ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 313 ตีให้ตายก็ไม่ยอมรับ / ตอนที่ 314 ผิดร้ายแรง
ตอนที่ 313 ตีให้ตายก็ไม่ยอมรับ
ซูจิ่วซานถึงกับตะลึงตาค้าง
เธอเคยถูกใครตบอย่างนี้เสียที่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายคือคนที่จงรักภักดีกับเธอมาตลอดอย่างเซี่ยวเสี่ยวอิง
เธอทั้งโมโหและตกใจ “เซี่ยวเสี่ยวอิง เธอบ้าไปแล้วหรือไง!”
ดวงตาที่แดงก่ำของเซี่ยวเสี่ยวอิงเหมือนกำลังมีไฟลุกโชนอยู่ภายใน ซึ่งแฝงไปด้วยความคุ้มคลั่งและโหดร้าย
เธอตวาดเสียงดังลั่น “ฉันทั้งบ้าทั้งโง่ ไม่ว่าเธอพูดอะไรก็เชื่อเธอไปหมด แล้วสุดท้ายก็ยังถูกเธอเอามาเป็นแพะรับบาป แม่ของฉันถูกด่า ลูกสาวก็ตกใจกลัว ตอนนี้พวกเธอเอาแต่หลบอยู่ในบ้าน ไม่กล้าออกไปไหน ทั้งหมดนั่นมันเป็นเพราะฉันเชื่อเธอมากเกินไป ฉันคิดว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน!”
เชื่อหมดทั้งหัวใจ ไม่ว่าอะไรก็หวังดีกับอีกฝ่าย แต่สุดท้ายกลับถูกใช้เป็นเครื่องมือ
และถูกผลักออกไปรับโทษในยามวิกฤตอีกด้วย
ความไม่พอใจที่อยู่ในใจของเธอพุ่งขึ้นสูง
เมื่อเซี่ยวเสี่ยวอิงนึกภาพลูกสาวที่รับโทรศัพท์แล้วตกใจจนร้องไห้อย่างน่าสงสาร พลอยทำให้เธอนึกอยากจะเอามีดมาแทงซูจิ่วซานแรงๆ เพื่อระบายความเคียดแค้นที่อยู่ในใจ
แววตาของคนรอบข้างที่มองซูจิ่วซานก็เปลี่ยนไป
มีแต่สายตาดูถูกเหยียดหยาม
แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ในสมาคม โวยวายมากไปก็น่าขายหน้า
ขณะที่เซี่ยวเสี่ยวอิงจะตบซูจิ่วซานอีกครั้ง ก็มีแพทย์หญิงสองคนเข้ามาดึงเซี่ยวเสี่ยวอิงเอาไว้ พยายามปลอบประโลมพร้อมกับดึงเธอเดินออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก
ซูจิ่วซานมองทุกคนที่อยู่โดยรอบ ซย่าเฉิงโจวที่ผิดหวัง อวี๋กานกานที่เย็นชา คนอื่นๆ ต่างก็มองมาอย่างดูถูก…สายตาของแต่ละคนราวกับคมมีดที่ทิ่มแทงร่างกายของเธอ
ในวินาทีนั้น ซูจิ่วซานนึกอยากจะเป็นสลบไปให้รู้แล้วรู้รอด
ไม่ว่าเยี่ยซีจะบีบบังคับเธอแค่ไหน ขอแค่เธอยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ทำอะไรเธอไม่ได้
คิดไม่ถึงว่าเซี่ยวเสี่ยวอิง…คนโง่ไม่เอาไหนนั่น ทั้งๆ ที่ไม่มีสมอง ทั้งๆ ที่เชื่อฟังเธอทุกอย่าง กลับมาคลุ้มคลั่งอะไรเอาตอนนี้?!
