ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 359 ชดใช้ด้วยตัวคุณสิ / ตอนที่ 360 ของขวัญชิ้นใหญ่จากฟังจือหัน
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 359 ชดใช้ด้วยตัวคุณสิ / ตอนที่ 360 ของขวัญชิ้นใหญ่จากฟังจือหัน
ตอนที่ 359 ชดใช้ด้วยตัวคุณสิ
ยังไงซะตระกูลเฉียวก็ต้องเข้ามาทำธุรกิจในปักกิ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอก็ต้องสืบข่าวตระกูลคนรวยดังๆ ในปักกิ่งเป็นธรรมดา ตระกูลดังระดับแนวหน้าแน่นอนว่าไม่มีชื่อตระกูลฟังอะไรนี่ตั้งแต่แรก
สายตาจั่วไห่เหวินเลื่อนต่ำลงเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ แต่เขาก็ทนเก็บไว้ก่อนตอบ “คุณก็น่าจะรู้ ตระกูลผู้ดีรวยๆ ที่เปิดเผยคือเขาอยากเปิดเผยให้เรารู้เอง พวกนี้รวยแค่เปลือก ตระกูลผู้ดีที่เขารวยจริงๆเขาก็เก็บเงียบทั้งหมดนั่นแหละ ตระกูลฟางนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น หากได้ไปเหยียบปลายจมูกเขาล่ะก็ ตระกูลเฉียวก็อย่าหวังว่าจะมีที่ยืนในปักกิ่ง”
ในที่สุดเฉียวพั่นเอ๋อร์ก็รู้ถึงความน่าหวาดกลัวนั้นแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ “จะเป็นไปได้ยังไง”
เบื้องหลังของฟังจือหันคนนี้ ไม่ธรรมดาขนาดนี้เชียวเหรอ
มิน่าล่ะวันนั้นเขาอยากชกตู้ซูเหนียนก็ชกเลย
ผู้ชายที่เพอร์เฟกต์ขนาดนี้มาชอบนังอวี๋กานกานไปได้ยังไง ถึงจะคบกันก็คงเป็นได้แค่ของเล่นให้เขาเท่านั้น ไม่มีทางแต่งงานกับนังนั่นเด็ดขาด!
น้ำเสียงของเธออ่อนลง “ไห่เหวิน ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่รอบคอบเอง ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นทิ้งอวี๋กานกานไปตั้งนานแล้ว ใครจะไปรู้ว่ามันมารยาเก่ง แต่ว่าก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรา อวี๋กานกานไม่ใช่ตัวปัญหา สักวันต้องมีคนจัดการมันแน่ๆ ส่วนฟังจือหันคนนั้น…”
ผู้ชายเพอร์เฟกต์แบบนั้น ถึงจะคู่ควรเป็นของเธอ
จั่วไห่เหวินเปล่งเสียงมองเธอด้วยความสงสัย “ใครอยากจัดการอวี๋กานกาน”
“คนที่จะมาขัดขวางธุรกิจของมันและอาจารย์มันยังไงล่ะคะ” เฉียวพั่นเอ๋อร์ยิ้มเยาะ “แต่ว่าเขาไม่เคยบอกเรื่องฟังจือหันกับฉัน ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันคงไม่ต้องมาขายขี้หน้า”
เธอจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ โผเข้าหาจั่วไห่เหวินอย่างออดอ้อนออเซาะ
จั่วไห่เหวินยื่นแขนโอบเธอเข้ามาในอ้อมอก กดใบหน้าของเธอให้แนบอิงกับอกตัวเองอย่างอ่อนโยน สายตาเย็นชาของจั่วไห่เหวินวูบไหวไปด้วยแววความคับแค้น
…
