ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 669 งานเลี้ยง! พลิกล็อกกันน่าดู (9) / ตอนที่ 670 งานเลี้ยง! พลิกล็อกกันน่าดู (10)
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 669 งานเลี้ยง! พลิกล็อกกันน่าดู (9) / ตอนที่ 670 งานเลี้ยง! พลิกล็อกกันน่าดู (10)
ตอนที่ 669 งานเลี้ยง! พลิกล็อกกันน่าดู (9)
จะโพสต์รูปเธอแต่ละทีแต่งแล้วแต่งอีก กลัวว่าหากไม่ระวังจะทำให้เธอหรือตระกูลกู้ขุ่นเคือง
เมื่อเห็นว่าตอนนี้กู้เหยียนอวี๋ตัวจริงกลับมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะทำกับเธอแบบนี้ กิ้งก่าเปลี่ยนสีจริงๆ
เรื่องอื่นเธอทนได้หมดแต่เรื่องที่เอาไปเปรียบเทียบกับอวี๋กานกานเธอทนไม่ได้ เธอคิดว่าตัวเองสวยกว่าอวี๋กานกานเป็นร้อยเท่า
กู้ซูหลิงเลยตอบคอมเมนท์ไปว่าแต่งรูปซะน่าเกลียด กู้ซูหลิงสวยกว่าอวี๋กานกานตั้งเยอะ ทันใดนั้นเธอก็โดนด่าสาดเสียเทเสีย เธอสะเทือนใจจนแทบเป็นลมกระอักเลือด
แน่นอนว่านี่เป็นคำพูดหลังจากนั้น
เป็นเรื่องที่เกิดหลังจากงานเลี้ยงจบลง เป็นหลิงนีที่ต้องการแก้แค้นเธอ!
ตอนนี้กู้ซูหลิงจึงทำได้เพียงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เธออยากขึ้นไปถามกู้เชินให้รู้แล้วรู้รอด
แต่จูอวี้ลู่ที่อยู่ข้างๆ กลับรั้งเธอเอาไว้ก่อน
อารมณ์ของจูอวี้ลู่ตอนนี้ก็ไม่ต่างกับเธอเลยสักนิด แต่เธออดทนเก็บซ่อนทุกอย่างเอาไว้ในใจ ใบหน้ามีรอยยิ้มเจือจาง ทำให้คนมองไม่เห็นถึงความผิดปกติ
หลังจากที่กู้เชินกล่าวจบ จูอวี้ลู่รู้สึกไม่สบายหายใจไม่ออก พิงกายกู้ซูหลิงอย่างไร้เรี่ยวแรง
นี่ไม่ใช่การเสแสร้ง จูอวี๋ลู่รู้สึกไม่สบายจริงๆ เธอโกรธจนตัวสั่นเล็กน้อย
แต่เธอก็ไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น เกรงว่าหากตัวเองโกรธจนปรอทแตกแล้วทำให้เรื่องไปถึงขั้นแย่กว่าเดิมจนไม่สามารถแก้ไขได้
กู้เชินไม่มองพวกเธอสองแม่ลูกแม้แต่หางตา สายตาของเขากลับมองไปที่ที่อวี๋กานกานคนเดียวเท่านั้น
หลังจากแนะนำบนเวทีแล้วเสร็จ กู้เชินก็พาอวี๋กานกานไปทำความรู้จักกับญาติสนิทมิตรสหายทีละคน
แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงเหล่านี้ต่างก็เป็นคนมีชื่อเสียงในแวดวงสังคม แต่ละคนก็ปรับท่าทีได้ตั้งนานแล้ว โดยพวกเขายกแก้วแสดงความยินดีให้กับกู้เชิน ทั้งยังยกย่องทายาทของตระกูลกู้ในอนาคตอีกด้วย
กู้ซูหลิงอยากประคองพาจูอวี้ลู่ไปพักผ่อน แต่กลับถูกจูอวี้ลู่ปฏิเสธ
หากเธอไปตอนนี้ นั่นยิ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าตำแหน่งคุณหญิงกู้ของเธอสั่นคลอนแล้ว
เธอไปไม่ได้ ไม่เพียงแต่ไปไม่ได้เท่านั้นแถมยังต้องปั้นหน้ายิ้มทักทายแขกเหรื่อว่าเธอคือคุณหญิงกู้ แม้ตายก็จะต้องตายในบ้านกู้เท่านั้น!
