ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 411 รักผมจนหลง ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่แต่ง (1) / ตอนที่ 412 รักผมจนหลง ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่แต่ง (2)
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 411 รักผมจนหลง ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่แต่ง (1) / ตอนที่ 412 รักผมจนหลง ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่แต่ง (2)
ตอนที่ 411 รักผมจนหลง ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่แต่ง (1)
ตรงทางเข้าโรงพยาบาล อวี๋กานกานกับฟังจือหันเจอเข้ากับเจียงฉี่ที่ดูว้าวุ่นใจ
เมื่อเห็นฟังจือหันปลอดภัยดี แววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นของเจียงฉี่ก็ค่อยๆ สงบลง คุณหนูที่อ่อนโยน น่าเอ็นดูอยู่ตลอดก้าวเท้าวิ่งออกมาข้างหน้า
“พี่คะ”
ดวงตาสำรวจดู สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่แขนซึ่งมีผ้าพันแผลของฟังจือหัน
“นี่ทำไมถึงได้พันจนเป็นแบบนี้…บาดเจ็บหนักเลยเหรอคะ”
น้ำเสียงติดขัด น้ำตาเอ่อคลอ
เหมือนกับว่าวินาทีถัดไปก็จะร้องไห้โฮออกมา
อวี๋กานกานกุมมือเธอพร้อมกับเอ่ย “ไม่ต้องเป็นห่วง แผลไม่รุนแรง ที่ใช้ผ้าพันแผลคล้องคอเอาไว้ก็เพื่อเลี่ยงไม่ให้สัมผัสและทำให้แผลเปิด”
เจียงฉี่ยังคงไม่วางใจ มองฟังจือหันด้วยสายตาอ่อนแรง “พี่”
สายตาของฟังจือหันหยุดอยู่ที่ตัวเธอ เงียบไปครู่หนึ่ง “กลับไปเถอะ”
เจียงฉี่พยักหน้าอย่างแรง แต่ว่ายังคงดูเสียใจอยู่ ขณะที่นั่งอยู่บนรถ เธอเอ่ยด้วยดวงตาแดง “พี่คะ พี่บาดเจ็บแล้ว จะไม่มีคนดูแลพี่ได้ยังไง หลายวันนี้พี่กลับไปพักที่บ้านดีไหมคะ”
ฟังจือหันไม่ได้ตอบเธอ
นี่ไม่ใช่การตกลงโดยการบอกเป็นนัยแต่เป็นการปฏิเสธอย่างไร้คำพูด
เจียงฉี่ก็ไม่รู้ว่านึกถึงอะไร จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา “พี่คะ เจ็บมากสินะ พี่…”
ฟังจือหัน “…”
อวี๋กานกานรีบหยิบกระดาษทิชชู่แผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเพื่อให้เจียงฉี่เช็ดน้ำตา
เธออธิบาย “ตอนที่เย็บแผลฉีดยาชาแล้ว ไม่เจ็บหรอก”
“ฉีดยาชาแล้วก็ไม่เจ็บในตอนนั้น แต่ผ่านไปก็จะเจ็บยิ่งกว่า!”
