ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 549 โอบกอด มหันตภัย / ตอนที่ 550 แก้แค้น ตาต่อตาฟันต่อฟัน
ตอนที่ 549 โอบกอด มหันตภัย
อวี๋กานกานพูดกรอกเสียงใส่โทรศัพท์มือถือที่ต่อสายอยู่ตลอดเวลา เธอไม่ได้ยินเสียงของฟังจือหันเลยแต่ฟังจือหันกลับได้ยินเสียงของเธอกลับชัดเจนเต็มสองหู
เมื่อฟังจือหันได้ยินว่าเธอติดอยู่ในลิฟต์ ร่างสูงจึงรีบผลักประตูลงรถไปทันที
ลู่เสวี่ยเฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็รีบลงจากรถแล้วตามไปถาม “เกิดอะไรขึ้น”
ฟังจือหันแผ่ไอเยือกเย็นไปทั้งตัว พร้อมก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วตอบเขา “พวกเธอกำลังติดอยู่ในลิฟต์…”
เมื่อสิ้นเสียงก็มีเสียงกรีดร้องของทั้งสองคนดังเล็ดลอดสายโทรศัพท์ออกมา เสียงดังจนกระทั่งลู่เสวี่ยเฉินที่อยู่ข้างๆ ยังได้ยิน
ฟังจือหันชะงักค้างไปทั้งร่างราวกับได้รับการจู่โจมอย่างหนักก็มิปาน เขารีบก้าวเท้าเร็วขึ้นวิ่งไปข้างหน้าทันที
ลู่เสวี่ยเฉินอึ้งไปชั่วขณะดวงตาลุ่มลึกเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
หัวสมองขาวโพลนกะทันหันเย็นเยียบไปทั้งร่าง
หลินจยาอวี่
ลูก
เขาจึงรีบวิ่งตามไปทันที…
เมื่อเขาไปถึงฟังจือหันก็เรียกผู้จัดการและพนักงานรักษาความปลอดภัยด้านทรัพย์สินมาแล้ว พวกเขาเปิดใช้งานการจัดการเหตุฉุกเฉินเพราะรู้ว่าอวี๋กานกานอยู่ที่ไหนและพยายามงัดเปิดประตูลิฟต์ชั้นที่สิบสอง
ฟังจือหันยืนอยู่ข้างๆ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเย็นชาแต่ก็มีความวิตกกังวลที่ปิดไม่มิด
ชักช้าเกินไปแล้ว เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วคุกเข่าช่วยพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกแรง
ลู่เสวี่ยเฉินอยากลงไปช่วยแต่ไม่มีที่ว่างแล้วจึงทำได้เพียงยืนกระวนกระวายอยู่ข้างๆ
เขาไม่อาจนิ่งนอนใจได้เลยในสภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ ด้วยความสูงสิบเอ็ดชั้นหากคนร่วงลงมาพร้อมกับลิฟต์หากไม่อยากตายดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก
ไม่ได้!
จะทำให้เธอเป็นอะไรไปไม่ได้ เธอกับลูกจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด
“ฟังจือหัน นายไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวฉันทำเอง” ลู่เสวี่ยเฉินทนไม่ไหวจึงตะโกนอยู่ข้างๆ
ขณะนั้นเองประตูลิฟต์ก็ถูกงัดออกจนได้…
เมื่อแสงสว่างลอดผ่านเข้ามาใน…ประตู เสียงดัง “แกร็ก” เมื่อถูกใช้แรงดันออก
อวี๋กานกานและหลินจยาอวี่ที่อยู่ด้านในเบิกตาค้างด้วยความดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้น
“หลินจยาอวี่…” ประตูเปิดออกเล็กน้อย ลู่เสวี่ยเฉินเดินไปข้างหน้าทันทีและผลักประตูลิฟต์ด้วยมือของเขา
หลินจยาอวี่ที่ยังอยู่ในสภาพขวัญเสียเมื่อเห็นลู่เสวี่ยเฉินก็ตื่นเต้นดีใจทันทีก่อนจะรีบปล่อยมืออวี๋กานกานแล้วเดินเข้าไปหาเขา “ลู่เสวี่ยเฉิน”
ลู่เสวี่ยเฉินรีบดึงหลินจยาอวี่ออกทางด้านข้างของลิฟต์ แขนเรียวยาวคว้าเธอเข้ามาโอบกอดแล้วลูบหลังเบาๆ ราวกับปลอบประโลม “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นอะไรแล้ว…”
ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกจนสุด อวี๋กานกานมองสองคนนั้นที่กำลังกอดกันแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนสายตามองฟังจือหันแล้วยกยิ้มมุมปาก อาการอกสั่นขวัญแขวนจึงค่อยๆ สงบลง
ในขณะที่เธอกำลังก้าวเท้าออกไป
ลิฟต์ดันเกิดเสียง “ตึงตัง” ขึ้นมาอีกครั้ง
ลิฟต์สั่นไหวอย่างรุนแรงกว่าเมื่อครู่นี้ อวี๋กานกานแทบจะยืนไม่มั่นคง ร่างทั้งร่างของเธอสั่นไหวไปตามลิฟต์ เธอเบิกตาโตมองฟังจือหัน
ฟังจือหันพลันหน้าซีดเผือด หัวใจเหมือนถูกฉีกขาดฉับพลัน เขาจึงตะโกนเรียกสุดเสียง “เสี่ยวอวี๋”
เขารีบโอบเอวอวี๋กานกานเอาไว้แล้วออกแรงหมุนตัวไปทางด้านหลัง
เกือบจะในเวลาเดียวกันที่ลิฟต์ส่งเสียงดังลั่นก่อนจะร่วงลงไปข้างล่าง…
อวี๋กานกานที่ยืนชิดขอบมองลิฟต์ร่วงลงไปข้างล่างก็ตกใจจนสั่นไปทั้งร่างกลืนน้ำลายอึกใหญ่
มือทั้งสองข้างของเธอกอดเอวฟังจือหันเอาไว้แน่น เธอแนบใบหน้าซบอกฟังเสียงหัวใจเต้นระรัวของเขาถึงจะรู้สึกขึ้นได้ว่าตัวเองผ่านพ้นมหันตภัยแล้วจริงๆ
ตอนที่ 550 แก้แค้น ตาต่อตาฟันต่อฟัน
หลังจากที่หลินจยาอวี่โอนอ่อนลงจึงรุดหน้าเข้าไปถาม “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
อวี๋กานกานผละออกจากฟังจือหันแล้วยิ้มให้เธอ “ไม่เป็นไรๆ แล้วเธอล่ะ”
หลิยจยาอวี่เอื้อมแขนเข้าสวมกอดอวี๋กานกาน “โชคดีที่มีเธอ ไม่งั้นฉันต้องตกใจหัวใจวายตายไปแล้ว”
เหตุการณ์ลิฟต์ระทึกขวัญนี้ทำเอาทุกคนไม่มีกะจิตกะใจจะไปทานข้าวกันอีก
ลู่เสวี่ยเฉินกับหลินจยาอวี่กลับไปแล้ว ส่วนฟังจือหันก็พาอวี๋กานกานกลับบ้านไปเช่นกัน
เมื่อเข้ามาถึงในห้องฟังจือหันก็คว้าอวี๋กานกานเข้ามาสวมกอดแน่นในอ้อมกอด ตอนอยู่ในเหตุการณ์เมื่อครู่เขาดูเย็นชามากไม่แสดงสีหน้าใดๆ เลยสักนิด มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆ แล้วหัวใจเขากำลังสั่นเทารุนแรงมากแค่ไหน
หากเมื่อกี้ช้าไปเพียงนิดเดียว อีกนิดเดียวเธอก็สามารถตกลงไปพร้อมกับลิฟต์
เป็นอีกครั้งที่เธอเฉียดผ่านความเป็นความตาย
หัวใจหัวเขากำลังขาดอากาศ ตึงเครียดจนแทบฉีกขาดได้อยู่แล้ว
ระหว่างทางกลับบ้านอวี๋กานกานยังคงมีอาการเสียขวัญอยู่บ้างแต่ตอนนี้เธอสงบสติอารมณ์ได้มากขึ้นแล้วจึงเอาหน้าถูไถไปมาบนหน้าอกของเขา “ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
ฟังจือหันกอดเธอเงียบๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ผมกลัวจะเสียคุณไปอีกครั้ง”
อวี๋กานกานเงยหน้าขึ้นจูบริมฝีปากเขาแผ่วเบา “ฉันจะไม่หายไปไหน ทำไมคุณถึงพูดว่าอีกครั้งล่ะคะ”
ฟังจือหันหรุบตามองเธอ จากนั้นจึงช้อนใบหน้าแล้วกดจูบหนักแน่นลึกซึ้ง…
จวบจนเธอจวนเจียนขาดอากาศหายใจเขาถึงจะผละออกแล้วกระชับกอดแนบแน่น เม้มริมฝีปากบางเย็นชืด นัยน์ตาฉายแววเย็นเยือก
ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรอีกเด็ดขาด ไม่สนว่าต้องใช้วิธีไหน
ครั้งนี้…
ครั้งนี้จะไม่ยอมอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรอีกต่อไป!
