ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 297 เดาสิ ฉลาดเหมือนปีศาจร้าย / ตอนที่ 298 ยัยเด็กโง่ VS ตาแก่จอมดุ
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 297 เดาสิ ฉลาดเหมือนปีศาจร้าย / ตอนที่ 298 ยัยเด็กโง่ VS ตาแก่จอมดุ
ตอนที่ 297 เดาสิ ฉลาดเหมือนปีศาจร้าย
“ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจ กลับกันเป็นเอันเหอเฮลท์แคร์ขาเข้าใจอย่างชัดเจนมากต่างหาก ทนายของอันเหอเฮลท์แคร์นามสกุลหลิว แต่คนที่ถือหุ้นมากที่สุดชื่อ…จงไห่ถัง”
คำพูดของอวิ๋นต้านเฟิงเหมือนสายฟ้าฟาดที่ทำให้พวกเขาต่างตกตะลึง
เจียงไป่อันรีบพูดอย่างตื่นตระหนก “ปู่ฟังผมอธิบายก่อน…”
อธิบายอะไร
แค่ชื่อนี้โผล่ออกมา นายผู้เฒ่าเจียงก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที
เขาพูดขัดเจียงไป๋อันด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ขยะอย่างจงไห่ถัง มันสามารถดูแลบริษัทผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพขนาดใหญ่ขนาดนั้นได้ แกยังจะอยากไปร่วมมือกับมันอีก แกคิดอะไรอยู่”
จะคิดอะไรได้ บริษัทของจงไห่ถังมีแนวโน้มที่จะเป็นของพ่อของเจียงไป่อันมากที่สุด
ที่เขาให้เจียงกรุ๊ปร่วมมือกับอันเหอเฮลท์แคร์ที่จริงเพียงต้องการยืมเงินทุนจากเจียงกรุ๊ปเท่านั้น
หากไม่มีหลักฐานที่รัดกุมครบถ้วนฟางจือหันไม่มีทางบอกเขาอย่างแน่นอน นายผู้เฒ่าเจียงโกรธมากจนหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะชากระหน่ำฟาดเข้าไปที่เจียงไป่อัน
อวี๋กานกานตกตะลึง เมื่อเสียงฟาดดังขึ้นเธอตกใจจนร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
เธอหันไปมองฟางจือหันที่อยู่ด้านข้างอย่างไม่รู้ตัว
ทว่าฟางจือหันกลับมีท่าทีสงบนิ่งและนั่งอย่างสบาย
ต่อให้เขาไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ยังสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของฟางจือหันก็ดังขึ้น เขาลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีสบายๆ และเดินออกไปรับสายที่ด้านนอก
อวี๋กานกานเองก็ไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว เธอจึงรีบเดินตามเขาออกไป
เมื่อออกมาข้างนอกแล้ว ฟางจือหันที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดฝีเท้าลงกระทันหัน อวี๋กานกานหยุดเท้าตัวเองไว้ไม่ทันจึงชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างจัง
ฟางจือหันหันกลับมามองเธอ เขารีบคุยโทรศัพท์ให้เสร็จและถามเธอ “เธอออกมาทำไม”
อวี๋กานกานที่ลูบจมูกตัวเองอยู่กำลังจะอ้าปากตอบก็พลันได้ยินเสียงถ้วยชาแตกลอยออกมาจากด้านในพร้อมกับเสียงกราดเกรี้ยวของนายผู้เฒ่าเจียง “ไสหัวไป!!”
