ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 651 สารเลว! ท่าทางจากฟ้าเป็นเหว (1) / ตอนที่ 652 สารเลว! ท่าทางจากฟ้าเป็นเหว(2)
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 651 สารเลว! ท่าทางจากฟ้าเป็นเหว (1) / ตอนที่ 652 สารเลว! ท่าทางจากฟ้าเป็นเหว(2)
ตอนที่ 651 สารเลว! ท่าทางจากฟ้าเป็นเหว (1)
ถึงอย่างไรตอนนี้อะไรก็ดีไปหมด ก็แค่…เกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับอาจารย์เหม่ยเหรินกันแน่?
หลายวันนี้เธอถามเรื่องวันนั้นกับฟังจือหัน ฟังจือหันยังคงบอกว่าไม่มีอะไร ถามอาจารย์เหม่ยเหริน อาจารย์เหม่ยเหรินก็บอกว่าไม่มีเรื่องอะไร แต่ว่าปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชา
เธอตัดสินใจแล้ว หลายวันผ่านไปรอให้อาจารย์เหม่ยเหรินหายโกรธลงไปบ้าง เธอก็จะไปหาอาจารย์เหม่ยเหริน ถือโอกาสบอกเขาเรื่องที่ตามหาพ่อเจอและขอให้เขาช่วยให้คำแนะนำกับเธอ
ชายหนุ่มหลุบตามองเธอ นัยน์ตาเอ็นดูอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “จะชอบนานแค่ไหน?”
อวี๋กานกานเชยตาสบกับเขา ทุกคำทุกประโยคน่าฟังมาก พูดออกมาแค่สองคำอย่างหนักแน่น “ตลอดชีวิต!”
“ตอนนี้ผมหิวมาก” ฟังจือหันยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ว่าสายตากลับเต็มไปด้วยการล่วงเกิน
“ไม่ใช่ว่าเพิ่งกินข้าวเย็นไปเมื่อกี้เหรอ ทำไมคุณหิวอีกแล้ว”
“ช่วยไม่ได้ คุณน่ากินเกินไป” ฟังจือหันจับหัวอวี๋กานกาน จากนั้นก็จูบไปที่ริมฝีปากเธอ
อวี๋กานกาน “…”
เธออึ้งไป เพิ่งจะเข้าใจความหมายของฟังจือหัน
“ทำไมคุณเอาแต่คุณเรื่องนี้” เธอผลักเขาไปหนึ่งที แต่ว่ามุมปากกลับมีรอยยิ้มอยู่
แสงจันทร์ชวนน่ามอง ภายในห้องชวนหลงใหล
ฟังจือหันโอบรอบเอวอวี๋กานกาน ปิดปากเธออีกครั้ง และยังถือโอกาสกดเธอบนโซฟา ตามด้วยท่าทางนี้ ฟังจือหันก็เริ่มเอาแต่ใจอย่างแรง
เขารู้จักร่างกายอวี๋กานกานดีเกินไปแล้ว การกระทำไม่กี่อย่าง อวี๋กานกานก็อ่อนแรงราวกับน้ำในฤดูใบไม้ผลิใต้ร่างเขา ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ
หลังจากที่กู้ซูหลิงถูกกู้เชินเมินที่กู้ซื่อคอร์ปอเรชั่นก็กลับบ้านด้วยความโมโห
เธอไม่กล้าบอกจูอวี้ลู่เรื่องนี้ กลัวว่าจูอวี้ลู่จะตำหนิตนเองว่าไม่มีประโยชน์ แต่ว่าเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะอะไรกู้เชินถึงได้มีท่าทางเช่นนี้กับเธอ
แต่ก่อนเธอก็ไม่เคยดื้อรั้น หลังจากนั้นขอเพียงเธอขอโทษ กู้เชินก็ยังคงดีกับเธอมาก