ตกดึกหลังจากอวี๋กานกานเข้าสู่ห้วงนิทราเรียบร้อยแล้ว ฟังจือหันจึงมาวิดีโอคอลกับหลินเซินอยู่ที่ห้องหนังสือ
“คุณชายหัน เรื่องที่เกิดขึ้นในลิฟต์วันนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแต่มีคนจงใจทำครับ”
“จะปล่อยให้เขาส่งของขวัญชิ้นใหญ่อยู่ฝ่ายเดียวได้ยังไง ตอนนี้ถึงตาฉันส่งของขวัญชิ้นใหญ่สองชิ้นไปให้เขาบ้างแล้วล่ะ”
แววตาของฟังจือหันเฉียบคม ไอสังหารเยือกเย็นที่ก่อตัวขึ้นทำให้หลินเซินที่อยู่ในหน้าจอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
…
ภายในห้องมืดอับแสง เจียงซื่อเซิ่งกำลังสั่งสอนลูกน้องอยู่ “ไร้ประโยชน์จริงๆ เรื่องแค่นี้ทำไมถึงทำไม่ได้ฮะ!”
“เธอโชคดีจริงๆ ครับ เกือบอีกนิดเดียวทุกครั้ง”
“ไร้ประโยชน์ก็คือไร้ประโยชน์ ไม่ต้องหาข้ออ้างให้ตัวเอง”
เจียงซื่อเซิ่งบันดาลโทสะเตะกระถางข้างๆ ล้มระเนระนาดดินกระจายไปทั่วทุกที่บนพื้น
ในขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เจียงซื่อเซิ่งข่มความโมโหแล้วรับโทรศัพท์ ซึ่งเป็นสายมาจากโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าเจียงไป่อันอาการทรุด ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน
เจียงซื่อเซิ่งหน้าเผือดสีไม่สนใจอะไรมากอีกแล้ว จากนั้นจึงรีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
หลังจากยื้อชีวิตผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ในที่สุดเจียงไป่อันก็ปลอดภัยแล้ว
เจียงซื่อเซิ่งมองลูกชายที่นอนไม่ได้สติบนเตียงสวมท่อเครื่องช่วยหายใจแล้วเต็มไปด้วยสายระโยงระยางไปทั่วร่างด้วยความสงสารจับใจ
ขณะเดียวกันผู้ช่วยของเจียงซื่อเซิ่งตะลีตะลานเข้ามา “ประธานเจียงครับ คุณชายเล็กประสบอุบัติเหตุที่ต่างประเทศถูกขังอยู่ในลิฟต์จนเกือบ…”
เจียงซื่อเซิ่งเย็นวาบไปทั้งร่างดวงตาแดงก่ำเบิกกว้างราวกับสามารถกินคนได้
อุบัติเหตุลิฟต์ค้าง จนเกือบตายอย่างนั้นเหรอ
ทำไม…ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้
ต้องเป็นฟังจือหัน
ต้องเป็นฟังจือหันที่แก้แค้นแน่ๆ!
บางทีแม้กระทั่งอาการป่วยของเจียงไป่อันทรุดลงก็อาจเป็นการจงใจของฟังจือหัน ฟังจือหันกำลังเตือนเขาหากเขาลงมือกับอวี๋กานกานอีกและถ้าอวี๋กานกานประสบอุบัติเหตุอีก มิฉะนั้นเขาจะลงมือกับลูกชายทั้งสองคนของเขา
ดวงตาของเจียงซื่อเซิ่งจดจ่อที่เดิมด้วยความว่างเปล่าให้ความรู้สึกน่าเกรงขามไปทั่วทั้งทางเดินของโรงพยาบาล