใจ ให้พ่อครัวเอาไปหั่นเป็นอาหารอันโอชะ ข้ายังพอมีเหล้าคุณภาพอยู่บ้าง เราดื่มเหล้าด้วยกันดีไหม”
“เจ้ากินเนื้องูได้ไม่เป็นไร แต่อย่าดื่มเหล้าเลยจะดีกว่า หัวของเจ้าบวมเช่นนี้ เจ้าคิดว่าไม่เป็นไรแต่ข้าก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เหล้าไม่มีประโยชน์ เจ้าอย่าดื่มเลยดีกว่า ข้าขอเสบียงเพิ่มอีกสักหน่อย วั่งไฉของข้ากินไม่อิ่ม ขี้เหนียวซะจริง อยู่ที่ฉางอัน ปกติวั่งไฉเดินไปซื้อของกินที่ตลาดเองด้วยซ้ำ”
โต้วเยี่ยนซานหัวเราะแล้วตอบตกลง ไม่มีใครไม่รู้ตำแหน่งที่รักของวั่งไฉในตระกูลอวิ๋น แต่ตอนนี้มีชีวิตที่น่าสังเวชไปหน่อย สั่งให้พ่อบ้านเอาข้าวสารให้อวิ๋นเยี่ยถังหนึ่ง ผ่าเนื้อสัตว์ไปให้เขาสักหน่อย ให้อวิ๋นเยี่ยเอาไปทำกิน
เห็นอวิ๋นเยี่ยเดินออกไปทางประตู โต้วเยี่ยนซานก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างอย่างกระฉับกระเฉง หยิบทองคำในถ้วยขึ้นมาดูใกล้ๆ ทองคำเปล่งประกายท่ามกล่างแสงแดด
“ท่านชาย แค่วันเดียวอวิ๋นเยี่ยหาทองคำมาได้ถึงเพียงนี้ ข้าดูถูกเขาเกินไป”
“ความฉลาดของเขา เราเทียบไม่ได้ อวิ๋นเยี่ยเป็นคนฉลาด ไม่แปลกที่จะหามาได้มากถึงเพียงนี้ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายไม่ว่ายังไงเราก็จะต้องฆ่าคนฉลาดเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายเสียจริง”
“วันก่อนท่านชายบอกว่าจะโน้มน้าวเขามิใช่หรือ เหตุใดวันนี้ถึงอยากจะฆ่าเขา หากอยากจะฆ่าเหตุใดถึงไม่ฆ่าตั้งแต่ตอนที่อยู่ฉางอัน แล้วเอาแค่หัวเขามาด้วยก็พอ เราจะได้ไม่ต้องลำบาก”
โต้วเยี่ยนซานชี้ไปที่หน้าของตัวเองและพูดว่า “คนเช่นนี้มองทะลุความคิดของคนอื่น ข้ายืนอยู่ใต้ต้นไม้คอยดูว่าเขาจะป้องกันตัวเองจากข้าหรือไม่ ผลที่ได้คือเขาอาบน้ำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่อายข้าเลยสักนิด เหตุผลที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะว่าอยากจะเห็นปลิงดูดเลือดข้า หากเขาไม่คิดว่าวันตายของข้าก็คือจุดจบของเขาเอง เขาก็คงจะไม่มีทางบอกว่ามีปลิงอยู่ นึกเช่นนี้ข้าก็เหงื่อตก ก่อนหน้านี้คิดว่าเขาจะมีประโยชน์ต่อข้า ช่างน่าตลก ข้าประมาทเกินไป เกือบจะถูกเขาฆ่าตายเสียแล้ว เขายังมีความสามารถอีกอย่างหนึ่ง ก็คือสามารถทำให้คนรู้สึกดีกับเขาโดยไม่รู้ตัว เขาฆ่าคนของตระกูลข้า ข้าเผชิญหน้ากับเขา แต่กลับไม่มีความเกลียดชังเขาเลยสักนิด นอกจากความเสียใจก็ไม่มีสิ่งใดอีกเลย ข้าคิดว่าหลังจากที่ข้าฆ่าเขาไปแล้ว ข้าคงจะเสียใจไปพักหนึ่ง”
“คนที่มีจิตใจชั่วร้ายเช่นนี้ ท่านชาย เราควรจะลงมือโดยเร็วที่สุด อย่าถูกเขาหลอกอีก งูตัวนี้ต้องมีพิษแน่ๆ ข้าจะเอามันไปทิ้ง”
“ไม่มี อวิ๋นเยี่ยยังไม่อยากให้ข้าตายตอนนี้ ข้าถามมาแล้ว งูตัวนี้โผล่ออกมาโดยบังเอิญ ไม่มีปัญหาอะไร เจ้าไปบอกให้พ่อครัวเอามันไปทำอาหาร ข้าอยากกิน”
