ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ - ตอนที่ 727 จับได้แล้ว! เด็กในท้องเป็นลูกของใคร (7) / ตอนที่ 728 จับได้แล้ว! เด็กในท้องเป็นลูกของใคร (8)
- Home
- ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ
- ตอนที่ 727 จับได้แล้ว! เด็กในท้องเป็นลูกของใคร (7) / ตอนที่ 728 จับได้แล้ว! เด็กในท้องเป็นลูกของใคร (8)
ตอนที่ 727 จับได้แล้ว! เด็กในท้องเป็นลูกของใคร (7)
หลินจยาอวี่ใจเต้นตึกตักล้มลงอย่างรุนแรง ใบหน้าซีดเผือด รู้สึกกระวนกระวายและไม่สบายใจ
ในขณะเดียวกันเธอรู้สึกว่าท้องของเธอเริ่มหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เธอยืนอย่างไม่สบายเล็กน้อยก่อนจะเอนกายบนโซฟาข้างๆ
“จยาอวี่…” อวี๋กานกานรีบเดินเข้าไปประคองเธอเอาไว้ เธอรู้สึกชัดเจนว่าร่างของหลินจยาอวี่สั่นเล็กน้อย เพราะกลัวว่าคุณหญิงลู่จะรู้เรื่องที่เด็กในท้องไม่ใช่ลูกลู่เสวี่ยเฉิน
แต่ถ้ารู้แล้วจะเป็นอย่างไร
ก่อนที่ลู่เสวี่ยเฉินจะแต่งงานก็รู้ทุกอย่างหมดแล้ว
แต่ว่าเรื่องนี้ก็เก็บเป็นความลับอย่างดีแล้วเหวินซินเหมยกับคุณหญิงลู่ทราบเรื่องได้อย่างไร
หรือว่าจะเป็นเพราะเมื่อวาน…
คุณหญิงลู่มองไปที่ท้องโตของหลินจยาอวี่ด้วยความกังวลและทนไม่ไหว
ถึงอย่างไรก็ใกล้คลอดแล้ว ตอนนี้อย่าพึ่งรีบร้อน ตราบใดที่เด็กเกิดมาแล้วให้ไปตรวจดีเอ็นเอก็จะรู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าเป็นลูกใคร
หากหลินจยาอวี่โกหกทุกคน อย่าว่าแต่ให้รอจนถึงคลอดลูกเลย หากเป็นเรื่องจริงตอนนี้ใครก็รอไม่ไหว
เหวินซินเหมยอวดดีเดินไปตะคอกใส่หลินจยาอวี่ “เธอไม่ต้องเสแสร้ง เมื่อกี้นี้ยังดีอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมพอถามถึงเรื่องลูกปุ๊บถึงแกล้งทำเป็นไม่สบายล่ะ เธอนี่เล่นละครเก่งจังเลยนะ”
ลู่เสวี่ยเฉินที่อยู่ในครัวได้ยินเสียงเอะอะก็รีบเดินออกมา เมื่อเห็นเหวินซินเหมย ลู่เสวี่ยเฉินก็มีท่าทีเย็นชาลงทันที เขาปลดผ้ากันเปื้อนออกแล้วโยนทิ้งไว้อีกด้าน “แม่ มาได้ยังไงครับ”
“แม่…” คุณหญิงลู่ที่เห็นลูกชายสวมผ้ากันเปื้อนเมื่อกี้นี้ก็รู้สึกไม่สบายใจ
เธอเลี้ยงลูกมาอย่างยากลำบาก เธอไม่อยากให้ลูกทำอะไรสักอย่าง แล้วนี่มาวิ่งเข้าครัวทำอาหารให้ผู้หญิงสองคนได้ยังไง
“เสวี่ยเฉิน คุณต้องเชื่อฉันนะคะ เมื่อวานฉันได้ยินสองคนนี้คุยกันจริงๆ ว่านั่นไม่ใช่ลูกของคุณ ฉันไม่ได้โกหกคุณนะคะ…”
เหวินซินเหมยพูดยังไม่ทันจบ ลู่เสวี่ยเฉินก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน เขาจ้องเธอด้วยสายตาดำดิ่งเยือกเย็น “ลืมแล้วหรือว่าเมื่อวานผมพูดกับคุณว่าไง ผมบอกว่าอย่าให้ผมได้ยินคุณพูดจาเหลวไหลอีก ไม่งั้นผมไม่ปล่อยให้คุณอยู่สุขสบายแน่”
เหวินซินเหมยดวงตาแดงก่ำ ร้องไห้ด้วยความเปราะบาง “ทำไมคุณถึงเชื่อเธอขนาดนั้น งั้นคุณก็ให้เธอสาบานสิว่าใช่ลูกแท้ๆ ของคุณหรือเปล่า ถ้าหากไม่ใช่ก็ขอให้เด็กตายคาท้องเธอไปเลย”
“หุบปากเดี๋ยวนี้!” ลู่เสวี่ยเฉินมองเหวินซินเหมยด้วยสายตาอาฆาต
นิ้วเขาชี้ไปที่ประตู น้ำเสียงตวาดดังก้องราวกับเคาะระฆังเตือน “รีบไปซะ รีบไสหัวออกไปซะ!”
