ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 343 คนที่ถูกฆ่ากลางทะเล / ตอนที่ 344 ฉากสารภาพรักของคุณฟัง
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 343 คนที่ถูกฆ่ากลางทะเล / ตอนที่ 344 ฉากสารภาพรักของคุณฟัง
ตอนที่ 343 คนที่ถูกฆ่ากลางทะเล
อวี๋กานกานนัยน์ตาฉายแววสะเทือนใจ “คดีฆาตกรรม?”
จะเป็นไปได้ยังไง!
เธอรีบปฏิเสธทันที “ไม่ อาจารย์ของฉันไม่มีทางฆ่าคน พวกคุณน่ะยังไงก็เข้าใจผิดแล้ว”
โจวโจวหยิบรูปภาพมาหนึ่งใบวางไว้ตรงหน้าของอวี๋กานกาน “คุณลองดูว่าคุณรู้จักคนๆ นี้หรือไม่”
รูปภาพชายวัยกลางคนธรรมดามากคนหนึ่ง อวี๋กานกานหยิบมาดูอย่างละเอียด ในสมองคิดซ้ำไปซ้ำมาจึงตอบโจวโจวด้วยความมั่นใจ “ไม่รู้จักเขาค่ะ เขามีความเกี่ยวข้องอะไรเกี่ยวกับการหายตัวไปของอาจารย์ฉันเหรอคะ”
“เฉาเจียน ผู้จัดการบริษัทเพื่อสุขภาพอันเหอ สองวันก่อนพวกเราจับอาชญากรคนหนึ่งได้ที่นี่ ซักทอดไปถึงผู้จัดการบริษัทอันเหอคนนี้ เกี่ยวข้องกับเกิดเรื่องบนเรือยอร์ชเป็นอย่างมากอีกทั้งเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเหอสือกุย อาจารย์ของคุณถูกฆ่าแล้ว”
อวี๋กานกานเหมือนตกลงไปในโรงน้ำแข็ง ทำใจเย็นต่อไปไม่ไหวแล้ว ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ดวงหน้าน้อยขาวซีดเหมือนหิมะ
เธอไม่อยากเชื่อ ส่ายหน้า “มะ ไม่มีทาง ไม่ใช่บอกว่าตอนที่เกิดเรื่องตอนนั้นบริเวณโดยรอบถูกกู้ขึ้นมาแล้วและหาศพไม่เจอสักศพ ดังนั้นอาจารย์ของฉันน่าจะไม่เป็นไร ใช่ไหมคะ”
น้ำเสียงเธอเบาหวิว แววตาเปี่ยมหวังต้องการความมั่นใจ
โจวโจวเอนไปด้านหลังพิงพนักเก้าอี้ น้ำเสียงก็อ่อนลงด้วย “พวกเราก็หวังว่าคุณเหอสือกุยจะไม่เป็นไร ดังนั้นจึงตามคุณอวี๋มา มีหลายคำถามอยากจะถามคุณอวี๋”
อวี๋กานกานรีบตอบรับ “คุณถามมาได้เลยค่ะ ถ้าฉันรู้จะบอกอย่างแน่นอน”
“อาจารย์ของคุณขัดแย้งกับใครบ้างรึเปล่า หรือก่อนที่เขาจะเกิดเรื่องได้เจอกับคนที่แปลกๆ อะไรบ้างไหม เกิดเรื่องอะไรแปลกๆ ขึ้นบ้าง” โจวโจวเอ่ยถามไปพลางจดบันทึกไปบาง
“ขัดแย้ง? ไม่มีค่ะ อาจารย์ของฉันมีนิสัยอ่อนโยนมาก…”
อวี๋กานกานชะงักไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวอีกครั้ง “คนที่ท่าทีแปลกๆ มีคนอยู่คนหนึ่ง เจียงไป๋อัน ผู้จัดการบริษัทยาไป๋ฟัง ใช่แล้ว ขณะเดียวกันเขาก็เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทอันเหอ ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับอาจารย์ เขาเคยมาหาอาจารย์ฉัน ตอนนั้นฉันไม่อยู่จึงไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกันบ้างและเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันรู้แค่ว่าตอนเขากลับออกไปท่าทีโมโหมากๆ จากที่ฉันรู้จักเจียงไป๋อัน เขาจะต้องอยากแก้แค้นอาจารย์ฉันแน่ เป็นไปได้ไหมว่าการหายตัวไปของอาจารย์เขาจะเป็นคนทำ”
