ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 619 มีแฟนแล้วมันดีจริงๆ / ตอนที่ 620 อย่าเป็นคนสุดโต่งเกินไป
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 619 มีแฟนแล้วมันดีจริงๆ / ตอนที่ 620 อย่าเป็นคนสุดโต่งเกินไป
ตอนที่ 619 มีแฟนแล้วมันดีจริงๆ
อวี๋กานกานขำ “งั้นฉันต้องขอบคุณเธอแล้วที่ใจป้ำเลี้ยงหรูแบบนี้”
ซ่งฉาไป๋โบกมือแสดงความเอื้อเฟื้อ “ไม่ต้องเกรงใจ รีบสั่งสิ ถ้าเธอยังไม่สั่งอีก ฉันก็จะให้พนักงานสั่งผักมาให้สักสองอย่าง”
“ฝันไปเถอะย่ะ รบกวนเวลาฉันนอนหลับฝันหวาน วันนี้ฉันจะทำให้เธอกระเป๋าฉีกไปเลย” อวี๋กานกานพูดจบแล้วตะโกนเรียกพนักงาน “น้องคะ สั่งอาหารหน่อยค่ะ”
อวี๋กานกานไม่เกรงใจซ่งฉาไป๋จริงๆ อาหารที่สั่งล้วนแพงหูฉี่จนซ่งฉาไป๋เจ็บจี๊ดๆ ในใจ “โหดเกินไปแล้ว อวี๋กานกาน เธอโหดเกินไปแล้ว เธอไม่รู้จักเกรงใจจริงๆ”
“เราสองคนสนิทกันขนาดนี้แล้วยังมีอะไรต้องเกรงใจอีก” อวี๋กานกานแกล้งกะพริบตาอย่างน่ารัก “เดี๋ยวถ้ายังไม่พอ ฉันจะสั่งเพิ่มอีกสักสองอย่าง”
ซ่งฉาไป๋รีบกอดกระเป๋าสตางค์ของตนเอง “อวี๋กานกาน ฝากไว้ก่อนนะ ต้องมีสักวันที่ฉันจะขูดเลือดกับเธอจะเอาให้โหดกว่านี้อีก”
อวี๋กานกานหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น “งั้นฉันจะให้ฟังจือหันเป็นคนจ่าย”
ซ่งฉาไป๋สบถ “มีแฟนแล้วมันดีจริงๆ”
มีแฟนก็ดีแบบนี้นี่แหละ”
“ทำไมต้องข่มด้วย” ซ่งฉาไป๋ยื่นมือออกไปและทำท่าลูกศรแทงหัวใจ จากนั้นก็ล้มลงบนโต๊ะราวกับได้รับบาดเจ็บ อวี๋กานกานพันหัวตะเกียบเพื่อเกาจมูกของเธอ
ทั้งสองหยอกกันหัวเราะ ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ
อวี๋กานกานเจริญอาหารมีความสุขมากกับการได้กิน แต่ซ่งฉาไป๋ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเธอดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเรื่องการกินสักเท่าไหร่
สายตาสอดส่องตลอดเวลาเหมือนกับกำลังมองหาใครอยู่
อวี๋กานกานแกะกุ้งเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับแล้วแกะตัวที่สองต่อ ขณะนั้นเองเธอก็เงยหน้าขึ้นมองซ่งฉาไป๋ที่นั่งตรงข้ามกันก่อนจะเอ่ยถาม “เธอรู้ไหมมีคำหนึ่งเรียกว่าสารภาพ”
ซ่งฉาไป๋ตอบ “สารภาพลดหย่อนผ่อนเบา”
อวี๋กานกานพยักหน้าและยิ้มด้วยความโล่งใจ “อืม เด็กมีอนาคตสามารถสอนได้แล้วเธอรู้หรือไม่ว่าประโยคต่อไปว่ายังไง”
“ต่อต้านและเข้มงวด” ซ่งฉาไป๋พูดปนโกรธ “ถึงแม้คะแนนฉันจะไม่ดีเท่าเธอแต่อย่าทำเหมือนฉันปัญญาอ่อนไปหน่อยเลย!”