“ท่านชาย ไม่ควรตามใจปากนะขอรับ มันอาจจะมีปัญหาตามมาได้”
“ลุงซาน ข้าไม่ใช่คนโง่ นี่คือการทดสอบสภาพจิตใจของข้า แผนการที่อวิ๋นเยี่ยเสนอมา ข้าก็ต้องรับมันเอาไว้ ในช่วงสามก๊กแม่ทัพแห่งแคว้นเว่ยหยางกู่กล้าที่จะกินยาที่แม่ทัพแห่งแคว้นอู๋ลู่คั่งส่งมาให้ แล้วเหตุใดข้าถึงไม่กล้ากินงูที่อวิ๋นเยี่ยเอามาให้ จะทำการใหญ่ก็ต้องมีความกล้าหาญ ไม่เป็นไรหรอก เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
ลุงชานพ่อบ้านเฒ่าขอตัวออกไปอย่างไม่มีทางเลือก เอางูไปที่ห้องครัวให้พ่อครัวทำอาหาร บอกพ่อครัวว่าทำเสร็จให้เอาไปให้เด็กลองกินดูก่อน ดูว่ามันมีพิษหรือไม่ หากเนื้องูมีพิษ เขาตัดสินใจที่จะไปฆ่าอวิ๋นเยี่ยก่อนแล้วค่อยไปรับโทษกับท่านชาย
อวิ๋นเยี่ยไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปในป่า ป่าเขาที่มืดมิด ไม่รู้ว่ามีอันตรายซ่อนอยู่มากมายเพียงใด ยืนอยู่ในบ้านไม้ไผ่ มองไปที่ต้นไม้สูงใหญ่นอกประตู
ต้นไม้ที่สูงใหญ่เติบโตในป่า กิ่งด้านบนสุดพยายามที่จะแสวงหาแสงแดดและสายฝน กิ่งก้านที่หนาใหญ่ของมันครอบครองพื้นที่มากที่สุด สูดอากาศบริสุทธิ์ รากอุดมสมบูรณ์ ดูดซับแร่ธาตุแก่นแท้ และไม่ต้องดูก็รู้ว่าข้างต้นไม้ใหญ่มีต้นไม้เล็กๆ อยู่สองสามต้น กำลังดิ้นรนเพื่อที่จะอยู่รอด กิ่งก้านของพวกมันบอบบาง ใบของพวกมันกำลังจะเ**่ยวเฉา การเอาชีวิตรอดของต้นไม้ใหญ่แทบจะทำให้มันหมดหนทางอยู่รอด
คนยุคหลังเรียกกฎของธรรมชาตินี้ว่ากฎแห่งป่าเขา ผู้แข็งแกร่งครอบครองทรัพยากรทั้งหมด ผู้อ่อนแอไม่มีอะไรเลย
กฎแห่งป่าเขาคือแนวคิดสังคมนิยมทางการเมือง หมายถึงชีวิตเผด็จการในสังคมที่หลักนิติธรรมไม่ถูกต้อง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร เป็นไปตามกฎที่ว่าปลาใหญ่กินปลาเล็ก อำนาจกลายเป็นพลังชี้ขาด กำหนดชะตาชีวิตและความตาย
ความรู้ที่ท่องจำมาตอนเรียนหนังสือ ตอนนี้ได้มีความเข้าใจใหม่ อวิ๋นเยี่ยไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาติดอยู่ในกรง อยากที่จะหนีออกไป แต่เป็นได้เพียงแมลงที่บินไปติดใยแมงมุมเท่านั้น ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ดิ้นรนต่อสู้
ตัวเองกำลังวิ่งตามอะไรกันแน่ หากสมัครใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงของหลี่ซือหมิน จั่งซุน และหลี่จิ้ง ตัวเองน่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น อาจจะไม่ได้ดีไปจนถึงรุ่นสุดท้าย แต่รุ่นที่สามรุ่นที่ห้า อวิ๋นเยี่ยยังสามารถรับประกันได้
มองย้อนกลับไป ความทุกข์ทั้งหมดเกิดจากตัวเอง ปัญหาทั้งหมดก็เกิดจากตัวเองด้วยเช่นกัน คนยุดหลังมาถึงยุคต้าถัง หรือว่าจะต้องได้รับการสั่งสอนของระบบศักดินาอีกครั้ง ถึงจะสามารถตั้งหลักปักฐานที่นี่ได้?