ตอนนี้เธอขายหน้าสุดๆ แล้ว เธอจะอยู่ในวงการนี้ต่อไปได้ยังไง
เธอคิดว่าเมื่อครู่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่น่าขายหน้าที่สุดในชีวิตแล้ว ไม่คิดว่าจะต้องมาได้ยินเยี่ยซีออกคำสั่งกับเธอ “รีบขอโทษพี่สาว…ขอโทษหมออวี๋เดี๋ยวนี้”
ซูจิ่วซานรู้สึกเหมือนเลือดทั้งร่างพุ่งขึ้นมาอยู่บนศีรษะ
เธอใช้มือกุมแก้มที่แดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า ยามเอ่ยราวกับเป็นผู้บริสุทธิ์ “ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย เรื่องแฉอะไรนั่นไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย”
“นี่คุณยังกล้าไม่ยอมรับอีกเหรอ” เยี่ยซีระเบิดอารมณ์ ยกเท้าขึ้นมาอยากจะเข้าไปถีบจริงๆ
อวี๋กานกานที่อยู่ข้างๆ รีบดึงเขาไว้
ลงมือกับคนแบบนี้ แล้วก็ต้องรับโทษทางอาญา ซึ่งมันไม่คุ้มค่าเลย
อวี๋กานกานดึงเยี่ยซีออกมา จากนั้นก็หันไปมองซูจิ่วซาน “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมจู่ๆ คุณถึงมาตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉัน”
เยี่ยซีแค่นหัวเราะ “จะทำไมล่ะครับ ก็คงเพราะอิจฉาพี่น่ะสิ”
คำพูดนี้ทำให้ซูจิ่วซานระเบิดออกมาทันทีที่ได้ยิน “อิจฉา? เธอมีอะไรให้ฉันต้องอิจฉา?”
เธอไม่ได้อิจฉา เธอเพียงแค่อยากให้ทุกคนได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอวี๋กานกานเท่านั้น
เพื่อที่จะได้เป็นแพทย์แผนจีนหญิงที่อายุน้อยที่สุด และเพื่อที่จะได้เข้าใกล้รุ่นพี่ซย่ามากขึ้นอีกนิด เธอต้องใช้ทั้งความพยายาม ทั้งกำลังกายและกำลังสมองไปมากมาย กว่าจะได้มายืนอยู่ในตำแหน่งนี้และมีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้
แต่อวี๋กานกานคนนี้กลับไม่ทำอะไรเลย พอเข้ามาก็มาแย่งออร่าของเธอไป และถึงขั้นดึงความสนใจของรุ่นพี่ซย่าไปด้วย
คนที่ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่างอย่างนั้นมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้
เยี่ยซีแค่นหัวเราะ “พี่สาวของผมมีอะไรให้คุณอิจฉาตั้งมากมาย เธอทั้งสวย นิสัยดี สดใส มีเสน่ห์ ใครๆ ก็ชอบ และที่สำคัญกว่านั้นคือเธอมีความสามารถ…”
และประโยคหลังนี้ก็ทำให้ซูจิ่วซานหัวเราะออกมา
ราวกับได้ฟังเรื่องขำขันระดับนานาชาติอย่างไรอย่างนั้น
ตอนที่ 314 ผิดร้ายแรง
เธอโพล่งขัดเยี่ยซี และยังพูดเหน็บต่อ “เธอมีความสามารถ? คุณรู้ไหมว่าความสามารถที่พูดถึงน่ะคืออะไร ใครใครก็รู้ทั้งนั้นว่าที่เธอมาที่งานสัมมนานี้ได้เป็นเพราะใช้เส้นสาย ไม่อย่างนั้นเธอจะมีคุณสมบัติอะไร เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยซักอย่าง แต่กลับได้มากลายเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของสมาคมแพทย์แผนจีน ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพวกคุณถึงได้เอาใจเธอขนาดนี้ หรือเป็นเพราะเธอรวย?”
เมื่อเธอพูดออกไปแบบนี้ คนส่วนมากก็เริ่มหน้าบึ้ง
อย่างที่เยี่ยซีพูด อวี๋กานกานเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี เหล่ารุ่นพี่ส่วนมากก็ชอบเธอทั้งนั้น
แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่อวี๋กานกานเป็นลูกผู้ดีมีเงินหรือไม่
การที่ซูจิ่วซานพูดแบบนี้ ไม่ได้เป็นการดูถูกเพียงอวี๋กานกานคนเดียว
แบบเหมือนพวกเขาก็ถูกด่าไปด้วย