“เมื่อรู้ประโยคนี้ก็ดี ถ้าเธอยังคิดไม่ได้ งั้นฉันกินเสร็จก็จะไปแล้ว ทีหลังจะไม่ติดต่อกับเธออีก”
“อะไรอ่ะ”
“เพราะเธอไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนไง” รู้ทั้งรู้ว่ามีเรื่องปิดบังเธอเอาไว้อยู่
ซ่งฉาไป๋ขยับปาก ร่างกายแข็งทื่อและอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็อ่อนลงและพูดด้วยความกลุ้มใจ “ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี”
อวี๋กานกานตอบ “เริ่มตั้งแต่ต้น”
ซ่งฉาไป๋ลีลา “ถ้าแบบนั้นมันจะยาวหน่อยนะ”
“อาหารพวกนี้เยอะเกินไป ฉันสามารถใช้เวลากินสองชั่วโมง สองชั่วโมงจะเล่าจบไหม”
“น่าจะได้แหละ”
“เริ่ม”
ซ่งฉาไป๋ตักซุปให้อวี๋กานกานหนึ่งถ้วยวางตรงหน้าของเธอแล้วเริ่มเปิดปากเล่าเรื่องอย่างระมัดระวัง “เรื่องมันเริ่มมาจากงานหมั้นของเธอที่เธอเลี้ยงข้าวในวันนั้น คืนนั้นเธอให้ฉันนอนที่บ้านเธอใช่ไหม”
อวี๋กานกานพยักหน้า
“คืนนั้นดื่มเยอะใช่ไหม เธอไม่รู้ว่าเธอคออ่อนมากแค่ไหน พอเมาแล้วเธอก็เอะอะโวยวาย ฉันกับฟังจือหันช่วยกันปลอบเธออยู่ตั้งนานถึงจะเลิกคุ้มคลั่ง แล้วเธอก็…”
“ฉันทำไม” เมื่อเห็นซ่งฉาไป๋ลังเล อวี๋กานกานจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไหนบอกจะเล่าเรื่องของเธอไง ทำไมถึงพูดแต่เรื่องของฉันล่ะ ทั้งเลี้ยงงานหมั้นไหนจะว่าฉันเมาแล้วเธอกับฟังจือหัน…ปลอบฉัน หรือว่าคืนนั้นเพราะเธอกับฟังจือหันช่วยกันปลอบฉันแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นโดยที่ฉันไม่รู้…”
ตอนที่ 620 อย่าเป็นคนสุดโต่งเกินไป
หรือว่าคืนนั้นเพราะเธอกับฟังจือหันช่วยกันปลอบฉันแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นโดยที่ฉันไม่รู้ เธอรู้สึกผิดต่อฉันก็เลยเลี้ยงข้าวเพื่อชดเชยความผิดใช่ไหม”
อวี๋กานกานยังคงเชื่อใจฟังจือหันกับซ่งฉาไป๋ ประโยคท้ายๆ เธอก็แค่อยากแกล้งแหย่ซ่งฉาไป๋เท่านั้น
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อซ่งฉาไป๋ได้ยินอวี๋กานกานพูดแบบนั้นจึงรีบอธิบาย “จะเป็นไปได้ยังไง เธอเป็นเหมือนพี่น้องฉันเลยนะ ฉันจะสาบานให้ฟ้าผ่าตายเลย ฉันไม่ได้มีอะไรกับฟังจือหันแน่นอน เธอคิดแบบนี้ได้ยังไงกัน”
อวี๋กานกานใช้ตะเกียบคีบปลาวางในชามของซ่งฉาไป๋ “จะโทษฉันไม่ได้นะ เธอเอาแต่พูดเรื่องของฉันกับฟังจือหันมาตั้งนาน ฉันเลยคิดนอกลู่ก็เป็นเรื่องปกติ…”
เสียงนั้นหยุดลงอย่างกะทันหันและใช้เวลาสักพักกว่าจะพูดคำสุดท้าย “ก็ใช่”
ซ่งฉาไป๋มองตามสายตาของอวี๋กานกานที่กำลังมองไปทางด้านหลังก็เจอกับชายหนุ่มสูงหล่อคนหนึ่งเข้า
ส่วนสูงอย่างน้อยร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร สวมชุดเครื่องแบบทหารลำตัวตรงอีกทั้งยังใส่หมวกทหาร เหรียญบนบ่าส่องประกายวาววับ
หล่อสูงสง่า เย็นชาและน่าเกรงขาม!