งานเลี้ยงวันเกิดครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอวี๋กานกานจะเป็นตัวเอกที่เป็นเป้าสายตาของทุกคน นอกจากกู้เชินจะเคียงข้างเธอแล้วยังมีฟังจือหันอีกคนด้วย
ฟังจือหันและกู้เชินร่วมมือกัน สามารถจินตนาการได้เลยว่าปักกิ่งในอนาคตต้องพลิกฟ้าดินอีกแน่
วันนี้เยี่ยซีไม่ได้มางาน แต่เยี่ยจยาเซิงคุณพ่อของเขามางานด้วย
สถานะของอวี๋กานกานทำเอาเขาตกตะลึงเป็นอย่างมากจึงมองกู้เชินด้วยความปีติยินดี “ประธานกู้ครับ ผมอิจฉาคุณจริงๆ เลย คิดไม่ถึงว่าคุณหมออวี๋จะเป็นลูกสาวของคุณ ให้ผมรับเธอเป็นลูกบุญธรรมได้ไหมครับ”
กู้เชินหัวเราะร่า แต่กลับเอ่ยขึ้นอย่างตระหนี่ “นั่นไม่ได้หรอกครับ นี่เป็นลูกสาวของผมคนเดียว”
“คุณหมออวี๋เก่งมาก หากไม่ใช่เพราะเธอ ป่านนี้คุณแม่ผมยังคงนอนติดเตียงแน่ๆ”
“ใช่แล้ว ดูสิว่านี่ลูกใคร”
“ใช่ๆๆ มองปราดเดียวก็รู้ว่าหมออวี้เป็นลูกแท้ๆ ของคุณ นิสัยใจคอและสไตล์ของพวกคุณเหมือนกันอย่างกับแกะ”
“ฮ่าๆๆ”
…
กู้เชินยิ้มเขินจนหน้าแดง เขาจูงอวี๋กานกานไปเพื่อรับคำเอ่ยชมระลอกแล้วระลอกเล่า
อวี๋กานกานที่อยู่ข้างๆ รู้สึกว่าตัวเองโดนชมจนแทบลอยขึ้นฟ้า เกือบจะสงสัยแล้วว่านี่ใช่ปากของพวกเขาเองหรือเปล่า
กู้ซูหลิงเห็นทุกอย่างจากที่ไกลๆ สิ่งที่เคยเป็นของตัวเองทุกสิ่งทุกอย่างกลับถูกอวี๋กานกานแย่งไปหมด เธออิจฉาจนแทบบ้าอยู่แล้ว
เธอกำแก้วเหล้าในมือแน่น อยากจะสาดเหล้าใส่อวี๋กานกานที่ทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกในคืนนี้
แต่เธอกลับไม่กล้าพอ!
เมื่อครู่นี้แม่เธอเตือนแล้ว หากทนไม่ไหวอีกต่อไปหรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกก็ต้องรอให้งานเลี้ยงเสร็จสิ้นเสียก่อน
แอบแช่งในใจอย่างชั่วร้ายว่าสักพักตอนอวี๋กานกานออกไปขอให้ถูกรถชนตาย
ตอนที่ 670 งานเลี้ยง! พลิกล็อกกันน่าดู (10)
“อ้าว นี่คือใครกันล่ะเนี่ย ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลกู้หรือเปล่า”
จู่ๆ ก็ได้ยินน้ำเสียงกระแทกแดกดันข้างหู เมื่อกู้ซูหลิงหันไปจึงเห็นว่าเป็นหลิงนีกับจางอี๋เสวี่ย
เธอแสยะยิ้มแล้วพูดเสียดสีกลับไปเช่นกัน “แล้วนี่ใครกันล่ะ ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลหลิงหรือเปล่า อ้าว ไหนคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิงเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าถ้าไม่ใช่ฟังจือหันชาตินี้ก็ไม่แต่งกับใครอีก แล้วผลเป็นไงฟังจือหันไม่แม้แต่ชายตามองเธอเลย”
“แต่ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าบางคน ฉันยังมีตระกูลหลิงแล้วเธอมีอะไร ไม่เพียงแต่เสียชายคนรัก แม้กระทั่งบ้านยังไม่มีจะซุกหัวนอนแล้ว” หลิงนีพูดพลางมองจางอี๋เสวี่ย “ฉันพูดแปลกๆ ทำไมต่อหน้าฉันถึงบอกว่าต้องการให้อวี๋กานกานหายไป…”
“ที่แท้ก็กลัวว่าเขากลับมาแล้วจะถูกไล่ออกจากตระกูลกู้นี่เอง” จางอี๋เสวี่ยป้องปากหัวเราะเยาะ “แต่ลูกติดก็คือลูกติดอยู่วันยังค่ำ ไม่มีวันได้เป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริงของตระกูลกู้หรอกนะ”