โจวโจวบันทึกทุกอย่างเอาไว้
“เจียงไป๋อัน คนของสกุลเจียงกรุ๊ปและเป็นผู้จัดการบริษัทยาไป๋ฟัง” โจวโจวขมวดคิ้วนิดๆ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลันเอ่ยถามอวี๋กานกาน “งั้นคุณอวี๋ คุณกับฟังจือหันแห่งสกุลเจียงกรุ๊ปมีความสัมพันธ์กันอย่างไร”
เธอกับฟังจือหันเกี่ยวข้องอะไรกัน
สามีภรรยา คนรักหรือว่าเพื่อน อวี๋กานกานเม้มริมฝีปาก ไม่รู้ว่าจะตอบไปอย่างไรชั่วขณะ
และเธอเองก็สงสัย เพราะอะไรโจวโจวต้องถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟังจือหัน
อวี๋กานกานสูดหายใจเข้าลึก เอ่ยถามเบาๆ “ฟังจือกันเกี่ยวข้องอะไรกับการหายตัวไปของอาจารย์ฉันเหรอคะ”
โจวโจวจับจ้องอวี๋กานกานด้วยสีหน้าจริงจังครู่เดียว พอเห็นอวี๋กานกานไม่รู้จริงๆ ถึงได้ตอบกลับอย่างช้าๆ “ฟังจือหันไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของอาจารย์คุณค่ะ เพราะว่าตอนนั้นเขาอยู่ต่างประเทศ แต่การหายตัวไปของอาจารย์คุณกลับเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อฟังจือหัน”
คำพูดเหล่านี้เหมือนดังสายฟ้าฟาดลงมาอย่างแรง อวี๋กานกานตกใจเสียตาเบิกกว้าง
เหลือเชื่อเหมือนกับได้ยินคนประกาศประราชโองการ
เธออกสั่นขวัญหายอยู่ครู่ใหญ่ถึงหาเสียงของตัวเองเจอ “คุณบอกว่าการหายตัวไปของอาจารย์ฉันเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อฟังจือหัน…หมายความว่าคดีฆาตกรรมที่เกิดเรื่องกลางทะเลในตอนนั้นคนที่ถูกฆ่าก็คือเจียงป๋อซื่อ พ่อของฟังจือหันเหรอคะ”
ตอนที่ 344 ฉากสารภาพรักของคุณฟัง
“เกิดระเบิดขนาดย่อมบนเรือยอร์ชกลางทะเล เพราะว่าส่งผลกระทบอย่างมาก ดังนั้นจึงจับมา คนที่ถูกฆ่าคือเจียงป๋อซื่อแห่งบริษัทยาไป๋ฟังถูกต้องแน่นอน และก็เป็นบิดาของฟังจือหัน หลังจากระเบิดเรือยอชท์วุ่นวายมาก แม้หลังเกิดเรื่องจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่ฝีมือคนทำ แต่การตายของเจียงป๋อซื่อยังแปลกประหลาดมาก ที่แปลกยิ่งกว่าคือการหายตัวไปของอาจารย์คุณ ตอนออกมาก็มีคนเห็นเขาอยู่หลายคนชัดๆ แต่จู่ๆ กลับหายไปแล้ว”
อวี๋กานกานกำมือแน่น
จู่ๆ ฟังจือหัน ก็มาอยู่ข้างตัวเธอ หรือเป็นเพราะเหตุผลนี้
เธอก็พลันนึกถึงเมืองไป๋หยาง ฟังจือหันเคยพูดแบบนี้กับเธอ
“อาจารย์ของคุณน่าจะไม่เป็นไร เพราะตอนนั้นเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นกลางทะเลพร้อมกัน ภายในระยะร้อยตารางกิโลเมตรต่างถูกกู้ขึ้นมากลับไม่พบซากศพใครเลยสักคน”
“ทั้งสองเรื่องเหมือนเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน คุณคิดว่าอาจารย์ของคุณจะเกี่ยวพันคดีฆาตกรรมนี้เหรอ”
“ฉันก็แค่บอกความเป็นไปได้ให้กับคุณ เห็นได้ชัดว่าการหายตัวไปของอาจารย์คุณมันไม่ธรรมดา”