อวี๋กานกานเดินตามฟังจือหันมานั่งโต๊ะวีไอพี ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นตัวประหลาดที่ดึงดูดสายตาคนทั้งโต๊ะ
เขาเห็นว่าเธอเกร็งไปทั้งตัว ก้มหน้าก้มตาจนจมูกจะชิดหน้าอกอยู่รอมร่อ
ฟังจือหันไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากคีบอาหารให้เธอ นิ้วเรียวยาวขาวผ่องข้อนิ้วเด่นชัดเมื่อถูกแสงส่องลงมา มือของเขานั้นราวกับผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง
อวี๋กานกานช้อนสายตาแอบมองเขาแวบหนึ่ง เธอเคอะเขินเล็กน้อยเกิดอาการไม่เป็นตัวของตัวเอง
ฟังจือหันกลับทำตัวตามปกติ แต่กลับพูดออกมาเบาๆ หนึ่งประโยค “เงินใส่ซอง ผมเป็นคนเขียนให้คุณเอง”
เงินใส่ซอง อวี๋กานกานคิดว่าจะให้เป็นของขวัญ แต่ฟังจือหันใส่ซองให้เธอแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป เธอเงอะงะถามเขา “ใส่ไปเท่าไหร่”
คือกำลังคิดจะคืนเงินเขา แต่…
“หนึ่งล้าน”
ชายหนุ่มตอบเสียงนิ่งๆ แต่ทำให้อวี๋กานกานที่กำลังดื่มน้ำอยู่ชะงักค้างจนสำลักน้ำ
ฟังจือหันหยิบผ้าเช็ดหน้าของเขาออกมายื่นให้เธอ “ค่อยๆ ดื่มสิคุณ”
อวี๋กานกานปิดปากละล่ำละลักถาม “คุณใส่ซองไปเท่าไหร่นะ คุณใส่ผิดหรือเปล่า คุณใส่ซองให้ฉันเยอะขนาดนี้ ฉันมีเงินมากมายแบบนี้ที่ไหนกัน”
“ผมออกเงินให้คุณไง”
“ใครให้คุณออกเงินให้” เงินนี้เป็นเงินใส่ซองจะไปขอคืนก็ไม่ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นค่อยไปแก้หน้าซองจากชื่อของเธอเป็นชื่อฟังจือหันก็ได้
ดูเหมือนจะรู้ว่าอวี๋กานกานกำลังคิดอะไรอยู่ ฟังจือหันจึงตอบกลับไปว่า “คืนก็ไม่ได้ จะแก้ก็ไม่ได้”
อวี๋กานกานกดเสียงต่ำลง “ฉันบอกคุณไว้ก่อนนะ ฉันไม่มีเงิน ฉันชดใช้ไม่ไหวหรอกนะ”
ฟางจือหานเขยิบเข้าใกล้วางแขนโอบพนักพิงเก้าอี้ของเธอ ร่างของเขาค่อยๆ เองเอียงไปใกล้เธอเรื่อยๆ “ชดใช้ด้วยเงินไม่ไหว ก็ชดใช้ด้วยตัวคุณสิ”
ตอนที่ 360 ของขวัญชิ้นใหญ่จากฟังจือหัน
“ไม่ได้สิ เพราะคุณหลบหน้าผม”
“ฉันหลบหน้าคุณที่ไหน” อวี๋กานกานหันหน้าเบิกตาโตมองเขา เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรผิดเลย ทำไมถึงต้องหลบหน้าด้วย เธอแค่อยากอยู่เงียบๆ ย้ายไปอยู่ที่บ้านของหลินจยาอวี่
ฟังจือหันยกยิ้มมุมปากจนเห็นฟันขาวที่เรียงชิดกัน “ก็ได้ หลังงานแต่ง พวกเราค่อยตกลงกัน”
…
งานเลี้ยงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลินจยาอวี่เปลี่ยนเป็นชุดแต่งงานสีแดง ผมยาวสลวยถูกมวยขึ้นแล้วติดกิ๊บลูกปัดสีแดง ใบหน้าถูกแต่งแต้มงดงาม ริมฝีปากแดงสด สีสันข่มเมฆงามยิ่งกว่ามวลบุบผานับร้อย งามจนดวงจันทร์ยังละอาย!