“ไม่ว่าเธอจะพูดยังไงเขาก็กลับมาอยู่ดี ฉันก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้ แม่ฉันแต่งงานกับประธานกู้ แม้จะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ฉันก็ยังเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้อยู่ดี”
“เงินสักแดงเดียวของกู้กรุ๊ปก็สืบทอดให้คุณหนูใหญ่ตระกูลกู้ไม่ได้เชียวหรือ”
ทุกคำพูดและทุกประโยคเสียดสีทิ่มแทง กู้ซูหลิงกัดฟันโกรธจนฟันแทบร่วง “แต่ต่อให้เธอมีตระกูลหลิงหนุนหลัง เธอก็ไม่มีน้ำยาได้ครอบครองฟังจือหันเหมือนกัน”
“ก็จริง แม้ฉันจะไม่ได้ครอบครอง แต่ฉันก็ยังเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิง ซึ่งชาตินี้เธอไม่มีวันเอื้อมถึง…” หลิงนี้สะบัดผมด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง “ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้วมาเสวนากับคนอย่างเธอช่างลดค่าจริงๆ”
เธอชี้นิ้วไปที่กู้ซูหลิง “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะทำให้เธอหายไปจากวงการเลยคอยดู”
เมื่อพูดจบก็เชิดหน้าแล้วเหยียบรองเท้าส้นสูงเดินออกไปทันที
จางอี๋เสวี่ยรีบตามไปคล้องแขนเธอหัวเราะแล้วเอ่ยถาม “สะใจยัง”
“สะใจแล้ว!” หลิงนีหัวเราะร่า แล้วค่อยๆ เอ่ยออกมา “ให้ฉันขอโทษนาง แต่คำขอโทษของฉันคงไม่ได้รับง่ายๆ หรอกนะ”
“ตอนนี้พวกเราจะไปแล้วเหรอ ทำไมฉันยังรู้สึกว่าเดี๋ยวจะมีฉากเด็ดให้ดูอีกนะ”
“ฉันรู้ว่าต่อไปต้องมีละครฉากเด็ดแน่ๆ แต่นั่นเป็นละครหลังม่าน ยังไม่ถึงตาเราต้องดูหรอก”
“เสียดายแย่”
…
หลังจากที่พวกเธอไปแล้ว เสียงก็ยิ่งเบาลง แต่คำพูดก่อนหน้านี้กู้ซูหลิงกลับได้ยินอย่างชัดเจน
ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่อยากสนใจหลิงนีกับจางอี๋เสวี่ย พวกเธอสองคนจงใจมีปัญหากับตัวเอง
ขอเพียงทวงคืนความรักความเมตตาที่กู้เชินมีต่อตนเองกลับมาได้ เธอก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้
แต่กู้เหยียนอวี๋จะเป็นอวี๋กานกานไปได้ยังไง
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่มีทางเชื่อ…เดี๋ยวก่อน จู่ๆ เธอก็นึกถึงเรื่องสำคัญมากอีกอย่างขึ้นมาได้ ไป๋เสวี่ย กู้เชินรู้ตั้งนานแล้วว่าอวี๋กานกานคือกู้เหยียนอวี๋ แล้วทำไมถึงยังเก็บไป๋เสวี่ยเอาไว้อยู่
ไป๋เสวี่ยถูกหักหน้าแล้ว จะลากเธอเข้าไปเกี่ยวด้วยไหม
กู้ซูหลิงมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก แต่ไม่ได้มองหาไป๋เสวี่ย
แล้วก็ไม่รู้ว่าจะถูกคนของกู้เชินพาตัวไปหรือเปล่า
เธอรีบวิ่งไปหาจูอวี้ลู่ เก็บกดความหวาดหวั่นเอาไว้ในใจแล้วเอ่ยถามเสียงเบา “แม่คะ ไป๋เสวี่ยล่ะ เดี๋ยวเราจะแก้ไขเรื่องไป๋เสวี่ยยังไงดีคะ”
“แม่ให้เธอไปตั้งนานแล้ว”
เมื่อครู่นี้ตอนที่กู้เชินควงแขนอวี๋กานกานขึ้นเวที จูอวี้ลู่พอได้สติกลับมาก้ให้ไป๋เสวี่ยรีบออกไปทันที ไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดี อย่าให้กู้เชินตามหาเจอเด็ดขาด แม้จะตามเจอก็อย่าพูดอะไร มิฉะนั้นเธอไม่ปล่อยไป๋เสวี่ยกับแม่ไปเด็ดขาด
ไป่เสวี่ยตกใจจนหน้าซีดเผือดแล้วรีบหนีไปทันที