ไม่นานเจียงไป่อันก็เดินหน้าตาเคร่งเครียดออกมา
เมื่อเห็นฟางจือหันและอวี๋กานกานที่ยืนอยู่ด้านนอกรูม่านตาทั้งสองข้างก็หดตัวขึ้นทันใด
เขากัดฟันจนแทบจะหักเพื่ออดทนไม่ให้ปล่อยหมัดออกไปและรีบเดินจากไปทันที
อวี๋กานกานมองแผ่นหลังของเจียงไป่อันด้วยความอึดอัด เธอหันมองฟางจือหันและพูดว่า “ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณจะยิ่งเลวร้ายลงไปอีกนะ”
ฟางจือหันยิ้มมุมปาก ก็ไม่ได้ดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จะใช้คำว่ายิ่งเลวร้ายลงไปได้ยังไงกัน…
“คุณรู้รายละเอียดของแผนการนั้นได้ยังไง” อวี๋กานกานถามด้วยความสงสัย เธอมองฟางจือหันด้วยความชื่นชม เมื่อเขาได้วางแผนอะไรแล้วก็จะเตรียมการล่วงหน้าไว้อย่างแยบยล
ฟางจือหันตอบกลับด้วยเสียงเรียบ “เดาเอาน่ะ”
อวี๋กานกานตะลึงงันไปชั่วครู่ “อะไรนะ”
เธอกระตุกมุมปากและถามอย่างละอายใจ “คุณไม่ได้เตรียมการณ์เอาไว้เพื่อตอกหน้าเขาในวันนี้งั้นเหรอ”
“เขาน่ะไม่ต้องใช้การวางแผนอย่างรอบคอบของฉันหรอก”
“งั้นคุณเดาถูกได้ยังไง นั่นเป็นแผนการที่เป็นความลับอย่างมากเลยนะ”
“พอรู้ว่าอันเหอเฮลท์แคร์เป็นของจงไห่ถังก็สามารถเดาทุกอย่างออกได้ทันที” ฟางจือหันตอบด้วยท่าทีสบายและเดินเขาไปข้างในอย่างไม่ลังเล
อวี๋กานกานมองดูแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกทึ่งมากๆ
เพียงแค่รู้ว่าอันเหอเฮลท์แคร์เป็นของจงไห่ถัง เขาก็สามารถเผยแผนการณ์ของเจียงไป่อันได้แล้ว
ให้ตายสิ!
ฉลาดเหมือนปีศาจร้าย!!
เจียงไป่อันไม่ต้องใช้ความรอบคอบของเขาจริงๆ
เพียงแค่เขากระดิกนิ้วก็ทำให้เจียงไป่อันไม่สามารถต่อกรได้แล้ว
อวี๋กานกานกลืนน้ำลายด้วยความกลัว ในใจสงสัยว่าตอนนี้เธอจะถูกฟางจือหันขายไปแล้วแต่ยังคอยช่วยเขานับเงินอยู่อีก ถ้าปัญหาคือเธออาจจะยังไม่รู้ตัวล่ะ
ตอนที่ 298 ยัยเด็กโง่ VS ตาแก่จอมดุ
เมื่ออวี๋กานกานเข้าไปอีกครั้งก็เห็นแม่บ้านกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดเศษแก้วที่นายผู้เฒ่าทำแตก
นายผู้เฒ่านั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าไม่ค่อยดีนักดูเหมือนกำลังพยายามควบคุมอารมณ์อยู่
เมื่อเจียงฉี่ได้ยินว่าเสียงสงบลงแล้วจึงได้พูดกับนายผู้เฒ่าเจียง
เธอค่อยๆ พูดค่อยๆ จาอย่างนุ่มนวล ทำให้สีหน้าของนายผู้เฒ่าดีขึ้นเล็กน้อย
เจียงฉี่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อเห็นว่านายผู้เฒ่าสงบลงแล้วก็แอบเรียกฟางจือหันออกไป
สายตาของนายผู้เฒ่าเจียงจ้องมองมาที่อวี๋กานกานและคิ้วขมวดเล็กน้อย “เธอยังไม่รีบเข้ามาตรวจชีพจรอีก”
ชายชราที่แสนดุดัน อวี๋กานกานก้าวเข้าไปและนั่งลงด้านข้าง
เธอเลิกคิ้ว กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เห็นคุณโกรธได้ขนาดนี้ ไม่ต้องจับชีพจรก็มั่นใจได้ว่าคุณจะมีชีวิตอยู่อีกหลายพันปีอย่างไม่มีปัญหาเลย”
เมื่อครู่ที่ตะคอกให้เจียงไป่อันไสหัวออกไปเสียงของเขาดังกึกก้องทว่าสมรรถภาพร่างกายช่สงน่าวิตกจริงๆ
พันปีหมื่นปีทำให้นายผู้เฒ่านึกถึงเต่าพันปีขึ้นมาทันที
เขาจ้องเขม็ง “เธอคิดว่าเมื่อฉันยอมให้เธออยู่กับหลานฉันแล้วเธอจะไม่ต้องเกรงใจแล้วอย่างนั้นเหรอ หากว่าฉันไม่กังวลว่าเขาจะเดินไปในทางที่ผิดไปเข้าร่วมกับพวกสมาคมมิตรภาพลูกผู้ชายล่ะก็ ฉันจะไม่มีทางเห็นด้วยเด็ดขาด”
อวี๋กานกานมองเขาด้วยความตกใจ “คุณรู้จักสมาคมมิตรภาพลูกผู้ชายด้วยเหรอ”
ตอนที่เธอได้ยอนคนพูดถึงชื่อนี้เธอไม่รู้เลยว่าหมายถึงอะไร เมื่อฟังซ่งฉาไป๋อธิบายแล้วถึงจะเข้าใจ
ใบหน้าชราของนายผู้เฒ่าเจียงเหลืออด ตะคอกเสียงดัง “รีบตรวจแล้วรีบไปซะ เห็นเธอแล้วยิ่งหงุดหงิด”
อวี๋กานกานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “……”
เธอตรวจชีพจรให้นายผู้เฒ่าเจียงและแอบบ่นเสียงเบาว่า “พรุ่งนี้จะไม่มาดูแล้ว ตาแก่จอมดุ”
นายผู้เฒ่าเจียงได้ยินไม่ชัด “เธอพูดว่าอะไรนะยัยเด็กโง่!”