เรื่องหลิงนีครั้งนี้เป็นความผิดของหลิงนีชัดๆ กู้เชินทำไมถึงได้อารมณ์เสียหนักขนาดนั้น ท่าทางเทียบกับแต่ก่อนก็แย่เสียยิ่งกว่า
เธอพลันนึกถึงอวี๋กานกาน
ดูเหมือนหลิงนีพูดว่าเธออยากฆ่าอวี๋กานกาน กู้เชินถึงได้เป็นเช่นนี้ แต่เธอแค่อยากให้อวี๋กานกานหายตัวไปแล้วยังไง ก็ไม่ได้ทำให้อวี๋กานกานหายไปจริงๆ เสียหน่อย กู้เชินถึงกับต้องโกรธขนาดนี้เลยเหรอ
อวี๋กานกานคนนี้เป็นแค่หมอจีนคนหนึ่ง ไม่ได้มีที่มาที่ไปหรือพื้นเพครอบครัว
หายตัวไปก็หายตัวไปสิ กู้เชินจะใส่ใจเธอขนาดนั้นทำไม
เพราะอะไรคนที่เธอใส่ใจต่างก็เมินเฉยใส่เธอเพราะอวี๋กานกานกันหมดเลย
ขณะที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน ประตูถูกคนเปิดออก กู้เชินพาผู้ช่วยกลับมาแล้ว กู้ซูหลิงใบหน้ารอยยิ้ม รีบเดินไปต้อนรับอย่างดีใจ “คุณพ่อ พ่อกลับมาแล้ว”
กู้เชินอารมณ์ไม่ดี ลูกสาวไม่ได้ยอมรับเขาในทันที มีความประทับใจแย่เช่นนี้กับตระกูลกู้
เป็นเพราะอะไร ก็ไม่ใช่ว่าเพราะว่าแต่ก่อนที่บ้านตระกูลกู้ หลายครั้งที่เธอโดนกู้ซูหลิงทำให้ลำบากใจ ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ซูหลิงเอาแต่ต้องการจะแย่งฟังจือหัน
คิดอย่างนี้จะเป็นไปได้ยังไงที่กู้เชินจะยิ้มให้กับกู้ซูหลิง
กู้เชินรับคำอย่างเย็นชา แม้แต่สายตาก็ยังไม่เหลือบมามองกู้ซูหลิง
ท่าทางห่างเหินเย็นชาเป็นอย่างมาก
นี่ทำให้กู้ซูหลิงตกใจอย่างแรงอีกครั้ง
ตอนนี้เธอสามารถมั่นใจได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ากู้เชินกำลังตั้งใจเมินตนเอง ถึงขั้นค่อนข้างเกลียดเธอ
เพราะอะไร
แค่เพื่ออวี๋กานกานคนเดียว เพื่อหมอจีนคนหนึ่งที่ไม่ได้รู้จัก เขากลับต้องทำกับลูกสาวตัวเองแบบนี้?
ต่อให้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ นั่นก็เป็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวถึงสิบกว่าปี
ตอนที่ 652 สารเลว! ท่าทางจากฟ้าเป็นเหว (2)
ความเกลียดชังในใจของกู้ซูหลิง ไฟแห่งความโมโห แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก สะกดทุกความรู้สึกข้างใน ตามกู้เชินไปด้วยรอยยิ้ม ยื่นแขนไปรั้งแขนกู้เชิน แล้วพูดอย่างน่ารักน่าเอ็นดู “คุณพ่อ พ่อยังโกรธหนูอยู่ใช่ไหม ขอโทษนะคะ หนูสำนึกผิดแล้วจริงๆ ต่อไปหนูจะไม่พูดจาแบบนั้นอีกแล้ว พรุ่งนี้หนูจะไปหาหลิงนี…”
กู้เชินชะงักเท้าทันที แล้วพูดแทรกเธอ “คนที่เธอต้องขอโทษคือหลิงนีเหรอ”
กู้ซูหลิงรีบพูดขึ้นมาอีกครั้ง “หนู…หนูก็จะไปหาอวี๋กานกานและขอโทษด้วย คุณพ่อ อย่าโกรธหนูอีกเลยได้ไหม พ่อเป็นแบบนี้หนูเสียใจมากจริงๆ?”