เป็นเพราะฟังจือหันสงสัยว่าการหายตัวไปของอาจารย์เธอไม่ธรรมดา ถึงขนาดที่เกี่ยวพันกับคดีที่ฆาตกรรมพ่อของเขา เพราะงั้นเขาถึงมาอยู่ข้างตัวเธอ
มิน่าเขาถึงบอกว่าอยากจะหาตัวอาจารย์ของเธอให้เจอ และจำเป็นต้องหาต้องเจอให้ได้
ไม่เหมือนกันตรงที่เธออยากหาคนสนิทให้พบ ส่วนเขากำลังหาศัตรูฆ่าพ่อใช่ไหม
ตอนที่อวี๋กานกานออกมาจากสถานีตำรวจ ท้องฟ้าก็มืดแล้ว ค่ำคืนในฤดูหนาวไม่มีแสงจันทร์ กลายเป็นสีดำสนิทไปทั่วทุกที่
ในหัวเธอว้าวุ่น
อาจารย์อาจถูกฆ่าไปแล้ว เพราะตามหาฆาตกรที่ฆ่าพ่อจึงฟังจือหันถึงได้มาอยู่ข้างตัวเธอ อาจารย์ที่เธอสนิทด้วยที่สุดนั้นอาจจะฆ่าพ่อของคนที่เธอรักที่สุด…ทั้งหมดทั้งมวลเหมือนกับน้ำท่วมทะลักภูเขาและทะเลอย่างไม่คาดคิด จู่โจมเธอทั้งตัวจนสติหลุดลอย ภายในช่องอกก็เหมือนถูกฟางข้าวอัดไว้ จะหายใจก็ไม่คล่อง
เธอไม่รู้ว่าฟังจือหันคิดอย่างไรกันแน่ในทุกวันที่เจอลูกศิษย์ของศัตรูที่อาจฆ่าพ่อเขา
เขาคงไม่ได้โกรธเคือง ประหลาดใช่ไหม
ถึงขั้นที่อยากจะ…
ยืนอยู่ตรงหน้าคอนโด อวี๋กานกานบีบนวดขมับแล้วถึงเปิดประตูเข้าห้อง
ภายในห้องมืดสนิท ฟังจือหันยังไม่กลับมา อวี๋กานกานผ่อนลมหายใจลงทันที
เธอยื่นมือไปเปิดไฟ กดเปิดอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภายในห้องยังคงมืดอยู่อย่างนั้น
ไฟดับเหรอ
ตอนที่อวี๋กานกานเตรียมจะหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดแฟลชเพื่อให้แสง ทางเข้าด้านข้างสว่างขึ้นมาด้วยแสงไฟสีชมพูตุ่นอย่างไม่คาดคิด
เธอตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว
ตลอดย่างก้าวของเธอมีไฟสีชมพูตุ่นค่อยๆ สว่างขึ้นมาทีละดวงเหมือนกับเป็นพรมปูให้เธอ
ขณะเดียวกันภายในห้องยังมีเสียงเพลงดังคลอไปด้วย
อวี๋กานกานมึนงง
เธอก้าวไปข้างหน้า ตอนที่เธอยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น ไฟประดับสีชมพูตุ่นก็สว่างทั้งหมด ภายในห้องเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ โรแมนติกที่สุด
รูปภาพของอวี๋กานกานวางอยู่ตรงกลาง หญิงสาวผมยาวปลิวไสว มีรอยยิ้มกว้าง เปล่งประกายดุจแสงอาทิตย์ บริเวณรอบๆ เป็นดอกกุหลาบสีแชมเปญกับไฟประดับสีชมพูตุ่นล้อมเป็นรูปหัวใจหนึ่งดวง
รูปหัวใจสื่อความหมายชัดเจนโดยไม่ต้องพูด
เธออยู่ตรงกลางของหัวใจแสดงว่าเธออยู่ในใจเขา
แต่ว่า…
อวี๋กานกานเม้มปาก ค่อยๆ หันมอง
ชายหนุ่มดูภูมิฐานน่ามองสวมสูทสีดำ รูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างกระจกบานโต แสงไฟสลัวทอดลงบนตัวทำให้เขาดูเย็นชาจนไม่อาจเข้าไปรุกล้ำ แต่แววตาที่ทอดมาที่อวี๋กานกานกลับอ่อนโยนดุจสายน้ำ
ฟังจือหันค่อยๆ ยิ้มยกขึ้นแล้วยื่นมือตนไปให้อวี๋กานกานอย่างเชื่องช้า “ยัยบ้า มานี่สิ”