ซ่งฉาไป๋ถอนสายตาแล้วแอบป้องปากขำ
วันนี้เขามาทานอาหารกลางวันที่นี่จริงๆ ด้วย
ในที่สุดเธอก็ได้เจอเขาแล้ว
หล่อกว่าครั้งแรกที่เจออีก
อวี๋กานกานมองซ่งฉาไป๋ที่นั่งตรงข้ามด้วยความตกตะลึง “…”
นี่คงไม่ต้องรอให้ซ่งฉาไป๋ได้อธิบาย เธอก็รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมจะต้องมาทานข้าวเที่ยงที่นี่ให้จงได้
มิน่าล่ะกระเป๋าฉีกขนาดนี้ก็ไม่สน
แต่ว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าวันนี้เจี๋ยนเหยี่ยจะมากินข้าวเที่ยงที่นี่ล่ะ
ซ่งฉาไป๋เอ๋ยซ่งฉาไป๋
เมื่อก่อนคิดว่าเธอพูดเล่นสองประโยค เห็นแบบนี้แล้วเธอก็คงจะเอาจริง
“เลิกมองได้แล้ว เข้าห้องอาหารไปแล้วนั่น” อวี๋กานกานเคาะโต๊ะเตือนให้ได้สติ
“เสี่ยวอวี๋กาน หัวใจฉันเต้นตึกตักๆ เร็วมาก ฉันจบเห่แล้วคิวปิดแผลงศรใส่ฉันแล้ว” ซ่งฉาไป๋ทุบอกตัวเองด้วยสีหน้าติ๊งต๊อง
อวี๋กานกานทานอาหารต่ออย่างใจเย็น “เธอถูกแผลงศรตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นวันนี้ก็คงไม่พาฉันมาที่นี่หรอก”
“คราวก่อนถูกแผลงศร คราวนี้ก็ถูกแผลงศรซ้ำอีก หลังโดนลูกศรไปสองครั้งฉันก็ตกหลุมลึก ถูกถอดวิญญาณออกไปแล้วล่ะ เสี่ยวอวี๋กานของฉัน” ซ่งฉาไป๋หัวเราะหึๆ ด้วยสีหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ
อวี๋กานกานร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก
ใครบางคนก็ช่วยไม่ได้ คราวนี้ตกหลุมรักแล้วจริงๆ การชอบใครสักคนเป็นเรื่องที่ดี เธอควรจะยินดีกับซ่งฉาไป๋
แต่ตอนนี้เธอกลัวออกตัวแรงไป เธอรุกหนักไป สุดท้ายเจี๋ยนเหยี่ยไม่รู้แม้กระทั่งเธอเป็นใคร นั่นก็กระอักกระอ่วนแล้ว
“เธอไม่กินแล้วเหรอ” อวี๋กานกานชี้อาหารที่เต็มโต๊ะเพื่อให้เธอตื่นจากภวังค์
“กินสิ ฉันแทบหมดตูด ฉันจะไม่กินเยอะๆ ได้ยังไง อย่างน้อยกินสักหน่อยก็จะได้ทุนคืนสักหน่อยก็ยังดี” ซ่งฉาไป๋รีบหยิบตะเกียบเริ่มกิน เพียงแต่ยังหันกลับไปมองข้างหลังอยากดูว่าเจี๋ยนเหยี่ยออกมาหรือยัง
“พึ่งจะมาถึง กินไม่อิ่มคงไม่ออกมาหรอก เธอกินอย่างสบายใจได้” อวี๋กานกานคีบอาหารให้เธอ “ซ่งฉาไป๋ ฉันเห็นแก่เธอเป็นเพื่อน คำพูดทั้งหมดนี้ในฐานะเพื่อนสนิท ฉันต้องบอกเธอว่าการชอบใครสักคนเป็นเรื่องปกติ แต่อย่าทำเรื่องอะไรสุดโต่งเกินไปกับผู้ชายและทำร้ายตัวเองในอนาคต”
ซ่งฉาไป๋ขมวดคิ้วถามจริงจัง “เรื่องแบบไหน ถึงจะเป็นเรื่องสุดโต่ง”
หาเจี๋ยนเหยี่ยเจอจากการค้นหาคนใกล้ๆ ถือเป็นการกระทำที่สุดโต่งไหม