ทั่นเกอทุบตีผู้ชายพวกนั้นอยู่ตลอด แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์ ฝั่งตะวันออกโผล่ขึ้นมา ฝั่งตะวันตกก็นอนลงไปอีก ไม่ได้มีเสียงในลำคอแหบแห้งเหมือนตอนอยู่ในคอกหมูแล้ว ตอนนี้มีเสียงที่ค่อนข้างแหบ และไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ตาม แต่คนพวกนั้นก็ทำเป็นไม่ได้ยิน
ใบหน้าของโต้วเยี่ยนซานหายบวมแล้ว เขากลับมาเป็นท่านชายที่สูงส่งอีกครั้ง พิงราวบันไดมองดูทั่นเกอที่กำลังยุ่ง พ่อบ้านเฒ่าส่งยามาให้เขาหนึ่งเม็ด โต้วเยี่ยนซานโยนมันเข้าไปกลางวง
พวกชาวบ้านข้างล่างที่ถูกทั่นเกอกระตุ้นความเป็นนักรบเมื่อกี้ก็เกิดโกลาหลขึ้นมาทันที ยาเม็ดเล็กๆ ถูกถืออยู่ในมือที่สกปรกพวกนั้น ไปๆ มาๆ ก็ไม่รู้แล้วว่าใครต่อยใครก่อน คนพวกนั้นถึงได้พึ่งคิดออกว่าตัวเองมีมือมีเท้า ต่อยคนได้เหมือนกัน คนอ่อนแอที่ยืนแทบไม่ได้เมื่อกี้ ตอนนี้กลายเป็นฝูงหมาป่าที่ชั่วร้าย แววตาสีแดง ต่อสู้กันอย่างดุเดือด
องค์หญิงทั่นเกอวิ่งเข้าไปในฝูงชนอย่างเมามัน โยนชายร่างผอมออกมาทีละคน แย่งเม็ดยาออกมาด้วยตัวเอง ท่ามกลางสายตาที่ราวกับหมาป่า นางโยนยาเม็ดนั้นลงไปในลำห้วย
ทุบที่หน้าอกของตัวเองและตะโกนใส่โต้วเยี่ยนซานที่ใส่เสื้อคลุมสีขาวว่า “ปีศาจ ปีศาจ!”
โต้วเยี่ยนซานยิ้มอย่างเขินอาย หยิบยาอีกสองเม็ดออกจากมือพ่อบ้าน และโยนลงไปที่ที่มีคนอยู่มากที่สุด มองดูด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
องค์หญิงทั่นเกอยังอยากที่จะแย่งยาสองเม็ดนั้นมา แต่กลับถูกฝูงชนมากมายราวกับสัตว์ป่าเบียดกระแทกไปมา คนที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนแย่งยาสองเม็ดนั้นมาได้ ตอนนี้มองไม่เห็นสีของยาสองเม็ดนั้นแล้ว มันดูเหมือนก้อนโคลนสองก้อน แย่งมาได้ก็รีบกลืนยาเม็ดนั้นเข้าปากในทันที
ในไม่ช้าพวกเขาก็ล้มลงกับพื้นท่ามกลางสายตาอิจฉาของคนพวกนั้น ชักกระตุกอย่างรุนแรง หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็นอนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
โต้วเยี่ยนซานดูอยู่ อวิ๋นเยี่ยดูอยู่ องค์หญิงทั่นเกอที่นอนอยู่บนพื้นก็ดูอยู่ โต้วเยี่ยนซานปิดจมูกของตัวเองเดินถอยหลังออกไป กลิ่นเหม็นของพวกนั้นทั้งสองคนทำให้เขาทรมาน
แต่อวิ๋นเยี่ยกำลังคิดว่าภายใต้การยั่วยุที่รุนแรงเช่นนี้ องค์หญิงทั่นเกอจะบ้าคลั่งหรือไม่ สำหรับสองคนนั้นที่ตายไปแล้ว เขาไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเลยจริงๆ ไม่ว่าจะถูกชักชวนให้ไปเสพยาหรือเสนอตัวไปเสพยาเอง ล้วนแต่จะต้องมีจุดจบที่ไม่สวยงาม เคยเห็นในยุคหลังมาแล้วมากมาย ตอนนี้อาจจะถึงเวลาที่ตัวเองจะต้องไปแล้ว ทั่นเกอสัญญาว่าจะทำแพไม้ไผ่ให้เขา ถึงเวลาใช้งานมันแล้วล่ะ…