ดวงตาหมองลงราวกับหมอกในชั่วพริบตา คล้ายกับวินาทีต่อไปใบหน้าจะเปื้อนน้ำตา
“ผิดแล้วก็ขอโทษ ฉันก็ไม่ได้โกรธเธออยู่แล้ว” กู้เชินดันมือเธอออกทันที ทิ้งคำพูดหนึ่งเอาไว้แล้วนำผู้ช่วยเข้าไปในห้องหนังสือ
กู้ซูหลิงกำหมัด รู้สึกว่าตนเองจะอกแตกแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าตนเองไปกระตุกเส้นประสาทไหนของเขาเข้ากันแน่
เอาแต่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่จบไม่สิ้นเลย
หลังจากมาที่บ้านตระกูลกู้ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ากู้เชินรับมือยากขนาดนี้
ไม่นานจูอวี้ลู่ก็รู้เหตุการณ์เมื่อสักครู่ เธอไปที่ห้องของกู้ซูหลิง ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พ่อแกทำไมดูเหมือนโกรธยิ่งกว่าเดิม แกไปทำเรื่องโง่ๆ อะไรมาอีกแล้วใช่ไหม”
กู้ซูหลิงน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง “เปล่า หนูเชื่อที่แม่บอกให้ไปหาเขาที่บริษัท จะขอโทษสักหน่อยแล้วอ้อนเขา แต่เขาก็รีบร้อนออกไป หนูแค่นึกว่าเขามีเรื่องด่วนให้จัดการ แต่ว่ากลับมาแล้วหนูก็ยิ้มกว้างเข้าไปเอาใจเขา เขาก็ทำเหมือนไม่อยากสนใจหนู หนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว ไม่ใช่ว่าแค่หนูพูดกับหลิงนีว่าอยากให้อวี๋กานหานหายตัวไป เขาต้องเป็นขนาดนี้เลยเหรอ อวี๋กานกานก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย เขากลับทำแบบนี้กับหนูเพื่อคนนอกคนเดียว เสียเปล่าที่หนูเป็นเขาเป็นพ่อ กตัญญูมาสิบกว่าปี ทำเหมือนโกรธหนูแทบตาย!!”
ในใจของจูอวี้ลู่เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีพุ่งขึ้นมา
หลายปีมานี้กู้เชินรักใคร่เอ็นดูหลิงหลิงมาตลอด ต่อให้บางครั้งเธอจะขี้งอน เขาก็เอ็นดูและตามใจ
เพราะอะไรครั้งนี้ถึงได้โกรธขนาดนี้ล่ะ
เหมือนกับที่หลิงหลิงพูดทุกอย่างจริงๆ เป็นเพราะอวี๋กานกานเหรอ
แต่ต่อให้อวี๋กานกานหน้าตาคล้ายเสี่ยวเหยียน ก็ไม่ใช่เสี่ยวเหยียน หรือว่ากู้เชินเห็นอวี๋กานกานหน้าตาคล้ายเสี่ยวเหยียนเช่นนี้ ในใจของเขาจึงสงสัยว่าอวี๋กานกานต่างหากที่เป็นกู้เหยียนอวี๋?
จู่ๆ ประตูก็ถูกคนเคาะดังขึ้น
หลังจากที่ได้รับอนุญาตแล้ว “กู้เหยียนอวี๋” เดินเข้ามา เห็นกู้ซูหลิงซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าหงุดหงิดก็เริ่มลังเลว่าจะพูดจุดประสงค์ที่ตนเองมาดีหรือไม่
กู้ซูหลิงเห็นเธอมีท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ ความโกรธทั้งใจจึงไปลงที่ตัวเธอ ถามออกไปด้วยความหงุดหงิด “จะทำอะไร เธอเป็นแบบนี้ไม่มีมาดของคุณหนูตระกูลกู้เลยสักนิด ถ้าให้พ่อฉันกลับเห็น ไม่แน่ว่าสงสัยเธอขึ้นมาจะทำยังไง”
“กู้เหยียนอวี๋” คนนี้ชื่อจริงไป๋เสวี่ย เธอเดินเข้าไปแล้วพูดพร้อมกับยิ้ม “ฉัน…สองวันมานี้แม่เลี้ยงฉันสุขภาพไม่ค่อยดี ฉันอยากลาพักสองวันไปดูแลเธอ”
คำว่าแม่เลี้ยงจากปากเธอ ที่จริงเป็นแม่แท้ๆ ของเธอ
หลังจากที่กู้เชินรับเธอกลับมาที่บ้านตระกูลกู้ เพื่อแสดงความขอบคุณทั้งครอบครั้งที่ดูแล “กู้เหยียนอวี๋” ก็ไม่ได้ห้ามให้เธอไปมาหาสู่กับพวกเขา
กู้ซูหลิงขมวดคิ้ว มองไป๋เสวี่ยด้วยสีหน้ารังเกียจ “ให้เงินเธอไปมากขนาดนั้น แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เธอก็ยังจัดการไม่ได้ ตอนนี้ยังอยากจะกลับไปดูแลแม่เธอ เธอฝันไปเถอะ!!”
ไป๋เสวี่ยโดนด่าจึงไม่กล้าส่งเสียง กล้าเพียงก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ “…”