อวี๋กานกานหัวเราะคิกคักให้เขา “บอกว่าคุณหล่อจัง”
นายผู้เฒ่าเจียง “……”
–
อาการป่วยของนายผู้เฒ่าเจียงฟื้นตัวได้ดีและจำเป็นต้องค่อยๆ ได้รับการดูแล
ก่อนที่อวี๋กานกานจะไป เจียงฉี่ดึงอวี๋กานกานเข้าไปในห้องของเธอและถามเกี่ยวกับอาการของนายผู้เฒ่าอย่างเป็นกังวล
อวี๋กานกานพูดให้เธอสบายใจ “ฟื้นตัวได้ไม่เลวเลย คุณไม่ต้องกังวลหรอก กินยาอีกสองครั้งก็สามารถหยุดยาได้แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ ปรับสภาพด้วยอาหารที่เป็นยา”
เจียงฉี่ตะลึง “กินยาอีกแค่สองครั้งแล้วหยุด แบบนี้จะได้ผลเหรอ”
ก่อนหน้านี้ป่วยหนักขนาดนั้น อย่างน้อยๆก็ต้องกินสักสิบวันหรือครึ่งเดือนถึงจะหายหรือเปล่า
“กินยาให้น้อยลงหน่อย อย่าคิดว่าเพียงแค่กินยาแล้วร่างกายก็จะไม่เป็นอะไร ร่างกายต้องการการดูแล กระเพาะยิ่งต้องการการดูแล ฉันจะให้สูตรอาหารยากับเธอ การบำบัดด้วยอาหารเหมาะกับกระเพาะมากกว่ายานะ”
เงียบไปสักครู่อวี๋กานกานก็พูดอีกครั้งว่า “ครั้งก่อนฉันบอกเธอไปแล้วนี่ว่าร่างกายมนุษย์ควบคุมอารมณ์ทั้ง 7 และความปรารถนา 6 อย่าง หัวใจควบคุมความสุข ตับควบคุมความโกรธ ปอดควบคุมความเศร้า ม้ามควบคุมความคิดและไตควบคุมความกลัว ความเศร้าทำร้ายหัวใจ ความโกรธทำร้ายตับ ความเสียใจทำร้ายปอด ความคิดทำร้ายม้าม ความกลัวทำร้ายไต”
เจียงฉี่เข้าใจความหมายของอวี๋กานกานทันที “ครั้งก่อนหวงเหล่าบอกว่าคุณปู่ไม่เพียงแค่กระเพาะไม่ดี ที่ม้ามเองก็บาดเจ็บมากอยู่เหมือนกัน ม้ามควบคุมความคิด ความคิดทำร้ายม้าม เพราะงั้นคุณปู่ท่านก็…”
“นอกจากร่างกายของนายผู้เฒ่าที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดมาบวกกับเดิมทีท่านเป็นคนขี้หงุดหงิดและเอาแต่ใจอยู่แล้วยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือการที่คิดมากเกินไป” อวี๋กานกานอธิบายให้เธอฟัง “คนเป็นหมอรักษาได้เพียงแค่ร่างกายเท่านั้นไม่อาจรักษาจิตใจได้ เรื่องนี้ต้องให้คนในบ้านดูแลให้มากขึ้นหน่อย”
ใบหน้าเล็กของเจียงฉี่ปรากฏรอยยิ้มที่ขมขื่นเธอก้มหน้าลงและพูดว่า “การที่พ่อจากไปอย่างกระทันหันทำร้ายคุณปู่อย่างมาก ตอนนั้นท่านเป็นลมและโรคหัวใจกำเริบต้องเข้ารับการผ่าตัดถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนและอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักอีกสองวันก่อนที่จะพ้นขีดอันตราย”