เวลาปกติเจียงฉี่ไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้าฟังจือหัน และไม่รู้ว่ามีอวี๋กานกานปลอบใจหรือไม่ เจียงฉี่ถึงได้ร้องไห้ออกมาในทันที “พี่สะใภ้ คุณกลับบ้านเจียงกับฉันเถอะ จะได้ดูแลแขนของพี่ ให้เขาดีขึ้นไวๆ”
“นี่ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องดูแลแล้ว เปลี่ยนผ้าพันแผล ตัดไหมก็ได้แล้ว”
“พวกพี่เกิดเรื่องขึ้น คุณปู่ก็รู้หมดแล้ว ปู่ไปหาพี่ใหญ่มาแล้ว หลังจากกลับมาก็ขังตัวเอง นอนอยู่บนเตียงไม่กินไม่ดื่ม ฉันเป็นห่วงท่านมาก…” เจียงฉี่ร้องไห้ไปพลางพูดไป ถึงตอนช่วงท้ายก็สะอึกสะอื้นไม่เป็นคำแล้ว
สุดท้ายเธอก็ซบลงร้องไห้เสียงดังตรงขาของอวี๋กานกานเสียอย่างนั้น
กระโปรงของตัวอวี๋กานกานเองก็แทบจะโดนน้ำตาของเธอจนเปียก ยังไม่หยุดส่งกระดาษทิชชู่ให้…
เธอมองฟังจือหันแวบหนึ่ง ใช้รูปปากถามเขาว่าจะกลับไปหรือไม่
ฟังจือหันไม่ได้ตอบตกลงและก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เห็นเจียงฉี่ยิ่งร้องยิ่งเสียใจ อวี๋กานกานจึงได้ตัดสินใจ “งั้นก็ได้ ฉันกับฟังจือหันจะกลับไปพร้อมกับเธอ”
ฟังจือหันได้รับบาดเจ็บ ให้พักอยู่ที่คอนโดคนเดียว เธอก็ไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่
ให้เขาพักอยู่ที่บ้านไม่กี่วันก็ไม่เลวเลย
เจียงฉี่กอดอวี๋กานกานด้วยความซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าเธอยังคงไม่หยุดร้องไห้ กอดอวี๋กานกานเอาไว้ร้อมกับร้องไห้เสียใจยิ่งกว่า
อวี๋กานกาน “…”
ช่วงนี้ตระกูลเจียงเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย เธอดูออกว่าเจียงฉี่เป็นคนที่รักครอบครัวมากคนหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นปู่เจียงหรือฟังจือหันหรือเจียงไป่อันคนนั้นเธอก็ถือเป็นคนในครอบครัวหมด
วันนี้เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ น้ำตาของเจียงฉี่ถึงได้ไม่ขาดแคลนเลย พอร้องก็ร้องสิบถึงยี่สิบนาทีก็ยังไม่หยุดเลย
เธออือๆ ออๆ ร้องไห้จนดวงหน้างามเปื้อนน้ำตา สวยงามและอ่อนหวาน
ทิชชู่หนึ่งห่อของอวี๋กานกานให้ไปหมดแล้ว เจียงฉี่ยังร้องไห้อยู่ เป็นครั้งแรกที่อวี๋กานกานได้เรียนรู้แล้วว่าอะไรที่เรียกว่าหญิงสาวเกิดจากน้ำ
เธอปลอบด้วยเสียงเบา “เจียงฉี่ เธออย่าร้องไห้เลย”
ตอนที่ 412 รักผมจนหลง ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่แต่ง (2)
“ฉันแค่เสียใจ พี่ใหญ่เขาทำไมต้องทำแบบนี้ ทำร้ายคนอื่นทำร้ายตัวเอง ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ไหม พี่ก็ได้รับบาดเจ็บ แขนก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม คุณปู่ก็เพิ่งจะดีขึ้นจากอาการป่วยก็กำเริบต่ออีกแล้ว ฉันกลัวมากจริงๆ พอฉันกลัวฉันก็อยากร้องไห้” เจียงฉี่พูดไป เธอก็สะอื้นไปหลายครั้ง “ฉันนอกจากร้องไห้แล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าทำอะไรได้เลย”
อวี๋กานกานช่วยเธอเช็ดน้ำตาพร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงนุ่ม “แต่ว่าร้องไห้ก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา อีกทั้งร้องเยอะไปก็ไม่ดีกับร่างกาย”
เจียงฉี่หยุดร้องในทันที แต่ในวินาทีต่อมาก็ร้องไห้ออกมาต่อ
อวี๋กานกาน “…”
