ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 287 กัดอีกแล้ว เกิดปีจอรึไง / ตอนที่ 288 นี่เธอชอบฟังจือหันเข้าแล้วเหรอ
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 287 กัดอีกแล้ว เกิดปีจอรึไง / ตอนที่ 288 นี่เธอชอบฟังจือหันเข้าแล้วเหรอ
ตอนที่ 287 กัดอีกแล้ว เกิดปีจอรึไง
ฟังจือหันมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง “ทำไม อยากศึกษาอดีตของสามีเหรอ”
อวี๋กานกานหน้าขึ้นสีอีกครั้ง มองค้อนฟังจือหัน แกล้งทำเป็นซื่อบื้อ “ไม่รู้ว่านายกำลังพูดอะไร”
อวี๋กานกานจะเดินหนี แต่ฟังจือหันจับฮู้ดที่เสื้อของเธอ ออกแรงดึงมาทางด้านหลัง อวี๋กานกานเซมาชนเข้าอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง “แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง”
“โอ้ย? ชนโดนหูฉัน” อวี๋กานกานมองฟังจือหันด้วยสายตาตกตะลึง สีหน้าหวาดหวั่น ชูแขนขึ้นมาตบๆ ที่หูของตัวเอง “ทำยังไงดี หูฉันจู่ๆ ก็ไม่ได้ยินอะไรแล้ว”
ฟังจือหัน “…”
เขากัดติ่งหูของอวี๋กานกานอย่างหมั่นเคี้ยว ก่อนจะปล่อยเธอแล้วเดินจากไปอย่างมาดมั่น
กัดอีกแล้ว? อวี๋กานกานหน้าแดง ถลึงตาใส่แผ่นหลังของเขา “…นายเกิดปีจอรึไง!”
หลังจากที่ผู้เฒ่าเจียงดื่มน้ำผักป่าได้แล้ว อวี๋กานกานบอกเจียงฉี่ว่าให้ดื่มต่อได้เลย พยายามดื่มให้ได้มากขึ้น แต่ให้เปลี่ยนเป็นปริมาณน้อยลงจำนวนครั้งมากขึ้น ครั้งหนึ่งดื่มแค่นิดเดียวก็พอ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้เฒ่าเจียงมีความรู้สึกอยากอาหาร เจียงฉี่ยกน้ำข้าวผักป่าขึ้นมาให้คุณปู่ดื่ม ดื่มเข้าไปได้สองคำ ผู้เฒ่าออกอาการทุกข์ทรมานอีกครั้ง เหมือนกับคลื่นไส้อยากอาเจียน แต่ก็ไม่ได้อาเจียนออกมา
เจียงฉี่รีบไปตามอวี๋กานกาน อวี๋กานกานจับชีพจรให้ผู้เฒ่า ชี่กระเพราะค่อยๆ ฟื้นฟูอย่างช้าๆ ที่เขารู้สึกทรมานเป็นเพราะไม่ได้กินอะไรเป็นเวลานาน ช่วงเริ่มแรกจึงยังปรับตัวไม่ได้
อวี๋กานกานนั่งอยู่ข้างเตียง นวดท้องของผู้เฒ่าอย่างเบามือ หัวคิ้วที่ขมวดแน่นของผู้เฒ่าค่อยๆ คลายออก เขาหลับตา ปล่อยตัวตามสบาย ก่อนจะจมลงสู่ห้วงนิทรา
อวี๋กานกานลุกขึ้น ปิดประตูห้องอย่างเงียบเฉียบ พูดกับเจียงฉี่และฟังจือหัน “ให้ผู้เฒ่านอนสักเดี๋ยว แต่ว่าต้องมีคนเฝ้า ตอนตื่นเขาจะหิว ไว้ป้อนน้ำข้าวตอนนั้น”
เจียงฉี่พยักหน้า มองอวี๋กานกานด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
ฟังจือหันมองเจียงฉี่แล้วกล่าว “เธอไปพักเถอะ ฉันอยู่ดูเอง”
นัยน์ตาของเจียงฉี่ขึ้นเป็นเส้นเลือดฝอยสีแดง สีหน้าเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่าหลายวันมานี้ เนื่องจากอาการป่วยของปู่ เธอนอนหลับได้ไม่สนิทสักคืน
เจียงฉี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้ฟังจือหัน “มะ ไม่เป็นไร หนูไม่เหนื่อย พี่ไปพักเถอะ”