อวี๋กานกานอับอายจนเหงื่อตก ยามที่พูดออกไปด้วยความโมโห “หมอซูคะ ฉันว่าคุณเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ข้อแรกเลยคือฉันไม่ได้ร่ำรวยอะไร ครอบครัวของฉันธรรมดามาก จริงอยู่ที่ผู้อำนวยการเฉินเป็นคนให้ฉันมาร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ด้วย แต่นั่นก็เป็นเพราะคุณหมออีกคนติดธุระ ไม่สามารถมาร่วมงานได้ ผู้อำนวยการเฉินให้ฉันมาเพราะเห็นว่ามันน่าเสียดาย หมอหวังกับหมอซย่าที่อยู่โรงพยาบาลเดียวกันก็เข้าใจเรื่องนี้ดี อีกอย่าง การที่ทุกคนดีกับฉันมันไม่ได้เกี่ยวกับที่ว่าฉันเป็นใคร แต่มันเป็นเพราะฉันมักจะขอคำแนะนำเรื่องการแพทย์แผนจีนกับทุกคนอยู่บ่อยๆ พวกเขาก็แค่ให้คำแนะนำและดูแลรุ่นน้อง ถ่ายทอดประสบการณ์อันมีค่าของพวกเขาให้กับรุ่นน้องอย่างฉัน มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดเลยสักนิด”
ซูจิ่วซานหัวเราะลั่น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อ
หวงเหล่าลูบหนวดเคราของตัวเอง ก่อนจะก้าวออกมาและพูดว่า “หมอซู หลายวันก่อนตอนที่นายผู้เฒ่าเจียงป่วย ผมกับเสี่ยวอวี๋เป็นคนไปช่วยดูอาการด้วยกัน แต่สุดท้ายคนที่รักษาได้ก็คือเสี่ยวอวี๋ เสี่ยวซู มันไม่สำคัญว่าเสี่ยวอวี๋จะเข้ามายังไง ที่ผ่านๆ มาก็ใช่ว่าต้องเป็นหมอชื่อดังเท่านั้นถึงจะมาร่วมงานสัมมนานี้ได้ ทางสมาคมยังสนับสนุนหมอหนุ่มสาวที่มีความสนใจและมีความชอบที่จะศึกษาเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนด้วย ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจเหตุผลข้อนี้ และรู้ว่าคุณมาทำอะไรที่สมาคม”
น้ำเสียงอ่อนโยน แต่ในขณะเดียวกันก็คมกริบ
เพราะการสัมมนาในวันนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงโบกมือให้ทุกคนเตรียมแยกย้าย
ใบหน้าของซูจิ่วซานมีแต่ความไม่อยากจะเชื่อ
อวี๋กานกานยังสาวขนาดนั้น เพิ่งจะเรียนหมอมาไม่กี่ปี และรักษาคนป่วยไปแค่ไม่กี่คน
อาการป่วยที่หวงเหล่าไม่สามารถรักษาได้ อวี๋กานกานจะรักษาได้ได้อย่างไร
สายตาของทุกคนมีแต่ความดูถูกดูแคลน จนพลอยทำให้ซูจิ่วซานเริ่มกระวนกระวาย พลันรู้สึกราวกับถูกโลกทั้งโลกทอดทิ้ง
ทำไมต้องดูถูกเธอด้วย?
อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะอวี๋กานกาน?
ซูจิ่วซานตะโกนใส่อวี๋กานกานที่กำลังเตรียมจะกลับออกไป “อวี๋กานกาน ฉันไม่เชื่อหรอกนะ เธอกล้ามาแข่งกับฉันไหมล่ะ?!”
เธอจะทำให้ทุกคนได้รู้ว่า ระหว่างเธอกับอวี๋กานกาน ใครกันแน่ที่มีความสามารถจริงๆ ใครกันแน่ที่เป็นอนาคตของแพทย์แผนจีน
อวี๋กานกานหยุดยืน และหันไปมองซูจิ่วซาน “แข่ง? แพ้แล้วยังไง ชนะแล้วยังไง ฉันเรียนแพทย์มา ฉันไม่เคยทำเพราะต้องการแข่งขันกับใคร ฉันไม่ได้ต้องการให้คุณเชื่อ และไม่ได้ต้องการให้คุณรู้ว่าฉันมีความสามารถหรือไม่ สำหรับฉันแล้ว คุณเป็นเพียงแค่คนร่วมสายอาชีพ หลังจากจบงานสัมมนานี้ ฉันกับคุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดคุยกันอีก”
ซูจิ่วซานหน้าบึ้งขึ้นมาทันที
ทุกคนเริ่มทยอยออกจากห้องประชุม
อวี๋กานกานเองก็ดึงเยี่ยซีออกไปด้วย
เยี่ยซีหันไปพูดขู่ซูจิ่วซานด้วยเสียงความเย็นชา “วันนี้ผมยอมปล่อยคุณไปเพราะเห็นแก่พี่ ต่อไปถ้าคุณยังกล้าทำอะไรกับพี่ของผมอีก หรือถ้าผมได้รู้ว่าคุณแอบทำอะไรลับหลัง ผมไม่ยอมวางมือง่ายๆ แน่ และผมก็จะรวบยอดคิดบัญชีของวันนี้ไปด้วยเลย!”