เธอเผลอมองไปทางฟังจือหันที่อยู่ข้างหน้ากับหลินเซินที่กำลังขับรถอยู่
สองคนนี้สมาธิช่างดีเสียจริงๆ เจียงฉี่ที่อยู่ด้านหลังร้องไห้จนแทบจะกลายเป็นน้ำท่วมในวัดจินซานแล้ว พวกเขาสองคนก็ยังนิ่งสนิทไม่ขยับเลยสักนิด ไม่เอ่ยถามอะไรเลย
อวี๋กานกานกระแอมออกมาทีหนึ่ง เป็นนัยให้ฟังจือหันปลอบเจียงฉี่สักหน่อย
ฟังจือหันสบตากับอวี๋กานกานผ่านกระจกมองหลัง มุมปากยกขึ้นน้อยๆ นัยน์ตาฉายรอยยิ้มจางๆ
แต่วินาทีถัดไปแววตาพลันกลายเป็นหิมะหนาวเหน็บ เฉยเมยไม่มีความอบอุ่นใดนั้นวางอยู่ที่ตัวเจียงฉี่และพูดเพียงสามคำเบาๆ “ไม่ต้องร้อง”
เจียงฉี่เหลือบขึ้นมองไปทางฟังจือหัน หยุดพลางเม้มปากน้อยๆ
อวี๋กานกานนึกว่าเจียงฉี่คงจะเป็นเหมือนเมื่อสักครู่นี้ หยุดไปสองวินาทีหลังจากนั้นก็ร้องไห้ต่อ
เธอก็ไม่ควรคาดหวังกับฟังจือหัน ปลอบคนแบบนี้มีที่ไหนกัน
แต่เธอก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเจียงฉี่จะส่งเสียง “อือ” ออกมาเบาๆ เม้มริมฝีปากแล้วก็ไม่ร้องไห้อีก
อวี๋กานกาน “…”
เธอมองเจียงฉี่อย่างตกตะลึง
สถานการณ์อะไรกัน
เธอพูดไปมากขนาดนั้น เจียงฉี่เหมือนมองไม่เห็นเลยสักนิด ฟังจือหันพูดส่งๆ ไปสามคำ เธอกลับเชื่อฟังว่าง่าย ไม่ร้องเลยจริงเหรอ
เจียงฉี่มองฟังจือหันอย่างออดอ้อน หลังจากนั้นก็ส่งรอยยิ้มทั้งน้ำตาให้อวี๋กานกาน “เมื่อกี้ที่คุณปลอบฉัน ในใจของฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว”
อวี๋กานกาน “…”
เธอปลอบใจไปไม่มีประโยชน์เลยสักนิด
พี่น้องคู่นี้ร้ายเกินบรรยาย!
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงรถก้จอดอยู่ที่คฤหาสน์เจียง
เจียงฉี่พาอวี๋กานกานไปที่ห้องนอนของปู่เจียง ชายแก่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าที่เดิมทีเ**่ยวย่นในตอนนี้ดูเศร้าหมองอับอายยิ่งกว่าเดิม
ได้ยินเสียงดังขึ้น ปู่เจียงก็ลืมตาขึ้นมองอวี๋กานกานแวบหนึ่ง จากนั้นก็หลับตาลงไปอีกครั้ง
เจียงฉี่รีบยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาวางไว้ข้างเตียง
หลังจากที่อวี๋กานกานนั่งลง ก็มองปู่เจียงพร้อมกับเอ่ย “คุณผู้ชายคะ ให้ฉันจับชีพจรคุณหน่อยค่ะ”
ปู่เจียงไม่ขยับเลย ยังคงนอนเงียบๆ อยู่ ดูอ่อนแรง
“คุณปู่คะ ให้พี่สะใภ้ตรวจดูเถอะค่ะ ตั้งแต่บ่ายจนถึงตอนนี้ปู่ก็เอาแต่นอนอยู่ตลอด” เจียงฉี่พูดไป ปากก็เบ้จะร้องไห้อีกแล้ว
ปู่เจียงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองเจียงฉี่แล้วเอ่ย “แกออกไปก่อนเถอะ”
เจียงฉี่ไม่วางใจอย่างแน่นอน มองอวี๋กานกาน อวี๋กานกานจึงส่งยิ้มให้เธอ ให้เธอสบายใจ เจียงฉี่ถึงได้ออกไป
ปู่เจียงลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วจ้องมาอวี๋กานกานอย่างฉุนเฉียว “ได้ยินว่าเธอเป็นคนพบเรื่องดอกระฆังจีนเปลี่ยนกับโสมอเมริกันในวันนั้นเหรอ”
นี่คือกำลังจะคิดบัญชีย้อนหลังเหรอ อวี๋กานกานส่งเสียง “อืม” เบาๆ
“งั้นเรื่องบริษัทอันเหอกับโรงพยาบาลตระกูลเฉียวร่วมกันทดลองยาอย่างผิดกฎหมายก็เป็นอาจารย์เธอที่เปิดโปงเหรอ” ปู่เจียงรู้ว่าเจียงไป่อันเกิดเรื่อง ก็ย่อมรู้ว่าเพราะอะไรเจียงไป่อันถึงได้เกิดเรื่องเป็นธรรมดา
อวี๋กานกานพยักหน้า “ใช่ค่ะ วันนี้เขายังคิดจะฆ่าฉันกับอาจารย์ของฉัน ถ้าไม่ใช่ว่าฟังจือหันมาได้ทันเวลา ตอนนี้ที่คุณเห็นก็น่าจะเป็นวิญญาณฉัน”