อวี๋กานกานรู้สึกว่าระหว่างพวกเขาดูเกรงใจกันเหมือนเป็นคนแปลกหน้า
แม้ว่าตระกูลเจียงจะมีห้องที่เป็นของฟังจือหันโดยเฉพาะ แต่อวี๋กานกานรู้สึกว่าฟังจือหันน่าจะอยู่ที่บ้านแห่งนี้น้อยครั้งมาก
ภายนอกเขาดูเป็นคนเย็นชา แต่ความจริงเป็นห่วงน้องสาวคนนี้มาก
อวี๋กานกานหันไปยิ้มให้เจียงฉี่ “เธอไปนอนพักเถอะ ฉันกับฟังจือหันช่วยกันเฝ้าเอง”
ดวงตาของเจียงฉี่เป็นประกายแวววาว มองอวี๋กานกานสลับกับฟังจือหัน สุดท้ายพยักหน้า “งั้นต้องรบกวนพี่กับซ้อด้วยนะคะ”
พูดจบก็วิ่งจู๊ดออกไปทันที
อวี๋กานกานมึนงง เธอหน้าแดงจากความเขินอาย อยากจะอธิบาย “ไม่ใช่นะ…”
แผ่นหลังของเจียงฉี่หายลับไปเป็นที่เรียบร้อย
อวี๋กานกานหันควับมองฟังจือหัน ฟังจือหันนั้งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ เหมือนยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ยิ้ม แววตายียวน เธอมองค้อนฟังจือหัน บ่นพึมพำ “เรื่องงามไส้ที่นายทำไว้ทั้งนั้น” จากนั้นเดินไปนั่งลงตรงที่ที่อยู่ห่างฟังจือหันที่สุด
ฟังจือหันเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาลึกล้ำจ้องมองอวี๋กานกาน ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปนั่งลงข้างอวี๋กานกาน
อวี๋กานกานจะหนี แต่ไหล่กลับถูกรัดเอาไว้ เธอขึงตาใส่ฟังจือหันด้วยใบหน้าแดงแจ๋จากความเขินอาย ราวกับสาวน้อยที่ถูกปีศาจกลั่นแกล้ง พูดเตือน “นะนาย เป็นสุภาพบุรุษหน่อยสิ!”
ฟังจือหันยกยิ้มมุมปาก “ไม่ คุณจะทำอะไรผมได้”
อวี๋กานกาน “…”
ตอนที่ 288 นี่เธอชอบฟังจือหันเข้าแล้วเหรอ
อวี๋กานกานเห็นว่านั่งอยู่เฉยๆ ก็น่าเบื่อ เธอนึกถึงตอนที่ไปตรวจชีพจรซ้ำให้คุณอาของรุ่นพี่จังซ่า ประวัติการรักษาเหล่านั้นเธอใช้โทรศัพท์ถ่ายเก็บไว้หมดแล้ว
อวี๋กานกานหยิบโทรศัพท์ออกมา ขยายให้ฟังจือหันดู “อย่ามัวแต่พูดเรื่องเพ้อเจ้อ มาดูอะไรนี่”
หลังจากที่ฟังจือหันดูเสร็จแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา ทำการเปรียบเทียบใบรายชื่อยา
ไม่มีอะไรผิดแปลก ยาที่คุณอาของรุ่นพี่จังซ่าได้กลับบ้านก็มีเท่านี้เช่นเดียวกัน อวี๋กานกานเลื่อนหน้าจอมาหยุดตรงที่ใบเสร็จของยาตัวหนึ่ง “คุณอาของรุ่นพี่จังซ่าบอกว่ายานี้หมอเคยกำชับเขาว่าต้องกินให้ตรงเวลา เป็นยาที่กำจัดมะเร็งได้”
“ตัวเลขภาษาอังกฤษพวกนี้น่ะเหรอ”
“เป็นชื่อทางเคมีของยาปฏิชีวนะ” อวี๋กานกานตอบ “ตอนนี้ฉันสงสัยว่ายาปฏิชีวนะตัวนี้ที่พวกเขาให้คนไข้ลองใช้ ปากบอกว่าเป็นยาปฏิชีวนะ แต่จริงๆ แล้วเป็นยาต้านมะเร็ง ทั้งยังอยู่ในระหว่างการวิจัย แต่กลับนำออกมาใช้กับคนเป็นๆ”
ฟังจือหันหรี่ตาลงเล็กน้อย “ผมจะให้คนไปตรวจสอบคนไข้ที่มีรายชื่ออยู่ในประวัติการรักษาที่อาจารย์คุณรวบรวม ว่าพวกเขาป่วยเป็นมะเร็งหรือเคยถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งไหม”
วิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน อวี๋กานกานมีอาการเหนื่อยล้า แถมยังคุยกับฟังจือหันตั้งนานสองนาน ตามองผู้เฒ่าที่ยังหลับสนิท อวี๋กานกานหาวแล้วหาวอีก เพียงครู่เดียว เธอก็สะลึมสะลือหลับโดยที่ศีรษะพิงอยู่บนไหล่ของฟังจือหัน
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ฟังจือหันมองอวี๋กานกาน สางปอยผมที่ตกอยู่ข้างแก้มไปไว้หลังใบหู จากนั้นสอดมืออุ้มอวี๋กานกานไปที่ห้องของตัวเอง
แปดโมงเช้า อวี๋กานกานถูกเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่น คนที่โทรมาคือซ่งฉาไป๋ ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงสดใส “กานกาน อีกไม่กี่วันฉันจะแวะไปปักกิ่ง”
“อือ ไว้ฉันไปรับ” อวี๋กานกานครึ่งหลับครึ่งตื่น ตอบกลับงัวเงีย
ซ่งฉาไป๋ส่ายหน้า “ไม่ต้อง ฉันนั่งแท็กซี่ไปหาเธอที่สมาคมเอง”
อวี๋กานกานตอบ “อย่า ฉันไม่ได้พักอยู่ที่สมาคม เธอโทรศัพท์หาฉันล่วงหน้านะ”
“ไม่พักอยู่ที่สมาคมแล้วพักอยู่ที่ไหน หรือเธอยอมย้ายไปอยู่บ้านฟังจือหันแล้ว” ซ่งฉาไป๋ลากเสียงสูงที่คำสุดท้าย น้ำเสียงกรุ้มกริ่มหยอกล้อ
“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด” อวี๋กานกานอยากอธิบาย
“พอเถอะ อย่าบอกฉันนะว่าเธอไม่ได้ชอบเขา เท่าที่ฉันรู้จักเธอ ถ้าเธอไม่ได้ชอบฟังจือหัน เธอไม่มีทางย้ายไปบ้านเขาเด็ดขาด”
โทรศัพท์สายเดียวทำให้อวี๋กานกานถึงกับหายงัวเงีย เธอจ้องมองเพดาน พินิจพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของคำพูดซ่งฉาไป๋ ตั้งแต่จำความได้ เพื่อไม่ให้คุณปู่ผิดหวัง และเพื่ออนาคตของตัวเอง เวลาทั้งหมดของเธอล้วนใช้ไปกับการเรียนวิชาแพทย์ เดินห้าง ช้อปปิ้ง เที่ยวเล่น…มีแฟน สำหรับเธอล้วนเป็นเรื่องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เวลาพักผ่อนของเธอคือการตามคุณปู่ไปเก็บสมุนไพรที่ชนบท ชื่นชมธรรมชาติอันยิ่งใหญ่พร้อมๆ กับได้เรียนรู้
ความรัก ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของเรื่องที่เธอถนัดเลย เธอมีรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชาย มีเพื่อนเพศชาย คนไข้เพศชายเยอะแยะมากมาย มีเพียงแค่ฟังจือหันคนเดียวที่ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกับคนอื่น แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เรียกได้ว่าเป็นความชอบไหม
อวี๋กานกานลุกขึ้นล้างหน้า ออกจากห้อง ลงชั้นล่างเจอฟังจือหันที่ห้องรับแขก
เมื่อเห็นว่าอวี๋กานกานตื่นแล้ว ฟังจือหันตักโจ๊กให้เธอหนึ่งถ้วย อวี๋กานกานนั่งลงตรงข้าม กินโจ๊กไปถามเขาไป “เมื่อคืนปู่นายตื่นไหม”
ฟังจือหันส่งเสียง “อืม” เบาๆ “เมื่อคืนตื่นขึ้นมากลางดึก กินน้ำข้าวไปนิดหน่อย ตอนเช้าตื่นมาก็บอกว่าหิว ตอนนี้กำลังกินโจ๊กข้าวฟ่าง”