เมื่อสัมผัสการจ้องมองที่มืดมนของลู่เสวี่ยเฉิน เหวินซินเหมยตัวสั่นเทา เสี่ยวสันหลังอย่างอธิบายไม่ถูกและหวาดกลัว เธอมองไปที่คุณหญิงลู่อีกครั้ง แต่คุณหญิงลู่ไม่ได้รั้งเธอไว้จึงกัดฟันและหันไปด้วยความโกรธก่อนจะทิ้งประโยค “แล้วคุณจะเสียใจแน่นอน ลู่เสวี่ยเฉิน!”
คุณหญิงลู่มีสีหน้าสับสน
ลูกชายปกป้องหลินจยาอวี่ขนาดนี้ เธอยิ่งอึดอักใจ ตบแต่งสะใภ้มาแล้วแต่ลืมคำว่าแม่ก็คงไม่ผิดนัก
แต่ในเมื่อพวกเขามีความสุขดีก็ไม่มีอะไร คนเป็นแม่ก็อยากให้ลูกมีความสุข
แต่ว่าลูกในท้องของหลินจยาอวี่ หากเป็นหลานแท้ๆ ของเธอก็ดี ลูกชายเธอเสียสละแบบนี้ก็สมควรแล้ว
แต่ถ้าสมมติเด็กในท้องของหลินจยาอวี่ไม่ใช่ลูกของลูกชายเธอล่ะ
คงเจ็บปวดใจน่าดู!
เธอยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น “เสวี่ยเฉิน จยาอวี่ วันนี้เธอมาหาแม่ที่บ้านแล้วได้ยินมาว่าเด็กในท้องจยาอวี่ไม่ใช่ลูกของเสวี่ยเฉินแล้วให้แม่มาหาลูกให้ได้ แม่ก็ไม่รู้ทำไงดีก็เลยแวะมาหา ที่จริงก็ไม่มีอะไร ก็แค่อยากถาม
จยาอวี่เองกับปาก แม่เชื่อว่าจยาอวี่ต้องไม่โกหกแม่ เด็กในท้องเป็นลูกเสวี่ยเฉินใช่ไหม”
ตอนที่ 728 จับได้แล้ว! เด็กในท้องเป็นลูกของใคร (8)
คุณหญิงลู่เอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ยังพูดไม่ทันจบสายตาก็มองไปที่หลินจยาอวี่
หลินจยาอวี่รู้สึกผิด หลังของเธอเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อเย็นและมีอาการจิตตก
รู้ดีแก่ใจว่าเธอไม่ได้หลอกลวงลู่เสวี่ยเฉิน เห็นได้ชัดว่าเธอบอกเขาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งสองแต่งงานกันทางนิตินัยเพียงเท่านั้น
อีกทั้งก่อนหน้านี้เธอรู้สึกสบายใจ ถึงแม้จะถูกพ่อแม่จับได้ทีหลัง ต่อให้ต้องพูดความจริงก็ไม่มีอะไรต้องวุ่นวายหรือรู้สึกผิด
แต่เหตุการณ์ตอนนี้กลับตาลปัตรไปหมดแล้ว
ทุกอย่างเป็นเพราะลู่เสวี่นเฉินดีกับเธอ ทำให้เธอเริ่มแคร์เขาและพ่อแม่ของเขามาก และแคร์ว่าถ้าหากความจริงเปิดเผยออกมา พวกเขาจะยุติชีวิตแต่งงานที่น่าอึดอัดเช่นนี้
ไม่รอให้หลินจยาอวี่ได้พูด ลู่เสวี่ยเฉินก็เอ่ยขึ้นมาเสียงดังเสียก่อน “แม่ แม่ถามอะไรเหลวไหลแบบนี้ นี่เป็นลูกของผมแน่นอน”
คุณหญิงลู่มองลูกชายครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองหลินจยาอวี่ “ที่เหวินซินเหมยบอกแบบนี้ก็เพราะเธอไปได้ยินหลินจยาอวี่พูดเองกับปาก ถ้าอย่างนั้นแม่ก็หวังว่าจะได้ยินจยาอวี่บอกแม่เองกับปากเหมือนกัน”
หลินจยาอวี่ไม่อยากพูดโกหก แต่เธอกับลู่เสวี่ยเฉินยังติดสัญญากันอยู่ แน่นอนว่าไม่สามารถบอกความจริงกับคุณหญิงลู่ได้
แต่เธอก็ไม่สามารถโกหกออกไปได้เช่นกัน ความกังวลและตื่นตระหนกพร้อมกันทำให้เธอหนักใจ
เธอขยับปากอยากพูดแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดีแล้วก็ไม่อยากตอบด้วย
เธอยื่นมือประคองเอวของตนเองอย่างทรมานและอ่อนแอพิงพนักโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง
อวี๋กานกานสังเกตถึงความผิดปกติของเธอได้ทันทีแล้วตะลีตะลานเอ่ยถาม “จยาอวี่ เธอเป็นยังไงบ้าง”
“ท้องฉัน…” น้ำเสียงของหลินจยาอวี่ระโหยโรยแรง ใบหน้ายิ่งซีดเซียว เธอมองไปที่ท้องของตนเองรู้สึกเหมือนลูกกำลังจะคลอดจนเจ็บปวดทรมานไปทั้งช่วงท้อง
“ท้องเป็นอะไรเหรอ” ลู่เสวี่ยเฉินรีบเดินเข้าไปหาสีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
คุณหญิงลู่ก็รู้สึกเป็นห่วงบ้างเช่นกัน
แต่นี่ไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ ตอนที่กำลังมายังคุยกับอวี๋กานกานอยู่ดีๆ ไม่ใช่เหรอ
จู่ๆ ก็ปวดท้องขึ้นมา ถ้าสมมติเป็นเรื่องโกหกและนี่คือการเล่นละครตบตา นั่นก็อธิบายได้ว่าเด็กในท้องของเธอไม่ใช่ลูกของเสวี่ยเฉิน
“จยาอวี่ ทำไมจู่ๆ ถึงปวดท้อง เมื่อกี้นี้ยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไปก็ดูเหมือนบ่งบอกว่าหลินจยาอวี่กำลังเสแสร้ง
อวี๋กานกานขมวดคิ้ว “คุณป้าลู่คะ ตั้งครรภ์ช่วงเดือนสุดท้ายอันตรายยิ่งกว่าช่วงสามเดือนแรกอีกนะคะ”
คุณหญิงลู่อับอายเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนไม่รู้จะพูดอะไรดี
หากเป็นลูกของเสวี่ยเฉินก็ถือว่านั่นคือหลานของเธอ ทำไมเธอถึงจะไม่เป็นห่วง
เพียงแต่…
หลินจยาอวี่มองท้องของตัวเองเพราะรู้สึกมีอะไรบางอย่างไหลออกมา เธอจับมือของอวี๋กานกานด้วยความตื่นตระหนกและพูดอย่างตกใจ “กานกาน ทำไงดี ดูเหมือนฉันกำลังจะคลอดแล้ว…”
อวี๋กานกานจับมือเธอแน่นเพื่อตรวจครู่หนึ่ง “น้ำคร่ำแตกแล้ว ต้องคลอดจริงๆ แล้วล่ะ”
ลู่เสวี่ยนเฉินเองก็ตื่นตกใจ “แล้วต้องทำยังไง”
อวี๋กานกานตวาดลั่น “มัวทำอะไรอยู่ รีบไปส่งที่โรงพยาบาลสิ!”
เดิมทีที่ลูกใกล้คลอด หลินจยาอวี่ก็เครียดมากพอแล้ว ตอนนี้ถูกกระทบกระเทือนต้องคลอดก่อนกำหนดอีก
หลังจากผ่านช่วงชุลมุนวุ่นวายแล้วก็ขับรถมายังโรงพยาบาล
ลู่เสวี่ยเฉินเป็นคนขับส่วนคุณหญิงลู่นั่งข้างคนขับ ทั้งสองหันไปมองหลินจยาอวี่ที่เบาะหลังเป็นระยะ ด้วยสีหน้ากังวล
อวี๋กานกานนั่งเป็นเพื่อนหลินจยาอวี่ที่เบาะหลัง หลินจยาอวี่เจ็บท้องคลอดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนทั้งร่างอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงได้แต่นั่งพิงอวี๋กานกาน
ในขณะที่ปลอบโยนหลินจยาอวี่ เธอก็บอกให้ลู่เสวี่ยเฉินขับขี่ระมัดระวัง อย่าเอาแต่หันหลังมามอง ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