หลินจยาอวี่และลู่เสวี่ยเฉินเริ่มต้นยกเหล้า
เพราะหลินจยาอวี่กำลังตั้งครรภ์จึงไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ดังนั้นแก้วเหล้าของเธอจึงเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าแทน ทุกคนต่างเข้าใจดีและก็ไม่ได้บังคับให้เธอดื่ม แต่กลับยุยงให้ลู่เสวี่ยเฉินดื่มหนักๆ แทน
แต่บรรดาเพื่อนเจ้าสาวกลับดื่มหนักพรวดๆ ตามหลังมาติดๆ
อวี๋กานกานคิดว่าดีแล้วที่เธอไม่ได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว เธอคออ่อนขนาดนั้น เกรงว่าดื่มไปแค่สองแก้วก็น็อกแล้ว
เมื่อเวียนมาที่โต๊ะอวี๋กานกาน ลู่เสวี่ยเฉินก็ส่งเสียงเชียร์ต้องการให้อวี๋กานกานและฟังจือหันคล้องแขนดื่มเหล้าให้ได้
“อะไร”
อวี๋กานกานเบิกตาโตมองรีบปฏิเสธทันที่ “ทำไมต้องให้พวกฉันคล้องแขนดื่มด้วย ไม่ได้มีแค่เฉพาะคู่แต่งงานหรอกเหรอที่คล้องแขนกันดื่มได้”
“ใครบอกว่ามีแค่คู่แต่งงานที่คล้องแขนดื่มเหล้า ตามธรรมเนียมของเราเวลาคู่แต่งงานเข้ามาขอชนแก้วกับคู่รักคู่อื่น อีกฝ่ายก็ต้องคล้องแขนดื่มเหล้าเหมือนกัน” ลู่เสวี่ยเฉินอธิบายยาวเหยียด แถมไม่ลืมขยิบตาให้ฟังจือหันอีกทีเหมือนจะสื่อว่า คิดดีๆ ล่ะ นี่ฉันทำดีเพื่อนายเลยนะ
“ใช่ ธรรมเนียมเราเป็นแบบนี้ เขาเรียกว่าการส่งต่อความสุข”
“ดื่มๆๆ หมดแก้ว”
…
อวี๋กานกานจะไม่ทำเป็นอันขาด แต่เธอห้ามกลุ่มคนที่เข้ามากระตุ้นและส่งเสียงเชียร์ไม่ไหว ปฏิเสธอย่างไรก็ไม่เป็นผล
เธอทำได้เพียงยกแก้วขึ้นมามองฟังจือหันที่อยู่ตรงข้าม ใจเต้นตึกตักแต่มีแวบหนึ่งที่เหมือนจะหยุดเต้นไปเสียดื้อๆ
ฟังจือหันดูคล้ายว่าจะยิ้มเจือจาง กวาดสายตามองคนรอบๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา
ยังไงก็ต้องดื่มอยู่ดี รีบดื่มเสียจะได้หมดเรื่อง อวี๋กานกานทำใจนิ่งๆ ยกแก้วขึ้นคล้องแขนฟังจือหัน หลับตาลงแล้วจ่อแก้วมาที่ริมฝีปาก
เธอกลั้นหายใจและดื่มรวดภายในอึกเดียว
เหล้าในแก้วเป็นเหล้าขาวดีกรีร้อนแรง อวี๋กานกานที่ดื่มเหล้าไม่เป็นรู้สึกเหมือนกลืนลูกไฟลงท้องร้อนตั้งแต่คอไปจนถึงลำไส้ เร่าร้อนจนทำให้คนสำลัก
เธอหยีตาแลบลิ้นออกมา
ตาคมของฟางจือหานล้ำลึก ในขณะที่ดื่มเหล้าก็มองใบหน้าเล็กของเธอด้วยความเอ็นดู สุดท้ายเมื่อเห็นท่าทางน่าขบขันของเธอเมื่อเจอฤทธิ์เหล้าไปเขาจึงหัวเราะ
หลังจากอวี๋กานกานดื่มเหล้าแก้วหนึ่งแล้ว จึงรินเหล้าอีกแก้วก่อนจะหันไปพูดกับหลินจยาอวี่ “ต้องมีความสุขมากๆ นะ”
ไม่สนว่างานแต่งงานบังหน้าครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ก็ขอให้มีความสุข มีความสุขทุกๆ วัน
…
งานเลี้ยงยังไม่ทันจบดี ฟังจือหันก็พาอวี๋กานกานออกมาซะก่อน
ก่อนจากไปฟังจือหันขอตัวลาลู่เสวี่ยเฉิน จู่ๆก็เปิดปากพูดออกมา “ฉันมอบของขวัญให้นายอีกชิ้นหนึ่ง”
ลู่เสวี่ยเฉินยกยิ้มมุมปาก “ของขวัญแต่งงานเหรอ จะไปยากอะไรนายก็แค่โอนหุ้นในบริษัทให้ฉันทั้งหมดซะก็สิ้นเรื่อง”
ฟังจือหันขำไม่ออก “สามเดือนก่อนหลินจยาอวี่ไม่สบายอัมพาตครึ่งหน้า ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา คงจะน่าเกลียดมาก”
ลู่เสวี่ยเฉินอึ้งไปพักหนึ่งจึงรู้ว่าคำพูดของฟังจือหันต้องการสื่ออะไร ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “นายพูดอะไร”
ฟังจือหันหันหลังกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ทั้งนั้นแล้วเดินออกไปทันที